ในช่วงปี 2015 ที่ผ่านมานี้เรื่องราวข่าวคราวของ Microsoft ก็เป็นที่น่าจับตามองอย่างมากตั้งแต่การเผยโฉม Windows 10 รวมถึงการเชิญชวนให้ผู้ใช้หันไปหาระบบปฏิบัติการดังกล่าวให้มากที่สุดแม้ผู้ใช้ของเถื่อนก็เปิดโอกาสดาวน์โหลดได้ฟรีจนกระทั่งล่าสุดเมื่อปลายปี 2015 ที่ผ่านมา Microsoft ก็ได้เปิดตัว Universal Windows Apps และ Universal Windows Platform ที่จะทำให้แอพพลิเคชั่นสามารถเปิดใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์มในเครือ Microsoft ไม่ว่าจะเป็น PC , มือถือ , เครื่องเล่น Xbox One หรือ แว่น Hololens
สำหรับการมาของฟีเจอร์ดังกล่าวนี้ก็จะมีการรวมในส่วนของวีดีโอเกมบนเครื่อง PC ที่มีแนวโน้มว่าจะทำเป็น Universal Windows Apps ไปด้วยซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีแต่ว่าการจะนำเกม PC นำไปเล่นกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ โดยใช้แอพฯเดียวนั้นย่อมจะเกิดปัญหาเชิงเทคนิคตามมาแน่นอนดังนั้นแล้วในบทความนี้จะมาบอกเหตุผลว่าทำไมเกม PC ถึงยังไม่ควรทำเป็น Universal Windows Apps ในตอนนี้
Universal Windows Apps หรือเรียกสั้น ๆ ว่า UWA กับเกม PC ในยุคปัจจุบันถ้าหากจะนำมารวมกันเป็นแอพเดียวเล่นได้ทุกแพลตฟอร์มแล้วนั้นยังถือว่ามีข้อจำกัดอยู่เยอะพอสมควรโดยจะสามารถแบ่งเป็นหัวข้อย่อย ๆ ได้ดังนี้ครับ
ไม่มีโหมดรองรับภาพ Fullscreen
เกมในยุคปัจจุบันมีการแสดงผลในระดับสูงแต่เมื่อแปลงเกมเป็น UWA จะทำให้คุณสมบัติความสามารถแสดงภาพระดับ Fullscreen นั้นไม่ทำงานทันทีแถมการแปลงเป็น UWA เมื่อนำมาเล่นกับหน้าจอที่มีตัวช่วยอย่าง FreeSync จาก AMD ก็จะไม่ทำงานเช่นกันแต่ในส่วนของ G-Sync ของ Nvidia แม้ว่ามันจะทำงานรองรับได้แต่ก็ทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควรและการที่แสดงภาพระดับนั้นไม่ได้ก็จะส่งผลต่อภาพกราฟิกในเกมอย่างมากและทำให้ตัวเกมแสดงผลได้ไม่เต็มที่อีกด้วย
ขาดความสามารถในการทำงานร่วมกัน
การทำงานร่วมกันจัดว่าเป็นสิ่งสำคัญซึ่งการเล่นเกมแบบ UWA บวกกับการใช้โปรแกรมอื่นร่วมกันมักจะแสดงผลได้ไม่ดีนักเพราะมันจะเกิดการทับซ้อนกันอย่างเช่นการใช้โปรแกรมแชทด้วยเสียงซึ่งจะไปทับกับข้อมูลเสียงภายในเกมหรือจะเป็นการบริการทางโซเชี่ยลใน Steam หรือโหมด Big Picture ของ Steam รวมไปถึงการรองรับจอย Steam Controller เกมแบบ UWA ก็จะใช้งานไม่ได้เช่นกันและยังไม่รวมไปถึงกลุ่มเกมเมอร์ที่ทำ SLI ด้วยที่สุดท้ายแล้วพวกเขาจะพบว่าทาง Nvidia ก็ไม่ได้สนับสนุนการปรับแต่งให้เข้ากับ UWA ซึ่งการขาดคววามสามารถการทำงานร่วมกันแบบนี้ทำให้แอพพลิเคชั่นเกมที่ว่ายังมีประโยชน์กับการเล่นเกมไม่มากนัก
มีข้อกำกัดในการใช้ Mod
ก็น่าจะเป็นฝันร้ายของคนที่ชอบ Mod เกมเพราะเกมแบบ UWA จะไม่มีการรองรับการ Mod จากภายนอกเว้นเสียแต่ว่าจะเป็น Mod ของผู้พัฒนาเกมนั้น ๆ ที่ปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการจำพวกเควสเสริม , แผนที่ใหม่ จึงทำให้การ Mod ที่นอกเหนือจากของผู้พัฒนาเกมแล้วก็ไม่มีสิทธิที่จะทำได้และนี่ก็รวมไปถึงการปรับแต่งกราฟิกด้วยเครื่องมืออย่าง Reshade กับ GeDoSaTo ที่จะจำกัดการใช้งานของมันไปด้วย
อุปสรรคเรื่องระบบ Ecosystem
การนำเกมมาทำเป็น UWA นี้ย่อมส่งผลกระทบต่อตลาดซื้อขายเกมแพลตฟอร์มอื่น ๆ อย่าง Steam , GOG ไม่มากก็น้อยแต่ก็คงไม่เท่ากับใน Windows Store เองที่ไม่มีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการซื้อแอพพลิเคชั่นใน Windows Store หรือถ้าหากผู้จัดจำหน่ายเกิดไม่นำตัวแอพพลิเคชั่นมาลงบนสโตร์อีกต่อไปสิ่งที่ผู้เล่นซื้อก็จะหายไปในทันทีซึ่งคงจะไม่ดีแน่ถ้าหากสิ่งที่ว่าเป็นเกม ๆ หนึ่ง นอกจากนี้การอัพเดทปรับปรุงใน Windows Store ก็ยังไม่สม่ำเสมอและล่าช้าอีกต่างหากเหตุนี้จึงทำให้เป็นเรื่องที่ยากลำบากมากถ้าหากนำเกม PC มาในรูปแบบ UWA
การที่ Microsoft ตั้งใจจะนำเกม PC มาทำในรูปแบบ UWA ก็ดูเหมือนจะเป็นกลยุทธ์การตลาดให้คนมาสนใจมากขึ้นซึ่งข้อดีของมันก็คือรองรับได้ในทุกแพลตฟอร์มด้วยแอพพลิเคชั่นตัวเดียวแต่ทั้งนี้ในอนาคตทาง Microsoft เองก็ต้องมีการปรับปรุงแก้ไขส่วนที่บกพร่องอยู่โดยเร็วถ้าหากจะให้ผู้เล่นหันมาสนใจเกมประเภท UWA
อย่างไรก็ตามการที่มาชี้แจงข้อเสียเหล่าก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องการให้ทุกคนซื้อเกมแบบ UWA แต่เพียงแค่บอกกล่าวถึงข้อเสียของการทำแบบนี้ซึ่งอาจจะมีส่วนช่วยในการตัดสินใจไม่มากก็น้อยครับ
ที่มา: PCGAMER