ในปัจจุบันนี้มีแฮ็กเกอร์ที่เป็นอัจฉริยะทางด้านการเจาะระบบและรู้ข้อมูล แนวทางของวิธีการทำงานอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลาเป็นอย่างดี หรือแม้แต่กระทั่งรู้ช่องโหว่ของระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่นั้น เขาเหล่านั้นสามารถที่จะทำการใช้ช่องทางต่างๆ เหล่านั้นในการส่งมัลแวร์ให้เข้ามาอยู่บนอุปกรณ์ของคุณได้ครับ แน่นอนว่ามัลแวร์นั้นก็มีหลากหลายประเภทแยกตามลักษณะการโจมตีกันออกไป แต่การโจมตีที่ไม่ว่าผู้ใช้คนไหนก็ไม่ต้องการนั้นคงเป็นการขโมยเอาข้อมูลการใช้งานต่างๆ บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข้อมูลบัตรเครดิตที่เอาเอาไว้ใช้จ่ายสำหรับซื้อแอปพลิเคชันหรืออื่นๆ ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ของเรา เมื่อแฮ็กเกอร์ได้ข้อมูลนั้นไปอยู่ในมือแล้วพวกเขาสามารถที่จะขโมยเงินของคุณออกไปจากบัญชีได้อย่างสบายเลยทีเดียวครับ
นอกเหนือไปจากนั้นยังมีการโจมตีแบบอื่นๆ อีกครับโดยการโจมตีนั้นก็เป็นการโจมตีผ่านทางเทคโนโลยีที่เป็นมาตรฐานอย่างมากในปัจจุบัน นั่นก็คือเทคโนโลยีเครือข่ายโทรศัพท์พื้นฐานที่เป็นสายครับ เราจะเห็นได้ว่าถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีการใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่กันมาก แต่ทว่าเครือข่ายโทรศัพท์พื้นฐานนั้นก็ยังมีโยงใยไปทั่วโลก และแน่นอนครับว่าเครือข่ายนี้ก็รองรับการใช้งานกับผู้คนเป็นจำนวนพันๆ ล้านคนเลยทีเดียว ซึ่งด้วยปริมาณคนที่มากขนาดนี้ย่อมเป็นแหล่งเหยื่อชั้นดีให้กับทางแฮ็กเกอร์ได้เลือกผู้โชคร้ายครับ กรณีนี้เองที่ New York Times ได้บันทึกไว้ครับ
ในบันทึกนั้นพบว่ามีผู้คน 7 คนถูกเรียกเก็บเงินค่าโทรศัพท์สูงถึง $166,000 หรือประมาณ 5,146,000 บาท ในเวลาเพียงแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยความน่าแปลกใจที่เกิดขึ้นนั้นก็คือถึงแม้ว่าในช่วงเวลาที่ไม่มีใครอยู่ แต่กลับพบข้อมูลการใช้งานเกิดขึ้น ซึ่งนั่นน่าจะมาจากการที่แฮ็กเกอร์ได้ทำการเจาะระบบเข้ามาทางสายโทรศัพท์นั่นเองครับ และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นนั้นแฮ็กเกอร์ก็ใช้การจำลองโทรศัพท์ของสถานที่นั้นโทรออกไปยังต่างประเทศนอกสหรัฐอเมริกา อย่างเช่น Gambia, Somalia, Maldives และที่อื่นๆ อีกมากมาย
สิ่งที่แฮ็กเกอร์จะได้ก็คือการที่แฮ็กเกอร์โทรไปยังเบอร์ต่างๆ เหล่านั้นพวกเขาจะได้ส่วนแบ่งอย่างน้อย $0.24 หรือประมาณ 7.44 บาท ต่อนาทีครับ แน่นอนว่าถ้าโทรเพียงแค่นาทีเดียวนั้นคงไม่มีปัญหาอะไรมากนัก แต่แฮ็กเกอร์มักจะโทรออกทีละหลายๆ นาที ในช่วงเวลาที่ไม่มีคนอยู่(โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่หยุดทำการในวันเสาร์ อาทิตย์ เป็นต้น) ในปี 2012 มีบริษัทเล็กๆ กว่า 26 บริษัทที่โดนแฮ็กเกอร์ใช้วิธีนี้ในการหาเงินโดยแต่ละบริษัทนั้นมีค่าใช้จ่ายเรื่องการโทรออกมากถึง $200,000 หรือประมาณ 6,200,000 บาทเลยทีเดียวครับ
เหตุผลที่เป็นเช่นนี้เพราะเราไว้วางใจในเทคโนโลยีมากจนเกินไปครับ ผู้ก่อตั้ง?TransNexus อย่าง?Jim Dalton ได้กล่าวว่าเมื่อใดก็ตามที่คุณใช้อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ต เมื่อนั้นคุณก็จะต้องเตรียมตัวเตรียมใจพบกับการโจมตีที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไรทันที เพราะนี่ถือได้ว่าเป็นจุดอ่อนจุดหนึ่งของระบบอินเทอร์เน็ตก็ว่าได้ครับ แถมปัญหาใหญ่ก็คือผู้ที่โดนแฮ็กเกอร์ทำแบบนี้มักจะไม่รู้ว่าตัวเองนั้นถูกแฮ็กเกอร์โจมตี ในท้ายที่สุดก็ต้องเสียเงินไปครับ การที่จะจับผู้กระทำผิดนั้นก็เป็นไปด้วยความยากครับ ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะป้องกันเรื่องนี้ก็คือความไม่ประมาทเท่านั้นครับ
ที่มา : bgr