หลังจาก Battlefield 3 ได้ออกมาเมื่อราว 2 สัปดาห์ก่อน ก็มีการพูดถึงอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการพูดถึงการกลับมาที่ยิ่งใหญ่ของ Battlefield 3 หรือจะเป็นการกินสเปคอย่างมากมายของเจ้า Battlefield 3 นี้ นอกจากนั้นยังมีปรากฏการณ์จาก NVIDIA ที่ปล่อย Driver ออกมาหลายตัวในรอบไม่กี่เดือน ซึ่งมันมา Fixed ความผิดพลาดของ Battlefield 3 โดยเฉพาะ และการที่จะปรับ Ultra ได้และได้เล่นแบบลื่น ๆ นั้นต้องอาศัย multi-GPU กัยเลยทีเดียวครับเช่น SLI และ CrossFire
คลิกเพื่อดูภาพใหญ่
BF3?s Graphical Settings
สำหรับ Battlefield 3 นั้นจะมีการตั้งค่าที่เป็นมาตรฐานมาให้ทั้งหมด 4 รูปแบบ ซึ่งมันรองรับการประมวลผลภาพจากการ์ดจอระดับกลางอย่าง AMD Radeon HD 5770 1GB ซึ่งมีราคาราว ๆ 4,000 กว่าบาท ที่ปรับแบบ Low แล้วมันจะลื่น 100% จนไปถึงการ์ดจอระดับหลายหมื่นที่จะทำให้มันเล่นในระดับ Ultra ได้ และเดี๋ยวเราจะมาดูกันว่า 4 รูปแบบมาตรฐานนั้นมีปรับค่าอย่างไรบ้าง
ภาพซ้ายคือ Low, ภาพขวาคือ Medium
ภาพซ้ายคือ High, ภาพขวาคือ Ultra
คลิกเพื่อดูภาพใหญ่
Texture Quality
เรื่องของรายละเอียดในการปรับค่าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Low, Medium หรือ High นั้นจะมีความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนมาก ถ้าปรับเป็น High หรือ Ultra วัตถุนั้น ๆ ที่เห็นในเกมจะมีการโหลดรายละเอียดออกมาแบบไม่มีกั๊ก ส่วนการตั้งของ Low นั้น พื้นของวัตถุชิ้นนั้น ๆ จะมีอาการมัว เบลอ มีการโหลดวัตถุออกมาไม่เต็มที่ เพื่อลดปริมาณการโหลดของการ์ดจอ ที่จะทำงานไม่ไหวลง ดูได้จากภาพด้านล่าง
Texture Quality
Shadow Quality
ค่อนข้างที่จะเป็นที่พูดถึงมาก เพราะเป็นเกมที่ทำแสงเงาออกมาได้เทพมาก ๆ บางสื่อถึงกับบอกว่ามันเทพเกินไป ในการปรับค่ากราฟิกแบบ Low นั้นจะเห็นได้เลยว่าแสงเงาจะเป็นแบบเหลี่ม ๆ ให้อารมณ์แบบเกมสมัยเก่า ๆ ส่วนการตั้งค่าที่ดีขึ้นมา ภาพก็จะออกแนว smooth มากขึ้น จนถึงระดับสูงสุดที่สื่อหลายสำนักยกให้เป็นเกมที่มีแสงเงาสวยที่สุดเกมหนึ่งของโลกเลย
ภาพซ้ายคือ Low, ภาพขวาคือ Medium
ภาพซ้ายคือ High, ภาพขวาคือ Ultra
คลิกเพื่อดูภาพใหญ่
Effects Quality
ในการเปรียบเทียบการตั้งค่านี้ แม้ว่าเราจะปรับตั้งแต่ต่ำสุดยันสูงสุด แต่ก็ไม่เห็นความแตกต่างอะไรเลย มันเหมือนกันแทบหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การระเบิด, เศษต่าง ๆ, ฝุ่น, ควัน และเมฆ ไม่มีความแตกต่างเลยครับ
Mesh Quality
เป็นการตั้งค่าที่มีผลมากพอสมควรเลยการตั้งค่า Mesh? มันออกแนวใกล้เคียงกับการตั้งค่าของ Texture โดยมันมีผลกับวัตถุ สิ่งแวดล้อม รวมไปถึงแสงและสีด้วย ซึ่งการตั้งค่าระหว่างต่ำสุดและสูงสุดนั้น มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน และการตั้งค่าของ Mesh Quality นี้เป็นเหมือนการกำหนดความสวยของเกมนี้ได้เลยทีเดียว ดูได้จากภาพด้านล่าง
ภาพซ้ายคือ Low, ภาพขวาคือ Medium
ภาพซ้ายคือ High, ภาพขวาคือ Ultra
คลิกเพื่อดูภาพใหญ่
Terrain Quality and Decoration
การตั้งค่านี้นั้น ก็มีความแตกต่างน้อยมาก ๆ จนเราไม่สามารถที่จะหาความต่างได้ครับ
Anti-Aliasing Deferred & Post
ส่วนเรื่องของ AA นั้นเป็นที่แน่นอนละครับว่า ยิ่งปรับสูง การลบลอยหยักของภาพก็จะสูงตาม นั่นส่งผลให้ภาพที่ได้ออกมานั้นจะเนียนมาก แต่สิ่งที่กลับกันก็คือมันจะยิ่งกินสเปค สำหรับมาตรฐานที่ Battlefield 3 ตั้งค่าออกมานั้นอยู่ที่ 2x MSAA ส่วนการ์ดจอที่จะเปิดได้สูงสุดอย่าง 4x คงต้องต่อ SLI หรือ Crossfire เท่านั้น
Motion Blur
เอ๊ฟเฟ็กนี้ก็ค่อนข้างจะกินสเปคนะครับ แต่การปรับนั้นแล้วแต่คนจะชอบมากกว่าครับ บางคนชอบแบบเคลื่อนที่ไว ๆ แล้วจะเบลอ แต่บางคนก็ไม่ชอบ เพราะว่ามันอาจจะไม่สวยเท่าไหร่
Anisotropic Filter
การทำงานของระบบ Anisotropic Filtering (AF) นั้นจะคอยเพิ่มความชัดเจนให้กับวัตถุต่าง ๆ จากการมองในทางลาดชัน การแก้ไขอาการเบลอของพื้นผิว ในการตั้งค่าระดับ Low ? Medium นั้นเกมจะบังคับเปิดที่ 2x และ 4x นั้นคือการให้ภาพที่โอเคแล้ว ส่วนถ้าเครื่องใครแรงหน่อย อาจจะเปิดสูงสุดที่ 16x ได้
Ambient Occlusion
จะเป็นกระบวนการของการทำงานของแสงและเงา โดยจะมีให้เลือกจะปิดการใช้งาน หรือจะเปิด ซึ่งถ้าเปิดก็จะมีให้เลือกอยู่ 2 อย่างคือ SSAO และ HBAO ซึ่งการเปิดแบบ HBAO จะทำให้ภาพออกมาได้สมจริงที่สุด แต่ก็จะกินสเปคที่สุด ส่วน SSAO ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่พอรับได้ และไม่กินสเปคมากจนเกินไป หรือจะปิดก็ได้ ไม่มีปัญหาอะไร แต่เรื่องเงาจะไม่เนียนเท่านั้นครับ ลองดูภาพด้านล่าง