
Battlefield 6 ไม่มี Ray Tracing จริง
สำหรับใครที่ได้ลองเล่นในช่วง Beta ที่ผ่านมา คงจะสังเกตแล้วว่าไม่มีตัวเลือก Ray Tracing ให้เปิดใช้งานเลย แม้แต่ในเมนูกราฟิกก็ไม่มีให้เห็น และทางทีมพัฒนาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้แต่อย่างใด
ล่าสุด Christian Buhl ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของ Ripple Effect (หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อเก่า DICE LA) ได้ยืนยันชัดเจนว่า จะไม่มีการรองรับ Ray Tracing ตอนเกมเปิดตัว และยังไม่มีแผนจะใส่เข้ามาในอนาคตอันใกล้ด้วย
เหตุผลที่ตัด Ray Tracing ออก
Buhl อธิบายว่า การตัดสินใจเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงแรกของการพัฒนา โดยเป้าหมายหลักคือ ทำให้เกมมีประสิทธิภาพดีที่สุดสำหรับผู้เล่นทุกคน โดยเน้นไปที่การทำงานบนค่ามาตรฐาน (default settings) มากกว่าการใส่เอฟเฟกต์ที่กินทรัพยากรเครื่องเยอะอย่าง Ray Tracing ดังนั้น เพื่อให้เกมเมอร์ทุกกลุ่มเล่นได้อย่างลื่นไหล จึงเลือกที่จะไม่ใช้ Ray Tracing ตั้งแต่ต้น
ย้อนกลับไปดู Battlefield รุ่นก่อน ๆ
สิ่งนี้อาจทำให้หลายคนรู้สึกว่าเป็นการ “ก้าวถอยหลัง” อยู่บ้าง เพราะในอดีตซีรีส์ Battlefield เคยเป็นหนึ่งในเกมแรก ๆ ที่นำ Ray Tracing มาใช้ เริ่มจาก Battlefield V ในปี 2018 ที่รองรับ Ray Traced Reflections และต่อด้วย Battlefield 2042 ที่มี Ray Traced Ambient Occlusion แต่สำหรับ Battlefield 6 ทางทีมพัฒนามองว่าความเสถียรและประสิทธิภาพในเกมมัลติเพลเยอร์เชิงแข่งขันสำคัญกว่า
ผู้เล่นตอบรับดี เน้นประสิทธิภาพมากกว่าภาพสวย
แม้จะไม่มี Ray Tracing แต่ผู้เล่นก็ยังตอบรับอย่างดี โดยช่วง Beta ได้มีผู้เล่นมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของแฟรนไชส์นี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าชุมชนผู้เล่นให้ความสำคัญกับ เฟรมเรตและความลื่นไหล มากกว่าภาพกราฟิกที่หวือหวา
สำหรับผู้เล่นพีซี ยังสามารถใช้เทคโนโลยีเสริมเพิ่มเฟรมเรตได้ เช่น
- NVIDIA DLSS Super Resolution, Frame Generation, Multi Frame Generation
- AMD FSR 3 พร้อม Frame Generation
- Intel XeSS พร้อม XeSS Frame Generation
สรุปแล้ว Battlefield 6 อาจจะไม่ได้มากับกราฟิกขั้นเทพแบบ Ray Tracing แต่กลับโฟกัสไปที่การทำให้ผู้เล่นทุกคนได้รับประสบการณ์ที่ ลื่นไหลและมั่นคง มากกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเกมยิงมัลติเพลเยอร์ที่เน้นการแข่งขันโดยตรงแบบนี้
ที่มา: wccftech





