![]()
![]()
โปรแกรม Super PI ใช้วิธีการคำนวณค่า PI จากเส้นรอบวง/เส้นผ่านศูนย์กลาง ซึ่งจะได้เป็นค่า 3.14? โดยที่ทศนิยมนั้นเป็นเลขที่ไม่ลงตัวที่มีค่าอนันต์ ดังนั้น เครื่องคอมพิวเตอร์จึงไม่สามารถหยุดการคำนวณได้ ถ้าไม่สั่งให้หยุด โปรแกรม Super PI จะกำหนดเอาไว้ว่าให้คำนวณที่จุดสิ้นสุดตรงไหน เช่น 1M คือ คำนวณที่ทศนิยม 1 ล้านตำแหน่ง โดยแบ่งเป็นช่วง Loop อย่าง PI 1M ใช้ 19 Loop เท่ากับคำนวณ Loop ละ 52632 ตำแหน่ง ต่อ 1 Loop ยิ่งซีพียูมีประสิทธิภาพเท่าไร ยิ่งใช้เวลาคำนวณได้น้อยลง

การคำนวณค่า PI ใช้เวลาไป 16.255 วินาที ทำได้ไม่เลวสำหรับ CPU ตัวนี้
![]()
โปรแกรม Hyper PI ใช้หลักการคำนวณเหมือนกับ Super PI แต่สามารถสั่งให้ทุก Thread ของ CPU คำนวณได้พร้อมกัน


พอลองให้ทดสอบการทำงานพร้อมกันหลาย? Thread ก็มีความล่าช้าเกิดขึ้นให้เห็นเหมือนกับ CPU ที่มี Hyper Threading ตัวอื่น ที่ความเร็วจะลดลงไปเยอะมาก เกือบครึ่งเลยทีเดียว
![]()
โปรแกรม PCMark05 ใช้สำหรับการทดสอบการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ในหลาย ๆ รูปแบบ เช่น การคำนวณทางฟิสิกส์ การเข้ารหัสไฟล์ภาพยนตร์เพื่อสร้างคะแนนเปรียบเทียบประสิทธิภาพออกมา

ลองทดสอบประสิทธิภาพเครื่องรวม ๆ ด้วย PCMark05 ก็สามารถทำคะแนนออกมาได้ทั้งหมด จุดที่ด้อยก็ยังเป็นการ์ดจอนั้นเอง ดูเหมือนว่าโปรแกรมจะไม่ยอมสลับไปใช้การ์ด GeForce ซะด้วย เป็นข้อเสียของระบบอัตโนมัติ
![]()
โปรแกรม 3DMark06 ใช้สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพการประมวลผลของ GPU โดยทดสอบทั้ง High Dynamic Range, Shader Model 3.0 รองรับ CPU ทั้ง Single Core และ Multi Core
ทดสอบที่ความละเอียด 1280 x 768

ลองทดสอบการทำงานด้วย 3DMark06 ก็พบปัญหาเดียวกัน คือ โปรแกรมไม่ยอมสลับไปใช้การ์ด GeForce ทำให้ผลการทดสอบออกมาค่อนข้างน้อยกว่าที่ควรจะทำได้
![]()
โปรแกรม CINEBENCH R 11.5 ใช้ทดสอบการประมวลผลงานสามมิติแบบมืออาชีพที่ต้องใช้งานผ่าน OpenGL โปรแกรมทดสอบทั้งการเรนเดอร์ด้วย CPU และ GPU โดยมีพื้นฐานมาจากโปรแกรม Maxon CINEMA 4D


คะแนนทดสอบของ Cinebench ก็นับว่าพอใช้ทีเดียว เป็นเพราะโปรแกรมสามารถเรียกใช้การ์ดจอแยกได้ ความเร็วก็เลยเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย แต่เครื่องนี้ไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้กับการทำงานหนัก ๆ อย่างสามมิติแบบนี้





