
Zenni Optical แบรนด์แว่นตาชื่อดังจากอเมริกา เปิดตัว “ID Guard” — เลนส์เคลือบพิเศษที่สามารถป้องกันการสแกนใบหน้าจากอุปกรณ์ที่ใช้แสงอินฟราเรด (Infrared – IR) เช่นเดียวกับที่ใช้ในระบบ Face ID ของ Apple โดยออกแบบมาเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากการลักลอบสแกนใบหน้าและการลอกเลียนแบบใบหน้าแบบ 3D
ID Guard เป็นเลนส์เคลือบสีชมพูอ่อนที่สามารถเลือกได้กับเลนส์ของ Zenni หลายรุ่น เช่น Clear, Blokz, และ EyeQLenz โดยทางบริษัทมีแผนจะขยายการรองรับไปยังเลนส์รุ่นอื่นเพิ่มเติมในอนาคต ราคาสำหรับการเลือกใช้เคลือบ ID Guard กับเลนส์มาตรฐานดัชนี 1.50 อยู่ที่ 14.95 ดอลลาร์ หรือประมาณ 550 บาท (อิงอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน)
ปกป้องความเป็นส่วนตัวจากการสแกนที่คุณไม่รู้ตัว
ระบบ Face ID ของ Apple ใช้แสงอินฟราเรดในการฉายจุดเล็ก ๆ หลายพันจุดลงบนใบหน้า เพื่อสร้างแผนที่ 3 มิติและยืนยันตัวตนผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัยระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีรายงานว่ามีผู้ไม่ประสงค์ดีบางกลุ่มพยายามใช้เครื่องฉาย IR ร่วมกับกล้องแอบถ่ายเพื่อแสกนใบหน้าของเหยื่อแบบลับ ๆ
หนึ่งในตัวอย่างที่โด่งดังคือกรณีของบริษัทด้านความปลอดภัย Bkav ที่เคยสาธิตการใช้ หน้ากาก 3D ที่พิมพ์จากใบหน้าจริง เพื่อปลดล็อก iPhone ด้วย Face ID ได้สำเร็จ แม้ Apple จะเพิ่มระบบตรวจจับ “ความมีชีวิต” หรือ Liveliness Detection เพื่อให้ Face ID ปลดล็อกได้เฉพาะตอนผู้ใช้งานมีการเคลื่อนไหวจริง แต่ก็ยังมีนักวิจัยบางรายสามารถหาทางหลีกเลี่ยงได้
ID Guard ทำงานอย่างไร?
Zenni ระบุว่า ID Guard สามารถ กรองแสงอินฟราเรดในช่วงคลื่น 700–1050 นาโนเมตร ซึ่งครอบคลุมมากกว่าช่วงคลื่นที่ Face ID ใช้งานจริง (700–900 นาโนเมตร) หมายความว่าแสง IR ที่ใช้ในการสแกนใบหน้าจะไม่สามารถผ่านเลนส์และกระทบกับบริเวณรอบดวงตาได้ทั้งหมด ซึ่งช่วยลดโอกาสที่ระบบจะเก็บข้อมูลใบหน้าได้ครบถ้วน
ข้อควรระวังคือ ผู้ใช้งานจำเป็นต้อง ถอดแว่นออกก่อนปลดล็อกด้วย Face ID เนื่องจากแสง IR จะถูกขวางไว้ไม่ให้ถึงใบหน้า ทำให้ระบบปลดล็อกไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
เมื่อแว่นตากลายเป็นเกราะป้องกันความเป็นส่วนตัว
แม้หลายคนจะยังไม่ตระหนักถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยจากเทคโนโลยีสแกนใบหน้า แต่สำหรับผู้ที่ห่วงใยข้อมูลส่วนตัว ID Guard ถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ช่วยเสริมความปลอดภัยที่จับต้องได้ โดยเฉพาะในยุคที่อาชญากรรมไซเบอร์มีแนวโน้มสูงขึ้น และอุปกรณ์แอบถ่ายเริ่มมีราคาถูกและเข้าถึงง่ายมากขึ้น
และยังมีข้อควรระวังเพิ่มเติมว่า ไมโครโฟน MEMS ในสมาร์ตโฟนบางรุ่น อาจปล่อยคลื่นความถี่วิทยุ (RF) ที่แฮกเกอร์สามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์พิเศษเพื่อแอบฟังเสียงสนทนาได้ ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการใช้อุปกรณ์อย่าง Faraday bag หรือถุงกันสัญญาณ
บทสรุป
ID Guard เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้เทคโนโลยีเพื่อเสริมความเป็นส่วนตัวในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้งานที่กังวลเรื่อง การถูกแอบสแกนใบหน้า หรือ ลอกเลียนแบบใบหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องการใช้งานร่วมกับ Face ID แต่สำหรับผู้ที่จริงจังกับเรื่องความปลอดภัยส่วนบุคคล นี่คืออีกหนึ่งในนวัตกรรมที่น่าจับตามองในปีนี้
ที่มา: notebookcheck





