
Intel ยอมรับตกอันดับ – ฟื้นฟูองค์กรต้องใช้เวลานาน
Lip-Bu Tan ซีอีโอคนใหม่ของ Intel ออกมายอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าบริษัทไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุดของวงการเซมิคอนดักเตอร์อีกต่อไป โดยถึงขั้นกล่าวว่า “เราไม่ใช่หนึ่งในสิบอันดับแรกของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์โลก” พร้อมย้ำว่าการพลิกฟื้นองค์กรจะเป็นเหมือน “มาราธอนที่ยากลำบาก” ซึ่งต้องใช้เวลาและการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างขนานใหญ่
พลาดกระแส AI – ลูกค้าหลุดมือ
Tan ได้พูดคุยกับพนักงานภายใน โดยยอมรับว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัท เสียความได้เปรียบในตลาด คือการพลาดโอกาสในกระแส AI ที่คู่แข่งหลายราย เช่น NVIDIA และ AMD สามารถเข้ายึดพื้นที่ตลาดได้ก่อนอย่างรวดเร็ว
นอกจากนั้น กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคทั่วไป (Consumer Segment) ของบริษัทเองก็ไม่มีอะไรโดดเด่นพอจะดึงความสนใจของตลาด และแผนกการผลิตชิป (Foundry) ก็ไม่สามารถส่งมอบผลงานได้ตามเป้าหมาย ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้บริษัทเสียทั้งรายได้ และลูกค้าให้กับคู่แข่งอย่างต่อเนื่อง
เลือกลดคนเพื่อให้ “บริษัทที่เล็กลง เดินหน้าได้เร็วขึ้น”
เพื่อให้บริษัทเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น Tan จึงตัดสินใจลดจำนวนพนักงาน พร้อมเน้นว่าการเป็นองค์กรที่เล็กลงอาจจะตอบโจทย์กับสถานการณ์ปัจจุบันมากกว่า การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างครั้งนี้น่าจะเป็นแค่จุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวของบริษัท ซึ่งจะมาพร้อมการปรับยุทธศาสตร์หลายด้านในอนาคต
AI ยังไม่ใช่เป้าหลัก – เน้นเฉพาะ Edge AI
แม้ AI จะเป็นเทรนด์ที่ทุกบริษัทไอทีต่างทุ่มเท แต่กลับเลือกถอยห่างจากการแข่งขันนี้ โดย Tan ยอมรับว่า “เรายังไม่มีโอกาสในตลาด AI” และจะเน้นเฉพาะ Edge AI เท่านั้น ซึ่งหมายถึงการฝังความสามารถด้าน AI เข้าไปในซีพียูสำหรับผู้บริโภค เช่น โน้ตบุ๊กหรือพีซีทั่วไป
18A และ IFS ยังไม่พร้อมชน TSMC – ฝากความหวังไว้ที่ 14A
หนึ่งในแผนการที่เคยถูกตั้งความหวังไว้สูงคือการแข่งกับ TSMC ผ่านแผนก Intel Foundry Services (IFS) โดยเฉพาะกระบวนการผลิตชิปขนาด 18A ซึ่ง Tan เปิดเผยว่าขณะนี้ยังเน้นใช้งานภายในองค์กรก่อนเท่านั้น และอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะเปิดขายภายนอกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ความหวังยังพอมีอยู่บ้างกับแผนการพัฒนา 14A ซึ่งก็หวังว่าจะสามารถสร้างการแข่งขันที่สูสีกับผู้เล่นรายใหญ่อย่าง TSMC และ Samsung ได้ในอนาคต
การเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่ยังต้องจับตามอง
ตอนนี้บริษัทกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อครั้งใหญ่ จากการยอมรับอย่างตรงไปตรงมาของ CEO คนใหม่ บ่งชี้ว่าบริษัทกำลังจะเข้าสู่ยุคของการฟื้นตัวระยะยาว ซึ่งจะไม่เกิดขึ้นในเวลาอันสั้น
การลดขนาดองค์กร ปรับยุทธศาสตร์ใหม่ และถอยออกจากบางตลาด อาจจะทำให้เกิดเสียงวิจารณ์หลากหลาย แต่ก็อาจเป็นการตัดสินใจที่จำเป็นเพื่อให้ บริษัทกลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้งในอนาคต
สรุป:
ภายใต้การนำของ CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan ยอมรับแล้วว่าไม่ใช่ผู้นำในตลาดอีกต่อไป และกำลังปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อตอบรับความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม โดยเน้นการลดขนาดองค์กร เน้นเฉพาะจุดแข็งอย่าง Edge AI และหวังผลระยะยาวกับเทคโนโลยี 14A เพื่อกลับคืนสู่เวทีการแข่งขัน
ที่มา: wccftech





