อัพเดทล่าสุดกับวีดีโอแนะนำ The new MacBook Pro (MacBook Pro Retina Display)?จากทาง Apple ครับ ยิ่งดูยิ่งอยากได้อยากโดน :D
รวมไปถึงสเปกเต็มๆ ทั้ง MacBook Air, MacBook Pro และ MacBook Pro Retina ก็จัดมาให้ชมเรียบร้อยแล้วครับ
- Air 11 / Core i5 1.7 GHz / RAM 4 GB / SSD 64 GB / ราคา 32,900 บาท :?สเปกเต็มๆ
- Air 11 / Core i5 1.7 GHz / RAM 4 GB / SSD 128 GB / ราคา 36,900 บาท :?สเปกเต็มๆ
- Air 13 / Core i5 1.8 GHz / RAM 4 GB / SSD 128 GB / ราคา 39,900 บาท:?สเปกเต็มๆ
- Air 13 / Core i5 1.8 GHz / RAM 4 GB / SSD 256 GB / ราคา 49,900 บาท:?สเปกเต็มๆ
- Pro 13 / Core i5 2.5 GHz / RAM 4 GB / HDD 500 GB / ราคา 39,900 บาท :?สเปกเต็มๆ
- Pro 13 / Core i7 2.9 GHz / RAM 8 GB / HDD 750 GB / ราคา 49,900 บาท :?สเปกเต็มๆ
- Pro 15 / Core i7 2.3 GHz / RAM 4 GB / HDD 500 GB / GT 650M (512MB) / ราคา 59,900 บาท :?สเปกเต็มๆ
- Pro 15 / Core i7 2.6 GHz / RAM 8 GB / HDD 750 GB / GT 650M (1GB) / ราคา 72,900 บาท :?สเปกเต็มๆ
- Pro Retina?/ Core i7 2.3 GHz / RAM 8 GB / SSD 256 GB / GT 650M (1GB) / ราคา 72,900 บาท :?สเปกเต็มๆ
- Pro Retina?/ Core i7 2.6 GHz / RAM 8 GB / SSD 512 GB / GT 650M (1GB) / ราคา 94,900 บาท :?สเปกเต็มๆ
แน่นอนว่าการเปิดตัวของใหม่ จะต้องมีการเปรียบเทียบกับของเก่า โดยเฉพาะในไลน์ของ MacBook Pro ที่มีออกมาทั้ง MacBook Pro ตัวธรรมดา และ MacBook Pro with Retina Display จนน่าจะมีหลายคนเกิดข้อสงสัยว่ามีอะไรเป็นจุดที่สร้างความแตกต่างให้กับทั้ง MacBook Pro ตัวเก่า, ตัวใหม่ และตัวใหม่ที่เป็น Retina Display บ้าง ลองไปดูจากตารางเปรียบเทียบด้านลล่างเลยดีกว่าครับ
โดยถ้าเทียบระหว่าง MacBook Pro 15? รุ่นธรรมดาทั้งเก่าและใหม่นั้น จุดที่มีความแตกต่างกันทางสเปกก็ได้แก่
- CPU ที่ตัวใหม่จะเป็น Intel Ivy Bridge ทั้งหมด
- การ์ดจอจะเป็น Intel HD Graphics 4000 และ NVIDIA GeForce GT 650M
- HDD สูงสุดสามารถเลือกได้ถึง 1 TB หรือจะเป็น SSD 512 GB ก็ได้
- มาพร้อม USB 3.0
ส่วนของ MacBook Pro with Retina Display นั้น เรียกได้ว่าเป็นอีกไลน์ใหม่ของ MacBook เลยก็ว่าได้ เพราะมีการยกเครื่องใหม่ในด้านสเปก อีกทั้งรูปร่างก็มีการเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อยด้วย ในด้านสเปกก็มีความแตกต่างจาก MacBook Pro รุ่นปกติดังนี้
- จอความละเอียดเพิ่มเป็น 2880 x 1800
- ใช้แหล่งเก็บข้อมูลเป็น SSD ทุกรุ่น ต่างจากซีรีย์ปกติที่ใช้ HDD เป็นหลัก
- RAM เริ่มต้นที่ 8 GB
- เพิ่มจำนวน Thunderbolt เป็น 2 พอร์ต
- เปลี่ยนพอร์ตชาร์จไฟเป็น MagSafe 2 ที่มีขนาดบางลงกว่าเดิม (ใช้เป็นแบบเดียวกับ MacBook Air)
- น้ำหนักเบากว่า MacBook Pro ปกติ (น้ำหนักลงมาเหลือแค่ 2.02 กิโลกรัม)
- ตัดคำว่า MacBook Pro ตรงกรอบใต้จอออก
- ไม่มี DVD Writer
ถัดมาก็เป็นรุ่นจอ 13? กันบ้าง
ความแตกต่างระหว่าง MacBook Pro 13? รุ่นเก่าและรุ่นใหม่นั้น หลักๆ ก็จะเป็นเรื่องของ CPU ที่เปลี่ยนไปใช้ Intel Ivy Bridge แทน ซึ่งก็แน่นอนว่าจะต้องเปลี่ยนไปใช้ระบบกราฟิก Intel HD Graphics 4000 แทน HD Graphics 3000 ตัวเก่า อีกทั้งพอร์ต USB ก็เปลี่ยนมารองรับ USB 3.0 ในตัวเรียบร้อยทั้ง 2 พอร์ต ส่วนรายละเอียดอื่นๆ แทบจะไม่แตกต่างจาก MacBook Pro 13? ตัวเก่ามากนัก เรียกได้ว่าเป็นการรีเฟรชสเปกใหม่เพื่อให้เข้ากับเทคโนโลยีมากกว่า
ซึ่งถ้าดูจากแนวโน้มแล้ว มีความเป็นไปได้ว่าในอนาคต MacBook Pro น่าจะเปลี่ยนไปใช้จอความละเอียดสูงระดับ Retina Display ทั้งหมด (หวังว่าราคาจะเท่ากับรุ่นปกติตอนนี้ด้วยนะ)
——?
ในงาน WWDC 2012 นอกจากจะมีการเปิดตัว MacBook Pro with Retina Display ซึ่งเป็นที่ฮือฮาแล้ว ในไลน์ของ MacBook เก่าอย่าง MacBook Pro และ MacBook Air ก็มีการรีเฟรชไลน์ผลิตภัณฑ์กันใหม่ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งโดยรวมแล้วก็จะเป็นการเปลี่ยนไปใช้ CPU ในสถาปัตยกรรม Intel Ivy Bridge และการเข้ามาของ USB 3.0 ที่มีมาอยู่ในทุกรุ่นเรียบร้อยแล้ว เอาเป็นว่าเราไปดูกันดีกว่าครับ ว่าแต่ละไลน์เป็นอย่างไรกันบ้าง
MacBook Air
กลุ่มของ MacBook Air นั้น รูปร่างรูปทรงก็เหมือนรุ่นเดิมแทบจะ 100% ส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงโดยหลักก็คือสเปกเครื่องที่เปลี่ยนไปใช้ Intel Ivy Bridge แล้ว พ่วงมาด้วยการ์ดจอ Intel HD Graphics 4000 ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยก็จะแยกออกเป็นรุ่นจอ 11 (ความละเอียด 1366 x 768) กับ 13 นิ้ว (ความละเอียด 1440 x 900) ดังนี้
- 11? / Core i5 1.7 GHz / RAM 4 GB / SSD 64 GB / ราคา 32,900 บาท :?สเปกเต็มๆ
- 11? / Core i5 1.7 GHz / RAM 4 GB / SSD 128 GB / ราคา 36,900 บาท :?สเปกเต็มๆ
- 13? / Core i5 1.8 GHz / RAM 4 GB / SSD 128 GB / ราคา 39,900 บาท:?สเปกเต็มๆ
- 13? / Core i5 1.8 GHz / RAM 4 GB / SSD 256 GB / ราคา 49,900 บาท:?สเปกเต็มๆ
นอกจากการเปลี่ยนแปลงเรื่องสเปกแล้ว อีกส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงก็คือตัวพอร์ตสำหรับชาร์จไฟ ที่มีการเปลี่ยนไปใช้เป็น MagSafe 2 แทน ซึ่งขนาดของตัวพอร์ตจะมีความบางกว่า MagSafe ปกติเล็กน้อย
ส่วนของ MacBook Pro นั้น รุ่น 13 นิ้วไม่ถือว่ามีความเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ในรุ่น 15 นิ้ว ทาง Apple ได้จัดการ์ดจอระดับกลางเกือบสูงอย่าง NVIDIA GeForce GT 650M มาให้ ทำให้ประสิทธิภาพในการเล่นเกมน่าจะดีขึ้นกว่ารุ่นเก่ามากพอตัว ด้านความละเอียดจอนั้น รุ่น 13? จะคงไว้ที่ 1280 x 800 ส่วนรุ่น 15? จะอยู่ที่ 1440 x 900 โดยรายละเอียดคร่าวๆ ของแต่ละรุ่นก็มีดังนี้
- 13? / Core i5 2.5 GHz / RAM 4 GB / HDD 500 GB / ราคา 39,900 บาท :?สเปกเต็มๆ
- 13? / Core i7 2.9 GHz / RAM 8 GB / HDD 750 GB / ราคา 49,900 บาท :?สเปกเต็มๆ
- 15? / Core i7 2.3 GHz / RAM 4 GB / HDD 500 GB / GT 650M (512MB) / ราคา 59,900 บาท :?สเปกเต็มๆ
- 15? / Core i7 2.6 GHz / RAM 8 GB / HDD 750 GB / GT 650M (1GB) / ราคา 72,900 บาท :?สเปกเต็มๆ
ใครสนใจก็สามารถสั่งซื้อกันได้เลยนะครับดูจากรายละเอียดของ Apple Store Online น่าจะได้ของประมาณ 2-3 อาทิตย์ต่อจากนี้ ส่วนหน้าร้านเท่าที่ทราบมาล่าสุดของจะเข้ามาในอาทิตย์หน้าไม่ก็อาทิตย์ถัดไปครับ (สอบถามจากพนักงาน iStudio ระดับสูง)
——?
นอกจากการเปิดตัว MacBook Pro, MacBook Pro with Retina Display และ MacBook Air แล้ว อีกส่วนที่มีการนำมาโชว์ในงาน Apple WWDC 2012 นั้นก็คือส่วนของ OS X 10.8 (Mountain Lion) ที่นำมาโชว์ฟีเจอร์ใหม่ๆ ในงานด้วยเช่นกัน ซึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว ก่อนอื่น เรามาชมวิดีโอแนะนำตัวกันก่อนครับ?
ส่วนฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาของ OS X 10.8 Mountain Lion ก็มีดังนี้
iCloud
ตัว iCloud จะถูกรวมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ OS X อย่างสมบูรณ์แบบ โดยจะเป็นแหล่งเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ ของเครื่อง เช่น อีเมล, ข้อความ, บันทึกข้อความ, อีเมล, bookmark ต่างๆ รวมไปถึง contact ด้วย ทำให้ผู้ใช้มีความสะดวกมากขึ้นเมื่อจำเป็นต้องล้างเครื่องหรือนำข้อมูลสำคัญต่างๆ เหล่านี้ไปใช้บนอุปกรณ์ OS X หรือ iOS เครื่องอื่นๆ เพราะจะมีการบังคับให้ผู้ใช้ต้องล็อกอินเข้าระบบ iCloud ก่อนเปิดใช้งานเครื่องครั้งแรกเสมอ
นอกจากนี้ตัวระบบจะมีการ sync ข้อมูลกับ iCloud อยู่เกือบตลอดเวลา ทำให้การแก้ไขข้อมูลต่างๆ บนอุปกรณ์ใดที่เชื่อมต่ออยู่กับ iCloud ด้วยบัญชีผู้ใช้เดียวกัน ข้อมูลของในทุกๆ เครื่องที่ใช้บัญชีเดียวกันนั้นจะถูก sync ให้ตรงกัน ทำให้ข้อมูลเป็นปัจจุบันในทุกอุปกรณ์ ตัดปัญหาข้อมูลไม่อัพเดตไปได้ทันที
Reminders / Notes
จะเป็นระบบแจ้งเตือนเพื่อช่วยจัดระเบียบให้กับชีวิตของผู้ใช้งาน โดยไม่ว่าจะตั้งค่า Reminder ไว้ที่ใด ระบบก็จะทำการ sync ผ่าน iCloud ให้อัตโนมัติ ทำให้ทั้ง iPhone และ iPad สามารถแจ้งเตือนก่อนถึงการนัดหมายได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วน Note ก็จะมีลักษณะการ sync แบบเดียวกัน แต่จะเป็นการบันทึกข้อมูลแบบเดียวกับสมุดบันทึกเลย
Message
ในที่สุดตัวของ iMessage ก็ได้เข้ามารวมอยู่ใน OS X แล้ว โดยจะเป็นการรวมตัวกันของ iMessage, FaceTime และ iChat เข้ามาไว้ในตัวเดียวกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถทั้งพิมพ์ข้อความคุยกัน หรือจะใช้ video chat กันเลยก็สามารถทำได้ในโปรแกรมเดียว เรียกได้ว่าช่วยลดความยุ่งยากและซับซ้อนของโปรแกรมลงไปได้มาก
Notification Center
อันนี้เรียกได้ว่ายกข้อดีของ iOS มาใส่ใน OS X กันเลยทีเดียว เพราะจะเป็นการรวบรวมการแจ้งเตือนทั้งหมดไว้ในศูนย์กลางที่เดียวทางฝั่งขวาของจอ ทำให้สามารถเรียกดูได้อย่างง่ายดาย แถมการเรียกใช้ก็ทำได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ลากนิ้ว (swipe) บนทัชแพดไปทางซ้ายของจอเท่านั้นเอง
โดยตัวอย่างของการแจ้งเตือนก็อย่างเช่น อีเมล, Twitter, IM ต่างๆ รวมไปถึงการแจ้งเตือนการอัพเดตของระบบ เป็นต้น
Power Nap
เป็นระบบที่ช่วยให้สามารถอัพเดตข้อมูลต่างๆ เช่น อีเมล, contact, calendar หรือข้อมูลต่างๆ บน iCloud ได้โดยไม่รบกวนผู้ใช้แม้เครื่องจะอยู่ใน Sleep mode แถมช่วยอัพเดตตัวระบบให้ทันสมัยและ backup ข้อมูลให้กับผู้ใช้ได้อย่างอัตโนมัติ และเมื่อผู้ใช้เปิดเครื่องขึ้นมาใช้งานอีกครั้ง ก็จะสามารถใช้งานเครื่องได้ทันที ไม่ต้องมานั่งรอหน้าจออัพเดตอย่างที่เป็นปัญหากับหลายๆ คน ใน Windows
Dictation
ฟีเจอร์สำหรับการรับเสียงพูดของเราแล้วไปแปลงเป็นคำอย่างใน Siri ก็ถูกถ่ายทอดลงมาสู่ OS X 10.8 Mountain Lion ด้วยเช่นกัน โดยมันสามารถฟังเสียงของเราแล้วพิมพฺออกมาเป็นข้อความได้เลย แถมยังมีความสามารถในการเรียนรู้และจดจำเสียงหรือคำพูดของผู้ใช้ได้ เพื่อให้การใช้งานครั้งต่อๆ ไปสะดวกยิ่งขึ้น
โดยภาษาที่รองรับในตอนนี้ก็จะมีภาษาอังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน และญี่ปุ่น (หวังว่าจะมาถึงภาษาไทยบ้างนะ)
การแชร์ข้อมูลจะเป็นส่วนที่ได้รับความสำคัญมากขึ้นในตัว OS X 10.8 Mountain Lion โดยจะมีปุ่มสำหรับแชร์ข้อมูลไปยังแหล่งอื่นๆ เช่น แชร์ขึ้น Facebook, ขึ้น Twitter หรือช่องทางอื่นๆ ทำให้สะดวกขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ส่วนใน Safari ก็จะมีปุ่มเฉพาะมาให้เลย ทำให้ผู้ใช้สามารถแชร์ข้อมูลต่างๆ ขึ้นสู่ social network ได้อย่างรวดเร็ว
Facebook / Twitter
สืบเนื่องมาจากการรวม Facebook เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ iOS 6 ทำให้ก็ต้องมีการรวมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งใน OS X ด้วยเช่นกัน โดยจุดประสงค์หลักๆ ก็คือเพื่อทำให้สามารถแชร์สเตตัส, รูปภาพ หรือวิดีโอต่างๆ ได้อย่างสะดวกกว่าเดิม ไม่จำเป็นว่าต้องเปิดหน้าเว็บ Facebook แต่อย่างใด
เช่นเดียวกับ Twitter ที่ในคราวนี้จะมีปุ่มให้ผู้ใช้สามารถทวิตข้อความได้จากในโปรแกรมหลายๆ ตัวได้เลย ไม่ว่าจะเป็น Safari, iPhoto และโปรแกรมอื่นๆ อีกหลายๆ ตัว
AirPlay
ถ้าต้องการจะเชื่อมต่อ Mac เข้ากับ Apple TV ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายมากขึ้น ด้วยรูปแบบการตั้งค่าที่ออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถทำความเข้าใจและใช้งานได้ง่ายขึ้นกว่าเก่า
Game Center
ฟีเจอร์นี้จะมาช่วยยกระดับการเล่นเกม ให้ผู้ใช้ Mac สามารถเล่นเกมร่วมกับผู้ที่ใช้ iPhone, iPad หรือ iPod Touch ได้ โดยเชื่อมต่อกันผ่านทาง Apple ID ใน Game Center
Gatekeeper
เป็นส่วนที่จะเข้ามาเพิ่มความปลอดภัยให้กับการติดตั้งโปรแกรมของผู้ใช้ ซึ่งสามารถตั้งค่าให้เครื่องเลือกติดตั้งได้เฉพาะกับโปรแกรมที่อยู่บน Mac App Store เท่านั้นก็ได้ ทำให้เหมาะกับการใช้ควบคุมความปลอดภัยของเครื่องและของเครือข่าย
Safari
ตัวของ Safari จะได้รับการปรับปรุงเพื่อเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ มาหลายตัว เช่นเพิ่มช่อง Search smart เพื่อช่วยในการค้นหาคำบนเว็บได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น หรือจะเป็นฟีเจอร์ในการรวมรายชื่อเว็บที่เปิดค้างไว้ใน iPhone หรือ iPad มาแสดงให้ผู้ใช้สามารถเลือกมาอ่านต่อได้ (sync ผ่าน iCloud) อีกทั้งมีการเพิ่มฟีเจอร์ Offline Reading List ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเปิดอ่านหน้าเว็บที่เก็บแคชไว้ได้แม้ไม่ได้ต่อเน็ตอยู่
ส่วนในเรื่องประสิทธิภาพก็ได้รับการพัฒนาขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน
โดยรวมแล้ว OS X 10.8 Mountain Lion ได้รับการอัพเดตขึ้นจาก OS X 10.7 Lion พอสมควรเลย ซึ่ง Apple ได้ทำการลงรายการอัพเดตไว้ถึง 200 รายการ (อ่านต่อได้ที่นี่) โดย Apple จะปล่อยตัวเต็มของ OS X 10.8 Mountain Lion ให้ใช้กันในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ โดยมีสองกรณีดังนี้
- สำหรับผู้ที่ซื้อเครื่อง Mac รุ่นใหม่ หรือหลังวันที่ 11 มิถุนายน 2555 จะได้รับการอัพเดตเป็น OS X 10.8 ฟรี
- ถ้าไม่เข้าเงื่อนไขด้านบน จะเสียเงินค่าอัพเดต(แบบถูกกฏหมาย) $19.99 ตีเป็นประมาณ 600 กว่าบาท
——?
จากงาน WWDC 2012 ที่จัดขึ้นในปีนี้ นอกเหนือจากจะเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการ iOS 6 และ OS X 10.8 Mountain Lion? ที่น่าสนใจ ยังมีในส่วนของโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่อย่าง The new MacBook Pro (MacBook Pro Retina Display)?รวมอยู่ด้วยแน่นอนว่าในส่วนของรายละเอียดมีคนเฝ้ารอติดตามอย่างแน่นอน ซึ่งจะขอเริ่มต้นด้วย MacBook Air และ MacBook Pro ที่มีการอัพเดทในส่วนของสเปกกันก่อนนะครับ
ในส่วนของหน้าตารูปร่างเครื่องไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยครับสำหรับ?MacBook Air และ MacBook Pro รุ่นใหม่ แต่ก็ได้มีการตัด MacBook Pro 17 ออกไปจากไลน์ของ MacBook เป็นที่เรียบร้อย
แน่นอนว่าด้านของสเปกของ MacBook Air จะได้อัพเกรดเป็นชิปประมวลผล Intel Ivy Bridge รุ่นล่าสุด ซึ่งให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่ารุ่นก่อนในทุกๆ ด้าน
ที่สำคัญในส่วนของหน่วยความจำสำรองที่เป็น SSD จากเดิมจะมีขนาด 64GB -256GB ให้เลือกตามแต่รุ่น แต่ในรุ่นใหม่นี้จะมีความจุสูงสุดถึง 512GB มาให้เลือกใช้งานด้วย
นอกจากนี้เรื่องที่รอคอยมาแสนนานกับ USB 3.0 ใน MacBook Air รุ่นใหม่ก็จัดมาใช้เช่นกันโดยเป็น USB 3.0 ทั้ง 2 พอร์ต
สนนราคาของ MacBook Air รุ่น 11 นิ้วอยู่ที่ $999 สำหรับความจุ 64GB และ $1099 กับความจุ 128GB ที่ลดราคาลงมาจากรุ่นก่อน $100 ครับ?
ส่วน MacBook Air รุ่น 13 นิ้วก็ลดราคาลงมาทั้ง 2 ความจุเช่นกัน โดยลดราคาคงมา $100 ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการมาของเหล่า Ultrabook ครับ
มาต่อกันที่ MacBook Pro ซีรีย์โน๊ตบุ๊คยอดนิยมของทาง Apple ก็ได้มีการอัพเกรดเป็นชิปประมวลผล Intel Ivy Bridge เช่นกัน ความแรงสูงสุดเป็นตัว Core i7 ความเร็ว 2.7GHz ซึ่งเพิ่มไปได้ถึง 3.7GHz ทีเดียว
ด้านของกราฟิกการ์ดใน MacBook Pro ขนาด 15 นิ้วได้เลือกใช้เป็น NVIDIA GeForce GT 650M หน่วยความจำ 1GB ที่จัดได้ว่าเป็นกราฟิกการ์ดในโน๊ตบุ๊คระดับกลางค่อนไปทางสูง พร้อม Intel HD Graphics 4000 ที่อยู่ในชิป Ivy Bridge?แต่ในส่วนของ MacBook ขนาด 13 ได้ใช้เป็นเพียง Intel HD Graphics 4000?เท่านั้น โดยพอเพียงสำหรับการใข้งานทั่วไปหรืองานกราฟิกที่ไม่จำเป็นต้องการประสิทธิภาพมากนัก
สำหรับพอร์ตต่างๆ ของตัวเครื่อง MacBook ทั้ง 13 และ 15 ยังคงไว้เหมือนเดิม ได้เพิ่มแค่เพียง USB 3.0 เท่านั้นจากที่เป็น USB 2.0
ในส่วนของสเปกอื่นๆ ก็ยังคงเดิมเอาไว้ และราคาก็ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแต่อย่างใด สำหรับ MacBook Pro 13
แต่ในส่วนของ MacBook Pro 15 นั้นรุ่นระดับสูงสุดได้มีการเพิ่มแรมเป็นขนาด 8GB มาให้ พร้อมกับเครื่องทันที และทั้ง MacBook Air และ MacBook Pro รุ่นใหม่นี้ พร้อมวางขายมันทีที่อเมริกา สำหรับประเทศไทยก็รอตามลำดับ แต่คาดว่าไม่เกินหนึ่งเดือน ก็น่าจะเข้าไทยเป็นที่เรียบร้อยอย่างแน่นอน
เอาล่ะเรามาถึงคนสำคัญที่ในงานกันแล้วกับ Next Generation MacBook Pro หรือ The new MacBook Pro หรือชื่อจริงๆ มันก็คือ MacBook Pro Retina Display?ที่มาพร้อมกับความสดใหม่อย่างที่สุด ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำและหน้าตาแบบใหม่ ที่ทุกๆ คนรอคอยมากว่า 4 ปี
ดูจากด้านข้างเครื่องก็จะเห็นได้ว่ามีความบางกว่า MacBook Pro รุ่นก่อนอย่างชัดเจน รวมไปถึงพอร์ตการเชื่อมต่อก็ไปกองๆ ไว้อยู่ด้านข้างไปทางหลังเครื่องแบบ MacBook Air
โดยความบางที่ Apple บอกข้อมูลมานั้นอยู่ที่ 0.71 นิ้ว หรือเท่ากับ 19 มิลลิเมตรนั้นเอง ส่วนน้ำหนักก็อยู่ 2.02 กิโลกรัมเท่านั้นเองครับ?จัดได้ว่ามีบางเบาเทียบกับ Ultrabook บางรุ่นเลยทีเดียว และเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15 นิ้วที่เบามากๆ อีกด้วย
ภาพเมื่อนำ The new MacBook Pro (MacBook Pro Retina Display)?ไปเทียบกับ MacBook Pro ตัวก่อน ดูแล้วต่างกันอย่างไม่ต้องสังเกตอะไรมากมาย?
ซึ่งถ้านำไปเทียบกับ MacBook Air ก็จะเห็นว่ามีความใกล้เคียงกันพอสมควร แต่ยังไงในส่วนของของ MacBook Air ต้องมีความบางกว่าอยู่แล้ว
สำหรับในเรื่องของสเปกหน้าจอก็เป็นไปตามคาดคือมีความละเอียดสูงขึ้น ซึ่ง The new MacBook Pro (MacBook Pro Retina Display)??ขนาดหน้าจอ 15.4 นิ้ว (มีขนาดเดียว) มาพร้อมกับความละเอียด 2880 x 1800 พิกเซล จากเดิมที่มีขนาด 1440 x 900 พิกเซล และความละเอียดหน้าจอที่มาใน MacBook Pro Retina Display?นี้จัดได้ว่ามีความหนาแน่นของพิกเซลถึง 220 ppi เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ของ Apple ที่เป็น Retina Display ก็ว่าได้ นอกจาก?The new iPad และ iPhone 4S ขณะนี้ อีกทั้งยังเลือกใช้พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ที่จากแต่ก่อนตระกูล MacBook Pro ไม่เคยมีมา (มีแต่ใน iMac และ Thunderbolt Display เท่านั้น)
รวมไปถึงหากเทียบกับโน๊ตบุ๊คในท้องตลาดปัจจุบัน The new MacBook Pro (MacBook Pro Retina Display)?ก็เป็นโน๊ตบุ๊คที่มีความละเอียดของหน้าจอสูงที่สุดในโลกเลยทีเดียว
ซึ่งความละเอียดสูงระดับนี้ที่มาพร้อมกับ MacBook Pro Retina Display?รองรับการทำงานกราฟิกระดับสูงหรือเกม 3 มิติใหม่อย่าง Diablo 3 ได้อย่างสบายๆ อีกทั้งภาพนี้จะเห็นได้ว่าทาง Apple ได้ตัดคำว่า MacBook Pro ออกจากบริเวณใต้หน้าจอตรงกลางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เรื่องของวัสดุก็ยังคงใช้เป็นอะลูมิเนียมแบบเดิมที่เป็น Unibody (แผ่นเดียวทั้งชิ้นไร้รอยต่อ) ที่ให้ทั้งในเรื่องความแข็งแรงและทนทาน อีกทั้งยังให้ความสวยงามหรูหรา?
ด้านงานประกอบก็ยังคงออกแบบได้เนียบเหมือนเดิมตามสไตล์ของ Apple ที่ไม่ทำให้ผิดหวังทั้งด้านนอกและด้านใน ที่ดูจากภาพจะเห็นว่ามีการอัดแบตเตอรี่มาอย่างเต็มที่ไม่น้อยหน้า MacBook Air ส่วนพัดลมระบายความร้อนก็มีอยู่ 2 ตัวด้วยกัน เพิ่มช่วยกันระบายความร้อนให้ดียิ่งขึ้นไปอีก จุดสังเกตอีกอย่างก็คือ ไม่มีไดร์ฟ DVD อีกต่อไปแล้ว (ดีแล้วที่ไม่มี มีไปก็ไม่ค่อยได้ใช้ ฮา)
แน่นอนด้านประสิทธิภาพการทำงานต้องมาแบบจัดเต็มสูงสุดจึงมาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Ivy Bridge Core i7 ที่โดยหลักมีให้เลือก 2 สเปกก็คือ?
- 2.3GHz quad-core Intel Core i7 processor (Turbo Boost up to 3.3GHz) with 6MB shared L3 cache
- 2.6GHz quad-core Intel Core i7 processor (Turbo Boost up to 3.6GHz) with 6MB shared L3 cache?
ต่อเป็นหน่วยความจำแรมที่เป็นแบบฝังลงบอร์ดขนาด?8GB DDR3 ?ความเร็วบัสที่ 1600MHz (ถ้าอยากได้ ?16GB ต้องสั่งพิเศษ)??
กราฟิกการ์ดเป็นตัวเดียวกับ MacBook Pro รุ่นใหม่ ก็คือ?NVIDIA GeForce GT 650M ขนาด?1GB แบบ GDDR5 อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ด Intel HD Graphics 4000 มาเป็นตัวเลือกในการใช้เวลาที่เราใช้งานทั่วไป?
หน่วยความจำสำรองเป็นแบบ Fast Flash Storage เท่านั้น โดยมีให้เลือกขนาด 256GB และ 512GB ตามแต่รุ่น ซึ่งสามารถอัพได้เพิ่มสูงสุดที่ 768GB (ต้องสั่งพิเศษจากทาง Apple)
สำหรับระยะเวลาในการใช้งาน สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 7 ชั่วโมง พร้อมทั้งสามารถอยู่ในโหมด Standby ได้ยาวนานถึง 30 วัน ซึ่งก็น่าจะเป็นผลที่จัดเต็มแบตเตอรี่มาซะขนาดนั้น ประกอบกับชิป Intel Ivy Bridge รุ่นใหม่
การเชื่อมต่อของ The new MacBook Pro (MacBook Pro Retina Display)?นีี้ ทางด้านขวาของตัวเครื่องจะเป็นเครื่องอ่านการ์ดแบบ SD Card / พอร์ต HDMI (อันนี้มาแปลก) /USB 3.0 ถัดมาส่วนทางด้านซ้ายก็จะเป็น Magsaft (ช่องชาร์จไฟเฉพาะของ Apple) / พอร์ต Thunderbolt (Mini DisplayPort) จำนวน 2 พอร์ตติดกัน / USB 3.0 และสุดท้ายคือ ช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร
ซึ่งถ้าใครเคยใช้ MacBook Pro จะรู้ว่า ใน The new MacBook Pro (MacBook Pro Retina Display)?ได้มีการตัดพอร์ตอย่าง Firewire 800 และ Gigabit Ethernet ออกไปแล้ว โดยถ้าใครจะใช้ทาง Apple ก็มีสายแปลงขายเพิ่มให้ (อีกตามเคย) ซึ่งแปลงจากช่อง Thunderbolt ที่มีอยู่?
แน่นอนว่าของไฟ Backlit Keyboard อันนี้ก็ต้องจัดมาใน The new MacBook Pro (MacBook Pro Retina Display)?เช่นกัน
มาพร้อมกับการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Wi-Fi 802.11n และ Bluetooth 4.0 รุ่นใหม่ล่าสุด โดยจากภาพตรงนี้จะเห็นได้มีการย้ายปุ่ม Power มาไว้ตรงคีย์บอร์ดมุมขวาบนสุด (ที่เดิมนี้เป็นปุ่ม Eject?) อย่างที่เคยทำมาแล้วใน MacBook Air แต่ในส่วนอื่นๆ อย่างลำโพงและคียบอร์ดยังคงรูปแบบเดิมเอาไว้
นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มในส่วนของไมโครโฟนเป็น 2 ตัวด้วยกัน เพื่อเป็นการรับเสียงได้ดียิ่งขึ้น
มาดูที่ด้านตัวเครื่องอีกครั้ง ถ้าใครเคยแกะเครื่อง MacBook Pro ก็จะรู้ได้เลยว่าทาง Apple มีความประณีตในการออกแบบและงานประกอบมากๆ เรียกได้ว่าสวยทั้งข้างนอกจนไปถึงข้างในเลยก็ว่าได้?
ที่สำคัญตรง จุดนี้ยังแสดงให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยมด้วยการดูดออการจากด้านข้างตัวเครื่องและปล่อยความร้อนออกทางด้านหลัง เรียกได้ว่าเป็นการลดจุดอ่อนอีกอย่างหนึ่งของ MacBook Pro รุ่นที่ผ่านมาเลยทีเดียว
สนนราคาของ The new MacBook Pro (MacBook Pro Retina Display)?เริ่มต้นที่ $2199 และอีกหนึ่งสเปกที่สูงกว่าด้วยซีพียูและหน่วยความจำ 512GB ก็จะเป็น $2799 ซึ่งสำหรับเมืองไทยก็ออกมาแล้วโดยอยู่ที่ 72,900 บาท และ 94,900 บาท ครับ (ราคาจาก Apple Store Thailand) ใครสนใจก็รีบเก็บเงินเตรียมซื้อในเดือนหน้าเลยนะครับ หรือถ้าจะสั่งซื้อก็ทำได้เลย (ของก็จะมาประมาณ 2-3 อาทิตย์) หน้าร้านพวก iStudio คิดว่าน่าจะเข้าไทยอีกประมาณไม่เกินหนึ่งเดือนต่อจากนี้แน่นนอน ที่สำคัญถ้าทางทีมงานได้?The new MacBook Pro เครื่องนี้มารีวิวเมื่อไหร่ก็จะรีบมารายงานทันทีเลยครับ ส่วนใครจะเรียก MacBook Pro รุ่นใหม่นี้ว่า?The new MacBook Pro หรือ MacBook Pro 2012 ก็แล้วแต่ครับ แต่ทาง Apple เรียก MacBook Pro Retina อันนี้ดูแล้วน่าจะเป็นชื่อแบบเป็นทางการ
http://store.apple.com/th/browse/home/shop_mac/family/macbook_pro/select
?
http://store.apple.com/th/browse/home/shop_mac/family/macbook_air/select
สรุปราคาทั้งหมดของ MacBook ในงาน WWDC 2012
MacBook Pro?
13″ : $1199 -> i5-3210M
13″ : $1499 -> i7-3520M
15″ : $1799 -> i7-3610QM
15″ : $2199 -> i7-3720QM
15″ Retina : $2199 -> i7-3615QM
15″ Retina : $2799 -> i7-3720QM
MacBook Air
11″ : $999 -> i5-3317U
11″ : $1099 -> i5-3317U
13″ : $1199 -> i5-3427U
13″ : $1499 -> i5-3427U?
ที่มา :?theverge?