ในเดือนพฤศจิกายนนี้ก็นับว่าเป็นเดือนที่มีเกมออกใหม่วางจำหน่ายเพียบอย่างกับดอกเห็ดซึ่งนอกจากเกมดัง ๆ แล้วบรรดาเกมเล็ก ๆ จากผู้พัฒนาอินดี้ก็ขยันทยอยปล่อยเกมของตนออกมาเช่นกันอย่างเช่นเกม Dispatcher ที่เป็นเกมแนวสยองขวัญผสม RPG เพิ่งวางจำหน่ายไปเมื่อวันศุกร์ 13 ที่ผ่านมาและเกมนี้ก็เป็นที่น่าสังเกตอยู่อย่างหนึ่งคือคะแนนรีวิวสูงมากจากผู้รีวิวประมาณ 200 กว่าคนต่างก็เทคะแนนให้ Dispatcher กันอย่างล้นหลามแต่เมื่อได้ทดลองเล่นเกมนี้ดูก็เกิดคำถามว่าทำไมผู้คนถึงให้คะแนนสูงทั้งที่ตัวเกมหลัก ๆ นั้นแทบจะไม่ได้เรื่องเลย
Dispatcher ก็เป็นเกมแนวสยองขวัญผสมผสานกับความเป็น RPG โดยเนื้อเรื่องหลักของเกมคร่าว ๆ คือผู้เล่นจะรับบทเป็นหนึ่งในลูกเรือบนยานอวกาศที่ถูกกับดักของเอเลี่ยนโจมตีฉะนั้นผู้เล่นจำเป็นจะต้องหลบหนีเอาชีวิตรอดจากฝูงเอเลี่ยนภายในยานอวกาศไปให้ได้ รูปแบบของเกมนั้นก็จะเป็นมุมมองบุคคลที่หนึ่งมีระบบแก้ไขปริศนาเก็บเงินเก็บไอเท็มเพื่ออัพเกรดตัวละครตามประสาเกม RPG ทั่วไปแต่สิ่งหนึ่งที่แปลกตาไปคือผู้เล่นจะไม่มีทางต่อกรกับพวกเอเลี่ยนสิ่งที่ทำได้ก็คือ หนี หนี และ หนีเท่านั้นเอง
และการหลบหนีแบบนี้แหละคือจุดมุ่งหมายหลักของเกม ถึงอย่างนั้นตัวเกมก็มีบางอย่างเหมือนเป็นอุปสรรคมาขัดขวางไม่ให้การหลบหนีของเราสะดวกซึ่งเจ้าอุปสรรคนี้แหละมันเป็นสิ่งที่ทำให้เกมน่าเบื่อและย่ำแย่ไปเลยเช่นในกรณีที่หนีเอเลี่ยนอย่างสุดชีวิตแต่ถ้าเท้าของเราเผลอไปเหยียบแท่นไฟฟ้าอะไรสักอย่างมันจะช็อตเราทันทีและเป็นเวลานานมาก จากนั้นเราก็โดนเอเลี่ยนจัดการในที่สุด ซึ่งตัวเกมไม่มีการบอกรายละเอียดเลยว่าเจ้าแท่นดังกล่าวมันคืออะไรใช้ทำอะไรได้บ้างและยิ่งกว่านั้นแท่นพวกนี้มันมีมากกว่า 1 จุดอีกต่างหากฉะนั้นผู้เล่นใหม่ที่ยังไม่รู้อะไรก็เกิดอาการมึนและงงแบบสุด ๆ แน่นอน
“ปุ่มมรณะโดนเมื่อไหร่ไฟดูดเมื่อนั้น”
เท่านั้นยังไม่พอการสร้างตัวละครก็วิบัติเช่นกันตัวเกมทำเก๋ด้วยการที่ผู้เล่นสามารถเลือกประวัติภูมิหลังของตนเองได้แต่ภูมิหลังที่มีให้เลือกนั้นกลับไม่เข้ากันกับธีมอวกาศสยองขวัญเลยแม้แต่น้อยอย่างเช่น นักดื่มเหล้าตัวยง , คนบ้า , เกมเมอร์ และ นักแสดงหนังโป๊!! ยิ่งกว่านั้นค่าสเตตัสแต่ละอย่างก็ชวนให้น่าเล่นเหลือเกินอย่างถ้าเราเลือกประวัติเป็นคนบ้าค่าสเตตัสทั้งหมดติดลบหมดเลย
“จอมขี้เมาที่มีค่า Speed ตั้ง 6”
“ค่าสเตตัสติดลบหมดเลยแบบนี้ใครจะกล้าเลือก”
อย่างไรก็ตามตัวละครที่เล่นในตอนนี้เลือกเป็นนักแสดงหนังโป๊และนี่คือโฉมหน้าตัวละครหลักของเราครับ
กลับมาในส่วนเกมเพลย์ภายในเกมกันต่อซึ่งในเกมก็สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจและคิดว่า “มีไปเพื่ออะไร” อยู่เต็มไปหมดเมื่อคลิปซ้ายจะเป็นการเก็บไอเท็มหรือเปิดประตูแต่ถ้าหากคลิกขวาเมื่อไหร่นั้นตัวละครของเราก็ยกมือขวาและ “ชูนิ้วกลาง” ใส่ทันทีซึ่งก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าการชูนิ้วกลางใส่มันจะมีผลอะไรกับเอเลี่ยนบ้าง
“แจกของลับได้ด้วย!”
จุดหมายปลายทางของเกมนี้คืออะไรคำตอบที่ได้ก็คือไม่มีครับใน Dispatcher จะปล่อยให้ผู้เล่นวิ่งหนีเอเลี่ยนไปเรื่อย ๆ แม้ว่าจะสำรวจพื้นที่จนสุดทางแล้วก็ไม่มีทางออกใด ๆ และสิ่งสุดท้ายที่ทำได้คือรอคอยความตายจากเอเลี่ยนเท่านั้นเองและนั่นคือภาพรวมทั้งหมดของเกม Dispatcher
จะเห็นได้ว่ารูปแบบเกมเพลย์หรือระบบต่าง ๆ แทบจะธรรมดาและออกไปทางที่แย่เสียด้วยซ้ำซึ่งขัดกับคะแนนรีวิวราวฟ้ากับเหวทีเดียวแต่เมื่อลองสังเกตคำวิจารณ์ของผู้เล่นแต่ละคนก็พบว่าทุกคนชื่นชมในส่วนของบรรยากาศเกมที่ทำออกมาได้ดีและส่วนมากจะวิจารณ์เกมนี้ในเชิงเล่นเพื่อขำขันเท่านั้นไม่ได้จริงจังอะไรนักครับ
ก็อาจจะสรุปได้ว่า Dispatcher เป็นเกมที่เอาไว้เล่นฆ่าเวลาหรือไม่มีอะไรทำก็ว่าได้เพราะเนื้อหาของเกมก็ไม่ได้ซับซ้อนมากมายแถมระบบการเล่นก็พิลึกกึกกือพอสมควรแต่ยังส่วนที่ดีงามตรงที่บรรยากาศในเกมทำให้ชวนหลอนและชวนสะดุ้งได้ดีมากและอาจจะเป็นข้อดีข้อเดียวของเกมนี้ก็ได้แต่ถ้าหากอยากจะลองเกมนี้ก็สามารถเข้าไปซื้อเกมได้ใน Steam ครับไม่แน่ว่าเพื่อน ๆ อาจจะชอบเกมนี้ก็เป็นได้ครับ
ที่มา : Kotaku