THE 84 BIGGEST FLOPS, FAILS, AND DEAD DREAMS OF THE DECADE IN TECH
หลังจากที่เราได้เห็นอันดับที่ 84 – 73 ไปแล้วนั้น ในบทความนี้เราจะขอต่อเนื่องกับอีก 12 อันดับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่หายสาบสูญไปในช่วงทศวรรษที่ 2010 ที่ผ่านมา ซึ่งต้องขอบอกเลยว่ายิ่งเรานับถอยหลังเข้าสู่อันดับน้อยๆ ลงเท่าไรแล้วนั้น สิ่งที่จะปรากฎให้เราเห็นต่างก็น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากจะย่าสนใจแล้วนั้นบอกได้เลยว่ายิ่งนับถอยหลังไปเท่าไรสิ่งต่างๆ เหล่านั้นก็ยิ่งใกล้ตัวเราๆ ท่านๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ จนทุกท่านนั้นต้องร้องว้าวกันเลยทีเดียว ว่าแล้วอีก 12 อันดับต่อจากนี้จะมีอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันเลย
72. PONO
ในช่วงทศวรรษ 2010 ที่ผ่านมานั้นคงต้องยอมรับกันจริงๆ ว่าเป็นช่วงยุคทองของการฟังเพลงแบบดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับไฟล์นามสกุล MP3 นั้นถือว่าเป็นที่นิยมกันในวงกว้าง นอกไปจากนั้นแล้ว iTunes ของทาง Apple เองก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ทว่าสิ่งหนึ่งที่การฟังเพลงดิจิทัลนั้นไม่สามารถที่จะสู้กับการฟังเพลงแบบเก่าแบบ CD ได้นั่นก็คือความคมชัดและคุณภาพของเสียงที่ต้องยอมรับว่าเพลงที่มาในรูปแบบ CD นั้นมีคุณภาพของเสียงที่ดีกว่าไฟล์ดิจิทัลเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามในปี 2012 นั้นมีชายนาม Neil Young ได้พยายามทลายข้อจำกัดดังกล่าวด้วยการเปิดตัวเครื่องเล่นเพลงที่มีชื่อว่า Pono ซึ่งตามคำโฆษณาของ Young เองนั้นได้บอกเอาไว้ว่าเจ้า Pono ให้คุณภาพของเสียงในระดับ HiFi เลยทีเดียว
ในช่วงของการเปิดตัวเพื่อหาเงินทุนนั้น Pono ถือว่าทำได้อย่างดีมากๆ เพราะมันสามารถรวมทุนในการผลิตจริงได้มากถึง $6 ล้านเลยทีเดียว หลังจากที่มีการพัฒนาอย่างเป็นทางการแล้วนั้นในปี 2015 ที่ผ่านมา Pono ก็ออกวางจำหน่ีายอย่างเป็นทางการ ทว่าในการเปิดตัวและวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการนั้นถือได้ว่าล่มกันเลยทีเดียวด้วยดีไซน์ที่เรียกได้ว่าไม่ดึงดูดกับตัวเครื่องที่ดูไม่เท่ห์เอาเลยแถมการมาพร้อมกับสีเหลืองนั้นก็ดูแล้วไม่ค่อยที่จะตีตลาดมากเท่าไรนัก อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นสิ่งหนึ่งที่ Pono สามารถที่จะทำได้จริงๆ ตามที่ให้สัญญาเอาไว้ก็คือคุณภาพของเสียงที่ต้องบอกว่าดีเอามากๆ ทว่าตอนที่มันเปิดตัวออกมาก็ช้าไปเสียแล้วเพราะทาง Amazon เองก็ได้มีการเปิดตัวบริการสตรีมมิ่งเพลงที่มาพร้อมกับการสตรีมมิ่งเพลงในระบบเสียงแบบ HiFi แถมยังมาพร้อมกับการสมัครสมาชิกในรูปแบบ Unlimited อีก ทำให้ยอดจำหน่ายของ Pono นั้นล้มไม่เป็นท่าและในที่สุดก็หายไปจากตลาดอย่างเป็นทางการ
71. THE GOOGLE BARGE
ในช่วงทศวรรตที่ผ่านมานั้นทาง Google ได้มีการทำอะไรแปลกๆ ให้ผู้คนเกิดความสงสัยอย่างมากมาย สิ่งหนึ่งที่แปลกมาๆ ก็คือโป๊ะเรือลอยน้ำจำนวน 4 ลำที่บนโป๊ะนั้นเหมือนกับมีการสร้างบางสิ่งบางอย่างอยู่ โดยโป๊ะเรือดังกล่าวนี้นั้นลายอยู่แถวๆ ชายฝั่งของเมือง San Francisco สิ่งที่อยู่บนโป๊ะเรือนั้นถือได้ว่าเป็นความลับอย่างยิ่งเนื่องจากทาง Google เองนั้นไม่ได้บอกอะไรกับผู้คนเลยว่าสรุปแล้วในนั้นมีอะไรซ่อนเอาไว้ หลายๆ คนต่างเดากันไปต่างๆ นาๆ ว่าโป๊ะเรือดังกล่าวนั้นเป็นโป๊ะเรือที่ทาง Google เตรียมเอาไว้เพื่อที่จะใช้งานในการสร้างสถานที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่อะไรสักอย่าง ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นกลับกลายเป็นว่าภายในโป๊ะเรือดังกล่าวกลับมีแต่ถึงน้ำมันรวมกันแล้วอยู่ที่ 5,000 แกลลอน ซึ่งทาง Google เองก็ต้องนำออกจากชายฝั่งไปเนื่องจากว่าทาง Google เองนั้นไม่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการในการใช้โป๊ะเรือดังกล่าวจากทาง San Francisco
70. FAKE AI
AI หรือปัญญาประดิษฐ์เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีการพัฒนากันอย่างกว้างขวางในทศวรรษที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นด้วยความที่บริษัทผู้ผลิตๆ หลายๆ บริษัทพยายามที่จะโฆษณาว่าผลิตภัณฑ์ของพวกเขามาพร้อมกับระบบ AI เพื่อที่จะทำให้เกิดความน่าสนใจมากขึ้นนั้นกับกลายเป็นว่าในความจริงแล้วนั้นสิ่งที่มาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่ได้เป็น AI อย่างแท้จริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแปรงสีฟันจากทาง Kolibree ที่หากจะพูดกันแบบตรงๆ แล้วนั้นเมื่อแกะโค๊ดของ AI ที่อยู่บนผลิตภัณฑ์ดังกล่าวออกมาดูนั้นมันกลับกลายเป็นเพียงการเขียนโปรแกรมในรูปแบบการใช้เงื่อไขเท่านั้น(IF-Then-Else) แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่ใช่ผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่มีการโฆษณาว่ามาพร้อมกับ AI เพราะทางบริษัทยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่โฆษณาว่ามาพร้อมกับ AI อีกไม่ว่าจะเป็นเตียงนอน, นาฬิกาปลุกหรือกระทั่งเครื่องล้างจานอัตโนมัติ ถึงจะเป็นเช่นนั้นทว่าทางบริษัทก็สามารถที่จะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไปได้อย่างมากเลยทีเดียว
69. SAMSUNG’S GALAXY FOLD
ในทศวรรษที่ผ่านมานั้นเราได้ยินกันมาทุกปีว่าทางผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเตรียมที่จะทำการเปิดตัวสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับหน้าจอที่สามารถพับได้ ซึ่งในปี 2019 ที่ผ่านมานี้เองนั้นเราก็ได้เห็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับหน้าจอที่สามารถพับได้จริงๆ ออกมาขายจากผู้ผลิตหลายราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเจ้าตลาดอย่าง Samsung กับการเปิดตัว Galaxy Fold ที่ตอนแรกนั้นได้รับเสียงตอบรับไปในทิศทางที่ดีเป็นอย่างมาก ทว่าหลังจากที่มีการวางจำหน่ายจริงนั้นกลับกลายเป็นว่า Galaxy Fold นั้นเกิดปัญหาในการใช้งานอย่างหนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับส่วนที่เป็นฝาพับที่ไม่แข็งแรงทำให้ทาง Samsung เองต้องรีบเรียกกลับมาเป็นการใหญ่และหยุดวางจำหน่ายไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตามหลังจากที่ทาง Samsung นำ Galaxy Fold กลับไปแก้ไขแล้ววางจำหน่ายอีกครั้งหนึ่งนั้นมันก็ยังคงได้รับเสียงตอบรับที่ค่อนข้างจะดีอยู่ดีแต่ความเสียหายทางด้านชื่อเสียงนั้นก็เกิดขึ้นจนไม่สามารถที่จะทำการแก้ไขได้แล้ว
68. ARSENIC LIFE
เรื่องหน้าแตกของ NASA นั้นจริงๆ แล้วมีอยู่ค่อนข้างที่จะมากเลยทีเดียว ด้วยความที่ทาง NASA นั้นเกี่ยวข้องกับวัฒจักรของจักรวาลอันแสนยิ่งใหญ่ซึ่งมีเพียงไม่กี่องค์กรมากนักที่จะได้ออกไปสัมผัสกันอย่างจริงจัง ทว่าในทศวรรษที่ผ่านมานั้นเรื่องที่หน้าแตกมากที่สุดของทาง NASA คงหนีไม่พ้นการประกาศการค้นพบสารหนูที่มีชีวิตในช่วงปี 2010 ซึ่งสารหนูดังกล่าวนั้นถูกค้นพบอยู่ที่ California โดยทาง NASA ประกาศว่าเจ้าสิ่งนี้นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เหมือนกับในโลกของเราเนื่องจากว่ามันมาพร้อมกับสารหนูในการดำรงชีวิตแต่สิ่งมีชีวิตบนโลกเรานั้นจะมีฟอสฟอรัสเป็นพื้นฐาน แน่นอนว่าการประกาศดังกล่าวนั้นได้สร้างความน่าตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับวงการชีววิทยา
อย่างไรก็ํตามแต่แล้วนั้นหลังจากที่มีการศึกษาอย่างจริงจังของนักชีววิทยากลับกลายเป็นว่าสิ่งที่ NASA แจ้งต่อโลกนั้นไม่ใช่เรื่องของจริง โดยในปี 2012 นั้นทางนักชีววิทยาที่ทำการทดสอบกับสิ่งมีชีวิตดังกล่าวนั้นพบว่ามันเป็นเพียงแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ใน Mono Lake ซึ่งทะเลสาบดังกล่าวนี้นั้นเป็นทะเลสาบที่เต็มไปด้วยสารหนูปะปนอยู่มากมายเท่านั้นและจากการศึกษาลึกลงไปนั้นเจ้าแบคทีเรียดังกล่าวก็ยังคงมีองค์ประกอบเป็นฟอสฟอรัสเป็นพื้นฐานอยู่ดีดังนั้นแล้วมันจึงไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจากต่างดาวแต่อย่างใด
67. VR MOVIES
อุปกรณ์สำหรับสร้างภาพเสมือนจริงนั้นเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในช่วงทศวรรษ 2010 ที่ผ่านมา โดยถึงแม้ว่าตัวอุปกรณ์เองนั้นจะยังคงมีราคาที่ค่อนข้างแพงอยู่แต่ก็ไม่สามารถปฎิเสธได้เลยว่ามีผู้ใช้หลายท่านที่ได้ครอบครองเจ้าอุปกรณ์ดังกล่าวนี้กันอยู่(ถึงแม้ว่าบริษัทผู้ผลิตเองจะออกมายอมรับว่าในทศวรรษที่ผ่านมานี้นั้นเป็นช่วงเริ่มต้นของเทคโนโลยีการสร้างภาพเสมือนจริงหรือ VR เองก็ตาม) จะว่าไปแล้วนั้นในส่วนของการเล่นเกมอุปกรณ์สร้างภาพเสมือนจริงสามารถที่จะทำได้ดีอย่างไม่มีปัญหา ทว่ากลับกันแล้วนั้นการใช้อุปกรณ์สร้างภาพเสมือนจริงเพื่อเข้าถึงสื่อในรูปแบบวีดีโอไม่ว่าจะเป็นคลิปหรือภาพยนตร์กลับกลายเป็นเหมือนกับหนังคนละม้วนกับเกมเลยทีเดียว
ด้วยความที่อุปกรณ์สร้างภาพเสมือนจริงนั้นในการใช้งานจำเป็นจะต้องมีพื้นที่ในการใช้งานในระดับหนึ่งทำให้ในการดูสื่อวีดีโอผ่านทางอุปกรณ์สำหรับสร้างภาพเสมือนจริงนั้นไม่เป็นไปตามอย่างที่ผู้ผลิตสื่อได้เคยหวังกันเอาไว้เนื่องจากว่ามันใช้งานได้ยากเป็นอย่างมากแถมการที่จะให้ผู้ใช้สามารถที่จะดูสื่อวีดีโอได้ครบทั้งมุมมองหรือ 360 องศานั้นกลายเป็นเรื่องที่ยากยิ่งเข้าไปใหญ่ นอกเหนือไปจากความยากในการเสพสื่อวีดีโอแบบเสมือนจริงแบบ 360 องศาแล้วนั้น การผลิตสื่อวีดีโอแบบ 360 องศากลายเป็นงานใหญ่ที่ต้องใช้งบประมาณเป็นอย่างมากซึ่งทำให้ในท้ายที่สุดนั้นทางผู้ผลิตก็ยอมแพ้ไปโดยปริยาย ทว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วนั้นเชื่อได้ว่าสื่อแบบ 360 องศาเสมือนจริงจะต้องกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน
66. GOOGLE+
อย่างที่เราได้เห็นกันไปแล้วทั้งในตอนที่ 1 ของบทความนี้และในบทความนี้ก็เช่นเดียวกัน Google นั้นมีผลิตภัณฑ์มากมายที่กำเนิดในทศวรรษ 2010 ที่ผ่านมานี้และก็ไม่ประสบความสำเร็จเอาเสียเลยเยอะมากจริงๆ ที่น่าเสียดายเป็นที่สุดนั้นคงเป็นสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Google+ ที่ในตอนเริ่มต้นนั้นคงต้องยอมรับจริงๆ ว่าเจ้า Google+ นั้นน่าใช้งานเป็นอย่างมากเพราะมันสามารถที่จะลิงค์โดยตรงกับบัญชีผู้ใช้ Google ได้แบบสบายๆ แต่ด้วยความที่เปิดตัวออกมาช้ากว่า Facebook (เปิดตัวในช่วงปี 2011) แถมการใช้งานนั้นแทบจะไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจาก Facebook เลยทำให้ผู้ที่ใช้ทั้ง Facebook และ Google+ เลือกที่จะยังคงอยู่กับ Facebook มากกว่า
และด้วยความจริงที่กล่าวไปแล้วว่าในการใช้งาน Google+ เพียงแค่คุณมีบัญชีผู้ใช้ Google อยู่แล้วก็สามารถที่จะใช้งานได้ ทำให้ในช่วงแรกๆ นั้น Google+ เองมีจำนวนผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก ทว่าหลังจากที่ทาง Google นั้นได้ออกนโยบายให้ผู้ใช้ Google+ จะต้องใช้ชื่อและนามสกุลของตัวเองจริงๆ เท่านั้นเลยทำให้จำนวนผู้ใช้งาน Google+ ในการแชร์ข้อมูลต่างๆ ลดลงเป็นอย่างมาก จนในที่สุดนั้นจำนวนผู้ใช้ Google+ เองแทบจะกลายเป็นหยุดนิ่งและค่อยๆ ลดลงตามลำดับ ในที่สุดแล้วทาง Google เองก็ยอมแพ้และได้ทำการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนตุลาคม 2018 ว่าทาง Google จะปิดบริการ Google+ อย่างเป็นทางการซึ่งนั่นทำให้สุสานของ Google นั้นมีหลุมศพเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งหลุมนั่นเอง
65. THE ATTEMPT TO PHASE OUT INCANDESCENT LIGHT BULBS
จะว่าไปแล้วนั้นหลอดไฟแบบมีหลอดไส้นั้นถือได้ว่ามีระยะเวลากำเนิดและนิยมใช้งานกันมาอย่างยาวนาน ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปจนกระทั่งเรามีเทคโนโลยีหลอดไฟใหม่ๆ เข้ามาแทนที่นั้นก็ทำให้หลอดไฟแบบมีไส้เริ่มที่จะมีการใช้งานลดลงเป็นอย่างมาก สาเหตุหนึ่งที่ทำให้หลอดไฟแบบมีไส้ไม่ได้ไปต่อนั่นก็คือเมื่อเทียบกับหลอดไฟในรูปแบบใหม่แล้วนั้นมันใช้พลังงานไฟฟ้าเปลืองกว่าเป็นอย่างมากและอายุการใช้งานนั้นก็น้อยกว่าหลอดไฟ LED แบบใหม่ด้วยอีกต่างหาก ล่าสุดทางฝั่งสหรัฐอเมริกานั้นได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าในปี 2020 นี้นั้นประชากรของสหรัฐอเมริกาไม่ควรที่จะใช้ไฟแบบหลาดมีไส้อีกต่อไป ซึ่งประกาศดังกล่าวนั้นก็มาจากทางรัฐบาลของสหรัฐโดยตรง
สำหรับในเมืองไทยของเราเองนั้นก็เริ่มที่จะมีการรณรงค์ให้เห็นกันแล้วว่าผู้ใช้ควรหันมาใช้หลอดไฟแบบ LED ที่กินไฟน้อยกว่า ทว่าในเมืองไทยเราเองนั้นก็ยังไม่ถึงขั้นสหรัฐอเมริกาที่ได้มีการยุติการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ งานนี้คงต้องถือว่าเทคโนโลยีหลอดไฟแบบเก่าที่มีมาอย่างยาวนานนั้นก็ถึงเวลาอันสมควรของมันที่จะต้องปลดระวางไปตามอายุขัยนั่นเอง
64. EVERQUEST NEXT
เกมแนว MMO หรือ Massively multiplayer online นั้นเรียกได้ว่ามีอายุมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเกม World of Warcraft ที่ออกมาให้เราๆ ท่านๆ ได้เล่นกันตั้งปต่ 15 ปีก่อนแล้วนั้น นับจนถึงปัจจุบันก็ยังคงไม่มีเกมไหนที่สามารถจะโค่น World of Warcraft ลงได้เลย หลายๆ เกมนั้นเข้ามาให้เราเล่นสักพักแล้วก็จากไปอย่างเงียบๆ กระทั่งเกมที่เปิดโลก MMO อย่าง EverQuest เองนั้นก็ต้องยอมถอยให้กับ WoW จนต้องไปตั้งหลักเพื่อผลิตเกมตัวใหม่ออกมาอย่าง EverQuest Next ซึ่งจริงๆ แล้วนั้นในการประกาศเปิดิตัวถือได้ว่าค่อนข้างจะเรียกเสียงตอบรับที่ดีจากแฟนๆ ได้เป็นอย่างมากด้วยฟีเจอร์การเล่นที่เรียกได้ว่าน่าสนใจเป็นที่สุด
ทว่าหลังจากที่เจ้าของลิขสิทธิ์อย่าง Sony ได้ทำการขายแผนกสร้างเกม EverQuest ไปในปี 2015 เพื่อที่จะร่วมทุนใหม่ให้บริษัทตัวเองยังคงไปรอดนั้น ทีมผู้ผลิต EverQuest ได้ทำการรีเบรนชื่อบริษัทใหม่เป็น Daybreak Game Company ทว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดนั้นก็เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดเพราะทาง Daybreak Game Company นั้นได้ทำการยกเลิกการพัฒนาเกม EverQuest Next ไปอย่างเป็นทางการซึ่งทำให้แฟนๆ นั้นเกิดความเสียดายกันเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นก็คงได้แต่หวังว่าทางเจ้าของลิขสิทธิ์จะกลับมาเห็นความสำคัญอีกครั้งแล้วทำการพัฒนา EverQuest Next ขึ้นมาใหม่ให้แฟนๆ ได้เล่นกัน แต่จะเมื่อไรนั้นคงต้องติดตามกันต่อไป
63. AEREO
โครงการเผยแพร่สื่อทีวีออนไลน์นั้นเรียกได้ว่ามีกันในทุกประเทศจริงๆ โดยในช่วงที่ผ่านมานั้นได้มีบริษัทนาม Aereo ซึ่งก่อตั้งโดยคุณ Chet Kanojia ที่มีจุดมุ่งหมายให้ผู้ใช้สามารถที่จะรับชมสื่อทีวีแบบสตรีมมิ่งออนไลน์ได้ตลอดเวลาผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่โดยที่ผู้ใช้นั้นจะจ่ายค่าลงทะเบียนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นฟังดูแล้วน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งและก็เป็นไปตามคาดเพราะมีผู้ให้ความสนใจอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตามหนทางดังกล่าวนี้นั้นไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบเนื่องจากว่าหลังจากที่เปิดให้บริการไม่นานนั้นสื่อทีวีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ABC, CBS, Fox และ NBC ต่างก็ฟ้อง Aereo ในข้อหาสุดนิยมอย่างการละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งนั่นทำให้ทางคุณ Kanojia ผู้ก่อตั้งต้องเข้าสู่กระบวนการศาลอย่างเลี่ยงไม่ได้
ในการพิจารณาของศาลนั้นคาดเดาได้ไม่ยากเลยว่าในท้ายที่สุดนั้นกระบวนการถ่ายทอดของ Aereo นั้นเข้าเกณฑ์การถ่ายทอดที่ผิดกฎหมายไปอย่างเต็มๆ เนื่องด้วยการถ่ายทอดนั้นไม่ใช่รูปแบบการถ่ายทอดในลักษณะของการใช้เครือขายเคเบิล ในปี 2019 ที่ผ่านมานั้นจึงเป็นปีที่สิ้นสุดการให้บริการของ Aereo อย่างเป็นทางการซึ่งหากจะว่าไปแล้วนั้นลักษณะการให้บริการเล่นนี้ก็ค่อนข้างที่จะเหมือนการให้บริการ IPTV ใต้ดินของบ้านเราเป็นอย่างมาก โดยหากผู้ให้บริการนั้นถูกฟ้องร้องขึ้นมาก็เตรียมตัวที่จะแพ้คดีและยุติการถ่ายทอดได้อย่างทันทีถึงแม้ว่าจะเป็นช่องทีวีที่เป็นฟรีทีวีก็ตาม
62. GOOGLE TANGO
กลับมาที่ Google กันอีกครั้งกับโครงการสมาร์ทโฟนที่มีชื่อว่า Tango ซึ่งเป็นโครงการสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับระบบ AR หรือการเติมความเสมือนจริง โดยทาง Google เองนั้นได้เปิดเผยโครงการ Tango ออกมาในช่วงปี 2014 ที่ผ่านมา โครงการ Tango นั้นมีความน่าสนใจแถมยังได้มีการเผยชื่อของผู้ผลิตที่จะผลิตสมาร์ทโฟนที่รองรับโครงการ Tango ออกมาด้วยถึง 2 บริษัทอย่าง Lenovo และ ASUS โดย ณ เวลานั้นทาง Google เองถึงขั้นปล่อย API อย่าง ARCore ให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและผู้พัฒนาแอปพลิเคชันได้นำไปใช้ในการพัฒนาจริงๆ แล้ว ทว่าด้วยความล่าช้าของการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมกับโครงการ Tango เองทำให้ในที่สุดในปี 2017 ทาง Google ได้ตัดสินใจยุติโครงการ Tango อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตามการยุติโครงการ Tango นั้นก็ถือว่ายังมีข้อดีอยู่เพราะทาง Google นั้นได้ปล่อย ARCore ออกมาเป็น API หนึ่งของระบบปฎิบัติการ Android ทำให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนทุกรายสามารถที่จะนำไปพัฒนาต่อกันได้อย่างอิสระนั่นเอง
61. LEAP MOTION
ในช่วงปี 2012 นั้นถือได้ว่า Leap Motion มาแรงเป็นอย่างมาก ด้วยการนำเสนอรูปแบบวิธีการในการควบคุมการใช้งานรูปแบบใหม่โดยการใช้มือกวาดไปบนอากาศทำเป็นท่าทางต่างๆ แล้วสามารถที่จะสั่งการให้คอมพิวเตอร์(หรืออุปกรณ์อื่นๆ) สามารถทำตามคำสั่งที่ต้องการได้ เรียกได้ว่าเป็นการปฎิวัติการควบคุมเลยทีเดียวก็ว่าได้ นอกไปจากนั้นแล้วทางบริษัทเองยังได้แรงสนับสนุนจากการเข้ามาของอุปกรณ์สำหรับการสร้างภาพเสมือนจริงอีกด้วยต่างหากทำให้นักวิเคราะห์หลายๆ คนคาดการณ์ว่า Leap Motion น่าจะไปได้สวย
ทว่าจุดจบของ Leap Motion นั้นก็ไม่ได้เหมือนอย่างที่ใครๆ คาดไว้เนื่องจากว่าทางบริษัทคาดผู้ที่จะทำการพัฒนาฮาร์ดแวร์แล้วส่งเข้าสู่ตลาดอย่างเป็นทางการจริงๆ ไม่เหมือนกับ Oculus และ HTC ที่สามารถผลิตฮาร์ดแวร์ออกมาวางจำหน่ายได้อย่างเป็นทางการ ท้ายที่สุดนั้นทางบริษัทก็ถูกซื้อไปรวมเข้ากับบริษัทฮาร์ดแวร์บริษัทหนึ่งและในที่สุดชื่อของ Leap Motion ก็หายไปตามระเบียบ
ที่มา : theverge