สำหรับ Accessories หรืออุปกรณ์เสริมสำหรับโน๊ตบุ๊คนั้นเป็นอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะถ้าอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่เสริมให้ทำงานได้สะดวกมากเท่าไหร่ยิ่งส่งผลดีต่อตัวผู้ใช้เท่านั้น ซึ่งภายในงาน Commart ครั้งนี้นอกจากผู้ผลิตรายหลักแล้วจะมีอุปกรณ์เสริมต่างๆ มาจำหน่ายภายในงานมากมายทีเดียว โดยในบทความนี้จะนำเสนอสินค้าต่างๆ ที่มีขายในงาน Commart ให้ชมกัน
External Harddisk
เรียกว่าเป็นสิ่งสำคัญขาดไม่ได้เสียแล้วสำหรับฮาร์ดดิสก์ลูกสำรองเพื่อบันทึกข้อมูลต่างๆ เอาไว้เป็นการแบ็คอัพข้อมูลไปในตัว โดยในงาน Commart นี้จะมีผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์รายหลัก 3 รายนำ External Harddisk มาวางจำหน่ายกันอย่างเอิกเริกทีเดียว โดยสามค่ายนั้นได้แก่ WD (Western Digital), Toshiba, Seagate ด้วยกัน
สาวกผลไม้ก็มี External Harddisk เฉพาะขายด้วยนะ ตรงไปที่บูธของ WD ที่ Ballroom ได้เลย
สำหรับ External Harddisk ความจุมาตรฐานอย่าง 500 GB, 1 TB, 2 TB จะมีขายอยู่ทั้งสามค่าย แต่สำหรับความจุ 3 TB นั้นอยู่ที่ 4,190 บาท และถ้าเพิ่มเป็น 4 TB จะอยู่ที่ 5,550 บาท?แต่ถ้าเป็นฮาร์ดดิสก์ในกลุ่มความจุ 500 GB จนถึง 2 TB นั้น ทั้งสามค่าย (WD, Toshiba, Seagate) นั้นจะมีราคาไล่เลี่ยกันในหลักร้อยบาท แต่ถ้าเจาะจงว่าฮาร์ดดิสก์ของค่ายไหนถูกที่สุดแล้วล่ะก็ ทีมงานจะแจงตามความจุที่วางขายในงานนี้ได้แก่
- ความจุ 500 GB : Toshiba Canvio Basic ราคา 1,450 บาท หาซื้อได้ที่บูธขายฮาร์ดดิสก์ใน Plenary Hall เหมาะสำหรับคนที่ต้องการ External Harddisk เอาไว้บันทึกข้อมูลเป็นหลัก
- ความจุ 1 TB : Buffalo External Harddisk?หาซื้อได้ที่บูธของ Buffalo ใน Zone C ฝั่งขวามือโดยจะมีป้ายแสดงราคาอยู่ชัดเจนเหมาะกับคนที่ต้องการนำฮาร์ดดิสก์ไปบันทึกข้อมูลเป็นหลัก
- ความจุ 2 TB : Seagate Backup Plus ราคา 3,090 บาท หาซื้อได้ที่โซน Ballroom เหมาะสำหรับใช้งานบันทึกข้อมูลเป็นปริมาณมากและเผื่อการแบ็คอัพไฟล์ไว้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีฮาร์ดดิสก์เฉพาะสำหรับ MacBook วางจำหน่ายเช่นกันโดยผู้จำหน่ายเป็น WD กับราคา 5,190 บาท หาซื้อได้ในโซน Ballroom เช่นกัน ดังนั้นถ้าใครต้องการซื้อฮาร์ดดิสก์ไปบันทึกข้อมูลก็แนะนำตามรายชื่อด้านบน
แฟลชไดรฟ์
ภายในงานนี้จะมีแฟลชไดรฟ์หลากหลายความจุด้วยกัน ซึ่งมีตั้งแต่ 4 GB จนถึง 64 GB ด้วยกัน ราคาไล่ตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพันบาทอีกด้วย ซึ่งมีหลากหลายแบรนด์ด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีความจุ 32 GB และ 64 GB ที่เชื่อมต่อแบบ USB 3.0 มาวางจำหน่ายอีกด้วย
แฟลชไดรฟ์จาก Sandisk ภายในงานนี้จะมีหลากหลายราคา เริ่มต้นที่ 8 GB อยู่ที่ 189 บาทเท่านั้น และความจุยอดนิยมอย่าง 16 GB ยังอยู่แค่ 299 บาท และถ้าเพิ่มอีก 300 บาทจะได้รุ่นความจุ 32 GB มาใช้อีกด้วย เรียกว่าราคาถูกมากในงานครั้งนี้ นอกจากนี้ยังมีรุ่นที่เชื่อมต่อด้วย USB 3.0 ความจุ 16 GB จะอยู่ที่ 790 บาท และความจุ 32 GB จะอยู่ที่ 1,290 บาท และความจุ 64 GB อยู่ที่ 2,190 บาท
ด้านของโปรโมชั่นจาก Sandisk จะเป็นเงื่อนไขซื้อสินค้าตามเรท ได้แก่ 500 บาทและ 1,000 บาทด้วยกัน
ส่วนถ้าใครต้องการทดลองเล่นแท็บเล็ต Microsoft Surface ไม่ว่าจะเป็น Surface RT หรือ Surface Pro ก็มีให้ทดลองเล่นในบูธของ IT City โซน Ballroom และถ้าสั่งซื้อแล้วจะได้รับคีย์บอร์ด Type Cover ไปใช้งานด้วย
ถัดมาด้านหลังของบูธ Surface นั้นจะมีตู้จำหน่ายสินค้าของ Microsft นั้นมี Windows 7 และ Windows 8 ของแท้มาวางจำหน่ายด้วย โดย Windows 8 Pro ที่เห็นราคา 1,790 บาทในภาพนั้นเป็นรุ่น Upgrade คือเราต้องติดตั้ง Windows 7 เอาไว้ในเครื่องก่อนแล้วทำการติดตั้งเวอร์ชั่นอัพเกรดนี้ลงไปในเครื่องถึงจะเสร็จกระบวนการ รวมทั้งใครที่ต้องการ Microsoft Office ก็มีทั้งเวอร์ชั่นปกติและ Microsoft Office 365 มาให้เลือกซื้อได้ตามชอบอีกด้วย
สำหรับใครที่ต้องการความปลอดภัยให้ตัวเครื่องก็มี Antivirus จากค่ายหลักๆ มาวางจำหน่ายด้วยทั้ง Kaspersky, Norton Antivirus, Bitdefender กับโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม Antivirus ไปอีก 1 กล่องฟรีๆ ด้วย
เครื่องเสียงจาก Edifier ก็มีให้เลือกซื้ออีกด้วยพร้อมกับประกันอีก 2 ปีด้วย
หูฟังคุณภาพจาก Toshiba ก็มีให้เลือกซื้อที่บูธใกล้ๆ กันกับเครื่องเสียงภายในงานนี้ มีหลากรุ่นหลายแบบพร้อมโปรโมชั่นดีๆ ให้เลือกสรร
ส่วนอุปกรณ์เสริมอย่างเม้าส์หรือคีย์บอร์ดจาก Microsoft ก็มีให้เลือกซื้อกันหลากหลายรุ่นและราคา และยังมีคอนโทรลเลอร์ Xbox 360 มาให้เลือกซื้ออีกด้วย โดยราคานั้นจะไล่เลี่ยกันทุกบูธ
นักวาดทุกท่านก็มี Bamboo หลายขนาดให้เลือกซื้อพร้อมราคาที่น่าสนใจกว่าที่ห้างไอทีชั้นนำพอควร
เม้าส์จาก Toshiba ก็มีเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นแบบรุ่นมีสายหรือไร้สายก็มีให้เลือกใช้เช่นกัน ราคาเริ่มต้นกันที่ 139 บาทเป็นต้นไป
ส่วนของปลั๊กรางหลากแบรนด์ก็มีวางจำหน่ายภายในงานนี้ด้วย มีทั้งแบบสามตาทั่วไปและชาร์จไฟด้วยสาย USB ก็มีเช่นกัน
ถ้าใครชอบดูหนังหรือต้องการต่อหน้าจอด้วยสายคุณภาพก็มี HDMI ความยาว 1 เมตรให้เลือกซื้อในงานด้วย สนนราคาตั้งแต่ 390 บาทเป็นต้นไป
ถ้าใครมองหา Cooling Pad (แท่นรองโน๊ตบุ๊ค) หรืออุปกรณ์เสริมต่างๆ จิปาถะล่ะก็ ในโซน Ballroom จะมีให้เลือกซื้ออีกมากมาย
ส่วนของกระเป๋าโน๊ตบุ๊คและซอฟท์เคสสำหรับใส่โน๊ตบุ๊คล่ะก็ มองหาได้ง่ายเช่นกัน เพราะมีขายหลายบูธมากในงานนี้ เรียกว่าหาได้ทุกโซน
Wi-Fi Router ก็มีวางจำหน่ายในงานเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นของ ASUS หรือ Belkin ซึ่งมีหลากหลายสเปกและหลายราคาด้วยกัน เริ่มต้นกันที่ 1,190 บาทเป็นต้นไป
แบตเตอรี่เสริมจากแบรนด์ต่างๆ เช่น Power Booster ก็มีให้เลือกหลายความจุด้วยกัน ใครอยากได้ความจุเท่าไหร่ก็เลือกซื้อได้ในงานครั้งนี้เลย
ด้านบูธของ Apple by SPVI นั้นก็จำหน่ายสินค้าของ Apple หลายรุ่นด้วยกัน รวมทั้งเปิดให้ทดลองใช้งานก่อนได้ด้วย
และไม่ใช่เพียงสินค้ามือหนึ่งเท่านั้น สินค้ากลุ่ม Clearence ก็มีให้เห็นอีกด้วย โดยสินค้าที่ถูกถอดจากชั้นวางสินค้าแล้วก็จะถูกนำมารวมเอาไว้ที่นี่เช่นเดียวกับ iPad หรือ MacBook ที่ประกันเริ่มนับเวลาแล้วก็มีจำหน่ายอยู่ที่นี่ ถ้าใครไม่คิดมากเรื่องประกันก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเพราะราคาลดลงมาพอสมควรทีเดียว
สำหรับสินค้ามือหนึ่งภายในงานนั้นนอกจากเคสสำหรับ iPad, iPhone แล้ว ก็ยังมีกระเป๋า, หูฟังและสายเชื่อมต่อมาเปิดขายอีกด้วย รวมทั้งมีลำโพงพกพาเชื่อมต่อด้วย Bluetooth ชื่อดังอย่าง Jawbone Jambox มาวางจำหน่ายกับราคาที่ค่อนข้างสูงพอควร
ภายใน Plenary Hall หรือฮอลล์กลางก็จะมีสายเชื่อมต่อแบบต่างๆ, คีย์บอร์ดและเม้าส์หลากรุ่นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการราคาคุ้มๆ เอากลับบ้านไปเป็นเม้าส์หรือคีย์บอร์ดเสริมได้ด้วย
ภายในบูธกลางถ้าใครไม่สู้ราคาของโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ราคาแรงๆ ก็มีรุ่น Clearance ที่มาพร้อมซีพียู Core i Gen 1 และ Gen 2 วางขายในราคาย่อมเยาว์เช่นกัน ซึ่งทางทีมงานเห็นว่าถ้าเน้นเอาไปทำงานอย่างเดียวก็คุ้มค่า แต่แนะนำให้หารุ่นซีพียู Core i5 จะดีกว่ากลุ่ม Pentium และ Celeron ที่มีปะปนมาบ้างเพราะประสิทธิภาพไม่คุ้มราคานัก
หรือจะหาซื้อซองใส่โน๊ตบุ๊คราคาย่อมเยาว์กับกระเป๋าโน๊ตบุ๊คที่อยู่ในช่วงเซลล์ลดราคาจากเดิมหลายเท่าก็หาได้ที่กระบะนี้เช่นกัน ส่วนราคาอยู่ที่ราว 1,000 บาทขึ้นไป
เคสสำหรับใส่ iPad หรือผ้าคลุมหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็มีให้เลือกในกระบะสินค้าด้วย สนนราคาในเขตหลักร้อยบาทด้วยกัน
ลำโพงดีไซน์ต่างๆ ทั้งเน้นรูปร่างน่ารักหรือรุ่นขึ้นชื่อแต่ตกรุ่นไปแล้วก็มีขายที่นี่กับเงื่อนไขเดียว ?ซื้อแล้วไม่รับเปลี่ยนหรือคืน?
หูฟังหลากรุ่นหลายแบบก็มีในกระบะและชั้นแขวน สนนราคาไม่เกิน 500 บาทเท่านั้น
Dtech ก็นำ Power Bank มาวางขายในงานเช่นกัน เริ่มต้นกับราคาแค่ 399 บาท ความจุ 4,400 mAh จนถึง 16,800 mAh กับราคา 1,680 บาท จะชาร์จกี่เครื่องก็ไม่หวั่นแน่นอน
Rapoo ก็มาเปิดบูธภายในงานนี้เช่นกัน แม้บูธจะไม่ใหญ่มากนักแต่ก็มีสินค้าครบครันทีเดียวไม่ว่าจะเป็นคีย์บอร์ด, เม้าส์หรือหูฟังก็มีให้เลือก
ส่วนของปลั๊กรางหลายแบบก็มีมาวางจำหน่ายอีกด้วย โดยมีทั้งแบบสามตาธรรมดาทั่วไปหรือจะเป็นแบบมีสวิตช์แยกเฉพาะแต่ละหัวหรือจะมีตัวชาร์จด้วยสาย USB ก็มีเช่นกัน โดยราคารุ่นสูงๆ ก็แตะสี่หลักให้เห็นเช่นกัน
อีกโปรโมชั่นหนึ่งที่ห้ามพลาดเด็ดขาดในงานนี้คือกระเป๋า Targus และ Golla นำสินค้าหลากหลายรุ่นมาวางจำหน่ายคละกับรุ่น Clearence เช่นกัน โดยทางทีมงานเห็นราคาเริ่มต้นกันที่ 690 บาทเท่านั้น ซึ่งรุ่นที่วางจำหน่ายก็เป็นรุ่นที่คุณภาพดีและได้รับความนิยมมากทีเดียว และราคานี้ไม่มีทางหาได้นอกงาน Commart แน่นอน ถ้าใครได้โน๊ตบุ๊คใหม่มาแล้วอย่าลืมเดินเลยมาที่บูธ Targus ใน Plenary Hall ใกล้ทางออก Zone C ติดกับบูธของ Samsung