Connect with us

Hi, what are you looking for?

Notebook Review

Review – Dell Latitude 7400 2-in-1 โน๊ตบุ๊ค Commercial พับจอได้มีปากกา แบต 16 ชั่วโมง ใส่ซิมใช้ 4G ได้

โน๊ตบุ๊คแบรนด์ Dell ฝั่ง Commercial เน้นใช้งานระดับมืออาชีพ ได้รับความน่าเชื่อถือมาอย่างยาวนานและเป็นที่นิยมในการใช้งานกับองค์กรและภาคธุรกิจอย่างมากมาย ทั้งมาตรฐานการบริการ Dell Pro Support และ On-site Service “บริการซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ” ถึง 3 ปีด้วยกัน (with Battery Service Support)

โน๊ตบุ๊คแบรนด์ Dell ฝั่ง Commercial เน้นใช้งานระดับมืออาชีพ ได้รับความน่าเชื่อถือมาอย่างยาวนานและเป็นที่นิยมในการใช้งานกับองค์กรและภาคธุรกิจอย่างมากมาย ทั้งมาตรฐานการบริการ Dell Pro Support และ On-site Service “บริการซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ” ถึง 3 ปีด้วยกัน (with Battery Service Support) ​มาพร้อมดีไซน์ที่เรียบๆ แต่แฝงความหรูหรา รวมถึงโดยทั่วไปแล้วคนมักจะมองว่าแบรนด์ Dell เป็นแบรนด์ระดับสูง เพราะผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในท้องตลาดนั้นอยู่ในเกรดที่สูงกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปนั่นเอง โดดเด่นเรื่องความแข็งแรงทนทาน ประสทิธิภาพ สเถียรภาพ และความปลอดภัยเป็นพิเศษ

โดยซีรีส์ Commercial แบ่งออกเป็น Vostro, Latitude, Precision, XPS สำหรับลูกค้าองค์กร ซึ่งบทความนี้จะเป็นรีวิวของ Dell Latitude 7400 2-in-1 ที่เป็น 2-in-1 Notebook หน้าจอ 14″ ความละเอียดหน้าจอก็เป็นระดับ Full HD พาเนล IPS รองรับการทัชสกรีนและปากกา Dell Active Pen พร้อมขอบหน้าจอบางเฉียบที่ดูหรูหรา ได้ขนาดตัวเครื่องที่บางเบาเล็กกระทัดรัด ซึ่งเครื่องที่ได้รับมารีวิวนี้เป็นเดโม สเปกเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-8665U ที่เป็นรุ่นพิเศษ แรมขนาด 8GB DDR3L พร้อม SSD ความจุ 128GB ใช้งาน Windows 10 Pro ได้ทันที ซึ่งจะแตกต่างจากรุ่นขายจริงอยู่หลายส่วน

Advertisement

NBS Verdict

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 26

Dell Latitude 7400 2-in-1 เหมาะกับคนที่ต้องการที่สุดของ 2-in-1 Notebook เพื่อสายงาน Commercial เน้นใช้งานระดับมืออาชีพในองค์กร ที่จัดได้ว่ามีความครบครันในการใช้งานหลายๆ ด้าน ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานทั้งในกลุ่มคนทำงานจริงจังที่เน้นเรื่องของภาพลักษณ์ อีกทั้งยังให้ความแข็งแรง ประสิทธิภาพ สเถียรภาพ และความปลอดภัยเป็นพิเศษด้วย IR Camera ได้ประสบการณ์ใช้งานที่สุดยอดเรื่องของหน้าจอที่สวยงามและทนทานด้วยกระจก Gorilla Glass 5 รวมถึงการพิมพ์ด้วยคีย์บอร์ดในตัวเครื่อง สนับสนุนการนำเสนองาน ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้งานหลากหลายโหมด และรองรับปากกา Dell Premium Active Pen (PN579X) ไว้ขีดเขียนในตัว

ตัวเครื่องบางเบาลงไปอีกจากรุ่นก่อนๆ พร้อมทั้งเน้นพกพาใช้งานนนอกสถานที่ จากการที่แบตยาวนานกว่า 16 ชั่วโมง ได้สเปคภายในที่ครบครันเพียงพอต่อลักษณะงาน ด้วยชิปประมวลผล Intel Core i5-8265U / i7-8665U สถาปัตยกรรม Whiskey Lake ที่เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร อีกทั้งได้แรมขนาด 8GB / 16GB พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ใช้งานทันที สุดท้ายกับบริการหลังการขายที่มั่นใจได้เลย จาก Dell Pro Support ที่บริการ 24/7 และ On-site Service “บริการซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ” ถึง 3 ปีด้วยกัน (with Battery Service Support) แม้ราคาจะสูงกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป แต่ก็ยอมจ่ายได้

จุดเด่น

  • เป็น 2-in-1 Notebook หน้าจอ 14″ แต่มีขนาดตัวเครื่องเล็กเทียบเท่ารุ่นหน้าจอ 13.3″
  • พาเนลหน้าจอ IPS มีคุณภาพสูง ขอบเขตสีกว้าง รองรับการทัชสกรีนและปากกา
  • ขอบจอบางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เพิ่มความโดดเด่น ส่งผลให้มิติตัวเครื่องกระชับ
  • ตัวเครื่องมีความแข็งแรงทนทนหรูหราจากวัสดุโลหะที่มีการขึ้นรูปมาเป็นอย่างดี
  • สัมผัสการพิมพ์ด้วยคีย์บอร์ดถือว่าดีเยี่ยมกว่าโน๊ตบุ๊คบางเบาทั่วไป
  • ประสิทธิภาพดีด้วยสเปกภายในที่เพียงพอต่อการใช้งานพื้นฐาน
  • พอร์ตการเชื่อมต่อมาตรฐาน Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 16 ชั่วโมง
  • มี Windows 10 แท้ และมีซอฟต์แวร์ต่างๆ พร้อมใช้งาน
  • มีช่องซิมการ์ดเพื่อใช้อินเตอร์เน็ต 4G LTE
  • มี Proximity-Sensor ไว้คอยตรวจจับการใช้งานของเรา
  • รองรับ Windows Hello ด้วย IR Camera
  • Dell Pro Support ประกันถึง 3 ปี มาพร้อม On Site Service และบริการอื่นๆ

ข้อสังเกตุ

  • เทียบสเปกเฉพาะ CPU / RAM / SSD มีราคาสูงกว่า 2-in-1 Notebook ทั่วไปพอสมควร
  • ยังเป็น Intel Core i Gen 8 ซึ่งเป็นปกติของโน๊ตบุ๊คCommercial ที่ใช้เวลา Optimize นานกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
  • SSD ที่ให้มาความเร็วในการเขียนอ่านน้อยไปหน่อย แต่ก็เพียงพอต่อใช้งาน
  • ซื้อได้ผ่านทางร้านที่จำหน่ายโน๊ตบุ๊ค Dell ซีรีส์ Commercial เท่านั้น
  • เครื่องที่นำมาทดสอบเป็นเครื่องเดโม ไม่ใช่สเปกขายจริงแต่อย่างใด

Specification

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 5

สเปกภายในของตัว Dell Latitude 7400 2-in-1 จะคล้ายกับกลุ่ม 2-in-1 Notebook ระดับบน โดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 14″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง มุมมองกว้างถึง 170 องศา ใช้กระจกเป็น Gorilla Glass 5 ที่ทนทานหมดปัญหาเรื่องรอยขีดขวน รองรับการทัชสกรีนได้อย่างเต็มรูปแบบทั้งนิ้วมือและปากกา Dell Active Pen ซึ่งหลักๆ แล้วสเปกขายจริงแบ่งออกเป็น 2 รุ่นคือ Intel Core i5-8265U (Quad Core 1.6GHz, Turbo 3.9GHz, 6MB cache) และ Core i7-8665U (Quad Core 1.9GHz, Turbo 4.8GHz, 8MB cache) พร้อมรองรับ Intel vPro Technology ได้เป็นการ์ดจอออนชิปเหมือนกันก็คือ UHD Graphics 620 ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดีระดับหนึ่ง

ส่วนแรมก็ติดตั้งมาแบบออนบอร์ดด้วยขนาด 8GB / 16GB มาตรฐาน DDR3L ที่ Bus 2133MHz  ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน  สำหรับฮาร์ดดิสก์เป็น SSD M.2 NVMe ความเร็วสูงที่ความจุ 512GB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Intel Dual Band Wireless AC 9560 (802.11ac) 2×2 พร้อม Bluetooth 5.0 ส่วนการเชื่อมต่ออื่นๆ ก็ครบครันไม่ว่าจะเป็น 2 x USB 3.1 Type-A (one with PowerShare), 2 x Thunderbolt 3 (USB TypeC), 1 x HDMI 1.4, 1 x uSD 4.0 Memory card reader และช่องซิมการ์ดเพื่อใช้อินเตอร์เน็ต 4G LTE รวมไปถึงมี Proximity-Sensor ไว้คอยตรวจจับการใช้งานของเราด้วย เพื่อประหยัดพลังงานนั่นเอง สำหรับน้ำหนักตัวเครื่องเบาเพียง 1.35 กิโลกรัมเท่านั้น

Dell Latitude 7400 2-in-1 มีอยู่ 2 ราคาด้วยกัน คือ 64,900 บาท และ 72,900 บาท (เป็นราคากลางที่ยังไม่ลด) พร้อมการรับประกัน 3 ปี แบบ Dell Pro Support และ On-Site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ตามมาตรฐานของ Dell ที่ระดับมืออาชีพมั่นใจ

Hardware / Design

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 2

การออกแบบโดยรวมของ Dell Latitude 7400 2-in-1 นั้นจะดูกระชับกว่าโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ อยู่พอสมควร เนื่องด้วยมีการใช้ตัวเครื่องขนาด 13.3″ เท่านั้น ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา ทางด้านแนวคิดด้านดีไซน์ตัวเครื่องนั้น Dell Latitude 7400 2-in-1 ยังคงมาพร้อมกับ Infinity Edge display เช่นเดิมแต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาก็คือขนาดของขอบตัวเครื่องนั้นจะบางลงกว่าเดิมกว่า 25% ทำให้ผู้ใช้สามารถเห็นความแตกต่างจากโน๊ตบุ๊คทั่วๆ ไปอย่างชัดเจน ซึ่งโดยรวมแล้วมีความเล็กกระชับความเดิม ส่วนน้ำหนักก็เบามากๆ เพียง 1.35 กิโลกรัมเท่านั้น ตอบโจทย์การพกพาอย่างที่สุดทำให้มีความโดดเด่นมากๆ ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน

ส่วนของตัวเครื่องหลักๆ สีสันจะเป็นเงิน Silver เหมาะกับทั้งสาวๆ หรือหนุ่มๆ วัยทำงานยุคนี้ แล้วจะใช้เป็นอลูมิเนียมแม็กนีเซียมอัลลอยด์คุณภาพสูงตลอดทั้งตัวเครื่องเป็นส่วนประกอบ ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา โดยตัวเครื่องภายนอกทั้งฝาหลังและด้านล่างตัวเครื่องจะเป็นโลหะชั่นเยี่ยม ส่งผลให้เวลาที่เราเอามือมาวางจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป ส่วนด้านในก็เป็นอลูมิเนียมแม็กนีเซียมอัลลอยด์เช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าเวลาใช้งานวางมือลงไปนั้นมีมั่นคงไม่แพ้ด้านนอก ในการใช้งานจริงทำให้มั่นใจได้เลยเรื่องความทนทาน ตามสไตล์ Dell และยิ่งตอกย้ำกับรุ่นนี้ที่เป็น 2-in-1 Notebook ระดับสูง

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 25

อีกหนึ่งจุดเด่นของ Dell Latitude 7400 2-in-1 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใส่ใจในรายละเอียดก็คือ มีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.35 กิโลกรัมอย่างที่กล่าวไปแล้ว ในส่วนของความบางเครื่องก็บางเพียง 8.53 – 14.89 มิลลิเมตรเท่านั้น บอกได้เลยว่าจะหาโน๊ตบุ๊คแบบนี้จากแบรนด์อื่นๆ ก็ยากซักหน่อย  ที่สำคัญอีกเรื่องก็คือบานพับก็เป็นโลหะเกรดสูงที่แข็งแรงทนทานไม่ต่างจากตัวเครื่อง คอยทำหน้าที่หมุนหน้าจอได้ถึง 360 องศา ไว้ใช้ Multi Mode ทำให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ

ส่วนการออกแบบมาอื่นๆ ที่น่าสนใจก็คงเป็นส่วนของโลโก้ Dell ฝาหลังที่สวยงามเป็นสีเงิน ส่วนตัวเครื่องด้านล่างก็จะมีคำว่า Inspiron ปั๊มเอาไว้ นอกจากนี้การออกแบบยางรองใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่เหมือนใคร โดยใช้เป็นแถบยางยาวขนานไปกับแนวยาวของตัวเครื่อง พร้อมกับมีช่องระบายอากาศอยู่เป็นแนวยาวอีก สำหรับ Dell Latitude 7400 2-in-1 ในการท่ายเทความร้อนออกไปจากช่องทางใต้หน้าจอ ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ แม้จะมีพัดลมเพียงตัวเดียวก็สามารถจัดการความร้อนภายในได้เป็นอย่างดี

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 27

ที่สำคัญยังมีการในส่วนของเชื่อมต่อของ Dell Latitude 7400 2-in-1  ก็รองรับเพราะมีพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบครัน อีกทั้งเหนือชั้นกว่ากับการใช้อินเตอร์เน็ต 4G LTE ผ่านทางซิมการ์ด เรียกได้ว่าเรื่องของดีไซน์นั้นตอบโจทย์กับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ เครื่องเดียวจบแน่นอน ทำให้ไม่ว่าเราจะเอาไปทำงานระดับองค์กรมืออาชีพที่ต้องการความแม่นยำไว้ใจได้ หรือเพื่อความบันเทิงส่วนตัว ก็ตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้หมด ด้วยสเปคภายในที่ครบครัน แม้ว่าตัวเครื่องจะบางเบาแล้ว แถมยังมีการรับประกันถึง 3 ปีอีกด้วย แบบ On-site Service คือมารับมาส่งถึงบ้านเลย นอกจากนี้ยังมี Call Center ช่วยบริการตลอด 24 ชั่วโมงด้วย

Keyboard / Touchpad

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 14

ส่วนของคีย์บอร์ดนั้น Dell Latitude 7400 2-in-1 มาตรฐานเป็นคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size ตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีเด้งรับกับนิ้วมือได้เยี่ยมยอดจากระยะที่ลึก ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ตอบสนองได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ก็ถือว่าดีมากๆ เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คปกติทั่วไป ช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด สมกับเป็นสาย Commercial ในส่วนของไฟ LED Backlit ก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียวทั้งในที่มืดๆ หรือแสงน้อย ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะอยู่แยกออกไปอยู่ที่มุมขวาบน ซึ่งข้อดีก็คือมั่นใจได้ว่าจะไม่ไปเผลอกดระหว่างการใช้งานแน่นอน พร้อมมีไฟส่องสว่างให้เห็นสถานะ

ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า

Screen / Speaker

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 1

Dell Latitude 7400 2-in-1 ได้ติดตั้งหน้าจอขนาด 14″ ทัชสกรีนได้ 10 จุดพร้อมกัน สัดส่วน 16:9 ตามมาตรฐาน ที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD เทคโนโลยี Truelife ให้สีสันที่สวยงามสมจริงเมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบชัดเจน โดยการใช้หน้า Desktop ปกติที่ตัวหนังสือหรือปุ่มต่างๆ มีความเรียบเนียนตาทำให้ใช้งานได้สะดวก เรียกได้ว่ากำลังพอดีทีเดียว ประกอบหกับด้วยความที่ดีไซน์หน้าจอบางทั้ง 4 ด้านส่งผลให้ประสบการณ์การใช้งานที่ค่อนข้างน่าประทับใจทีเดียว

โดดเด่นด้วยกระจกแบบ Gorilla Glass 5 ที่แข็งแรงทนทานลดแสงสะท้อน พร้อมรองรับปากกา Dell Premium Active Pen (PN579X) รองรับเทคโนโลยี Wacom AES 2.0 technology ที่แรงกด 4096 ระดับ ให้ความรู้สึกดีเยี่ยมกว่าปากกาสไตลัสทั่วไป ไว้เขียนไว้จดหรือวาดรูปก็ทำได้ อีกทั้งมีการใส่ยางขอบจอมาตลอดแนวของจอเลย ต่างจากโน๊ตบุ๊คอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น ซึ่งยางนี้จะมีประโยชน์ก็ในการซับแรงกระแทกที่เกิดในเวลาที่จอพับอยู่ได้s3 2

การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Dell Latitude 7400 2-in-1 ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite ได้ค่ามาตรฐานขอบเขตสี sRGB ที่ระดับ 94% และ AdobeRGB ที่ 72% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับมืออาชีพแบบสุดๆ เรื่องของการนำไปใช้งานด้านสีที่เน้นความแม่นยำก็ตอบโจทย์อย่างสุดๆ ด้วยมาตรฐานของพาเนล IPS ระดับสูง พร้อมได้ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้อยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานทั่วไป เหมาะกับเอาไปทำงานนอกสถานที่หรือนำเสนองาน หรือผู้ที่ใช้งานด้านตกแต่งภาพที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีเป็นหลัก

ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องแถวกลางทางซ้ายของหน้าจอมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องกลางแถวบนลดลงไประดับ 12% ทำให้ต้องใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนนรวม 4.5 คะแนนถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากๆ

ลำโพงสเตอริโอเทคโนโลยี Waves MaxxAudio Pro ที่อยู่บริเวณขอบตัวเครื่องด้านข้างทั้งซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น ให้เสียงที่ค่อนข้างดี แยกรายละเอียดได้ในระดับที่ดีน่าประทับใจ ถือได้ว่ามีเสียงดังชัดเจนออกแนวใสๆ เน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไลต์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก

Connector / Thin And Weight

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 34

Dell Latitude 7400 2-in-1 มีมาตรฐานพอร์ตต่างๆ เหนือชั้นกว่ากลุ่ม 2-in-1 Notebook ทั่วไป โดดเด่นด้วย Thunderbolt 3 (USB-C) สุดล้ำ ถ่ายโอนไฟล์ได้ไว พร้อมต่อจอความละเอียดสูงได้ และชาร์จแบตเตอรี่ได้ในตัว (ชาร์จด้วย Power Bank ที่รองรับ PD ก็ได้) ซึ่งมีมาให้ 2 พอร์ต รวมไปถึงยังมีพอร์ตมาตรฐาน HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก USB 3.1 Type-A จำนวน 2 พอร์ตที่มาพร้อมฟีเจอร์ Sleep Charge ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูล รวมไปถึงชาร์จสมาร์ทโฟน แน่นอนว่ายังมีช่องเชื่อมต่อไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ที่สำคัญคือมีช่องใส่ซิมการ์ดเพื่อใช้อินเตอร์เน็ต 4G LTE ด้วย

น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.35 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ที่ชาร์จ (USB-C) เข้าไปด้วย ก็จะมีหนักราวๆ กิโลกรัมกว่าๆ เท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย แม้ปัจจุบันโน๊ตบุ๊ค 14″ จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1 กิโลกรัมขึ้นไปอยู่แล้ว แต่รุ่นนี้เป็น 2-in-1 Notebook แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะออฟฟิศในองค์กร หรือร้านกาแฟตอนที่ไปพบกับลูกค้า

Using Experience

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 52

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า Dell Latitude 7400 2-in-1 ตอบสนองได้อย่างหลากหลายจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook พร้อมปากกา Dell Premium Active Pen (PN579X)ที่รองรับแรงกดถึง 4096 ระดับ ซึ่งถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี พร้อมฟีเจอร์การพับใช้งานถึง 4 รูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ที่ทีมงานของเรานั้นนำไปใช้งานอะไรบ้าง และรูปลักษณ์เมื่อเปลี่ยนไปใช้โหมดต่างๆ นั้น จะมีลักษณะเป็นอย่างไร

Notebook Mode เป็นรูปแบบธรรมดาทั่วไปเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปกติ เน้นสำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงงานเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้คีย์บอร์ดและทัชแพดในการควบคุมเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ

Stand Mode เน้นใช้งานที่ระบบจอสัมผัสของตัวเครื่องอย่างเดียวและวางไว้บนพื้นที่ราบ โดยรูปแบบการใช้งานนี้จะเน้นไปทางการใช้งานแอพพลิเคชั่นของ Windows เอง หรือเน้นไปทางการดู Youtube หรือชมภาพยนตร์เป็นหลัก พร้อมรองรับการทำงานแบบมัลติทัชได้พร้อมกันมากสุดที่ 10 จุดพร้อมกัน

Tent Mode ค่อนข้างจะคล้ายกับ Stand Mode ก่อนหน้านี้ แต่จะอยู่ในรูปทรงตั้งเครื่องเอาไว้เป็นลักษณะสามเหลี่ยม ใช้ในการวิวดูข้อมูลการแสดงผลหน้าจอเป็นหลัก อีกทั้งยังสามารถจับพาดหรือเกาะกับสิ่งของรอบๆ ได้

Tablet Mode ด้วยการพับหน้าจอกลับแบบ 360 องศา จนฝาหลังและฐานใต้เครื่องมาติดกัน เราก็จะได้แท็บเล็ตที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งเรามีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการเอาไว้เล่นเกมหรือดู E-Book อย่างที่แท็บเล็ตอื่นๆ ทั่วไปในตลาดสามารถทำได้

อย่างไรก็ตามสำหรับ Dell Latitude 7400 2-in-1 ก็ต้องบอกว่าวางใจได้เลยเรื่องความทนทาน เพราะมีการออกแบบบานพับใหม่ที่สามารถเปิดปิดหรือปรับระดับได้อย่างลื่นไหลได้เหมือนใหม่ทุกครั้ง บานพับนี้ยังผ่านบททดสอบสุดทรหดด้วยการเปิดปิดกว่าหมื่นๆ ครั้ง และการหมุนรอบ 360 องศาอย่างต่อเนื่อง รับประกันเรื่องความทนทานต่อการสึกหรอเมื่อใช้งานจริงๆ ได้เลย

จัดว่าเป็น 2-in-1 Notebook พกพาสะดวกระดับสูง ที่มีความสามารถครบครันทั้งในเรื่องของการทำงานที่หลากหลายร่วมกับโปรแกรมบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ส่วนสเปกก็ถือว่าแรงพอตัวด้วยชิประมวลผลประหยัดพลังงานอย่าง Intel Core i Gen 8 ซึ่งใช้งานได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการทำงานทั่วไปอย่างงานเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ชมภาพยนตร์ ฟังเพลง หรือเล่นเกมเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถเลือก Dell Latitude 7400 2-in-1 เป็นหนึ่งใน 2-in-1 Notebook ที่จะตัดสินใจได้เลย

Performance / Software

c1 2  c2 2

Dell Latitude 7400 2-in-1 เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Core i7-8665U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.90 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.80 GHz เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน พร้อมรองรับ Intel vPro Technology เพื่องานระดับองค์กร มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR3L ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบาย

g1 1

ด้านของการ์ดจอเป็นแบบออนชิปบน Intel Core i Gen 8 อยู่แล้ว ซึ่งการ์ดจอออนบอร์ดจะเป็น Intel UHD Graphic 620 สำหรับประมวลผลทั่วไปเช่นดูหนังหรือฟังเพลง รองรับการประมวลผลกราฟิกระดับ 3 มิติไม่หนักมาก ไม่ว่าจะตัดต่อหนังหรือจะเล่นเกมก็ถือว่าตอบสนองการทำงานได้ดีทีเดียว แม้อาจจะไม่แรงมากเทียบเท่าพวกการ์ดจอแยก แต่ก็พอเพียงกับการใช้งานเล่นเกมประเภทออนไลน์ได้ รวมไปถึงทำงานประมวลผล 3 มิติที่ไม่กินทรัพยากรเกินไปก็พอได้อยู่

cine 2

สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นปัจจุบันก็ทำได้ดีใกล้เคียงกัน รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก ส่วนงานพื้นฐานทั่วไปอย่างงานเอกสารต่างๆ ค้นหาข้อมูลอินเตอร์เน็ตก็รองรับได้อย่างลื่นไหลอยู่แล้ว

ssd 2

ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD M.2 NVMe ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็น่าจะดีได้กว่านี้ กับขนาดความจุ 128GB แน่นอนว่าเร็วกว่า HDD 2.5″ SATA 3 แบบทั่วไป ซึ่งถ้าเทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1238 MB/s และเขียนที่ 552 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานน้อยไปหน่อย ถ้าเทียบกับราคาค่าตัว อย่างไรก็ตามเข้าใจว่าเป็นเครื่องเดโม ฉะนั้นแล้วสเปกขายจริงต้องดีกว่านี้แน่นอน

pc 2

การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 3,969 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ  จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 8 ที่แรงกว่ารุ่นทั่วไป อีกทั้งมีการ Optimize มาเป็นอย่างดีจากทาง Dell ทำให้มีคะแนนใกล้เคียงกับโน๊ตบุ๊คในสเปก Intel Core i Gen 10 ก็ว่าได้

dell

อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ Dell Latitude 7400 2-in-1 ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง My Dell โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง

dell1

รวมไปถึงในส่วนของ Dell Latitude 7400 2-in-1 ยังมีซอฟต์แวร์ Dell Power Manager ที่คอยเป็นตัวช่วยในการจัดการพลังงาน การชาร์จไฟ สถานะแบตเตอรี่ รวมไปถึงระบบระบายความร้อน ที่เราสามารถเลือกการจัดการได้ ว่าจะใช้งานทั่วไป อัตโนมัติ หรือเร่งรอบพัดลม เพื่อให้ระบายความร้อนได้สูงสุด ตามแต่ลักษณะการใช้งานของเรา

d2 2

ปิดท้ายด้วย Dell Mobile Connect ซอฟต์แวร์ที่คอยเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องแยกการใช้งานระหว่างพีซีและสมาร์ทโฟน  โดยเชื่อมต่อกันผ่านสัญญาณ Bluetooth ซึ่งทำให้การแจ้งเตือนต่างๆ ข้อมความ เบอร์โทร รวมไปถึงการโทรศัพท์ติดต่อ สามารถทำผ่านโน๊ตบุ๊คของ Dell ได้เลย สำหรับ Dell Latitude 7400 2-in-1 ก็มีซอฟต์แวร์ตัวนี้ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน เรียกได้ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปากทีเดีย

Battery / Heat / Noise

batt 2

แบตเตอรี่ของ Dell Latitude 7400 2-in-1 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 3,200 mAh ทำงานต่อเนื่องยาวนานกว่า 15 – 16 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน อีกทั้งมีฟีเจอร์ Dell ExpressCharge ชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% – 80% ใช้เวลา 1 ชั่วโมงเท่านั้นเอง  ส่วนช่องระบายความร้อนของ Dell Latitude 7400 2-in-1 จะอยู่ด้านบนบริเวณข้อพับจอ โดยออกแบบให้อยู่ด้านหลังของจอ ทำให้ไม่มีอะไรมาบังทิศทางลมแน่นอน

temp 1

อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 35 – 40 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 85 องศาเซลเซียสเ นับว่าระบบระบายความร้อนของ Dell Latitude 7400 2-in-1 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องอื่นๆ ที่เคยทำการรีวิวมาพอควร เพราะความร้อนทั่วไปจะอยู่ที่เพียง 50 องศาเซลเซียส นับว่า Dell Latitude 7400 2-in-1 เครื่องนี้จัดการระบบระบายความร้อนออกมาได้ดีมากทีเดียว ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก Dell ที่ดี และชิปประมวลผล Intel ที่สามารถปรับอัตราการกินไฟได้ดีเยี่ยม แน่นอนว่าจากการที่รุ่นนี้ไม่มีการ์ดจอแยกก็มีผลเช่นกัน

Conclusion / Award

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 3

เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับ 2-in-1 Notebook ระดับมืออาชีพอีกหนึ่งรุ่นที่หลายๆ คนซึ่งทำงานในองค์กรให้ความสนใจ อย่าง Dell Latitude 7400 2-in-1 ที่ต่อยอดความสำเร็จตระกูล Latitude 7000 Series ได้เป็นอย่างดี เพราะมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน ที่แม้ว่าอาจจะข้อสังเกตุในเรื่องของราคาค่าตัวที่สูงซักหน่อย (เมื่อเทียบกับสเปกที่ใกล้เคียงกัน) โดยสนนเริ่มต้นที่ 64,900 บาท สำหรับรุ่น Core i5 ส่วนรุ่น Core i7 ก็สนนราคาที่ 72,900 บาท แต่ถ้าเทียบกับการใช้งานจริงๆ ก็ถือว่าสมราคา

ซึ่งสเปกอื่นๆ ในส่วนของ Core i7 จะได้เป็นแรมขนาด 16GB โดยส่วนตัวแล้วแนะนำว่าถ้างบถึงตัว Core i7 ก็จัดรุ่นนี้จะดีกว่า เพราะเราไม่สามารถที่จะอัพเกรดแรมได้ภายหลัง เพราะเป็นแบบฝังบอร์ดมา ยังไงลองไปหาราคาส่วนลดกับตัวแทนจำหน่ายก็น่าจะทำให้ตัดสินใจซื้อสเปก Core i7 ง่ายขึ้นด้วย (อัพเดทราคามาเหลือ 65,000 บาทโดยประมาณ) ซึ่งย้ำกันอีกครั้งสำหรับ Core i7-8665U (Quad Core 1.9GHz, Turbo 4.8GHz, 8MB cache) พร้อมรองรับ Intel vPro Technology  ที่ให้ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย สะดวกต่อการควบคุมจัดการ เสถียรภาพ เหนือชั้นกว่าชิปประมวลผลทั่วไปในตลาดด้วย

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 23

หน้าจอสวยสุดคุณภาพดีสุดๆ ด้วย IPS ความละเอียดเนียนๆ ที่ Full HDค่า sRGB ที่ 94% มีปากกาที่ดีที่สุดอย่าง Dell Premium Active Pen (PN579X) รองรับเทคโนโลยี Wacom AES 2.0 technology สำหรับการเป็นโน๊ตบุ๊คระดับสูง โดยมีการรับประกันถึง 3 ปี แบบ On-site Service คือมารับมาส่งถึงบ้านหรือที่ทำงานเลย นอกจากนี้ยังมี Call Center ช่วยบริการตลอด 24 ชั่วโมงด้วย เอาเป็นว่าใครกำลังมองหา 2-in-1 Notebook ที่เชื่อมั่นไว้ใจได้ ตอบสนองความต้องการพร้อมเน้นประสบการณ์ใช้งานที่เหนือระดับโดยไม่กังวลในเรื่องของราคาค่าตัวเมื่อเทียบกับสเปกความแรงล่ะก็ Dell Latitude 7400 2-in-1 น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีทีเดียวครับ

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 19

Award

โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Dell Latitude 7400 2-in-1  ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้

Best Design

เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Inspiron มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Dell Latitude 7400 2-in-1 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ อีกทั้งยังได้ภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือ จากการที่ Dell Latitude เป็นหนึ่งในโน๊ตบุ๊คที่นิยมในการใช้งานกับองค์กรและภาคธุรกิจ แถมยังบางเบาสุดๆ ด้วย ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว

award new Design

Best Mobility

ส่วนของความสามารถในการพกพา Dell Latitude 7400 2-in-1  ก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของโน้ตบุ๊ตที่เน้นความบางเบา ทั้งในความบางเพียง 8.53 – 14.89 มิลลิเมตรเท่านั้น  และน้ำหนักเบา 1.35 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วยังไม่ถึง 1.8 กิโลกรัม เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ รองรับการเชื่อมต่อครบครัน ชาร์จผ่าน Power Bank ได้ ที่สำคัญที่สุดยังมีช่องซิมการ์ดเพื่อใช้อินเตอร์เน็ต 4G LTE

award new mobility

Best Performance

ด้วยสเปก Dell Latitude 7400 2-in-1 ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 8 รุ่นพิเศษ อย่าง Intel Core i7-8665U (Quad Core 1.9GHz, Turbo 4.8GHz, 8MB cache) พร้อมรองรับ Intel vPro Technology เพื่องานระดับองค์กรโดยเฉพาะ มาพร้อมกับแรมขนาด 16GB รวมไปถึง SSD ความเร็วสูง NVMe ความจุ 512GB ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในสเปกโน๊ตบุ๊คเครื่องอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน ผลคะแนนที่ออกมานั้นทำได้อยู่ในช่วงเดียวกัน หรือบางจุดก็มากกว่าด้วย

award new performance

Best Battery Life

แม้ว่าในตัวของ Dell Latitude 7400 2-in-1 จะอัดแน่นไปด้วยสเปกหรือเทคโนโลยีต่างๆ แต่ในเรื่องของการใช้งานของแบตเตอรี่ก็ถือว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉลี่ยแล้วถ้าใช้งานทั่วไปจะอยู่ได้นานถึงประมาณ 15 – 16 ชั่วโมงด้วยกัน ส่งผลให้ได้รางวัล Best Battery Life ซึ่งในส่วนนี้ก็เป็นผลมาจากการที่ Dell ได้ใส่แบตเตอรี่คุณภาพสูง และชิปประมวลผลก็ประหยัดพลังงาน อีกทั้งระบบปฏิบัติการซอฟต์แวร์และ Windows 10 ก็เป็นตัวช่วยจัดการพลังงานได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Dell ExpressCharge ชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% – 80% ใช้เวลา 1 ชั่วโมงเท่านั้นเอง

award new Battery Life

 

NBS Verdict

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 26

Dell Latitude 7400 2-in-1 เหมาะกับคนที่ต้องการที่สุดของ 2-in-1 Notebook เพื่อสายงาน Commercial เน้นใช้งานระดับมืออาชีพในองค์กร ที่จัดได้ว่ามีความครบครันในการใช้งานหลายๆ ด้าน ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานทั้งในกลุ่มคนทำงานจริงจังที่เน้นเรื่องของภาพลักษณ์ อีกทั้งยังให้ความแข็งแรง ประสิทธิภาพ สเถียรภาพ และความปลอดภัยเป็นพิเศษด้วย IR Camera ได้ประสบการณ์ใช้งานที่สุดยอดเรื่องของหน้าจอที่สวยงามและทนทานด้วยกระจก Gorilla Glass 5 รวมถึงการพิมพ์ด้วยคีย์บอร์ดในตัวเครื่อง สนับสนุนการนำเสนองาน ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้งานหลากหลายโหมด และรองรับปากกา Dell Premium Active Pen (PN579X) ไว้ขีดเขียนในตัว

ตัวเครื่องบางเบาลงไปอีกจากรุ่นก่อนๆ พร้อมทั้งเน้นพกพาใช้งานนนอกสถานที่ จากการที่แบตยาวนานกว่า 16 ชั่วโมง ได้สเปคภายในที่ครบครันเพียงพอต่อลักษณะงาน ด้วยชิปประมวลผล Intel Core i5-8265U / i7-8665U สถาปัตยกรรม Whiskey Lake ที่เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร อีกทั้งได้แรมขนาด 8GB / 16GB พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ใช้งานทันที สุดท้ายกับบริการหลังการขายที่มั่นใจได้เลย จาก Dell Pro Support ที่บริการ 24/7 และ On-site Service “บริการซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ” ถึง 3 ปีด้วยกัน (with Battery Service Support) แม้ราคาจะสูงกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป แต่ก็ยอมจ่ายได้

จุดเด่น

  • เป็น 2-in-1 Notebook หน้าจอ 14″ แต่มีขนาดตัวเครื่องเล็กเทียบเท่ารุ่นหน้าจอ 13.3″
  • พาเนลหน้าจอ IPS มีคุณภาพสูง ขอบเขตสีกว้าง รองรับการทัชสกรีนและปากกา
  • ขอบจอบางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เพิ่มความโดดเด่น ส่งผลให้มิติตัวเครื่องกระชับ
  • ตัวเครื่องมีความแข็งแรงทนทนหรูหราจากวัสดุโลหะที่มีการขึ้นรูปมาเป็นอย่างดี
  • สัมผัสการพิมพ์ด้วยคีย์บอร์ดถือว่าดีเยี่ยมกว่าโน๊ตบุ๊คบางเบาทั่วไป
  • ประสิทธิภาพดีด้วยสเปกภายในที่เพียงพอต่อการใช้งานพื้นฐาน
  • พอร์ตการเชื่อมต่อมาตรฐาน Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 16 ชั่วโมง
  • มี Windows 10 แท้ และมีซอฟต์แวร์ต่างๆ พร้อมใช้งาน
  • มีช่องซิมการ์ดเพื่อใช้อินเตอร์เน็ต 4G LTE
  • มี Proximity-Sensor ไว้คอยตรวจจับการใช้งานของเรา
  • รองรับ Windows Hello ด้วย IR Camera
  • Dell Pro Support ประกันถึง 3 ปี มาพร้อม On Site Service และบริการอื่นๆ

ข้อสังเกตุ

  • เทียบสเปกเฉพาะ CPU / RAM / SSD มีราคาสูงกว่า 2-in-1 Notebook ทั่วไปพอสมควร
  • ยังเป็น Intel Core i Gen 8 ซึ่งเป็นปกติของโน๊ตบุ๊คCommercial ที่ใช้เวลา Optimize นานกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
  • SSD ที่ให้มาความเร็วในการเขียนอ่านน้อยไปหน่อย แต่ก็เพียงพอต่อใช้งาน
  • ซื้อได้ผ่านทางร้านที่จำหน่ายโน๊ตบุ๊ค Dell ซีรีส์ Commercial เท่านั้น
  • เครื่องที่นำมาทดสอบเป็นเครื่องเดโม ไม่ใช่สเปกขายจริงแต่อย่างใด

Specification

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 5

สเปกภายในของตัว Dell Latitude 7400 2-in-1 จะคล้ายกับกลุ่ม 2-in-1 Notebook ระดับบน โดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 14″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง มุมมองกว้างถึง 170 องศา ใช้กระจกเป็น Gorilla Glass 5 ที่ทนทานหมดปัญหาเรื่องรอยขีดขวน รองรับการทัชสกรีนได้อย่างเต็มรูปแบบทั้งนิ้วมือและปากกา Dell Active Pen ซึ่งหลักๆ แล้วสเปกขายจริงแบ่งออกเป็น 2 รุ่นคือ Intel Core i5-8265U (Quad Core 1.6GHz, Turbo 3.9GHz, 6MB cache) และ Core i7-8665U (Quad Core 1.9GHz, Turbo 4.8GHz, 8MB cache) พร้อมรองรับ Intel vPro Technology ได้เป็นการ์ดจอออนชิปเหมือนกันก็คือ UHD Graphics 620 ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดีระดับหนึ่ง

ส่วนแรมก็ติดตั้งมาแบบออนบอร์ดด้วยขนาด 8GB / 16GB มาตรฐาน DDR3L ที่ Bus 2133MHz  ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน  สำหรับฮาร์ดดิสก์เป็น SSD M.2 NVMe ความเร็วสูงที่ความจุ 512GB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Intel Dual Band Wireless AC 9560 (802.11ac) 2×2 พร้อม Bluetooth 5.0 ส่วนการเชื่อมต่ออื่นๆ ก็ครบครันไม่ว่าจะเป็น 2 x USB 3.1 Type-A (one with PowerShare), 2 x Thunderbolt 3 (USB TypeC), 1 x HDMI 1.4, 1 x uSD 4.0 Memory card reader และช่องซิมการ์ดเพื่อใช้อินเตอร์เน็ต 4G LTE รวมไปถึงมี Proximity-Sensor ไว้คอยตรวจจับการใช้งานของเราด้วย เพื่อประหยัดพลังงานนั่นเอง สำหรับน้ำหนักตัวเครื่องเบาเพียง 1.35 กิโลกรัมเท่านั้น

Dell Latitude 7400 2-in-1 มีอยู่ 2 ราคาด้วยกัน คือ 64,900 บาท และ 72,900 บาท (เป็นราคากลางที่ยังไม่ลด) พร้อมการรับประกัน 3 ปี แบบ Dell Pro Support และ On-Site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ตามมาตรฐานของ Dell ที่ระดับมืออาชีพมั่นใจ

Hardware / Design

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 2

การออกแบบโดยรวมของ Dell Latitude 7400 2-in-1 นั้นจะดูกระชับกว่าโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ อยู่พอสมควร เนื่องด้วยมีการใช้ตัวเครื่องขนาด 13.3″ เท่านั้น ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา ทางด้านแนวคิดด้านดีไซน์ตัวเครื่องนั้น Dell Latitude 7400 2-in-1 ยังคงมาพร้อมกับ Infinity Edge display เช่นเดิมแต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาก็คือขนาดของขอบตัวเครื่องนั้นจะบางลงกว่าเดิมกว่า 25% ทำให้ผู้ใช้สามารถเห็นความแตกต่างจากโน๊ตบุ๊คทั่วๆ ไปอย่างชัดเจน ซึ่งโดยรวมแล้วมีความเล็กกระชับความเดิม ส่วนน้ำหนักก็เบามากๆ เพียง 1.35 กิโลกรัมเท่านั้น ตอบโจทย์การพกพาอย่างที่สุดทำให้มีความโดดเด่นมากๆ ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน

ส่วนของตัวเครื่องหลักๆ สีสันจะเป็นเงิน Silver เหมาะกับทั้งสาวๆ หรือหนุ่มๆ วัยทำงานยุคนี้ แล้วจะใช้เป็นอลูมิเนียมแม็กนีเซียมอัลลอยด์คุณภาพสูงตลอดทั้งตัวเครื่องเป็นส่วนประกอบ ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา โดยตัวเครื่องภายนอกทั้งฝาหลังและด้านล่างตัวเครื่องจะเป็นโลหะชั่นเยี่ยม ส่งผลให้เวลาที่เราเอามือมาวางจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป ส่วนด้านในก็เป็นอลูมิเนียมแม็กนีเซียมอัลลอยด์เช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าเวลาใช้งานวางมือลงไปนั้นมีมั่นคงไม่แพ้ด้านนอก ในการใช้งานจริงทำให้มั่นใจได้เลยเรื่องความทนทาน ตามสไตล์ Dell และยิ่งตอกย้ำกับรุ่นนี้ที่เป็น 2-in-1 Notebook ระดับสูง

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 25

อีกหนึ่งจุดเด่นของ Dell Latitude 7400 2-in-1 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใส่ใจในรายละเอียดก็คือ มีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.35 กิโลกรัมอย่างที่กล่าวไปแล้ว ในส่วนของความบางเครื่องก็บางเพียง 8.53 – 14.89 มิลลิเมตรเท่านั้น บอกได้เลยว่าจะหาโน๊ตบุ๊คแบบนี้จากแบรนด์อื่นๆ ก็ยากซักหน่อย  ที่สำคัญอีกเรื่องก็คือบานพับก็เป็นโลหะเกรดสูงที่แข็งแรงทนทานไม่ต่างจากตัวเครื่อง คอยทำหน้าที่หมุนหน้าจอได้ถึง 360 องศา ไว้ใช้ Multi Mode ทำให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ

ส่วนการออกแบบมาอื่นๆ ที่น่าสนใจก็คงเป็นส่วนของโลโก้ Dell ฝาหลังที่สวยงามเป็นสีเงิน ส่วนตัวเครื่องด้านล่างก็จะมีคำว่า Inspiron ปั๊มเอาไว้ นอกจากนี้การออกแบบยางรองใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่เหมือนใคร โดยใช้เป็นแถบยางยาวขนานไปกับแนวยาวของตัวเครื่อง พร้อมกับมีช่องระบายอากาศอยู่เป็นแนวยาวอีก สำหรับ Dell Latitude 7400 2-in-1 ในการท่ายเทความร้อนออกไปจากช่องทางใต้หน้าจอ ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ แม้จะมีพัดลมเพียงตัวเดียวก็สามารถจัดการความร้อนภายในได้เป็นอย่างดี

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 27

ที่สำคัญยังมีการในส่วนของเชื่อมต่อของ Dell Latitude 7400 2-in-1  ก็รองรับเพราะมีพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบครัน อีกทั้งเหนือชั้นกว่ากับการใช้อินเตอร์เน็ต 4G LTE ผ่านทางซิมการ์ด เรียกได้ว่าเรื่องของดีไซน์นั้นตอบโจทย์กับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ เครื่องเดียวจบแน่นอน ทำให้ไม่ว่าเราจะเอาไปทำงานระดับองค์กรมืออาชีพที่ต้องการความแม่นยำไว้ใจได้ หรือเพื่อความบันเทิงส่วนตัว ก็ตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้หมด ด้วยสเปคภายในที่ครบครัน แม้ว่าตัวเครื่องจะบางเบาแล้ว แถมยังมีการรับประกันถึง 3 ปีอีกด้วย แบบ On-site Service คือมารับมาส่งถึงบ้านเลย นอกจากนี้ยังมี Call Center ช่วยบริการตลอด 24 ชั่วโมงด้วย

Keyboard / Touchpad

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 14

ส่วนของคีย์บอร์ดนั้น Dell Latitude 7400 2-in-1 มาตรฐานเป็นคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size ตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีเด้งรับกับนิ้วมือได้เยี่ยมยอดจากระยะที่ลึก ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ตอบสนองได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ก็ถือว่าดีมากๆ เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คปกติทั่วไป ช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด สมกับเป็นสาย Commercial ในส่วนของไฟ LED Backlit ก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียวทั้งในที่มืดๆ หรือแสงน้อย ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะอยู่แยกออกไปอยู่ที่มุมขวาบน ซึ่งข้อดีก็คือมั่นใจได้ว่าจะไม่ไปเผลอกดระหว่างการใช้งานแน่นอน พร้อมมีไฟส่องสว่างให้เห็นสถานะ

ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า

Screen / Speaker

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 1

Dell Latitude 7400 2-in-1 ได้ติดตั้งหน้าจอขนาด 14″ ทัชสกรีนได้ 10 จุดพร้อมกัน สัดส่วน 16:9 ตามมาตรฐาน ที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD เทคโนโลยี Truelife ให้สีสันที่สวยงามสมจริงเมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบชัดเจน โดยการใช้หน้า Desktop ปกติที่ตัวหนังสือหรือปุ่มต่างๆ มีความเรียบเนียนตาทำให้ใช้งานได้สะดวก เรียกได้ว่ากำลังพอดีทีเดียว ประกอบหกับด้วยความที่ดีไซน์หน้าจอบางทั้ง 4 ด้านส่งผลให้ประสบการณ์การใช้งานที่ค่อนข้างน่าประทับใจทีเดียว

โดดเด่นด้วยกระจกแบบ Gorilla Glass 5 ที่แข็งแรงทนทานลดแสงสะท้อน พร้อมรองรับปากกา Dell Premium Active Pen (PN579X) รองรับเทคโนโลยี Wacom AES 2.0 technology ที่แรงกด 4096 ระดับ ให้ความรู้สึกดีเยี่ยมกว่าปากกาสไตลัสทั่วไป ไว้เขียนไว้จดหรือวาดรูปก็ทำได้ อีกทั้งมีการใส่ยางขอบจอมาตลอดแนวของจอเลย ต่างจากโน๊ตบุ๊คอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น ซึ่งยางนี้จะมีประโยชน์ก็ในการซับแรงกระแทกที่เกิดในเวลาที่จอพับอยู่ได้s3 2

การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Dell Latitude 7400 2-in-1 ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite ได้ค่ามาตรฐานขอบเขตสี sRGB ที่ระดับ 94% และ AdobeRGB ที่ 72% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับมืออาชีพแบบสุดๆ เรื่องของการนำไปใช้งานด้านสีที่เน้นความแม่นยำก็ตอบโจทย์อย่างสุดๆ ด้วยมาตรฐานของพาเนล IPS ระดับสูง พร้อมได้ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้อยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานทั่วไป เหมาะกับเอาไปทำงานนอกสถานที่หรือนำเสนองาน หรือผู้ที่ใช้งานด้านตกแต่งภาพที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีเป็นหลัก

ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องแถวกลางทางซ้ายของหน้าจอมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องกลางแถวบนลดลงไประดับ 12% ทำให้ต้องใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนนรวม 4.5 คะแนนถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากๆ

ลำโพงสเตอริโอเทคโนโลยี Waves MaxxAudio Pro ที่อยู่บริเวณขอบตัวเครื่องด้านข้างทั้งซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น ให้เสียงที่ค่อนข้างดี แยกรายละเอียดได้ในระดับที่ดีน่าประทับใจ ถือได้ว่ามีเสียงดังชัดเจนออกแนวใสๆ เน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไลต์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก

Connector / Thin And Weight

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 34

Dell Latitude 7400 2-in-1 มีมาตรฐานพอร์ตต่างๆ เหนือชั้นกว่ากลุ่ม 2-in-1 Notebook ทั่วไป โดดเด่นด้วย Thunderbolt 3 (USB-C) สุดล้ำ ถ่ายโอนไฟล์ได้ไว พร้อมต่อจอความละเอียดสูงได้ และชาร์จแบตเตอรี่ได้ในตัว (ชาร์จด้วย Power Bank ที่รองรับ PD ก็ได้) ซึ่งมีมาให้ 2 พอร์ต รวมไปถึงยังมีพอร์ตมาตรฐาน HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก USB 3.1 Type-A จำนวน 2 พอร์ตที่มาพร้อมฟีเจอร์ Sleep Charge ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูล รวมไปถึงชาร์จสมาร์ทโฟน แน่นอนว่ายังมีช่องเชื่อมต่อไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ที่สำคัญคือมีช่องใส่ซิมการ์ดเพื่อใช้อินเตอร์เน็ต 4G LTE ด้วย

น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.35 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ที่ชาร์จ (USB-C) เข้าไปด้วย ก็จะมีหนักราวๆ กิโลกรัมกว่าๆ เท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย แม้ปัจจุบันโน๊ตบุ๊ค 14″ จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1 กิโลกรัมขึ้นไปอยู่แล้ว แต่รุ่นนี้เป็น 2-in-1 Notebook แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะออฟฟิศในองค์กร หรือร้านกาแฟตอนที่ไปพบกับลูกค้า

Using Experience

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 52

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า Dell Latitude 7400 2-in-1 ตอบสนองได้อย่างหลากหลายจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook พร้อมปากกา Dell Premium Active Pen (PN579X)ที่รองรับแรงกดถึง 4096 ระดับ ซึ่งถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี พร้อมฟีเจอร์การพับใช้งานถึง 4 รูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ที่ทีมงานของเรานั้นนำไปใช้งานอะไรบ้าง และรูปลักษณ์เมื่อเปลี่ยนไปใช้โหมดต่างๆ นั้น จะมีลักษณะเป็นอย่างไร

Notebook Mode เป็นรูปแบบธรรมดาทั่วไปเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปกติ เน้นสำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงงานเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้คีย์บอร์ดและทัชแพดในการควบคุมเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ

Stand Mode เน้นใช้งานที่ระบบจอสัมผัสของตัวเครื่องอย่างเดียวและวางไว้บนพื้นที่ราบ โดยรูปแบบการใช้งานนี้จะเน้นไปทางการใช้งานแอพพลิเคชั่นของ Windows เอง หรือเน้นไปทางการดู Youtube หรือชมภาพยนตร์เป็นหลัก พร้อมรองรับการทำงานแบบมัลติทัชได้พร้อมกันมากสุดที่ 10 จุดพร้อมกัน

Tent Mode ค่อนข้างจะคล้ายกับ Stand Mode ก่อนหน้านี้ แต่จะอยู่ในรูปทรงตั้งเครื่องเอาไว้เป็นลักษณะสามเหลี่ยม ใช้ในการวิวดูข้อมูลการแสดงผลหน้าจอเป็นหลัก อีกทั้งยังสามารถจับพาดหรือเกาะกับสิ่งของรอบๆ ได้

Tablet Mode ด้วยการพับหน้าจอกลับแบบ 360 องศา จนฝาหลังและฐานใต้เครื่องมาติดกัน เราก็จะได้แท็บเล็ตที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งเรามีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการเอาไว้เล่นเกมหรือดู E-Book อย่างที่แท็บเล็ตอื่นๆ ทั่วไปในตลาดสามารถทำได้

อย่างไรก็ตามสำหรับ Dell Latitude 7400 2-in-1 ก็ต้องบอกว่าวางใจได้เลยเรื่องความทนทาน เพราะมีการออกแบบบานพับใหม่ที่สามารถเปิดปิดหรือปรับระดับได้อย่างลื่นไหลได้เหมือนใหม่ทุกครั้ง บานพับนี้ยังผ่านบททดสอบสุดทรหดด้วยการเปิดปิดกว่าหมื่นๆ ครั้ง และการหมุนรอบ 360 องศาอย่างต่อเนื่อง รับประกันเรื่องความทนทานต่อการสึกหรอเมื่อใช้งานจริงๆ ได้เลย

จัดว่าเป็น 2-in-1 Notebook พกพาสะดวกระดับสูง ที่มีความสามารถครบครันทั้งในเรื่องของการทำงานที่หลากหลายร่วมกับโปรแกรมบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ส่วนสเปกก็ถือว่าแรงพอตัวด้วยชิประมวลผลประหยัดพลังงานอย่าง Intel Core i Gen 8 ซึ่งใช้งานได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการทำงานทั่วไปอย่างงานเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ชมภาพยนตร์ ฟังเพลง หรือเล่นเกมเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถเลือก Dell Latitude 7400 2-in-1 เป็นหนึ่งใน 2-in-1 Notebook ที่จะตัดสินใจได้เลย

Performance / Software

c1 2  c2 2

Dell Latitude 7400 2-in-1 เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Core i7-8665U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.90 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.80 GHz เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน พร้อมรองรับ Intel vPro Technology เพื่องานระดับองค์กร มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR3L ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบาย

g1 1

ด้านของการ์ดจอเป็นแบบออนชิปบน Intel Core i Gen 8 อยู่แล้ว ซึ่งการ์ดจอออนบอร์ดจะเป็น Intel UHD Graphic 620 สำหรับประมวลผลทั่วไปเช่นดูหนังหรือฟังเพลง รองรับการประมวลผลกราฟิกระดับ 3 มิติไม่หนักมาก ไม่ว่าจะตัดต่อหนังหรือจะเล่นเกมก็ถือว่าตอบสนองการทำงานได้ดีทีเดียว แม้อาจจะไม่แรงมากเทียบเท่าพวกการ์ดจอแยก แต่ก็พอเพียงกับการใช้งานเล่นเกมประเภทออนไลน์ได้ รวมไปถึงทำงานประมวลผล 3 มิติที่ไม่กินทรัพยากรเกินไปก็พอได้อยู่

cine 2

สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นปัจจุบันก็ทำได้ดีใกล้เคียงกัน รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก ส่วนงานพื้นฐานทั่วไปอย่างงานเอกสารต่างๆ ค้นหาข้อมูลอินเตอร์เน็ตก็รองรับได้อย่างลื่นไหลอยู่แล้ว

ssd 2

ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD M.2 NVMe ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็น่าจะดีได้กว่านี้ กับขนาดความจุ 128GB แน่นอนว่าเร็วกว่า HDD 2.5″ SATA 3 แบบทั่วไป ซึ่งถ้าเทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1238 MB/s และเขียนที่ 552 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานน้อยไปหน่อย ถ้าเทียบกับราคาค่าตัว อย่างไรก็ตามเข้าใจว่าเป็นเครื่องเดโม ฉะนั้นแล้วสเปกขายจริงต้องดีกว่านี้แน่นอน

pc 2

การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 3,969 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ  จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 8 ที่แรงกว่ารุ่นทั่วไป อีกทั้งมีการ Optimize มาเป็นอย่างดีจากทาง Dell ทำให้มีคะแนนใกล้เคียงกับโน๊ตบุ๊คในสเปก Intel Core i Gen 10 ก็ว่าได้

dell

อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ Dell Latitude 7400 2-in-1 ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง My Dell โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง

dell1

รวมไปถึงในส่วนของ Dell Latitude 7400 2-in-1 ยังมีซอฟต์แวร์ Dell Power Manager ที่คอยเป็นตัวช่วยในการจัดการพลังงาน การชาร์จไฟ สถานะแบตเตอรี่ รวมไปถึงระบบระบายความร้อน ที่เราสามารถเลือกการจัดการได้ ว่าจะใช้งานทั่วไป อัตโนมัติ หรือเร่งรอบพัดลม เพื่อให้ระบายความร้อนได้สูงสุด ตามแต่ลักษณะการใช้งานของเรา

d2 2

ปิดท้ายด้วย Dell Mobile Connect ซอฟต์แวร์ที่คอยเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องแยกการใช้งานระหว่างพีซีและสมาร์ทโฟน  โดยเชื่อมต่อกันผ่านสัญญาณ Bluetooth ซึ่งทำให้การแจ้งเตือนต่างๆ ข้อมความ เบอร์โทร รวมไปถึงการโทรศัพท์ติดต่อ สามารถทำผ่านโน๊ตบุ๊คของ Dell ได้เลย สำหรับ Dell Latitude 7400 2-in-1 ก็มีซอฟต์แวร์ตัวนี้ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน เรียกได้ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปากทีเดีย

Battery / Heat / Noise

batt 2

แบตเตอรี่ของ Dell Latitude 7400 2-in-1 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 3,200 mAh ทำงานต่อเนื่องยาวนานกว่า 15 – 16 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน อีกทั้งมีฟีเจอร์ Dell ExpressCharge ชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% – 80% ใช้เวลา 1 ชั่วโมงเท่านั้นเอง  ส่วนช่องระบายความร้อนของ Dell Latitude 7400 2-in-1 จะอยู่ด้านบนบริเวณข้อพับจอ โดยออกแบบให้อยู่ด้านหลังของจอ ทำให้ไม่มีอะไรมาบังทิศทางลมแน่นอน

temp 1

อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 35 – 40 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 85 องศาเซลเซียสเ นับว่าระบบระบายความร้อนของ Dell Latitude 7400 2-in-1 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องอื่นๆ ที่เคยทำการรีวิวมาพอควร เพราะความร้อนทั่วไปจะอยู่ที่เพียง 50 องศาเซลเซียส นับว่า Dell Latitude 7400 2-in-1 เครื่องนี้จัดการระบบระบายความร้อนออกมาได้ดีมากทีเดียว ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก Dell ที่ดี และชิปประมวลผล Intel ที่สามารถปรับอัตราการกินไฟได้ดีเยี่ยม แน่นอนว่าจากการที่รุ่นนี้ไม่มีการ์ดจอแยกก็มีผลเช่นกัน

Conclusion / Award

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 3

เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับ 2-in-1 Notebook ระดับมืออาชีพอีกหนึ่งรุ่นที่หลายๆ คนซึ่งทำงานในองค์กรให้ความสนใจ อย่าง Dell Latitude 7400 2-in-1 ที่ต่อยอดความสำเร็จตระกูล Latitude 7000 Series ได้เป็นอย่างดี เพราะมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน ที่แม้ว่าอาจจะข้อสังเกตุในเรื่องของราคาค่าตัวที่สูงซักหน่อย (เมื่อเทียบกับสเปกที่ใกล้เคียงกัน) โดยสนนเริ่มต้นที่ 64,900 บาท สำหรับรุ่น Core i5 ส่วนรุ่น Core i7 ก็สนนราคาที่ 72,900 บาท แต่ถ้าเทียบกับการใช้งานจริงๆ ก็ถือว่าสมราคา

ซึ่งสเปกอื่นๆ ในส่วนของ Core i7 จะได้เป็นแรมขนาด 16GB โดยส่วนตัวแล้วแนะนำว่าถ้างบถึงตัว Core i7 ก็จัดรุ่นนี้จะดีกว่า เพราะเราไม่สามารถที่จะอัพเกรดแรมได้ภายหลัง เพราะเป็นแบบฝังบอร์ดมา ยังไงลองไปหาราคาส่วนลดกับตัวแทนจำหน่ายก็น่าจะทำให้ตัดสินใจซื้อสเปก Core i7 ง่ายขึ้นด้วย (อัพเดทราคามาเหลือ 65,000 บาทโดยประมาณ) ซึ่งย้ำกันอีกครั้งสำหรับ Core i7-8665U (Quad Core 1.9GHz, Turbo 4.8GHz, 8MB cache) พร้อมรองรับ Intel vPro Technology  ที่ให้ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย สะดวกต่อการควบคุมจัดการ เสถียรภาพ เหนือชั้นกว่าชิปประมวลผลทั่วไปในตลาดด้วย

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 23

หน้าจอสวยสุดคุณภาพดีสุดๆ ด้วย IPS ความละเอียดเนียนๆ ที่ Full HDค่า sRGB ที่ 94% มีปากกาที่ดีที่สุดอย่าง Dell Premium Active Pen (PN579X) รองรับเทคโนโลยี Wacom AES 2.0 technology สำหรับการเป็นโน๊ตบุ๊คระดับสูง โดยมีการรับประกันถึง 3 ปี แบบ On-site Service คือมารับมาส่งถึงบ้านหรือที่ทำงานเลย นอกจากนี้ยังมี Call Center ช่วยบริการตลอด 24 ชั่วโมงด้วย เอาเป็นว่าใครกำลังมองหา 2-in-1 Notebook ที่เชื่อมั่นไว้ใจได้ ตอบสนองความต้องการพร้อมเน้นประสบการณ์ใช้งานที่เหนือระดับโดยไม่กังวลในเรื่องของราคาค่าตัวเมื่อเทียบกับสเปกความแรงล่ะก็ Dell Latitude 7400 2-in-1 น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีทีเดียวครับ

Dell Latitude 7400 2 in 1 Review 19

Award

โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Dell Latitude 7400 2-in-1  ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้

Best Design

เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Inspiron มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Dell Latitude 7400 2-in-1 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ อีกทั้งยังได้ภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือ จากการที่ Dell Latitude เป็นหนึ่งในโน๊ตบุ๊คที่นิยมในการใช้งานกับองค์กรและภาคธุรกิจ แถมยังบางเบาสุดๆ ด้วย ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว

award new Design

Best Mobility

ส่วนของความสามารถในการพกพา Dell Latitude 7400 2-in-1  ก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของโน้ตบุ๊ตที่เน้นความบางเบา ทั้งในความบางเพียง 8.53 – 14.89 มิลลิเมตรเท่านั้น  และน้ำหนักเบา 1.35 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วยังไม่ถึง 1.8 กิโลกรัม เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ รองรับการเชื่อมต่อครบครัน ชาร์จผ่าน Power Bank ได้ ที่สำคัญที่สุดยังมีช่องซิมการ์ดเพื่อใช้อินเตอร์เน็ต 4G LTE

award new mobility

Best Performance

ด้วยสเปก Dell Latitude 7400 2-in-1 ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 8 รุ่นพิเศษ อย่าง Intel Core i7-8665U (Quad Core 1.9GHz, Turbo 4.8GHz, 8MB cache) พร้อมรองรับ Intel vPro Technology เพื่องานระดับองค์กรโดยเฉพาะ มาพร้อมกับแรมขนาด 16GB รวมไปถึง SSD ความเร็วสูง NVMe ความจุ 512GB ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในสเปกโน๊ตบุ๊คเครื่องอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน ผลคะแนนที่ออกมานั้นทำได้อยู่ในช่วงเดียวกัน หรือบางจุดก็มากกว่าด้วย

award new performance

Best Battery Life

แม้ว่าในตัวของ Dell Latitude 7400 2-in-1 จะอัดแน่นไปด้วยสเปกหรือเทคโนโลยีต่างๆ แต่ในเรื่องของการใช้งานของแบตเตอรี่ก็ถือว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉลี่ยแล้วถ้าใช้งานทั่วไปจะอยู่ได้นานถึงประมาณ 15 – 16 ชั่วโมงด้วยกัน ส่งผลให้ได้รางวัล Best Battery Life ซึ่งในส่วนนี้ก็เป็นผลมาจากการที่ Dell ได้ใส่แบตเตอรี่คุณภาพสูง และชิปประมวลผลก็ประหยัดพลังงาน อีกทั้งระบบปฏิบัติการซอฟต์แวร์และ Windows 10 ก็เป็นตัวช่วยจัดการพลังงานได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Dell ExpressCharge ชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% – 80% ใช้เวลา 1 ชั่วโมงเท่านั้นเอง

award new Battery Life

 

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

PR-News

บริษัท อินเทล คอร์ปอเรชั่น ประกาศแต่งตั้งผู้นำคนใหม่ที่มีหน้าที่รับผิดชอบฝ่ายขาย การตลาด และการสื่อสาร (Sales, Marketing and Communications Group: SMG) ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก-ญี่ปุ่น (APJ) และภูมิภาคอินเดีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของอินเทล สำหรับภูมิภาค APJ อินเทลได้ประกาศแต่งตั้ง นายฮานส์ ฉวง (Hans Chuang) ขึ้นดำรงตำแหน่ง...

Buyer's Guide

โน๊ตบุ๊คเล่นเกมรุ่นใหม่ก็มา รุ่นเก่าสเปคเด็ดก็มี ถ้าใครอยากเปลี่ยนเครื่องอยู่นาทีนี้มีรุ่นน่าโดนให้เลือกเพียบ! จะปี 2024 นี้หรือปีไหนโน๊ตบุ๊คเล่นเกมก็ยังคงเป็นตัวเลือกขวัญใจใครหลายคนเพราะประสิทธิภาพดี ทรงพลังเหลือเฟือไม่ว่าจะงานเบาๆ ทำเอกสารไปจนตัดต่อคลิปและงาน 3D ก็ไหว เล่นเกมก็ได้สบายๆ ยิ่ง 2~3 ปีมานี้ พอเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น ซีพียูกับจีพียู็ยิ่งทรงพลังก็ทำให้เกมเมอร์และครีเอเตอร์ที่ไม่อยากเสียเวลาประกอบพีซีให้วุ่นวายเลือกตัดปัญหาทั้งหมดโดยซื้อโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสเปคแรงมาใช้แทน แถมได้เปรียบว่าพกพาสะดวกหยิบไปทำงานได้ กลับบ้านต่อหน้าจอแยกก็เล่นเกมชั้นนำได้ดีพอตัว นอกจากสเปคแล้ว ในปี 2024 ที่ปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น หลายแบรนด์ก็เสริม AI...

PC Review

Intel Core i7 14th Gen คู่ Arc A770 ประกอบคอมตัวจบสำหรับคอเกมและครีเอเตอร์ 2024 เพื่อผู้ใช้ระดับ Performance Intel Core i7-14700 จัดเป็นซีพียูรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมการเป็น Hybrid Core โดดเด่นทั้งประสิทธิภาพและการใช้พลังงาน เมื่อจับคู่กับ Intel Arc A770...

รีวิว MSI

MSI Claw A1M เกมมิ่งพีซี Handheld ที่ใช้ทำงานก็ได้ เล่นเกมสบายด้วยพลัง Intel Core Ultra!! ความสุขของใครหลายคน คือได้นั่งเล่นเกมโปรดอยู่หน้าคอมนานๆ แต่บางคนที่ต้องออกไปธุระให้คนในครอบครัวเป็นระยะๆ ก็คงจะยากอยู่ แต่ถ้ามี MSI Claw A1M Gaming Handheld อยู่ก็บอกลาข้อจำกัดนั้นได้เลยแถมยังไม่ถูกผูกมัดเอาไว้กับร้านค้าเกมไหนโดยเฉพาะ จะติดตั้ง Steam, Ubisoft...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก