หลังจากเปิดผลทดสอบของ Geforce RTX 3080 ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ก็มักจะมีหลายคำถามของหลายท่านตามมาต่างๆน่าๆเช่น ใช้ซีพียูรุ่นใหนดี ใช้ PSU ขนาดเท่าไรจะเหมาะ มีตัวไหนขายบ้าง และมันจะของขาดแบบนี้อีกนานไหม สาระพัดคำถามที่ทีมงานขอมาไขคำตอบให้
ก่อนอ่านอยากให้เพื่อนๆได้อ่านรีวิว NVIDIA GeForce RTX 3080 การ์ดจอแห่งอนาคต ให้เห็นถึงประสิทธิภาพความแรงกันก่อน และทีมงานจะพาไปพบกับคำตอบที่หลายท่านสงสัยเกี่ยวกับ Geforce RTX 3080
Power Supply ที่แนะนำ
Geforce RTX 3080 กินไฟสูงสุดตามสเปคที่ 320W แล้ว เพราะฉะนั้น PSU ที่แนะนำไม่ควรต่ำกว่า 650W หรือถ้ามากกว่าได้ก็ดี ยิ่งสเปคแรงยิ่งต้องใช้ PSU มากขึ้น อย่างชุดที่ทีมงานทดสอบเป็น Core i9-10900K + RAM 32 GB 2 แถว ,SSD 2 ลูก พัดลมอีก 2 ตัว ระบายความร้อนให้ซีพียู ทีมงานใช้ PSU ขนาด 850W ก็ยังถือว่าเหลือๆสบายๆ
จากการประเมิณผมแนะนำว่าสัก 750W กำลังดี ไม่มากไปไม่น้อยไป เผื่ออุปกรณ์อื่นเช่นพัดลมชุดน้ำได้อยู่ แต่ถ้าเป็นชุดน้ำเปิดพัดลมหลายตัว หรือไฟ RGB มากมาย ผมแนะนำ 850W ขึ้นไปจะดีกว่า
ซีพียูที่แนะนำ
ทีมงานทดสอบกับซีพียู Core i9-10900K การ์ดจอทำงาน 100% ซีพียูจะแกว่งอยู่ราวๆ 40 – 60% เพราะฉะนั้นถ้าลดซีพียูลงเป็น Core i7 หรือ Ryzen 7 ก็ขับได้สบายๆ หรือจะลดลงไปอีกเป็น Core i5 หรือ Ryzen 5 ผมแนะนำเป็นพวกรหัส X หรือ K แบบอันคล๊อคจะสามารถทำงานร่วมกันได้แน่นอน แต่ถ้าเป็นรุ่นปรกติคิดว่าพอขับไหว แต่เกรงว่าซีพียูอาจจะทำงานหนักจนเกินไป
ความแรงที่แท้จริง
NVIDIA เคลมความแรงของ Geforce RTX 3080 สูงกว่ารุ่นก่อนถึงราว 90% แต่เมื่อทีมงานทดสอบแล้ว เน้นเฉพาะการเล่นเกม Geforce RTX 3080 จะมีเฟรมเรทที่สูงกว่า RTX 2080 Ti อยู่ราวๆ 30 – 40% หรือบางเกมอาจจะทำเฟรมได้สูงถึง 3-4 เท่าเลย และเื่อเทียบกับ RTX 2080 จะอยู่ที่ราว 60-70% แต่ด้วยราคาค่าตัวที่เปิดมาเท่า RTX 2080 แต่แรงกว่า RTX 2080Ti แม้จะไม่เท่าที่คุยไว้ แต่ผมว่าแค่นี้มันก็แรงเกินคุ้มแล้ว
Geforce RTX 3080 Founders Edition จะมีขายในบ้านเราไหม
เรียกได้ว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่การ์ดแบบ Founders Edition ที่ NVIDIA ผลิตจะวางจำหน่ายในบ้านเรา ส่วนหนึ่งมาจากกำลังการผลิตที่ไม่สูงมาก เน้นขายแค่ในบางประเทศ และที่สำคัญเลยคือไม่อยากเข้ามาตีกับผู้ผลิตอื่นๆ เพราะเป้าหมายของ NVIDIA คือการผลิตชิปขาย ไม่ได้ต้องการขายการ์ดจอเองเสียทีเดียว (การ์ดแบบ Founders Edition เหมือนเป็นแนวทางการพัฒนาให้ผู้ผลิตอื่นๆมากกว่า เช่นลดขนาดการ์ดลง หรือภาคจ่ายไฟแบบใหม่)
DLSS 2.0 ช่วยได้จริงไหม
ต้องยอมรับว่า Geforce RTX 3080 เหมือนการ์ดซีรีย์ RTX ที่ผลิตมาเสร็จแล้ว เพราะออปชั่นหลายอย่างในรุ่นแรกที่อาจจะใช้ไม่ได้เต็มประสิทะิภาพนัก แต่มาใน Geforce RTX 3080 สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพอย่าง DLSS 2.0 ฟังค์ชั่น AI ที่ NVIDIA พัฒนาเป็นเวอร์ชั่น 2 ช่วยให้เกมสามารถทำเฟรมเรทได้สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากปรกติอยู่ที่ 100 FPS เมื่อเปิดโหมด Performance สามารถทำไปได้ถึง 160 FPS หรือในโหมด Quality ก็ยังสามารถรีดเฟรมได้ถึงระดับ 130 FPS และยังช่วยเพิ่มความคมชัดภายในเกมอีกด้วย แต่ต้องเป็นเกมที่รองรับเท่านั้น พร้อมความละเอียด 4K ด้วยนะ
เล่นที่ Full HD หรือ 4K แบบไหนคุ้มกว่า
ถ้าคุณต้องการเล่นเกมที่ความละเอียดสูงถึงระดับ 4K เน้นความละเอียดสูง Geforce RTX 3080 คือคำตอบ บอกได้เลยว่าปรับสุด 4K ได้ทุกเกม ลื่นๆ เนียนๆ เป็นการ์ดจอเล่นเกมเพื่อ 4K ที่ดีที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้ แต่ถ้าไม่ได้เล่นถึงความละเอียด 4K อาจจะแค่ Full HD ผมว่า Geforce RTX 3080 อาจจะเกินความจำเป็นไปหน่อย เพราะแม้จะรีดเฟรมเรทได้สูง แต่มันก็เกินที่เราจะรู้สึกได้ไปแล้ว (ยกเว้นจะเอาไปขิงเพื่อนอะนะ) อาจจะลดสเปคลงไปเล่นพวก RTX 2070 ,2080 หรือเอาเงินไปลงส่วนอื่นก่อนรอการมาถึงของ RTX 3070 จะดูคุ้มค่ากว่านะ
ของขาดอีกนานไหม
Geforce RTX 3080 ทั้งการ์ด FE ในต่างประเทศ และการ์ด Custom ทั่วโลกของขาดหนักมาก ที่มาจากปัยหาหลายส่วนแต่หลักๆมาจากกำลังการผิตชิปของ NVIDIA ที่ยังไม่สามารถผลิตออกมาได้เต็มที่นัก ความต้องการของทั้งโลกที่มีอยู่สูงมีเท่าไรก็ซื้อกันหมด เพราะผลทดสอบแสดงให้เห็นว่ามันแรงกว่ารุ่นก่อนจริง คาดการว่าช่วงกลางเดือนหน้าหลังกำหนดการวางขายของ RTX 3070 น่าจะเริ่มดีขึ้น (เพราะคนรอ RTX 3070 มากกว่า 5555) เอาเป็นว่าใจเย็นๆนะครับ เดี๋ยวมีเข้ามาอีกเรื่อยๆแน่นอน
“เพื่อนๆท่านไหนมีคำถามเพิ่ม สงสัยอะไร สอบถามกันเข้ามาได้เลย เดี๋ยวทีมงานจะหาคำตอบมาให้อีกจ้า”