ผลวิจัยนี้มาจากรายงานของ CNN ครับ โดยกล่าวไว้ว่า คนเล่นเกมกว่า 90% ที่เริ่มเล่นเกมขึ้นมา ไม่สามารถเล่นเกมนั้นจนพบกับฉากจบของเกมได้ ซึ่ง Keith Fuller จาก Activision ก็กล่าวไปในทำนองเดียวกันนั่นคือ นักเล่นเกมสมัยนี้ไม่ค่อยจะได้เห็นฉากจบของเกม เว้นเสียแต่ว่าเขาไปดูใน Youtube !! ซึ่งการวัดอัตราส่วนของการเล่นเกมจบก็ไม่ยากอะไรครับ โดยดูจาก achievement ต่างๆที่ผู้เล่นจะได้รับจากในเกมนั่นเอง เนื่องด้วยเกมส่วนใหญ่ที่มีระบบของ achievement มักจะมี achievement ให้หลังจากเล่นเกมจนจบไปรอบหนึ่งได้ ซึ่งตัวอย่างของเกมที่ใช้วิธีนี้ในการวัดก็คือ Red Dead Redamption จากค่าย Rockstar ผู้สร้าง GTA อันโด่งดัง แต่วิธีการนับ achievement คงนำมาใช้กับในไทยแล้วคงจะคาดเคลื่อนน่าดู เพราะส่วนใหญ่ผู้ที่ซื้อเกมนั้นๆ มักจะเป็นผู้ที่ชอบในเกมนั้น คลั่งในเกมนั้นจริงๆ ถึงกับลงทุนซื้อมา และแน่นอนว่าจะต้องสามารถจบเกมได้เพื่อให้คุ้มกับค่าแผ่นอย่างแน่นอน
ซึ่งสาเหตุหนึ่งก็คืออายุเฉลี่ยของนักเล่นเกมที่สูงขึ้น ล่าสุดอยู่ที่ 37 ปี (คาดว่าจะมีผู้ที่มาจากช่วงเกมกำลังโด่งดังเป็นพลุแตก ที่ยังคงเล่นเกมอยู่ในปัจจุบันมาช่วยเพิ่มค่าอายุเฉลี่ยขึ้นไป) และสภาพสังคมในปัจจุบันที่แต่ละคนต้องมีความรับผิดชอบในหน้าที่การงานเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีเวลาเล่นเกมได้น้อยลง การจะเคลียร์เกมซักเกมหนึ่งจึงเป็นเรื่องที่ยากกว่าที่แล้วๆมา ทำให้เหล่านักพัฒนาเกมต้องเปลี่ยนแนวทางมาสร้างเกมที่สั้นลง เรียนรู้การเล่นได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงการใช้ภาพหรือกราฟิกที่ตื่นตาตื่นใจในการดึงดูดนักเล่นเกมเข้ามาเล่นเกมของตน มากกว่าจะไปเน้นเรื่องของระบบการเล่นอย่างแต่ก่อน ดังจะเห็นได้จากเรายกย่องเกมในสมัยก่อนว่าระบบเทพอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ถ้ามาพูดถึงเกมในปัจจุบันเราจะพูดกันถึงภาพสวยอย่างนั้นอย่างนี้ซะมากกว่า
ซึ่งถ้าย้อนกลับมาดูสาเหตุที่ทำให้คนเล่นเกมเกมนึงได้จนจบน้อยลง ก็คงหนีไม่พ้น Internet ที่มีความเร็วสูงที่ก็มีส่วนไม่น้อยทีเดียว ทั้งในแง่ของการสามารถดาวน์โหลดเกมมาเล่นได้ง่าย (นับในกรณีของ Steam ที่เป็นการซื้อและโหลดอย่างถูกกฏหมายเท่านั้นนะครับ การดาวน์โหลดตามเว็บกุ๊ก กุ๊ก กู๋ ทั้งหลายนั้นมันของตายตัวอยู่แล้ว) ทำให้เมื่อเบื่อเกมนึง ก็ไปซื้อและโหลดเกมใหม่มาเล่นได้อย่างรวดเร็ว ต่างจากแต่ก่อนที่ต้องไปซื้อเกมเป็นกล่องๆมา แล้วก็ยัดแผ่นลงเครื่อง ซึ่งวิธีนี้ก็ยังคงใช้กันอยู่ในปัจจุบัน แต่ก็เริ่มถูกกระแส digital มากลบลงไปเรื่อยๆ จนค่ายเกมต้องหาของยั่วตายั่วใจให้คนมาซื้อของแท้กันมากขึ้น เช่นการแจกของแถม หรือ item พิเศษในเกม เป็นต้น ส่วนอีกผลลัพธ์หนึ่งของการมาถึงของ Internet ความเร็วสูงคือ การที่คนหันหลังออกจากเกม แล้วหันหน้าเข้าสู่โลกออนไลน์ Social network แทน โดยเฉพาะการได้พูดคุยกับผู้อื่นก็ไปลดเวลาในการเล่นเกมลงได้มากพอสมควรทีเดียว
ทำให้ค่ายเกมต้องงัดกลยุทธ์มาใช้ หนึ่งในนั้นที่เหล่าค่ายเกมนำมาใช้ปิดจุดอ่อนของความสั้นของตัวเกม ก็คือ DLC หรือตัวเสริมของเกมนั่นเอง ทำให้คนที่เล่นตัวเกมหลักจบไปแล้วสามารถหาซื้อมาเพื่อเล่นต่อจากเดิมได้ ดังจะเห็นได้ชัดในเกม Borderland ที่ออก DLC เสริมมาหลายตัวทีเดียว แถมยังมีการเพิ่มระดับความยากขึ้นในแต่ละรอบที่โหลดเซฟขึ้นมาเริ่มเกมรอบใหม่ ก็ถือว่าเป็นการสร้างความท้าทายให้กับผู้เล่นได้ไม่น้อย เว้นเสียแต่ว่าจะเบื่อไปซะก่อน แต่กว่าจะเบื่อ ทางผู้ผลิตเกมก็กินเงินจากค่าเกม ค่า DLC ไปจนคุ้มแล้วล่ะครับ
ซึ่งจากโมเดลการสร้างเกมแบบสั้น + DLC เช่นนี้ เราคงจะได้เห็นกันไปอีกนานเลยทีเดียว เพราะในปัจจุบันหาได้ยากที่คนจะมาเล่นเกมยาวๆเกมเดียวที่ต้องใช้เวลาในการเล่นหลายสิบหรืออาจจะถึงหลักร้อยชั่วโมงกว่าจะจบ นอกเสียจากว่าเกมนั้นมันมีอะไรน่าดึงดูดใจ หรือที่เรียกว่าเสน่ห์ของเกมที่ดีจริงๆ อันนั้นก็เป็นข้อยกเว้น
หรืออีกกลยุทธ์หนึ่งที่ผู้ผลิตเกมนำมาใช้ในปัจจุบันก็คือการเล่นร่วมกันกับเพื่อนในแบบ co-op ที่ดูจะเป็นที่นิยมมากขึ้น ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่คนใช้โน๊ตบุ๊คมากขึ้น แถมเครื่องเดี๋ยวนี้ก็แรงพอจะเล่นเกมนอกบ้านได้สบายๆ ทำให้เราจะได้เห็นการแบกคอมไปเล่นที่บ้านเพื่อนได้บ่อยๆ (ผมก็เป็น) ทำให้เกิดการเล่นเกมแบบ co-op ได้ง่าย แถมในโหมดประเภทนี้ก็ยังมีอะไรที่ดึงดูดใจคนเล่นได้ดีกว่าโหมดธรรมดาเสียด้วย ไม่ว่าจะมาจากในเกม หรือมาจากนอกเกม เช่นการทับถมกันระหว่างเพื่อนเล่นเกมด้วยกันเอง เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ก็กลายเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้เหล่าเกมเมอร์อยู่กับเกมหนึ่งๆได้นานขึ้น
สำหรับค่ายเกมที่เข้าใจจับจุดคนเล่นเกมได้ดี ส่วนตัวผมว่าคือ Popcap เลยครับ เพราะเกมของค่ายนี้จะออกเป็นแนว Casual ที่เล่นได้เพลินๆ คอมไม่ต้องแรงก็เล่นได้ แถมมีพลังดึงดูดคนเล่นให้จมกับเกมได้ไม่น้อยเลย นอกจากนี้ระบบการเล่นก็ไม่ซับซ้อน ทำให้สามารถตีตลาดนักเล่นเกมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับกลุ่มเด็ก สตรี และผู้สูงอายุที่ยังมีคำว่าเกมในหัวใจ หรือแม้แต่กระทั่งกลุ่มผู้ที่เล่นเกมหนักๆ คงหาได้น้อยที่จะบอกว่าตนเองไม่เคยเล่นเกม Casual หรือเล่นในเวลาชิวๆ มาก่อน ซึ่งด้วยความที่ Popcap สามารถตีตลาดแตกได้อย่างชาญฉลาด ทำให้ EA จัดการดึง Popcap เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตนซะเลย ก็ต้องมาคอยดูกันว่า EA จะทำอย่างไรต่อไปกับตลาดของ Popcap
แล้วเพื่อนๆละครับ มีใครเป็น 1 ใน 90% หรือใครเป็น 1 ใน 10% บ้าง ยกมือหน่อย ^^ แต่จะเล่นเกมยังไง ก็อย่าเล่นติดต่อกันนานจนเกินไปนะครับ เล่นแต่พอดีๆ รักษาสุขภาพของเราไว้ดีกว่า
จุดเริ่มต้นของบทความ : Gamesradar