
แม้กระแสเทคโนโลยี AI จะมาแรงทั่วโลก แต่ดูเหมือนว่า Apple จะยังตามไม่ทันคู่แข่งในประเด็นนี้ โดยนักวิเคราะห์จาก HSBC รายงานว่า Apple ควรเร่งทำการตลาดด้านฮาร์ดแวร์ของ iPhone 17 อย่างจริงจัง เพื่อกระตุ้นยอดขายในปี 2025 เนื่องจากยังไม่มีฟีเจอร์ AI ที่โดดเด่นมากพอจะดึงดูดผู้ใช้งานให้อัปเกรดเครื่อง
Apple ยังไม่สามารถใช้กระแส AI ให้เป็นประโยชน์ได้เต็มที่
แม้จะมีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ๆ ของ Siri และ AI ในงาน WWDC 2024 แต่เหล่านักวิเคราะห์กลับมองว่า ฟีเจอร์เหล่านั้นไม่ได้ส่งผลต่อประสบการณ์ใช้งานอย่างที่ผู้บริโภครอคอย ทำให้แรงจูงใจในการเปลี่ยนไปใช้ iPhone รุ่นใหม่ยังไม่เพียงพอ
Apple เองยังเคยให้คำมั่นว่าจะเพิ่มความสามารถด้าน AI ในระดับที่ “เปลี่ยนเกม” แต่กลับล้มเหลวในอดีตมาแล้ว นักวิเคราะห์จึงแนะนำว่า Apple ควรกลับมาให้ความสำคัญกับ “สิ่งที่ขายได้จริง” ซึ่งก็คือสเปกฮาร์ดแวร์ของ iPhone รุ่นใหม่ ที่ยังคงเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัท คิดเป็นกว่าครึ่งของรายได้รวมต่อปี
iPhone 17 จะต้องเน้น “แรงและคุ้ม” เพื่อชดเชย AI ที่ยังไม่มา
แม้จะยังไม่มี AI ที่สร้างความว้าวได้ในปีนี้ แต่ก็อาจมาพร้อมกับการอัปเกรดฮาร์ดแวร์ที่น่าสนใจ เช่น
- iPhone 17 Pro Max คาดว่าจะมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh (มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ iPhone)
- เพิ่ม RAM เป็น 12GB ซึ่งจะช่วยให้ใช้งานหลายแอปพร้อมกันได้ดีขึ้น และเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้ AI บนอุปกรณ์ (On-device AI) ในอนาคต
- ใช้ชิปใหม่ A19 และ A19 Pro ที่แม้จะเน้น “ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน” มากกว่าความแรง แต่ก็อาจส่งผลให้ iPhone รุ่นใหม่นี้มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่ารุ่นใด ๆ
ชิป Apple A19 อาจไม่แรงเท่าคู่แข่ง แต่ประหยัดพลังงานกว่า
จากข้อมูลที่หลุดออกมา ชิป A19 และ A19 Pro ที่จะใช้ใน 17 Series อาจไม่ได้เน้นการเพิ่มความแรงมากนัก แต่เน้น “ความคุ้มค่าและประหยัดพลังงาน” เป็นหลัก
ซึ่งอาจทำให้แพ้คู่แข่งอย่าง Snapdragon 8 Gen 2 Elite และ Dimensity 9500 ในแง่ของ Benchmark ด้านประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ความได้เปรียบของ Apple ยังอยู่ที่ความลื่นไหล การควบคุมระบบเองได้ทั้งหมด และความเสถียรในการใช้งานจริง
ถ้าไม่มี AI ที่โดดเด่น สเปกฮาร์ดแวร์ต้องจัดเต็ม
นักวิเคราะห์จาก HSBC ย้ำว่า หาก Apple ต้องการกระตุ้นยอดขายในช่วงเปลี่ยนรุ่นใหม่ (Upgrade Cycle) บริษัทจำเป็นต้องเน้นนำเสนอ “จุดแข็งด้านฮาร์ดแวร์” ให้ชัดเจน โดยเฉพาะในจุดที่ผู้ใช้งานเห็นผลได้จริง เช่น
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีขึ้น
- หน้าจอที่ลื่นไหลขึ้น
- หน่วยความจำเพิ่มขึ้น
- กล้องคุณภาพสูง
- น้ำหนักที่เบาลง (ในรุ่น 17 Air)
โดยทั้งหมดนี้ต้องได้รับการสื่อสารผ่านการตลาดอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นผ่านงานเปิดตัว วิดีโอโฆษณา หรือการเปรียบเทียบกับรุ่นเก่าแบบเห็นภาพ
สรุป: อาจยังไม่ใช่ “iPhone AI” แต่ก็ยังน่าจับตามอง
แม้ Apple จะยังไม่สามารถปล่อยฟีเจอร์ AI ที่น่าตื่นเต้นออกมาในปีนี้ได้เหมือนคู่แข่งอย่าง Google หรือ Samsung แต่ iPhone 17 ก็ยังมีจุดแข็งที่น่าดึงดูด โดยเฉพาะด้านสเปกฮาร์ดแวร์ที่อัปเกรดอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในเรื่องแบตเตอรี่ RAM และความสามารถรองรับ AI ในอนาคต
หาก Apple สามารถนำเสนอข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนและน่าสนใจ โอกาสในการกระตุ้นยอดขาย iPhone ก็ยังมีอยู่ไม่น้อย — โดยเฉพาะกับผู้ใช้งานที่ใช้รุ่นเก่ากว่า 2-3 ปี
ที่มา: wccftech





