
Micron ส่งสัญญาณชัด วิกฤต DRAM ยังยาว ไม่ใช่แค่ปัญหาระยะสั้น
Micron หนึ่งในผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่ที่สุดของโลก ออกมาให้ภาพรวมตลาดที่ค่อนข้างน่ากังวลสำหรับผู้ใช้ PC และตลาด Consumer หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2026 ซึ่งถือเป็นการแถลงผลประกอบการครั้งแรกหลังจากบริษัทตัดสินใจยุติแบรนด์ Crucial ที่คุ้นเคยกับผู้ใช้ทั่วไป
แม้หลายคนอาจคิดว่าการปิดแบรนด์ Crucial จะช่วยให้ Micron โฟกัสกำลังการผลิตได้ดีขึ้น แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม เพราะ Micron ยอมรับตรงไปตรงมาว่า แม้ไม่มี Crucial แล้ว บริษัทก็ยังไม่สามารถผลิต DRAM ได้เพียงพอกับความต้องการของตลาด
Sanjay Mehrotra ซีอีโอ ประธาน และประธานกรรมการของ Micron ระบุชัดว่า ปัญหาการขาดแคลน DRAM จะ “ยืดเยื้อเกินปี 2026” และลูกค้ารายใหญ่เริ่มกังวลเรื่องการเข้าถึงหน่วยความจำในระยะยาวอย่างจริงจัง
รายได้ Micron ทำสถิติใหม่ แต่เกิดจากราคาที่แพงขึ้นและ AI
ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2026 Micron รายงานรายได้รวม 13.64 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 495,000 ล้านบาท (อิงอัตราแลกเปลี่ยนราว 36.3 บาทต่อดอลลาร์) เพิ่มขึ้นเกือบ 57% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ตัวเลขนี้ไม่ได้สะท้อนว่าตลาด Consumer กำลังสดใส แต่เป็นผลโดยตรงจาก
- ราคาหน่วยความจำที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง
- ความต้องการ DRAM และ NAND จาก AI data center
- การขยายสัดส่วนสินค้าที่มี margin สูง เช่น HBM
Micron ระบุว่าความต้องการจากฝั่ง AI ยังไม่มีสัญญาณชะลอตัว และเป็นแรงกดดันหลักที่ทำให้ DRAM สำหรับ PC และอุปกรณ์ทั่วไปถูกแย่งกำลังการผลิตไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
HBM ดูดกำลังการผลิตหนักกว่า DDR5 หลายเท่า
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ Micron ย้ำหลายครั้งคือ HBM (High Bandwidth Memory) ซึ่งกลายเป็นหัวใจหลักของระบบ AI รุ่นใหม่
Micron ระบุว่า
- การผลิต HBM ใช้พื้นที่ wafer มากกว่า DDR5 ถึง 3 เท่า
- บริษัทคาดว่า HBM จะเติบโตอย่างรุนแรงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
- มูลค่าตลาดรวม (TAM) ของ HBM มีโอกาสแตะ 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2028 หรือราว 3.6 ล้านล้านบาท
ตัวเลขนี้สูงกว่ามูลค่าตลาด DRAM ทั้งหมดในปี 2024 เสียอีก ซึ่งหมายความว่า โรงงานผลิตหน่วยความจำทั่วโลกจะถูกดึงไปตอบสนองตลาด AI เป็นหลัก และฝั่ง PC จะต้องแย่งทรัพยากรที่เหลืออยู่
ปิด Crucial แล้ว แต่ DRAM สำหรับ PC ก็ยังไม่พอ
Micron ยืนยันว่า แม้จะยุติแบรนด์ Crucial ไปแล้ว บริษัทก็ยังคงผลิต DRAM สำหรับ
- PC
- โน้ตบุ๊ก
- สมาร์ตโฟน
และคาดว่าปริมาณการส่งมอบ PC ทั่วโลกยังมีแนวโน้มเติบโตต่อ แต่ปัญหาคือ ซัพพลายไม่พอ
Micron ยอมรับว่า “ผิดหวัง” ที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ครบทุกเซกเมนต์ แม้จะมีแผนขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องก็ตาม
ขยายโรงงานแล้ว แต่ยังตามไม่ทันความต้องการ
Micron กำลังเดินหน้าโครงการ fab ใหม่หลายแห่ง ได้แก่
- โรงงาน 2 แห่งในรัฐไอดาโฮ สหรัฐฯ โดยแห่งแรกจะเริ่มผลิตได้ราว กลางปี 2027
- โครงการโรงงานในรัฐนิวยอร์ก คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างช่วงต้นปี 2026 และเริ่มผลิตจริงประมาณ ปี 2030
อย่างไรก็ตาม แม้โรงงานใหม่จะเดินเครื่องครบ Micron ก็ยังประเมินว่า บริษัทจะสามารถผลิต DRAM ได้เพียง ประมาณครึ่งหนึ่งถึงสองในสาม ของความต้องการจาก “ลูกค้าหลัก” เท่านั้น
ลูกค้ารายใหญ่จำนวนมากเริ่มหันไปทำ สัญญาซื้อขายระยะยาวหลายปี เพื่อการันตีสิทธิ์การเข้าถึงหน่วยความจำ ซึ่งสะท้อนว่าความกังวลเรื่อง DRAM ไม่ใช่แค่ระยะสั้น
ราคา DDR5 ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ความเห็นตลาดยังแตกต่าง
ผลกระทบที่ผู้ใช้ทั่วไปเห็นได้ชัดที่สุดคือ ราคา DDR5 ที่ยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซัพพลายเออร์ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า วิกฤต DRAM จะลากยาวไปอย่างน้อยถึงปีหน้า และอาจเกินกว่านั้น
อย่างไรก็ตาม มุมมองของแต่ละค่ายยังแตกต่างกัน
- Sapphire มองว่าราคาอาจเริ่ม “ทรงตัว” ในช่วง 6–8 เดือนข้างหน้า
- Kingston กลับมองว่าราคา DRAM มีแนวโน้ม “ปรับขึ้นต่อ” ในระยะยาว
สำหรับผู้ใช้ PC และโน้ตบุ๊ก นี่อาจหมายถึงยุคที่แรมความจุสูงมีราคาสูงกว่าที่เคย และตัวเลือก 8GB จะถูกผลักดันให้กลายเป็นมาตรฐานหลักมากขึ้นในตลาด
สรุป: Micron คือภาพสะท้อนปัญหาโครงสร้างของทั้งอุตสาหกรรม
สิ่งที่ Micron เปิดเผยไม่ใช่แค่ข่าวร้ายของบริษัทเดียว แต่เป็นภาพสะท้อนของอุตสาหกรรมหน่วยความจำทั้งระบบ
เมื่อ AI กลายเป็นศูนย์กลางของการลงทุน โรงงาน DRAM ทั่วโลกย่อมต้องเลือกตลาดที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด
สำหรับผู้ใช้ PC ทั่วไป วิกฤต DRAM ครั้งนี้อาจไม่ใช่เรื่องชั่วคราว แต่เป็นการเปลี่ยนโครงสร้างตลาดหน่วยความจำที่อาจอยู่กับเราไปอีกหลายปีข้างหน้า
ที่มา: tomshardware





