ASUS B43E เครื่องที่เราได้มารีวิวเครื่องนี้ จัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไลน์ของ ASUS ที่ทำมาตอบสนองผู้ที่ต้องการการเชื่อมต่อที่ครบครัน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของเครื่องนี้เลย รูปลักษณ์ภายนอกก็มาในรูปแบบเรียบ ๆ พื้น ๆ ธรรมดา แต่อยากบอกว่าภายในมันแฝงอะไรไว้มากมายทีเดียว เราไปดูกันทีละจุดเลยครับ
ASUS B43E เครื่องนี้มาในรูปลักษณ์ของเครื่องที่นำมาใช้งานเชิงธุรกิจ จึงอาจจะทำให้รูปร่างหน้าตาไม่ค่อยจะหล่อมากมายนัก แต่ในเรื่องของสเปกต้องบอกว่าหล่อเอาการเลยทีเดียว ด้วยพลังในการประมวลผลจาก Intel Core i5-2410M ที่ถึงแม้จะเป็นรุ่นเก่านิดหนึ่ง แต่ความแรงนั้นเกินพอสำหรับใช้งานธุรกิจแน่ ๆ แถมพลังความแรงก็ต่างจากรุ่นใหม่เล็กน้อย จึงยังทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีอยู่ ส่วนแรมในเครื่องนี้ก็ให้มาถึง 6 GB ด้วยกัน สูงกว่าเครื่องทั่ว ๆ ไปเสียอีก จึงไม่ต้องกลัวปัญหาแรมไม่พอได้เลย อีกส่วนที่น่าสนใจก็คือ แหล่งเก็บข้อมูล นั่นคือ Harddisk ที่ให้มาความจุ 500 GB เหมือนเครื่องทั่วไป แต่มีจุดเด่นที่ความเร็วรอบในการทำงานซึ่งอยู่ที่ 7200 RPM ที่ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของระบบเพิ่มมากขึ้นกว่าแบบ 5400 RPM พอสมควร เรื่องของการเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครัน เหมาะกับนักธุรกิจที่ต้องพกพาเครื่องไปใช้งานในหลาย ๆ สถานที่ ซึ่งไม่รู้ว่าแต่ละที่จะมีการเชื่อมต่อแบบใด โดยเฉพาะการเชื่อมต่อทางด้านภาพที่มีพอร์ตมาให้ทั้ง VGA, HDMI และ DisplayPort เป็นอันว่าหมดห่วงเรื่องนี้ได้เลย และสิ่งที่บ่งบอกได้ถึงความเป็นเครื่องเชิงธุรกิจก็คือ การให้พอร์ต Modem มาด้วย ซึ่งอาจจะไว้ใช้ในการรับส่ง Fax ก็ยังพอได้อยู่ เอาเป็นว่าเราไปดูรูปร่างหน้าตากันก่อนเลยดีกว่า
รูปลักษณ์ภายนอก
รูปร่างภายนอกดูรวม ๆ แล้วเข้มขรึม เหมาะกับนักธุรกิจที่ต้องการความน่าเชื่อถือ ลองมองใกล้ ๆ จะเห็นลายที่ฝาเครื่องด้วย วัสดุที่ใช้เป็นพลาสติกแล้วทำลายให้เหมือนแผ่นไม้หรือโลหะขัดกัน หน้าตาภายในดูเรียบง่าย บริเวณขอบของคีย์บอร์ดจะมีลายเหมือนกับด้านนอก ดูรูปลักษณ์โดยรวมแล้วเหมาะกับผู้ที่ต้องการความเรียบง่ายของตัวเครื่อง ไม่ต้องการความเป็นจุดเด่นมากนัก แต่เรียบง่ายแบบนี้อาจจะกลายเป็นเด่นขึ้นมาเลยก็ได้นะครับ เพราะเครื่องสมัยนี้เน้นแฟชั่นกันจริง ๆ หันมาใช้เครื่องที่ดูเรียบ ๆ ส่วนตัวผมว่ามันดู Cool ดีเลยละ
?
?โลโก้ Asus สีเงินเงางามปั๊มตัดกับพื้นดำด้านนอก เมื่อตัวเครื่องกระทบแสงจะเห็นลายที่พื้นผิวได้อย่างชัดเจน การใช้วัสดุและทำลายแบบนี้ทำให้ไม่เป็นรอยนิ้วมือเวลาจับ เวลาออกงานเครื่องจะดูใหม่อยู่เสมอ เหมาะกับการใช้งานนอกสถานที่ทีเดียว อีกทั้งตัวเครื่องยังเป็นสีดำ ทำให้เห็นรอยเปื้อนได้ยากอีกด้วย
แกนพับจอดูเล็ก ๆ แต่ก็ไม่ติดขัดเวลาเปิดหรือปิดจอ ความแข็งแรง/ความฝืดอยู่ในระดับที่ดี ไม่อ่อนหรือแข็งไป
?
จอค่อนข้างหนา แต่ก็ทำให้รู้สึกทนทานแข็งแรง และยังมีจุดเด่นอย่างหนึ่งคือ จอที่ใช้เป็นจอด้านที่มีการสะท้อนแสงน้อย ทำให้เหมาะกับการใช้งานที่ต้องมีการอ่านข้อความบนจอนาน ๆ รวมไปถึงการใช้งานในที่ที่มีแสงมาก เช่น กลางแจ้งกว่าจอกระจกด้วย
?
จอกางได้ประมาณ 135 องศา
ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่กว่าหนังสือ A4 มาตรฐานพอสมควร
เครื่องหนาเกือบเท่ากล่องใส่ DVD 2 กล่อง เพราะความหนาของจอ แต่ตัวเครื่องจริง ๆ หนากว่ากล่องเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากจอมีความหนาเลยทำให้โดยรวมดูใหญ่ ๆ
น้ำหนักของเครื่องรวมแบตเตอรี่อยู่ที่ 2.5 กิโลกรัม ส่วน Adapter นั้นมีน้ำหนักในตัวราว ๆ 300 กรัม ซึ่งถ้าดูเฉพาะตัวเครื่องแล้วอาจจะดูมีน้ำหนักกว่าเครื่องในรุ่นปกติเล็กน้อย แต่ทั้งนี้ก็เพื่อความแข็งแรงที่มากกว่าในเครื่องรุ่นทั่วไป รวมไปถึงอุปกรณ์ภายในที่มากกว่า ครอบคลุมการใช้งานมากกว่า ดังนั้นน้ำหนักที่เพิ่มเข้ามาก็ถือว่าเป็นเรื่องที่รับได้
ด้านใต้ของเครื่อง
ด้านใต้เครื่องมีช่องระบายอากาศกระจายอยู่ในจุดที่จำเป็นต่าง ๆ อย่างเพียงพอเลย และตรงแผ่นขาว ๆ นั้นเป็นช่องใส่บัตร เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเครื่องได้ด้วย
ด้านล่างมีช่องสำหรับเชื่อมต่อกับ Docking ให้ด้วย แต่ที่แน่นอนคือต้องซื้อแยกเพิ่มเติม
ช่องระบายอากาศ
พัดลมขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ มีเสียงดังบ้างเวลาเครื่องทำงานหนัก ๆ สามารถระบายความร้อนออกมาได้ดี ทำให้ขณะใช้งานตัวเครื่องไม่ร้อนมากนัก
Memory
เครื่องทดสอบติดตั้งแรมมาให้ 6 GB แบ่งเป็น 4 GB + 2 GB
ด้านในของช่องใส่แบตเตอรี่จะมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดเพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ แต่ต้องติดตั้งการ์ด WWAN ก่อนนะครับ