สิ่งหนึ่งที่ผู้ซื้อโน๊ตบุ๊คนั้นควรให้ความสนใจไม่แพ้กับความสวยงามของโน๊ตบุ๊คและสเปคที่คุ้มค่ากับราคามากที่สุดเท่านั้นนะครับ สิ่งที่ผู้ซื้อควรจะเลือกดูด้วยทุกครั้งไปนั้นก็คือเรื่องของบริการหลังการขายของผู้ผลิตนั้นๆ ว่าเมื่อซื้อไปแล้วนั้นคุณจะได้รับบริการปลังการขายอย่างไรบ้าง และนั่นก็เป็นที่มาของบทตวามนี้นั่นเองหล่ะครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นขอออกตัวก่อนเลยนะครับว่าบทความนี้เป็นบทความแปลบริการของฝั่งสหรัฐอเมริกา ไม่ใช่บริการหลังการขายที่มีอยู่จริงๆ ในประเทศไทย ดังนั้นแล้วคงไม่สามารถอ้างอิงได้เต็ม 100% ว่าบริการหลังการขายในไทยนั้นจะเหมือนกับในต่างประเทศหรือไม่ แต่อย่างน้อยมันก็น่าจะให้รายละเอียดเรื่องบริการหลังการของกับผู้ใช้อย่างเราๆ ท่านๆ ได้บ้างครับ
เอาหล่ะครับครับเพื่อมิให้เป็นการเสียงเวลา มาดูกันดีกว่าครับว่า 10 อังดับผู้ผลิตที่มีบริการหลังการขายดีที่สุดตามการให้คะแนนของ LAPTOP จะมีบริษัทอะไรบ้างครับ
จากตารางทานด้านบนนั้นจะเห็นได้ว่า LABTOP แบ่งลักษณะการให้บริการหลังการขายเป็น 2 รูแปบบซึ่งนั่นก็คือกาโต้ตอบผ่านโทรศัพทและการให้บริการผ่านทางหน้าเว็บ ซึ่งสามารถดูให้ง่ายกว่าเดิมตามกราฟทางด้านล่างต่อไปนี้ครับ
ลองมาวิเคราะห์ 5 อันดับแรกของตารางกันดีกว่าครับว่าทาง LAPTOP ให้เหตุผลไว้อย่างไรบ้างถึงได้ติด Top 5 ในปี 2017 นี้ครับ
1. Apple(93/100)
Apple มีชื่อเสียงทางด้านการให้บริการหลังการขายที่อยู่ในขั้นยอดเยี่ยมมาเป็นระยะเวลานานครับ ผู้ให้บริการนั้นได้รับการอาบรมซึ่งนั่นทำให้พวกเขามีข้อมูลพื้นฐานที่สามารถตรสวจสอบและให้คำแนะนำเบื้องต้นกับผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี ถ้งแม้ว่าบริการหลังการขายของ Apple จริงๆ นั้นจะมีเพียงแค่ 1 ปีแต่ทว่าท่านก็สามารถที่จะซื้อเพิ่มต่อได้เป็น 3 ปี โดยทางเราขอแนะนำให้ซื้อเถอะครับ(ถึงแม้ว่ามันจะแพงเกือบ 10k ก็ตาม)
2. Acer(88/100)
อยากยึดติดกับ Acer ในสมัยเมื่อ 10 ปีที่แล้วที่ในวงการคอมพิวเตอร์ไม่ค่อนแนะนำโน๊ตบุ๊ค Acer นะครับ เดี๋ยวนี้นั้น Acer เองพัฒนาแล้วทั้งด้านคุณภาพของสินค้ารวมไปถึงบริการหลังการขายที่ดีขึ้นเยอะ จากทางตางของทาง LABTOP นั้นแสดงให้เราได้เห็นว่า Acer ขึ้นมาเป็นผู้ที่มีบริการหลังการขายที่ดีที่สุดในบรรดาผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คของฝั่ง Windows เลยหล่ะครับ
จุดเด่นที่เห็นได้ชัดเจนมากขึ้นในการพัฒนาหลังการขายของทาง Acer ก็คือเรื่องของ Live Chat ที่พนักงานนั้นไม่ใช่แค่รับเรื่องแล้วจบๆ ไป ทว่าพนักงานคนนั้นจะอยู่กับคุณคอยให้คำปรึกษษจนถึงขั้นที่ว่าหมดหนทางที่จะช่วยดูให้แล้ว(แบบไม่เห็นเครื่อง) เธอหรือเขา ก็จะแนะนำคุณให้นำเครื่องไปที่ศูนย์บริการครับ
หมายเหตุ – จากการจับเวลา 3 ครั้งพบว่าผู้ใช้จะได้คุยเรื่องปัญหาพร้อมวิธีแก้ไขเบื้องต้นกับทาง Call Center ราวๆ ที่คนละ 9 นาทีครับ
3. Lenovo (86/100)
การให้บริการหลังจากขายของทาง Lenovo นั้นถือว่ามีประสิทธิภาพมากครับ โดยหลังจากที่คุณเล่าอาการจบหากเป็นเรื่องทางซอฟต์แวร์ ทางผู้รับการของคุณจะหายไปค้นหาข้อมูลเพียงไม่ถึง 1 นาทีก็จะกลับมาพร้อมกับคำอธิบายในการแก้ปัญหาต่างๆ เหล่านั้นได้ นอกไปจากนั้นแล้วยังมีหน้าเว็บไซตฺสำหรับกรอกข้อมูลปัญหาของคุณเพื่อให้ CC โทรกลับมาด้วย ทว่านี่แหละครับปัญหาเพราะเมื่อคุณกรอกไปแล้วนั้นคุณจะไม่สามารถรู้ได้เลยครับว่า CC ของ Lenovo จะโทรมาหาคุณช่วงเวลาไหน
4. Microsoft (82/100)
Microsoft นั้นถือได้ว่าเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์ที่หันมาเป้นผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ไปในตัวด้วยทำให้เรื่องการให้บริการหลังการขายที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ของทาง Microsoft เองนั้นแน่นปึกครับ ดังนั้นสบายใจได้เลยว่าถ้าคุณติดต่อทางออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น Live Chat หรือ Twitter คุณจะได้รับคำตอบที่รวดเร็วและมีประโยชน์อย่างแน่นอน
แต่นั่นก็เฉพาะทางด้านซอฟต์แวร์นะครับ เพราะทางด้านฮาร์ดแวร์เองแล้วนั้น Microsoft ยังถือว่าเป็นเด็กใหม่ในวงการทำให้การหาคำตอบที่ดีที่สุดให้กับทางผู้ใช้บริการนั้นยังคงไม่ดีมากเท่าที่ควร ที่สำคัญบางครั้งคำตอบที่ได้ก็เป็นคำตอบที่ผู้ใช้ถึงกับต้องงงกันเลยทีเดียวว่าสรุปปัญหาของพวกเขามันเป็นที่อะไรกันแน่ และท้ายที่สุดก็ลงเอยด้วยการพาเอาตัวเครื่องไปศูนย์อีกทีหล่ะครับ
หมายเหตุ – ถึงจะมีปัญกาเรื่องความสับสนทางด้านบน แต่ Microsoft ก็ให้บริการเป็นอย่างดี ดังนั้นแล้วคะแนนเรื่องการให้บริการนั้นจึงค่อนข้างที่จุดสูงครับ
5. HP (80/100)
อันดับสุดท้ายใน Top 5 ที่เราจะนำมาพูดถึงกันนั้นก็คือ HP ครับ สาเหตุที่ HP ได้คะแนนนอยู่ในอันดับที่ 5 นั้นก็เนื่องมาจากนโยบายการให้บริการที่มีช่วงเวลากำหนดเอาไว้ในแต่ละวันไม่เหมือนกับผู้ผลิตรายอื่นๆ ที่บริการแบบ 24/7 แต่ถึงกระนั้นเมื่อใช้ช่องทางการบริการทางออนไลน์แล้วนั้นคุณก็จะได้รับบริการที่รวดเร็วทันใจ … มีเสียอยู่อย่างหนึ่งที่ทาง LAPTOP เจอมานั้นก็คือ CC ของทาง HP ตั้งใจจะขาย Anti virus ให้เขานี่แหละครับ
สรุป
อย่างที่เราบอกไปในตอนต้นนะครับว่าขอนำลักษณะการให้บริการของ Top 5 มาบอก เพราะอีก 5 บริษัทที่เหลือนั้นก็ไม่ได้แตกต่างหรือเหนือไปกว่ากันมากเท่าไรนัก ที่สำคัญที่สุดนั้นบริการหลังการขายนี้ยังไม่สามารถเอามาเปรียบกับในประเทศไทยได้มากเท่าไรนักเพราะรูปแบบการให้บริการแตกต่างกัน(ในเมืองไทยเรานั้นไม่มีบริษัทไหนเปิด 24/7 ให้เราโทรแจ้งครับ)
ถึงจะไม่สามารถเอามาเทียบได้ แต่ทว่าท่านก็สามารถดูเอาไว้เป็นข้อมูลได้ว่าบริษัทใดจะมีการให้บริการหลังการขายที่ดีที่สุด จริงๆ แล้วน่าเสียดายนะครับที่ในเมืองไทยนั้นบริษัทผู้ผลิตๆ หลายๆ รายไม่ได้เข้ามาเปิดบริการเอง ทำแค่ผ่านทางบริษัทรายที่ 3 ซึ่งพอบริษัทที่รับเป็นตัวกลางไม่ดี บริษัทต่างๆ เหล่านั้นก็โดนว่าไม่ดีตามไปด้วย(ตัวอย่างเช่น MSI นี่แหละครับ)