ในปัจจุบันหากพูดชื่อ Samsung ขึ้นมาแล้วหล่ะก็ย่อมไม่มีใครไม่รู้จักครับเพราะ Samsung นั้นทำธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีในหลายด้านและในเกือบทุกๆ ด้านที่ Samsung เข้าสู่ตลาดนั้นก็สามารถยืนอยู่ในรายชื่อของผู้นำลำดับต้นๆ อย่างสบาย แต่ใครจะรู้ว่าความสำเร็จทุกวันนี้ของ Samsung นั้นมาจากการคัดลอกเทคโนโลยีของชาวบ้านเขา เพื่อนำมาพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองจนโดนหลายบริษัทฟ้องร้องเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์อยู่บ่อยครั้ง
ล่าสุดที่เป็นข่าวดังก็เป็นการฟ้องร้องที่ Apple ฟ้อง Samsung ว่าละเมิดสิทธิบัตรของ Apple และถูกตัดสินว่าผิดไปแล้ว โดยการฟ้องร้องนั้นเริ่มตั้งแต่เมื่อตอนที่ iPhone ตัวแรกออกสู่ตลาดและ Samsung ส่ง Galaxy S ตัวแรกตามออกมา ตั้งแต่ปี 2010 และพึ่งตัดสินไปเมื่อสินปี 2013 ที่ผ่านมานี้ โดยในช่วงระหว่างเวลา 3 ปีที่โดนฟ้องนั้น Samsung ได้พัฒนาซีรีย์ Galaxy S จนสามารถขึ้นเป็นอันดับ 1 ของตลาด Smartphone ได้อย่างง่ายดายครับ
อย่างที่บอกไปในตอนต้นว่ากลยุทธลอกแล้วยอมให้โดนฟ้องของ Samsung นั้นเป็นกลยุทธ์เก่าที่ Samsung เคยใช้มาก่อนหน้านี้แล้วนั้น เนื่องจากว่าในปี 2007 Samsung ถูก Sharp ฟ้องว่าละเมิดลิขสิทธิ์ทางด้านเทคโนโลยีโทรทัศน์ ซึ่งการฟ้องร้องใช้เวลายาวนานถึง 2 ปี ซึ่งในช่วง 2 ปีนั้น Samsung ก็สามารถแซง Sharp ไปได้แล้วเช่นกัน หรืออีกกรณีหนึ่งอย่างในปี 2006 ที่ Pioneer ฟ้อง Samsung ว่าละเมิดสิทธิบัตรทางด้านเทคโนโลยีพลาสมาทีวี ซึ่งการฟ้องร้องนั้นยาวนานจนถึงปี 2009 ซึ่งทำให้ Pioneer นั้นสูญเสียค่าใช้จ่ายมากเกินจนในทีสุดก็ปิดตัวธุรกิจทางด้านทีวีไป ในขณะที่ Samsung กลับเจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ถึงแม้ว่าการคัดลอก หรือละเมิดลิขสิทธิ์นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่บริษัทต่างชาติให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แต่กับ Samsung แล้วนั้นการคัดลอกเทคโนโลยี แล้วนำมาพัฒนาต่อเพื่อก้าวเข้าสู่ผู้นำอย่างสมบูรณ์นั้นอาจถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติของบริษัทสัญชาติเกาหลีใต้นี้ (ใครว่ามีแค่พี่จีนเท่านั้นที่ลอกชาวบ้านคงต้องคิดใหม่กันอีกรอบแล้วครับ) การคัดลอกไม่ได้ถือเป็นเรื่องที่ดีและน่ายกย่องครับ แต่ต้องบอกว่ากลยุทธ์นี้ของ Samsung สามารถสร้างความเข้มแข็งให้กับบริษัทจนก้าวขึ้นเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีในหลายๆ ด้านมาแล้วครับ?
ที่มา :?macrumors