คงได้เห็นกันไปแล้วว่า Apple เปิดตัวชิปใหม่สำหรับเครื่อง Mac ของตัวเอง ในชื่อ M1 ผลิตด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด 5 นาโนเมตร และมีความแรงที่โชว์ให้ดูว่าเหนือกว่าชิป Intel เดิม ๆ ที่เคยใช้ซะด้วย ล่าสุดมีการทดสอบกับโปรแกรม Cinebench R23 ที่เรารู้จัก และใช้งานกันมานานกับการทดสอบประสิทธิภาพชิปบนโน้ตบุ๊ก หรือ PC หลุดออกมาให้ดูเทียบกันกับชิป M1 แล้ว
โปรแแกรมนี้จะไม่เหมือนกับ Geekbench ที่จะมีความซับซ้อนในการคำนวณที่มากกว่า วัดตั้งแต่การทำ Brute Force มีการวัดการทำ Rendering จากตัวชิป ที่ต้องเรียกการทำงานทุก Thread ขึ้นมา
คะแนนชิป M1 ของ Apple นั้น สามารถทำคะแนนแบบ Single-Core ได้ที่ 1498 คะแนน ส่วนชิป x86 ของ AMD ทำได้ที่ 1284 คะแนน ส่วนของ Intel นั้นทำได้ที่ 1538 คะแนน ขึ้นมาเป็นที่ 1 ของตาราง
Apple M1 ประสิทธิภาพดี แต่ยังไม่สามารถทดแทน Intel หรือ AMD ได้ในงานระดับสูง ๆ
ส่วนคะแนนแบบ Multi-Core ผู้ชนะที่ 1 ได้แก่ AMD ด้วยคะแนน 11061 กับชิป Ryzen 9 4900H ผลิตด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตร ตามมาด้วย M1 ของ Apple ที่ได้มา 7508 คะแนน เทียบกับตัวต่ำสุดในตารางของ AMD อย่าง Ryzen 7 Pro 4750U ก็ยังห่างกันกว่า 500 คะแนน ส่วน Intel นั้น กลายเป็นตกไปอยู่ล่างสุดของตารางเลย
นี่ก็น่าจะเป็นตัวแสดงให้เห็นว่า M1 ชิปใหม่นี้ ไม่ได้แรงที่สุดในกลุ่มชิปเครื่องโน้ตบุ๊ก แต่ก็เป็นอีกก้าวที่น่าสนใจมากของ Apple ในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ ไม่ว่าจะเป็นสัญญากับ TSMC ในการผลิตชิปให้ด้วยเทคโนโลยีที่ใหม่ที่สุด ล้ำหน้ากว่าทั้งของ AMD และ Intel ซะอีก และยังเป็นสถาปัตยกรรมแบบ ARM ที่ช่วยเพิ่มผลกำไรให้กับบริษัทได้มากขึ้น โดยที่ไม่ได้เสียประสิทธิภาพในการทำงานของตัวเครื่องไปมากมายนัก
ในการทดสอบนี้ไม่ได้มีชิปในกลุ่มของเครื่อง Desktop เข้ามาด้วย แต่ก็แน่นอนว่ามันจะต้องชนะขาดชิป M1 อย่างแน่นอน เพราะด้วยพื้นฐานของชิปที่ต่างกัน ด้าน x86 ที่มีรอบการทำงานที่สูง ทำงานหนัก ๆ ได้ดี แต่ไม่เอื้ออำนวยกับงานที่ใช้พลังงานน้อย ๆ สักเท่าไหร่นัก ส่วนชิป ARM ก็มีการประหยัดพลังงานที่เหนือกว่า แต่ก็อาจจะไม่สามารถทำงานได้หนักเท่ากับชิป x86 ของ AMD และ Intel ถือว่ายังเป็นกลุ่มตลาดที่ต่างกันอยู่ Apple ยังไม่ได้มีชิปที่่จะเข้ามาทดแทน Intel ได้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์
นอกซะจากว่าเราจะได้เห็นผลงานนวัตกรรมใหม่ ๆ จาก NUVIA ที่เป็นบริษัทด้านการคิดค้นออกแบบ Silicon ใหม่ ๆ อีกเจ้า เอาอะไรใหม่ ๆ ที่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่ง ๆ เดิมนี้มาให้เราเห็นได้
ที่มา: WCCF Tech