
ในยุโรปกำลังเกิดกระแสเรียกร้องให้คุ้มครองสิทธิของผู้เล่นเกมผ่านแคมเปญที่ชื่อว่า “Stop Killing Games” ล่าสุดได้รับแรงสนับสนุนจากบุคคลสำคัญในระดับสูงของสหภาพยุโรป โดย Nicolae Ștefănuță รองประธานรัฐสภายุโรป ได้ออกมาประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนว่าตนเอง ลงนามสนับสนุนแคมเปญนี้แล้ว และพร้อมช่วยผลักดันต่อไป
รองประธานรัฐสภายุโรปประกาศชัด “เกมที่ขายแล้วต้องเป็นของลูกค้า”
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2025 Nicolae Ștefănuță ได้โพสต์วิดีโอลง Instagram Story ของเขาโดยกล่าวว่า
“ผมขอยืนเคียงข้างประชาชนที่เริ่มต้นโครงการนี้ ผมลงนามแล้ว และจะช่วยผลักดันต่อไป… เกมที่ขายแล้วต้องเป็นของลูกค้า ไม่ใช่ของบริษัท”
แม้ว่าในขั้นตอนปัจจุบันเขาอาจยังไม่สามารถดำเนินการเชิงกฎหมายได้โดยตรง แต่การที่มีรองประธานรัฐสภายุโรปออกมาสนับสนุนชัดเจนขนาดนี้ ทำให้แคมเปญเริ่มได้รับความสนใจในระดับนโยบายมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อท่าทีของสมาชิกรัฐสภายุโรปคนอื่น ๆ ที่ก่อนหน้านี้อาจยังไม่รู้จักหรือยังไม่ให้ความสำคัญ
แคมเปญ Stop Killing Games คืออะไร?
แคมเปญนี้เป็นแคมเปญภายใต้ European Citizens’ Initiative (ECI) ที่มีเป้าหมายเรียกร้องให้ผู้จัดจำหน่ายเกม ไม่สามารถปิดบริการเกมที่เคยขายให้ลูกค้าแล้วได้โดยพลการ เช่น กรณีที่บริษัทปิดเซิร์ฟเวอร์เกมถาวร แม้ลูกค้าจะซื้อเกมไปแล้วก็ตาม
แคมเปญนี้เปิดให้ประชาชนในสหภาพยุโรปร่วมลงชื่อสนับสนุน และเพิ่งผ่านเกณฑ์สำคัญคือ มีผู้ลงชื่อเกิน 1 ล้านรายชื่อแล้ว ซึ่งเป็นขั้นต่ำที่จำเป็นสำหรับการผลักดันสู่ขั้นตอนถัดไปในระดับ EU
ขั้นตอนถัดไปของแคมเปญ
แม้จะผ่านเกณฑ์รายชื่อขั้นต่ำแล้ว แต่แคมเปญนี้ยังต้องผ่านเงื่อนไขสำคัญอีก คือ
- ต้องมีผู้ลงชื่อในจำนวนขั้นต่ำตามที่กำหนดไว้สำหรับ แต่ละประเทศสมาชิก EU
- ต้อง ตรวจสอบความถูกต้องของรายชื่อทั้งหมด
- จากนั้นจึงจะสามารถ เข้าสู่กระบวนการพิจารณาโดยคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) และอาจถูกหยิบยกเข้าสู่การอภิปรายในรัฐสภายุโรปได้
ซึ่งหากถึงจุดนั้นจริง Nicolae Ștefănuță ในฐานะสมาชิกรัฐสภา จะสามารถ ร่วมอภิปรายหรือผลักดันให้เกิดข้อบังคับจริง ได้มากยิ่งขึ้น
ความเห็นต่างจากฝั่งอุตสาหกรรมเกม
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกฝ่ายที่เห็นด้วยกับแคมเปญนี้ โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มล็อบบี้ในอุตสาหกรรมเกมอย่าง Video Games Europe ได้ออกแถลงการณ์ คัดค้าน และแสดงจุดยืนสนับสนุนสิทธิของบริษัทในการปิดบริการเกมที่ไม่ทำกำไรอีกต่อไป
การที่ Video Games Europe ออกมาคัดค้านอย่างแข็งกร้าว ยิ่งทำให้ผู้เล่นเกมทั่วโลกแสดงความไม่พอใจ และกลับมาให้ความสนใจกับแคมเปญมากขึ้น
ความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามอง
ในตอนนี้ตัวแคมเปญ ถือว่ามีแรงส่งที่ดีและอยู่ในสายตาของสื่อและนักการเมืองยุโรปมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อมีผู้บริหารระดับสูงอย่าง Ștefănuță ออกมาสนับสนุนแบบเปิดเผย
แม้จะยังต้องใช้เวลาอีกพอสมควรในการเดินทางสู่การออกกฎหมายจริง แต่ เสียงของผู้เล่นที่รวมตัวกันมากกว่า 1 ล้านคนก็กำลังเปลี่ยนแปลงวงการเกมของยุโรปอย่างมีนัยสำคัญ
สรุป:
การที่ “เกมที่ซื้อแล้วควรเป็นของลูกค้า” กำลังกลายเป็นแนวคิดที่ถูกผลักดันจริงจังในระดับนโยบาย และ Stop Killing Games อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมเกม หากสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้สำเร็จ
ที่มา: PC GAMER





