เวลาจะนั่งดูหนังสักเรื่อง นอกจากสไตล์โรแมนติกแล้วหนังแฟนตาซีก็เป็นสไตล์ยอดนิยมที่ใครหลายคนชอบดูและมีให้เลือกดูหลายเรื่องตั้งแต่หนังเก่าไปจนใหม่ อยากได้สไตล์ตะวันตกหรือตะวันออกก็มีให้หาดูได้ตามสตรีมมิ่งชั้นนำเจ้าต่างๆ ได้ตามต้องการ และนอกจากหนังยุคใหม่แล้วก็มีหนังเก่าขึ้นหิ้งให้หาดูได้ง่ายๆ แม้ภาพจะไม่คมชัดเท่า แต่การเล่าเรื่องเรียกว่าดีไม่แพ้กันอย่างแน่นอน
ว่าด้วยหนังแฟนตาซีเป็น Genre แบบผสมเข้ากับสไตล์อื่น เช่น สืบสวนสอบสวน, แอ็คชั่น, ผจญภัย, แฟนตาซีหรือสไตล์ย้อนยุคก็มีและเป็นตัวชูโรงทำให้เรื่องราวสนุกตื่นตายิ่งขึ้นกว่าเดิม แถมบางซีรี่ย์ก็ดำเนินเรื่องยาวระดับไตรภาคเป็นเพื่อนในช่วงวันหยุดยาวรับปีใหม่ได้เป็นอย่างดีหรือในช่วงจัดปาร์ตี้ดูหนังกับเพื่อนก็เข้าท่าไม่แพ้กัน
ว่าด้วยเรื่องหนังและหนังแฟนตาซี
- Genre เป็นคำภาษาฝรั่งเศส อ่านว่า “ฌ็องร่า” ใช้เพื่อบอกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องแนวใด
- หนังแฟนตาซีเป็น Genre รวม ซึ่งมีองค์ประกอบหลากหลายทั้งเวทมนตร์และการผจญภัย แยกเป็น High Fantasy ดำเนินเรื่องในโลกอีกใบซึ่งความเชื่อและวิถีชีวิตแตกต่างกับโลกมนุษย์ ถ้าใช้ฉากหลังเป็นโลกมนุษย์แล้วเพิ่มความเหนือมนุษย์เข้าไปจะนับเป็น Low Fantasy
- The Lord of the Rings ไตรภาคปี 2001~2003 ยังเป็นหนังแฟนตาซีฉายในโรงหนังเรทติ้งสูงสุดจนปัจจุบันนี้ อ้างอิงจากเว็บไซต์ IMDb
- The Lord of the Rings ภาค The Return of the King เป็นภาคที่เรทติ้งสูงสุด 9.0 ดาว ตามด้วย The Fellowship of the Ring 8.9 ดาว ปิดท้ายด้วย The Two Towers ได้ 8.8 ดาว
- ถ้านับรวมทีวีซีรี่ย์ด้วย Game of Thrones จะครองตำแหน่งแชมป์หนังแฟนตาซีด้วยคะแนน 9.2 ดาว
- ใน Netflix จะมีหนังให้ดูหลากหลายถูกใจคอดูหนังคลาสสิคแน่นอน เพราะมีให้เลือกทั้งฝั่งตะวันตกและเอเชีย
7 หนังแฟนตาซีน่าดูรับปี 2025 รวมเรื่องสนุกคลาสสิคและเรื่องใหม่ให้ดูเพลินๆ
- The Lord of the Rings Trilogy (2001)
- The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch and the Wardrobe (2005)
- Nanny McPhee (2005) / Nanny McPhee Return (2010)
- Fantastic Beasts and Where to find Them (2016)
- Mary Poppins (1964) / Mary Poppins Retuns (2018)
- The School for Good and Evil (2022)
- The Yin Yang Master / The Yin-Yang Master: Dream Of Eternity (2021)
1. The Lord of the Rings Trilogy (2001)
Release year | ปี 2001~2003 |
Cast | Elijah Wood / Viggo Mortensen / Ian McKellen |
Genres | High fantasy (Epic fantasy), Adventure |
Network | HBO MAX |
ถ้าจะดูหนังแฟนตาซีดีๆ สักเรื่องก็ต้องเริ่มกับหนังดีตลอดกาลอย่าง The Lord of the Rings ไตรภาคจากนักประพันธ์ในตำนานอย่าง John Ronald Reuel Tolkien หรือ J.R.R. Tolkien เล่าเนื้อเรื่องของโฟรโด แบ๊คกิ้นส์ (รับบทโดย เอไลจาห์ วู้ด) กับคณะพันธมิตรแห่งแหวนทั้ง 9 คน ต้องออกเดินทางนำแหวนเอกธำรงค์จากลุงบิลโบไปทำลายยังภูเขาเมาท์ดูมในดินแดนมอร์ดอร์ ต่างต้องผจญภัยผ่านดินแดนอันตรายกับเหล่าปีศาจต่างๆ ไปให้ถึงปลายทางและทำภารกิจให้สำเร็จให้ได้
กล่าวได้เต็มปากว่านอกจากองค์ประกอบซึ่งคู่ควรการเป็นหนังแฟนตาซีแล้ว ยังจัดอยู่ในกลุ่มภาพยนตร์แบบ High fantasy หรือเรื่องราวแฟนตาซีแบบแยกออกจากโลกของเราเป็นอีกมิติ มีกฏเกณฑ์, สิ่งแวดล้อม, ตัวละครและโครงเรื่องเป็นของตัวเอง ไม่ได้ดำเนินเนื้อเรื่องอยู่ในโลกมนุษย์ตามปกติ และเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ The Lord of the Rings คือ โทลคีนมีความชื่นชอบด้านการคิดค้นภาษาใหม่มากจึงนำมาใช้ในชุดนวนิยายนี้ และถ้าอยากรู้เรื่องราวของมิดเดิลเอิร์ธเพิ่มแนะนำให้อ่านนวนิยาย “ตำนานแห่งซิลมาริล (The Silmarillion)” ซึ่งเล่าเรื่องของโลกในยุคที่ 1 กับ 2 ก่อน อาจอ่าน “ฮอบบิท (The Hobbit)” เพิ่มเพื่อรับรู้เรื่องของบิลโบ แบ๊กกิ้นส์ พ่ออุปถัมภ์ของโฟรโด ถ้ายังไม่พอใจก็ต่อด้วย “เกร็ดตำนานที่จารมิจบ แห่งนูเมนอร์และมิดเดิ้ลเอิร์ธ (Unfinished Tales of Numenor and Middle-Earth)” จะได้อรรถรสยิ่งขึ้น
2. The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch and the Wardrobe (2005)
Release year | ปี 2005 |
Cast | Tilda Swinton / Georgie Henley / William Moseley |
Genres | Children’s fantasy, Christian literature |
Network | Disney+ |
ภาพยนตร์เรื่อง The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch and the Wardrobe แม้จะเป็นหนังเก่าแต่ก็มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง เล่าเรื่องราวของกลุ่มเด็ก 4 คนจากครอบครัว Pevensie ที่อพยพหนีภัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จากลอนดอนไปยังชนบทและได้หลุดไปยังดินแดนมหัศจรรย์ “นาร์เนีย (Narnia)” ผ่านทางตู้เสื้อผ้าของศาสตราจารย์ Digory Kirke ซึ่งทั้งสี่ต้องช่วยสิงโตพูดได้นาม “อัสลาน” ต่อสู้กับแม่มดขาวผู้ชั่วร้ายที่ปกครองดินแดนหิมะนี้มาเป็นศตวรรษโดยไม่มีวันคริสต์มาสและทำให้ทุกสิ่งกลับไปเป็นปกติให้ได้
ภาพยนตร์เรื่องนี้นับเป็นภาคแรกจากชุดนวนิยาย 7 เล่มของ The Chronicles of Narnia (ตำนานแห่งนาร์เนีย) ตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 1950 ถึงปี 1956 หนังภาคแรกประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม มีผู้ชมชื่นชอบแถมทำรายได้ทั่วโลกไปหลายร้อยล้านดอลลาร์ มีภาคต่อตามฉบับหนังสืออย่าง Prince Caspian: The Return to Narnia (เจ้าชายแคสเปี้ยน) และ The Voyage of the Dawn Treader (ผจญภัยโพ้นทะเล) ตามมาแต่ก็ยังไม่จับใจผู้ชมเป็นวงกว้างแต่ก็ยังมีแฟนคลับติดตามอยู่ ในปี 2026 จะมีภาค 4 อย่าง The Silver Chair ตามมา ซึ่งทิ้งเวลาห่างจากภาคก่อนถึง 10 ปีทีเดียว หากใครรอติดตามอยู่แล้วจำเนื้อหาไม่ได้ ก็หาดูในสตรีมมิ่งอย่าง Disney+ ได้เลย
3. Nanny McPhee (2005) / Nanny McPhee Return (2010)
Release year | ปี 2005 / ภาค Returns ปี 2010 |
Cast | Emma Thomson / Colin Firth / Angela Lansbury |
Genres | Kids & Family / Comedy |
Network | Netflix (ภาคแรก) / Prime Video (ภาค Returns) |
Nanny McPhee ทั้งภาคแรกและภาคต่ออย่าง Returns เป็นหนังแฟนตาซีเวทมนตร์ดูได้ทุเพศทุกวัย มีเนื้อหาสนุกและตลกทีเดียว เล่าเรื่องของคุณพ่อ Cedric Brown ที่ปวดเศียรเวียนเกล้ากับลูกสุดแสบทั้ง 7 คน ได้ว่าจ้างให้พี่เลี้ยงเด็กคนใหม่ชื่อ Nanny McPhee มาช่วยดูแลอบรมเด็กแสบทั้งเจ็ดให้อยู่ในโอวาท ในตอนแรกเจ้าเด็กแสบทั้งเจ็ดนึกว่าจะเล่นแสบจนพี่เลี้ยงทนไม่ได้แล้วหนีไปเอง แต่ไม่ใช่กับเธอคนนี้ที่มีเวทมนตร์พร้อมจัดการเด็กดื้อให้อยู่หมัดและช่วยดูแลแนะนำให้ครอบครัวยังอยู่ด้วยกันไม่ถูกคุณป้าเลดี้ Adelaide จับแยกไปอยู่คนละครอบครัว
ภาค Returns จะเป็นอีกครอบครัวที่ Nanny McPhee ต้องไปดูแล ซึ่งครั้งนี้จะเป็นครอบครัวที่สามีไปรบในสงครามแล้วแม่เลี้ยงเดี่ยวคนนี้นอกจากทำฟาร์มแทนสามีแล้วก็ต้องดูแลลูกสุดซนสองคนไปด้วย ก็ได้แม่มดพี่เลี้ยงมาช่วยอีกแรง ครั้งนี้เนื้อเรื่องจะหวือหวายิ่งขึ้นเพราะมีทั้งมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างบินได้, รูปปั้นพูดได้, ลูกหมูกับลูกช้างที่ชอบปีนต้นไม้เป็นเพื่อน ภาคนี้บอกเลยว่ายิ่งบันเทิงกว่าเดิมมาก
หลายคนอาจคิดว่า Nanny McPhee เป็นหนัง Original ของตัวเอง แต่ตามจริงแล้วมีสารตั้งต้นจากนิทานเด็กของอังกฤษอย่าง Nurse Matilda ซึ่งมีโครงเรื่องคล้ายกัน ไม่ว่าจะครอบครัว Brown ต้องการพี่เลี้ยงเด็กมาช่วยดูแลลูกตัวป่วนทั้ง 7 คน แล้วได้แม่มดพี่เลี้ยงเด็กหน้าตาอัปลักษณ์มาช่วยดูแลเหมือนกัน นับเป็นหนังแฟนตาซีใน Netflix ที่สนุกดูเพลินตลอดวันหยุดอย่างแน่นอน
4. Fantastic Beasts and Where to find Them (2016)
Release year | ปี 2016 |
Cast | Eddie Redmayne / Katherine Waterston / Alison Sudol |
Genres | Fantasy & Sci-Fi / Magic |
Network | HBO Max (ครบสองภาค) |
Fantastic Beasts and Where to find Them เป็นหนังแฟนตาซีในจักรวาล Harry Potter เล่าเนื้อเรื่องของพ่อมดนิวท์ สคามันเดอร์ นักสัตว์วิเศษวิทยา ผู้เขียนหนังสือสัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ (Fantastic Beasts and Where to find Them) ซึ่งถูกนำมาเป็นชื่อเรื่องด้วย เรื่องราวในภาคแรกเริ่มต้นเมื่อพระเอกต้องออกเดินทางค้นคว้าและช่วยเหลือบรรดาสัตว์วิเศษกลับ แล้วต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์อันตรายที่อาจเปิดเผยตัวตนของผู้วิเศษและตรวจสอบความเสียหายในเมืองไปพร้อมกัน
ภาคสอง The Crime of Grindelwald ก็สามารถดูใน HBO Max ได้พร้อมกับภาคแรก เล่าเรื่องราวของพ่อมดชั่วร้าย Gellert Grindelwald ที่ปลุกระดมบรรดาผู้วิเศษให้ก่อการปฏิวัติปกครองผู้ไม่มีพลังเวทมนตร์ แต่เหล่าพ่อมดผู้ไม่เห็นด้วยนำโดยนิวท์และศาสตราจารย์อัลบัส ดัมเบิลดอร์ก็ร่วมมือกันต่อต้านไม่ให้การปฏิวัตินี้เกิดขึ้นได้
เนื้อเรื่องของพ่อมดและสัตว์วิเศษนี้เขียนบทโดยผู้สร้างอย่าง J.K. Rowling โดยตรงเพื่อเล่าเรื่องก่อนนิยายชุดหลักทั้ง 7 เล่ม ซึ่งเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับเหล่าแฮรี่ พ็อตเตอร์ว่านิวท์ สตรามันเดอร์เป็นผู้แต่งหนังสือแบบเรียนมาตรฐานที่ใช้เรียนในฮอกวอตส์นั่นเอง ถ้าใครอยากรู้เรื่องราวของโลกเวทมนตร์ในอดีตก่อนถึงยุคของแฮรี่ พอตเตอร์ก็แนะนำให้ดูเพิ่มความเข้าใจเรื่องของเหล่าผู้วิเศษเพิ่มได้เลย
5. Mary Poppins (1964) / Mary Poppins Retuns (2018)
Release year | ปี 1964 / ภาค Returns 2018 |
Cast | ภาคแรก : Julie Andrews / Dick Van Dyke / David Tomlinson ภาค Returns : Emily Blunt / Lin-Manuel Miranda / Ben Whishaw |
Genres | Musical / Children’s film / Fantasy / Comedy |
Network | Disney+ ภาคแรกและภาค Returns |
Mary Poppins เป็นหนังแฟนตาซีคลาสสิคจากดิสนี่ย์และหาดูทั้ง 2 ภาคใน Disney+ ได้ทั้งหมด เล่าเรื่องของ Winifred Banks ที่กลับบ้านมาแล้วพบว่าลูกทั้งสองคนแอบหนีออกจากบ้านไปอีกรอบจนพี่เลี้ยงเด็กก็เอาไม่อยู่ต้องลาออกไปไม่รู้จะหาพี่เลี้ยงคนไหนมาดูแลเด็กทั้งสองดี จนกระทั่งพี่เลี้ยงคนใหม่ได้ลอยลงมาจากฟ้าด้วยร่มคันเดียวและแนะนำตัวว่าเธอชื่อ Mary Poppins แล้วเรื่องราวก็เริ่มต้นขึ้น
อย่างไรก็ตามเรื่องราวภาคต่ออย่าง Mary Poppins Returns (2018) ทิ้งเวลาห่างจากภาคแรกถึง 54 ปี เล่าเนื้อเรื่องห่างจากภาคแรกหลายสิบปีหลังจากพี่เลี้ยงผู้มีเวทมนตร์ได้จากไป เธอได้กลับมาช่วยครอบครัว Banks ในวันเผชิญหน้ามรสุมชีวิตให้รอดพ้นได้อีกครั้ง
พื้นเพเนื้อเรื่องของหนังแฟนตาซีเรื่องนี้เริ่มต้นจากการเปินนิยายในชุดหนังสือเด็กของอังกฤษ เขียนโดย P.L. Travers ตีพิมพ์ในปี 1934 มีเนื้อหาในภาพยนตร์และหนังสือเหมือนกัน แต่ถ้าอ่านในฉบับหนังสือจะมีประเด็นวิพากย์วิจารณ์สังคมและเล่าประเด็นมุมมองอันแตกต่างระหว่างเด็กและผู้ใหญ่ไปในตัว ถ้าดูเอาความบันเทิงก็ดีหรือจะมองหาประเด็นภายในเรื่องก็น่าสนใจทั้งคู่
6. The School for Good and Evil (2022)
Release year | ปี 2022 |
Cast | Sophia Anne Caruso / Sofia Wylie / Charlize Theron |
Genres | Fantasy |
Network | Netflix |
The School for Good and Evil ดัดแปลงจากนวนิยายสัญชาติอเมริกันขายดีในชื่อเดียวกัน จับประเด็นได้น่าสนใจว่านิทานปกรณัมต่างๆ ที่ได้อ่านกันเป็นเรื่องเคยเกิดขึ้นจริง ตัวเอกและตัวร้ายในนิทานนั้นเกิดจากการฝึกสอนของโรงเรียนนิทานปกรณัมของเหล่าพระเอกนางเอกอย่าง Evers และมีขั้วตรงข้ามเป็นโรงเรียนเพื่อตัวร้ายอย่าง Nevers ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามอย่างสมบูรณ์ นางเอกทั้งสองคนผู้เป็นเพื่อนรักกันอย่าง Sophie กับ Agatha ได้เข้ามาเรียนยังโรงเรียนทั้งสองด้วยการแนะนำของเจ้าของร้านหนังสือลึกลับคนหนึ่ง แล้วเรื่องราวทั้งหมดก็เริ่มต้นขึ้น
จุดน่าสนใจของหนังแฟนตาซีเรื่องนี้ต้องยกให้การวางคอนเซปท์เนื้อเรื่องว่าจริงๆ แล้ว ตัวละครในนิทานแต่ละเรื่องมีต้นกำเนิดมาจากโรงเรียนทั้งสองแห่งนี้ เป็นการตีความจุดกำเนิดของนิทานต่างๆ ได้อย่างน่าสนใจ หากใครชอบหนังแหวกแนวตีความใหม่สักเรื่องก็แนะนำให้ดูเรื่องใน Netflix ได้เลย
7. The Yin Yang Master / The Yin-Yang Master: Dream Of Eternity (2021)
Release year | ทั้งสองภาคปี 2021 |
Cast | ภาคแรก : Chen Kun, Zhou Xun, Qu Chuxiao ภาค Dream Of Eternity : Mark Chao, Deng Lun, Wang Ziwen |
Genres | Fantasy, Action & Adventure |
Network | Netflix ทั้งภาคแรกและภาค Dream of Eternity |
แนะนำหนังแฟนตาซีฝั่งตะวันตกมาหลายเรื่องแล้ว ฝั่งเอเชียก็มีหนังแนวนี้ให้ดูเยอะมากและผสานกับแนวแอคชั่นแอดเวนเจอร์ได้อย่างกลมกล่อม เช่น The Yin-Yang Master ภาคแรกซึ่งเล่าเรื่องของชิงหมิง ปรมจารย์จอมเวทหยินหยางที่ตกอยู่ในอันตรายเพราะทำสัญญากับปีศาจและมันก็กลับมาก่อความวุ่นวายในโลกอย่างหนักจนต้องหาทางปราบมันให้ได้ก่อนจะนำภัยมาสู่ประชาชนทุกคน
ส่วนภาคสอง Dream of Ethernity จะเล่าเรื่องผู้พิทักษ์ทั้ง 4 คนที่ต้องร่วมมือกันปิดผนึกปีศาจอมตะทุกร้อยปี แต่เรื่องราวไม่ง่ายเช่นนั้นเมื่อปรมจารย์จอมเวทคนหนึ่งถูกลอบสังหารไปจนต้องหาตัวว่าใครเป็นคนทำ และต้องหาตัวแทนมาอยู่ในตำแหน่งผู้พิทักษ์นี้ช่วยกันปราบและปิดผนึกปีศาจตัวนี้ให้ได้
ถ้าว่าด้วยหนังสไตล์เวทมนตร์ต้องยอมรับว่าฝั่งเอเชียบ้านเราก็มีหนังสนุกให้ดูมากมายและผสานกับแนวต่างๆ ได้ลงตัว เช่นเรื่องนี้จะจับประเด็นเป็นตำนานเรื่องเล่าของจีนเป็นแกนหลักและผสมฉากแอ็คชั่นเข้ามาได้ลงตัว และนอกจากเรื่องนี้แล้วใน Netflix ก็มีหนังจีนคลาสสิคให้ดูอีกเพียบ
ถ้าคิดไม่ออกว่าจะดูหนังเรื่องอะไร จะดูหนังรักหนังแอ็คชั่นก็เบื่อแล้วก็มีหนังแนวเวทมนตร์ทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกให้เลือกดูมากมาย แถมมีหนังชั้นครูอยู่ในกลุ่มนี้หลายเรื่องด้วยโดยเฉพาะ Lord of the Rings ซึ่งใครหลายคนหวนกลับมาดูเป็นช่วงๆ หากใครกำลังอยากปล่อยใจช่วงวันหยุดยาวเช่นนี้ก็ลองเปิดดูสักเรื่องแล้วอาจจะถูกใจโดยไม่รู้ตัวก็ได้?
Photo Credits : Kevin Woblick via Unsplash, Glenn Carstens-Peters via Unsplash