แหล่งข่าวได้รายงานว่า หลังจากที่ Windows XP เตรียมปลดระวางอย่างเป็นทางการในเดือน เมษายน 2014?และหยุดพัฒนา security updates บน Windows XP ซึ่งก็อาจจะส่งผลกระทบให้ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค และเดสท็อปมากกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก อาจจะโดนขโมยข้อมูลการเงิน หรือข้อมูลสำคัญๆ ได้ง่ายขึ้น โดยเหล่าแฮกเกอร์อาจจะใช้วิธีดูข้อมูลจากแพตช์ของ Windows 7 และ Windows 8 ซึ่งก็จะดูว่าแพตช์เหล่านั้นทาง Microsoft ได้ออกมาอุดช่องช่องโหว่อะไรไว้บ้าง แล้วก็นำข้อมูลของแพทซ์ที่เป็นช่องโหว่นั้นๆ ไปแฮกบน Windows XP ซะเลย (เพราะ Windows XP หยุดอัพเดทไปแล้ว) โดยที่ผู้ใช้แทบไม่รู้ตัว
?
ลูกค้าระดับองค์กรนั้น ยังคงไม่ตื่นตัวในเรื่อง Windows XP มาก?
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย และการอัพเกรดระบบไอทีหลายคนในสหรัฐอเมริกาก็ลงความเห็นตรงกันว่า ลูกค้าระดับองค์กรนั้น ยังคงไม่ตื่นตัวในเรื่อง Windows XP มาก นักเนื่องจากสาเหตุหลายๆ ประการ เช่น องค์กรไม่นิยมอัพเกรดระบบคอมพิวเตอร์ครั้งใหญ่ทั้งหมด, องค์กรอัพเกรดคอมพิวเตอร์ช้าลงเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย จากเดิมอัพเกรดทุก 4 ปีก็ยืดเป็น 5-6 ปี รวมถึงในบางองค์กรก็ไม่ได้สนใจในระบบคอมพิวเวอร์เลย แต่สนใจในเรื่องของการตลาด และการเพิ่มยอดขายเสียมากกว่า
Windows XP ก็พอจะมีทางเลือกในการลดความเสี่ยงอยู่บ้าง?
ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ยังแนะนำว่าถ้า ผู้ใช้ที่ยังจำเป็นต้องใช้ Windows XP ก็พอจะมีทางเลือกในการลดความเสี่ยงอยู่บ้าง เช่น ตัดการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เหล่านี้จากอินเทอร์เน็ต แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะติดมัลแวร์จากเครือข่ายภายในอยู่ดี ซึ่งอย่างไรก็ดีขอให้ไมโครซอฟท์ประกาศเรื่องนี้ให้ชัดเจนมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าองค์กรต่างๆ ตื่นตัว และตระหนักถึงอันตรายกันมากขึ้น ซึ่งในหน่วยงานของภาครัฐบางแห่งเริ่มตื่นตัวเรื่องนี้บ้างแล้ว เช่น หน่วยงานด้านการเงินในสหรัฐก็เริ่มเตือนธนาคารต่างๆ แล้วว่า ถ้ายังใช้ Windows XP ต่อไปก็มีความเสี่ยงที่ข้อมูลบัตรเครดิตของลูกค้าจะถูกขโมย
ส่วนในประเทศไทยเององกรของรัฐอย่างกระทรวงสาธารณสุข ในกรม และกองต่างๆ ก็หันมาใช้ Windows 7 กันเป็นส่วนใหญ่แล้ว ส่วน Windows Xp ก็มีให้เห็นบ้างแต่เรียกได้ว่าน้อยมากๆ ครับ
ที่มา : Blognone , PC Pro