
Microsoft Mu: โมเดลภาษา AI ขนาดเล็กที่ฝังใน Windows 11 ทำงานเร็ว ไม่ต้องพึ่งอินเทอร์เน็ต
Microsoft ยังคงเดินหน้าขยายขีดความสามารถของ Windows 11 ด้วยการผสานเทคโนโลยี AI ที่ทำงานในเครื่อง (on-device AI) อย่างเต็มรูปแบบ โดยล่าสุดได้เปิดตัว “Mu” โมเดลภาษา AI ขนาดเล็ก (Small Language Model หรือ SLM) ที่ถูกฝังอยู่ภายในระบบ Windows 11 โดยตรง โดยออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกับแอป Settings ได้อย่างชาญฉลาด ด้วยการเข้าใจภาษาธรรมชาติของผู้ใช้งาน และให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำยิ่งขึ้น
ความเป็นมา: จาก Copilot+ PC สู่ระบบ AI ที่ทำงานในเครื่องเต็มรูปแบบ
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2023–2024 Microsoft ได้เปิดตัวพีซีรุ่นใหม่ภายใต้ชื่อ “Copilot+ PC” ซึ่งมาพร้อมกับหน่วยประมวลผล AI โดยเฉพาะ หรือที่เรียกว่า NPU (Neural Processing Unit) โดย NPU เหล่านี้สามารถประมวลผลคำสั่ง AI ได้เร็วมากกว่า 40 TOPS ขึ้นไป นั่นทำให้ Microsoft เริ่มใส่ฟีเจอร์ AI แบบออฟไลน์ในเครื่องให้มากขึ้นเพื่อความเร็ว ความปลอดภัย และประสบการณ์ใช้งานที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น
หนึ่งในโมเดลแรกๆ ที่เปิดตัวไปแล้วคือ Phi-Silica ที่ใช้ในแอปจาก Microsoft และแอปของนักพัฒนาภายนอก ซึ่งสามารถทำงานแบบไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และตอนนี้ Microsoft ก็เปิดตัวโมเดลใหม่ที่ชื่อว่า Mu มาเสริมทัพ
Mu คืออะไร?
Mu เป็นโมเดลภาษาขนาดเล็ก (SLM) ที่ Microsoft ออกแบบมาให้ทำงานภายในเครื่องโดยไม่ต้องใช้การประมวลผลผ่าน Cloud หรืออินเทอร์เน็ต จุดประสงค์หลักคือการใช้งานในแอป Settings ของ Windows 11 ให้สามารถเข้าใจคำถามหรือคำสั่งของผู้ใช้ที่พิมพ์ด้วยภาษาธรรมชาติ เช่น:
- “เปลี่ยนภาษาแป้นพิมพ์ยังไง”
- “ตั้งค่า Wi-Fi”
- “เปิด Dark Mode”
แทนที่ระบบจะทำการค้นหาคำแบบตรงตัวหรือเป็นคำเฉพาะ (Lexical/Keyword-based Search) เหมือนแต่ก่อน Mu จะช่วยแปลงคำสั่งเหล่านี้ให้กลายเป็นคำสั่งระบบที่แม่นยำและตรงความต้องการยิ่งขึ้น
จุดเด่นของ Mu ที่ทำให้แตกต่าง
ทำงานในเครื่อง 100% (On-device AI)
Mu ไม่ต้องพึ่งอินเทอร์เน็ตหรือส่งข้อมูลขึ้น Cloud เลย ซึ่งทำให้ปลอดภัยกว่า รวดเร็วกว่า และตอบสนองได้ทันที
ประสิทธิภาพสูงมาก
Mu สามารถประมวลผลคำสั่งได้เร็วกว่า 100 โทเคนต่อวินาที บนเครื่องที่มี NPU โดยไม่ต้องรอคำตอบจาก Server ภายนอกเหมือน AI Chat ทั่วไป
ใช้งานร่วมกับระบบค้นหา Settings
Mu ถูกฝังในแอป Settings ของ Windows โดยตรง และหากคำที่ผู้ใช้พิมพ์สั้นเกินไปหรือไม่สมบูรณ์ ระบบจะยังคงแสดงผลการค้นหาปกติร่วมด้วย เพื่อให้ได้คำตอบที่ดีที่สุดเสมอ
ฉลาดเทียบเท่าโมเดลใหญ่ในขนาดเล็ก
แม้ Mu จะมีขนาดเพียง 330 ล้านพารามิเตอร์ แต่ Microsoft ระบุว่าประสิทธิภาพนั้นใกล้เคียงกับ Phi-3.5-mini ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเกือบ 10 เท่า
รายละเอียดทางเทคนิคของ Mu
- ขนาดโมเดล: 330 ล้านพารามิเตอร์
- โครงสร้าง: Encoder-Decoder (ไม่ใช่ Decoder-only แบบ LLM ทั่วไป)
- ประสิทธิภาพ: ลด First-token latency ลง 47% และความเร็วโดยรวมเร็วขึ้น 4.7 เท่า
- เทคนิคประหยัดพลังงาน: ใช้ Weight Sharing ในบางส่วนเพื่อให้เบาและเร็ว
- การฝึกโมเดล: ใช้ GPU NVIDIA A100 ผ่าน Azure Machine Learning
- การปรับจูน: เหมาะกับคำสั่งแบบหลายคำ (multi-word input)
Encoder-Decoder ต่างจาก LLM แบบเดิมตรงที่สามารถเริ่มการประมวลผลและตอบกลับได้เร็วกว่า โดยเฉพาะเมื่อนำมาใช้ในงานสั้นๆ ที่ต้องตอบทันทีในระดับ UI
ใช้งาน Mu ได้อย่างไร?
Mu จะเริ่มใช้งานได้ใน Windows 11 สำหรับผู้ที่มีคุณสมบัติดังนี้:
- ติดตั้ง Windows 11 รุ่น Build 26120.3964 (KB5058496) หรือใหม่กว่า
- ใช้เครื่องที่เป็น Copilot+ PC
- เข้าโปรแกรม Windows Insider – Dev Channel
เมื่อตรงตามเงื่อนไข Mu จะทำงานในแอป Settings โดยอัตโนมัติ ผู้ใช้สามารถลองพิมพ์คำถามหรือคำสั่งธรรมดาลงไปในช่องค้นหาได้เลย
ทำไม Mu ถึงสำคัญ?
Mu แสดงให้เห็นถึงแนวทางใหม่ของ Microsoft ที่ต้องการให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงความสามารถของ AI ได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับ Cloud ตลอดเวลา ซึ่งส่งผลให้:
- ลดความเสี่ยงเรื่องความเป็นส่วนตัว
- เพิ่มความเร็วในการใช้งานจริง
- รองรับการใช้งานในพื้นที่ที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต
และที่สำคัญที่สุดคือ การนำ AI มาเสริมระบบปฏิบัติการโดยตรงแทนที่จะจำกัดไว้ในแอปแยก ทำให้ประสบการณ์ใช้งาน Windows ฉลาดขึ้นแบบไร้รอยต่อ
สรุป
Mu คือก้าวสำคัญในการพัฒนา Small Language Model สำหรับระบบปฏิบัติการโดยตรง Microsoft ไม่ได้แค่เพิ่มฟีเจอร์ AI แต่กำลังวางรากฐานให้ Windows 11 กลายเป็นระบบที่ “เข้าใจผู้ใช้” อย่างแท้จริง
โมเดล Mu ไม่ใช่แค่การทดสอบจากห้องวิจัย แต่คือเทคโนโลยีที่พร้อมใช้งานจริงในวันนี้บน Copilot+ PC ใครที่มีเครื่องรุ่นใหม่และเข้าร่วม Windows Insider สามารถทดลองใช้งาน Mu ได้แล้วในแอป Settings ของคุณเอง
ที่มา: Neowin





