Connect with us

Hi, what are you looking for?

How to

7 วิธีรวมไฟล์ Word หน้ากระดาษไม่เพี้ยน ใช้ง่ายทั้งออนไลน์และ Microsoft Word ฉบับอัปเดตปี 2025

รวมไฟล์ Word

ขึ้นชื่อว่าทำงานเอกสาร นอกจากคิดถึง Microsoft Word ซึ่งเป็นโปรแกรมทำงานเอกสารในปัจจุบันนี้ไปแล้ว พอมีเอกสารเนื้อหาสอดคล้องกันหลายฉบับก็คิดอยากรวมไฟล์ Word ที่กระจัดกระจายให้กลายเป็นฉบับเดียวกันจะได้ทำงานสะดวกขึ้นไม่ว่าจะส่งให้ผู้อื่นหรือสั่งปริ้นท์ก็จะได้ทำทีเดียวจบ แต่เชื่อว่าหลายคนจะใช้วิธีกดคีย์ลัด Copy/Cut แล้ว Paste เข้าเอกสารต้นทางเป็นประจำแน่นอน แต่ตามจริงวิธีการรวมไฟล์เอกสารหลายฉบับให้กลายเป็นชิ้นเดียวกันมีวิธีที่ง่ายกว่านั้นมากทั้งในตัวโปรแกรมโดยตรงหรือจะใช้เว็บไซต์รวมไฟล์ก็ใช้ได้สะดวกรวดเร็วจนไม่จำเป็นต้องใช้เว็บไซต์แยกมารวมให้เสียเวลาก็ยังได้

ว่าด้วยไฟล์ Microsoft Word และการรวมไฟล์ Word

  • ไฟล์ Word ตอนนี้จะมี 2 แบบ คือ .doc ซึ่งใช้มาตั้งแต่ Word 97~2003 และ .docx ซึ่งใช้ตั้งแต่ Word 2007 เป็นต้นมา
  • .docx เป็นไฟล์ MS Office แบบใช้ XML file format extensions ทาง Microsoft จึงตั้งชื่อให้ต่างกัน แต่ในแง่การใช้งานไม่ต่างกันมากและยังสั่งเซฟไฟล์จาก .doc มาเป็น .docx ได้ด้วย
  • ปัจจุบัน Microsoft Office เปิดไฟล์ ODT (Open Document Text) format ซึ่งโปรแกรมออฟฟิศฟรีอย่าง LibreOffice ใช้งานอยู่ได้แล้ว
  • ในตอนนี้ Microsoft Word สามารถใช้ Copilot AI เข้ามาช่วยงานได้แล้ว ทั้งปรับ Template, เขียนงาน, ประสานงานกับผู้อื่นรวมถึงอ่านข้อความภายในเอกสารให้ฟังก็ได้
  • ไฟล์ Word ในปัจจุบันรองรับการเขียนจดด้วยปากกาสไตลัสแล้ว ถ้าใช้โน๊ตบุ๊คมีปากกาก็ใช้เซ็นเอกสารหรือวาดภาพจดไอเดียต่างๆ เข้าไปในเอกสารได้

7 วิธีรวมไฟล์ Word ทั้งออนไลน์และในโปรแกรม Word เอง ทำง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน!

  1. ใน Microsoft Word โดยตรงเลยก็ได้!
  2. Aspose.app
  3. GroupDocs.app
  4. iLoveMerge.com
  5. Wordize.app
  6. pdfFiller.com
  7. DocSoSo
รวมไฟล์ Word

1. ใน Microsoft Word โดยตรงเลยก็ได้!

microsoft Word

ตามจริงแล้ว Microsoft Word ก็มีคำสั่งรวมไฟล์ Word ฉบับอื่นเข้ามากับเอกสารฉบับหลักได้เพียงไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น และยังปรับ Format หน้ากระดาษให้โดยอัตโนมัติไม่มีปัญหาหน้ากระดาษเพี้ยนอีกด้วย โดยวิธีทำจะอิงจาก Microsoft Office Home & Student 2021 เป็นหลัก

Advertisement
รวมไฟล์ Word

ขั้นตอนแรกให้เปิดไฟล์เอกสารตัวต้นทางขึ้นมาก่อนเพื่อเป็นต้นทางรับข้อมูลก่อน เริ่มต้นจากแท็บ Insert กดแล้วเมนูส่วนบนจะเปลี่ยนเป็นชุดคำสั่งเพิ่มข้อมูลต่างๆ เข้าไป สังเกตตรงมุมล่างขวาคำว่า Object แล้วเลือก “Text from File…” เพื่อเอาข้อมูลจากไฟล์ Word อื่นเข้ามาในเอกสารฉบับนี้

รวมไฟล์ Word

กดแล้วโปรแกรม Word จะให้ผู้ใช้ Browse ไฟล์เอกสารที่ต้องการใส่เพิ่มเข้าไปในเอกสารหลัก สามารถกดเลือกไฟล์ .doc และ .docx ได้ตามต้องการไม่จำกัดจำนวน ส่วนจุดสังเกตและวิธีการเพิ่มเอกสารให้ได้ตามตำแหน่งและลำดับที่ต้องการต้องคำนึงถึง 2 จุดนี้ คือ

  1. การเพิ่มเอกสารอื่นเข้าไปในเอกสารหลัก ตัวโปรแกรมจะเพิ่มข้อความเข้าไปต่อจากเครื่องหมายพิมพ์
  2. การเรียงลำดับเอกสารจะอิงกับลำดับการคลิกเลือกไฟล์ตอน Browse กดไฟล์ไหนก่อนก็จะเรียงเป็นข้อความชุดแรกและต่อๆ ไป จนหมด แนะนำให้กด Ctrl ค้างเอาไว้ก่อนแล้วเลือกทีละไฟล์จนครบ

วิธีนี้นอกจากสะดวกไม่ต้องพึ่งเว็บไซต์รวมไฟล์อื่นๆ ให้เสียเวลาแล้ว ยังไม่จำกัดจำนวนไฟล์ต่อครั้ง ไม่นับจำนวนครั้งการรวมไฟล์ต่อวัน อย่างมากก็ต้องสมัครใช้บริการ Microsoft 365 เพื่อใช้งาน Microsoft Office Suite หรือถ้าซื้อโน๊ตบุ๊คมาแล้วมี Microsoft Office Home & Student 2021 ติดตั้งมาแล้วก็ไม่ต้องเสียเงินค่าบริการเพิ่ม ถ้าจะเซฟไฟล์เป็นนามสกุลอื่นค่อยสั่ง Save as… ในภายหลังก็ได้

รวมไฟล์ Word

นอกจากรวมไฟล์เอกสารเข้ามาได้แล้ว ในแท็บ Insert > Object > Object… จะนำไฟล์จาก Microsoft Excel ทั้ง Worksheet พื้นฐาน, Binary Worksheet, Chart รวมถึง Photoshop Image.25 ก็ดึงเข้ามาเพิ่มในไฟล์เอกสารได้เช่นกัน นอกจากนี้ในคำสั่ง Insert ยังมีคำสั่งน่าใช้อื่นๆ อีกหลายอย่างได้แก่

  • Cover Page – เพิ่มหน้าปกของเอกสาร
  • Blank Page – เพิ่มหน้าเอกสารเปล่าเข้ามาโดยไม่ต้องเคาะ Enter ให้หน้ากระดาษอื่นเพี้ยน
  • Table – ตารางข้อมูลเหมือน Microsoft Excel
  • Picture, Shape, 3D Models – เพิ่มภาพ, รูปทรงหรือแม้แต่โมเดล 3 มิติ
  • Chart – เพิ่มแผนภูมิใส่ข้อมูลเปรียบเทียบ จะเป็นกราฟแท่งหรือแผนภาพวงกลมก็ได้
  • Screenshot – ถ่ายภาพหน้าจอโปรแกรมที่เปิดอยู่แล้วใส่เพิ่มเข้าไปในเอกสาร
  • Link – นำลิ้งค์เว็บไซต์ใส่เพิ่มเข้าไปในข้อความหนึ่งของเอกสาร
  • Comment – เพิ่มความคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาบางส่วนภายในงาน
  • Header / Footer – หัวหรือท้ายกระดาษเอกสาร เผื่อเพิ่มอรรถอธิบายเพิ่มเติมให้ผู้อ่าน
  • Page Number – เพิ่มเลขหน้าเอกสารกรณีมีหลายหน้า
  • Signature Line – เพิ่มบรรทัดสำหรับเซ็นเอกสาร เมื่อเปิดเข้ามาจะมีกรอบให้กรอกตัวอย่างการเซ็น, คำนำหน้าชื่อ, E-mail และใส่คำแนะนำการเซ็นเอกสารเพิ่มได้

จะเห็นว่าแท็บ Insert ของ Microsoft Word เองก็มีฟังก์ชั่นให้ใช้งานเยอะหลากหลายแบบ ตอบโจทย์คนต้องทำงานเอกสารทุกแบบตั้งแต่พิมพ์งานทั่วไปหรือต้องทำจดหมายเซ็นรับรองและจัดหน้ากระดาษทำหนังสือก็มีฟังก์ชั่นให้ใช้งานครบเครื่อง

ข้อดี

  1. สั่งรวมไฟล์ภายในเครื่องได้ทันทีไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต ไม่เสียค่าบริการเพิ่ม
  2. มีส่วนเสริมอื่นๆ ให้เพิ่มเข้าไปในหน้ากระดาษได้ทันที ใช้งานได้สะดวก
  3. แทรกไฟล์ภาพบันทึกหน้าจอหรือไฟล์ภาพจาก Photoshop เข้ามาก็ได้
  4. รองรับไฟล์ Microsoft Excel หลากหลายรูปแบบ ดึงเข้ามาแล้วฟอร์แมตไม่เพี้ยน

ข้อสังเกต

  1. ต้องใช้งานกับไฟล์ Word ด้วยกันเท่านั้น ถ้านำเข้าจาก Excel ต้องใช้อีกคำสั่ง
  2. ต้องมีโปรแกรม Microsoft Office Home & Student หรือ Microsoft 365 ติดตั้งอยู่ในเครื่อง

2. Aspose.app

Aspose.app เว็บรวมไฟล์เอกสาร Word อันแรกในใจผู้ใช้หลายคน ใช้งานง่ายเพียง Drag & Drop ไฟล์เอกสารจากเครื่องของเราอัปโหลดขึ้นไปบนเว็บไซต์แล้วลากจัดเรียงลำดับไฟล์ได้ตามต้องการว่าจะให้ไฟล์ไหนอยู่ก่อนหลัง แล้วสั่งเซฟเป็นไฟล์นามสกุลต่างๆ เช่น .docx, MD, HTML, RTF, ODT ฯลฯ ได้ตามชอบ มีส่วนเสริมอย่าง Aspose Mail Merge เป็นส่วนเสริมใน Google Workspace Marketplace ให้โหลดไปติดตั้งเพิ่มเพื่อส่งอีเมล์และไฟล์แนบ (Attchments) ให้หลายคนพร้อมกันและยังมีส่วนเสริมอื่นๆ ให้ใช้งานอีกเพียบ

กลับกัน Aspose.app เองก็จำกัดปริมาณไฟล์ Word สำหรับผู้ใช้โดยไม่ล็อคอินเอาไว้มากสุด 5 ไฟล์ต่อครั้งและถ้าล็อคอินจะเพิ่มได้มากสุด 10 ไฟล์ มีค่าบริการแพ็คเกจ Premium 48 ดอลลาร์/ปี เพื่อใช้แอปฯ และ Tools พิเศษ รวมทั้งใช้บริการซัพพอร์ตจากผู้เชี่ยวชาญเมื่อเกิดปัญหาได้ทันที ถ้าสมัครบัญชีเอาไว้กับทางเว็บไซต์ก็ใช้งานได้แต่จะมีป้ายโฆษณาติดเพิ่มขึ้นมา ถือเป็นตัวเลือกแรกเผื่อใครกำลังอยากรวมไฟล์เอกสารหลายฉบับเอาไว้เป็นอันเดียวกันก็เลือกใช้เว็บนี้ได้

ข้อดี

  1. ใช้งานได้ง่ายเพียง Drag & Drop ไฟล์เข้ามาบนหน้าเว็บไซต์
  2. เลือกเซฟไฟล์ได้หลากหลายนามสกุลและตั้งชื่อไฟล์ก่อนดาวน์โหลดได้
  3. มีส่วนเสริมให้ใช้งานใน Google Workspace
  4. ดาวน์โหลดมาเปิดใน Microsoft Office แล้วฟอร์แมตหน้ากระดาษไม่เพี้ยน

ข้อสังเกต

  1. ถ้าสมัครใช้บริการฟรีแต่ไม่จ่ายค่าบริการ 48 ดอลลาร์/ปี จะมีโฆษณาแทรก

3. GroupDocs.app

รวมไฟล์ Word

GroupDocs.app ก็เป็นเว็บรวมไฟล์เอกสารน่าใช้อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งระบบหน้าเว็บไซต์จะสั่ง Merge ได้ครั้งละ 10 ไฟล์ รวมได้ 5 ครั้ง/วัน ใช้วิธี Drag & Drop ลากไฟล์มาไว้หน้าเว็บไซต์ก็จะอัปโหลดให้โดยอัตโนมัติและเรียงลำดับของไฟล์ก่อนหลังได้ แต่พอกด Merge และดาวน์โหลดมาใช้จะเป็นไฟล์ .docx เท่านั้น ตั้งชื่อไฟล์ก่อนดาวน์โหลดและเลือกเป็นนามสกุลอื่นไม่ได้ต้องมาทำต่อในคอมเท่านั้น ถึงจะรวมไฟล์ได้เยอะและรวดเร็วก็จริงแต่ต้องมาปรับแต่งไฟล์ต่ออีกเล็กน้อยก่อนนำไปใช้งานต่อ ถ้าไม่ได้จะแปลงเป็นไฟล์นามสกุลอื่นอย่าง ODT หรือ PDF ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าต้องใช้ก็กลายเป็นจุดสังเกตทำให้ใช้งานไม่สะดวกไปโดยปริยาย

ข้อดี

  1. รวมไฟล์ได้มากครั้งละ 10 ไฟล์และทำได้ 5 ครั้ง/วัน โดยไม่ต้องล็อคอินใช้งาน
  2. หน้า UI ใช้งานง่าย จะ Drag & Drop หรือ Browse ไฟล์เข้ามารวมก็ได้
  3. รวมไฟล์แล้วหน้ากระดาษไม่เพี้ยนไม่ต้องเสียเวลาจัดเรียงข้อมูลใหม่

ข้อสังเกต

  1. ดาวน์โหลดมาใช้จะเป็นไฟล์ .docx เท่านั้นและตั้งชื่อไฟล์ก่อนดาวน์โหลดไม่ได้

4. iLoveMerge.com

Microsoft Word

ข้อดีของ iLoveMerge.com อย่างแรก คือใช้รวมไฟล์ได้ตามต้องการไม่จำกัดจำนวนครั้งและไฟล์แม้แต่น้อยและยังใช้งานง่าย จะ Drag & Drop ลากไฟล์เอกสารมาวางหรือ Browse เลือกไฟล์ในเครื่องก็ได้ แถมไม่ต้องกรอกข้อมูลสมัครใช้หรือจ่ายค่าบริการก็ได้ พอรวมไฟล์เสร็จแล้วโหลดมาใช้งานฟอร์แมตหน้ากระดาษก็ไม่เพี้ยนแล้วเอาไปทำงานต่อได้ทันที แต่ไฟล์จะเป็นชื่อเว็บไซต์นามสกุล .docx เท่านั้นแถมปุ่ม Merge ยังทำสีไม่เด่นชัดจนต้องกวาดสายตาหาสักครู่หนึ่ง ถ้าจะแปลงเป็นนามสกุลอื่นก็ต้องสั่งเซฟใหม่ใน Microsoft Office Suite แล้วตั้งชื่อใหม่เอง แต่ถ้าจะใช้รวมหมวดหมู่เอกสารให้เป็นไฟล์เดียว ก็ถือเป็นเว็บฟรีที่ใช้งานสะดวกมาก

ข้อดี

  1. อัปโหลดได้เกิน 5 ไฟล์/ครั้ง สามารถรวมเอกสารได้สะดวกขึ้น
  2. รวมไฟล์แล้วหน้ากระดาษไม่เพี้ยน สามารถนำไปใช้งานต่อได้
  3. ใช้งานได้ฟรีไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อวัน ไม่ต้องสมัครหรือจ่ายค่าบริการ
  4. มีวิธีการใช้งานให้ทำตามได้ง่ายๆ บนหน้าเว็บไซต์

ข้อสังเกต

  1. ปุ่ม Merge ทำให้มองเห็นได้ยาก ถ้าอยู่ตรงกลางหน้าเว็บและเป็นสีเข้มจะใช้ได้ง่ายขึ้น
  2. ตั้งชื่อและเปลี่ยนนามสกุลไฟล์เป็นแบบอื่นไม่ได้และมีขนาดใหญ่กว่าเว็บอื่นพอควร

5. Wordize.app

Microsoft Word

Wordize.app ก็เป็นเว็บรวมไฟล์เอกสารใช้งานฟรีไม่ต้องสมัครหรือจ่ายค่าบริการเพิ่มก็รวมไฟล์ .doc กับ .docx เป็นชุดเดียวกันได้ง่ายๆ เริ่มจาก Browse หรือ Drag & Drop เอกสารที่ต้องการและเรียงลำดับเอกสารได้ตามชอบ แถมยังเลือกเซฟไฟล์ได้หลายนามสกุลไม่ว่าจะ .docx, PDF, JPEG, HTML หรือยังเป็นกลุ่มไฟล์เอกสารอย่าง RTF, ODT, .doc ก็ได้เหมือนกัน แถมฟอร์แมตหน้ากระดาษก็ไม่เพี้ยนเช่นกัน พอรวมแล้วก็ดาวน์โหลดมาใช้งานได้ทันที แถมยังมีส่วนเสริมให้ส่งเอกสารฉบับรวมแล้วเข้าอีเมล์ปลายทางได้อีกด้วย แต่จะมีข้อสังเกตอยู่เล็กน้อยว่าตัวเว็บรองรับไฟล์เอกสารได้มากสุด 10 ฉบับและขนาดต่อฉบับไม่เกิน 10MB เท่านั้น ซึ่งไฟล์ Word ไซซ์นั้นมักมีข้อมูลประมาณ 400~500 หน้ากระดาษขึ้นไป จึงใช้ได้เลยไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ก็ได้

ข้อดี

  1. สามารถรวมไฟล์ .doc กับ .docx เข้าหากันได้ไม่มีปัญหา ฟอร์แมตหน้ากระดาษไม่เพี้ยน
  2. เลือกเซฟเป็นนามสกุลไฟล์อื่นๆ ได้หลากหลายแบบทั้ง .docx, PDF หรือ .jpg ก็ได้
  3. ใช้งานได้ฟรีไม่ต้องล็อคอินหรือสมัครใช้บริการเป็นรายปีเพื่อฟีเจอร์พิเศษ
  4. สามารถสั่งรวมไฟล์แล้วส่งเข้าอีเมล์เฉพาะเจาะจงก็ได้

ข้อสังเกต

  1. จำกัดปริมาณการรวมไฟล์ครั้งละไม่เกิน 10 ไฟล์และขนาดไม่เกิน 10MB

6. pdfFiller.com

วิธีรวมไฟล์ Word

เว็บรวมไฟล์เอกสารฟีเจอร์อลังการอย่าง pdfFiller.com จัดว่าเหมาะกับบริษัทหรือองค์กรที่ต้องรวมหรือจัดการแก้เอกสารเป็นประจำมาก หน้าเว็บไซต์ใช้งานได้ง่ายเพียง Drag & Drop ไฟล์เอกสารเข้ามาแล้วก็จัดเรียงลำดับ, แก้ไขเอกสาร, ลงลายเซ็นได้ทันที และถ้าองค์กรไหนเก็บไฟล์เอาไว้บน Cloud storage ก็สั่งเชื่อมต่อดึงไฟล์นั้นเข้ามาใช้งานได้ทันที รองรับ Google Drive, Dropbox, Box และ OneDrive ครบถ้วน พออัปโหลดและรวมไฟล์เสร็จแล้วหน้าเว็บไซต์จะเปลี่ยนเป็นระบบแก้ไขเอกสารออนไลน์ให้ทันที จึงจัดการเอกสารได้สะดวกมากเลือกแก้ไฟล์ได้ทีละจุดและจะดาวน์โหลดไฟล์ลงมาเป็นไฟล์ Word, Excel, PowerPoint หรือ PDF ได้ทันที ถ้าต้องการส่งอีเมล์ไปหาใครก็ส่งในระบบนี้ได้ด้วย

กลับกัน pdfFiller.com จะให้สมัครบัญชีก่อนเริ่มใช้งานและให้สิทธิ์ใช้งานฟรี 30 วัน จากนั้นจะเก็บค่าบริการเป็นรายปีสูงพอควรและกำหนดจำนวนผู้ใช้ขั้นต่ำด้วย เริ่มต้นคนละ 180 ดอลลาร์/ปี หรือราว 5,900 บาท กำหนดผู้ใช้ขั้นต่ำ 10 คน ถ้าใช้ 20 คน จะเหลือคนละ 96 ดอลลาร์/ปี หรือราว 3,200 บาท แม้จะน่าใช้มากแต่ค่าบริการต่อปีก็สูงจนไม่เหมาะกับการใช้งานแบบรายบุคคลเท่าไหร่

ข้อดี

  1. รวมไฟล์เอกสารได้มากสุด 15 ไฟล์พร้อมกัน จึงรวมเอกสารได้เยอะ
  2. เลือกอัปโหลดไฟล์จากเครื่องหรือเชื่อมกับ Cloud storage เจ้าต่างๆ ก็ได้
  3. สามารถรวมแล้วแก้ไขข้อมูลในไฟล์และลำดับไฟล์ได้แบบออนไลน์ก่อนดาวน์โหลดมาใช้
  4. เพิ่มลายน้ำเข้าไปในเอกสารป้องกันไม่ให้ใครเอาไปใช้งานก็ได้
  5. รวมไฟล์แล้วสั่งเซฟเป็นไฟล์ PDF, Excel, PowerPoint ได้ตามสะดวก
  6. รวมไฟล์เสร็จสามารถเซ็นเอกสาร, สั่งปริ้นท์หรือส่งอีเมล์ได้ทันที
  7. มีคลังเก็บไฟล์ PDF บนเว็บไซต์ให้ใช้บริการได้

ข้อสังเกต

  1. ต้อง Sign in เพื่อใช้งานฟรีได้ 30 วัน จากนั้นต้องชำระค่าบริการเพิ่ม
  2. ค่าบริการคนละ 180 ดอลลาร์/ปี และต้องมีผู้ใช้ขั้นต่ำ 10 คนขึ้นไป ถือว่าแพงมาก

7. DocSoSo

วิธีรวมไฟล์ Word

DocSoSo เป็นเว็บรวมไฟล์ Word ใช้งานได้ง่ายมากโดยใช้วิธี Drag & Drop มาทิ้งหน้าเว็บแล้วระบบจะผสานแล้วดาวน์โหลดไฟล์กลับเข้ามาในเครื่องได้ทันที ไม่ต้องสมัครหรือเสียเงินค่าบริการรายเดือนแม้แต่นิดเดียว การเรียงไฟล์เอกสารจะอิงกับลำดับการคลิกเลือกไฟล์ของเราแล้วผสานออกมาเป็นไฟล์เดียวกันโดยฟอร์แมตหน้ากระดาษไม่เพี้ยน นำไปใช้งานหรือส่งต่ได้เลย แต่ข้อสังเกตมีเพียงโฆษณาหน้าเว็บไซต์หลายแบนเนอร์พอควร ถ้าใช้งานชั่วครู่ก็ไม่มีปัญหาและเซฟมาเป็นไฟล์ .docx เท่านั้น ต้องนำไปแปลงเป็นไฟล์นามสกุลอื่นเองในภายหลังเอง ซึ่งทำต่อใน Microsoft Office Suite ต่อก็ได้ไม่ยากมาก

ข้อดี

  1. ใช้งานได้ฟรี อัปโหลดได้หลายไฟล์พร้อมกันไม่จำกัดจำนวนไฟล์และครั้ง
  2. ผสานไฟล์แล้วฟอร์แมตหน้ากระดาษไม่เพี้ยน จะส่งต่อหรือนำไปใช้งานก็สะดวก
  3. ใช้งานได้ง่ายมาก เพียง Drag & Drop หน้าเว็บไซต์ก็ผสานแล้วโหลดลงเครื่องทันที

ข้อสังเกต

  1. สั่งรวมแล้วได้แต่ไฟล์ .docx เท่านั้น ต้องนำมาแปลงเป็นไฟล์นามสกุลอื่นเอง
  2. หน้าเว็บไซต์มีโฆษณาติดเอาไว้มากพอควร ถ้าใช้งานชั่วคราวก็ไม่มีปัญหา

รวมไฟล์ Word

วิธีรวมไฟล์ Word หลายฉบับซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกันเป็นไฟล์เดียวนอกจากทำได้ง่ายๆ ในหน้าโปรแกรม Microsoft Word ก็ง่ายไม่ต้องเสียเงิน ยิ่งใครสมัครใช้บริการ Microsoft 365 หรือในโน๊ตบุ๊คมี Microsoft Office Home & Student 2021 ติดตั้งมาให้ก็ทำได้สบายๆ รวมเสร็จก็บันทึกเป็นไฟล์นามสกุลต่างๆ ได้อีกด้วย หรือถ้าทำบนหน้าเว็บไซต์แต่ละแห่งก็จะมีลูกเล่นให้ใช้แตกต่างกันไป ทั้งรวมแล้วสั่งแปลงเป็นไฟล์นามสกุลอื่นก็ได้หรือจะแก้ไขเอกสารก็ทำออนไลน์เหมือนใช้ซอฟท์แวร์ Office Suite ก็มีเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม การใช้เว็บไซต์อื่นๆ รวมไฟล์เข้ามาก็ต้องมองเรื่องค่าใช้จ่ายเป็นอย่างแรกว่าถ้าสมัครใช้บริการเป็นรายปีแล้วจะคุ้มค่าไหม เพราะถ้าแปลงค่าบริการเป็นเงินไทยต่อคนก็ตกปีหนึ่งเป็นพันบาทและในยุคนี้ก็ต้องระวังเรื่องข้อมูลสำคัญหลุดขึ้นไปบนระบบออนไลน์ด้วย ดังนั้นก็ต้องคิดถึงเรื่องลำดับความสำคัญของข้อมูลสักนิดก็จะดีกว่า

Photo Credit : charlesdeluvio via Unsplash


บทความที่เกี่ยวข้อง

Lenovo IdeaPad Slim 5
ASUS ZenBook S 14 UX5406SA
ASUS ROG Ally X
Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

REVIEW

MSI Prestige 14 AI Studio ตอบโจทย์ครีเอเตอร์ นักธุรกิจมีสไตล์ ขุมพลัง Intel Core Ultra การ์ดจอ GeForce RTX4050 มี AI รองรับงานทุกด้าน MSI Prestige 14 AI Studio โน๊ตบุ๊คพกพาสำหรับครีเอเตอร์ คนทำงาน...

SOFTWARE

ถ้าจะทำคอนเทนต์วิดีโอให้ดี เล่าเนื้อหาได้ต่อเนื่องไม่มีสะดุดและใส่เอฟเฟคดึงดูดความสนใจใดๆ ก็ต้องพึ่งโปรแกรมตัดต่ออย่างแน่นอน ซึ่งในอดีตหลายคนอาจรู้สึกว่าใช้ยาก ต้องทำความเข้าใจฟังก์ชั่นต่างๆ เยอะ ทำให้ผู้พัฒนาซอฟท์แวร์ปรับแต่งให้โปรแกรมเหล่านี้ใช้งานง่ายและมีฟังก์ชั่นมากขึ้น เน้นการลากคลิปเข้ามาวางใน Timeline ช่วงที่ต้องการ ตัดส่วนเกินออกแล้วเพิ่ม Text หรือเอฟเฟคต่างๆ เข้าไปได้จนจบคลิป ช่วยให้ครีเอเตอร์รุ่นใหม่สร้างผลงานแปลกใหม่อัปโหลดขึ้นแพลตฟอร์มต่างๆ ได้มากมาย แม้หลายคนคิดว่าเป็นโปรแกรมฟรีแต่ฟีเจอร์กลับให้มามากพอจะสร้างสรรค์ผลงานได้แล้ว มีเอฟเฟคกับฟังก์ชั่นใช้งานเยอะ แต่บางฟังก์ชั่นจะล็อคไว้ให้คนจ่ายเงินซื้อเวอร์ชั่น Premium, Pro เป็นรายเดือนไป แต่ก็ช่วยให้ทำงานได้คุณภาพสูงขึ้นเช่นกัน Advertisement...

Mac Corner

ถ้าใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ ไม่ว่าจะ Windows หรือ MacBook ทุกคนย่อมกดคีย์ลัดสั่งการให้คอมของตัวเองทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้นแน่นอน ถ้าใช้คอมมานานแล้ว คีย์ลัด Mac ก็ยังใช้วิธีกดปุ่มคำสั่ง 2-3 ปุ่มรวมกัน แค่เปลี่ยนชื่อกับภาพไอคอนปุ่มคำสั่ง (Modifier) บางปุ่มให้เป็นตามแบบฉบับของ Apple เอง คนที่ย้ายจาก Windows มาใช้ macOS ก็ใช้เวลาปรับตัวเรียนรู้คีย์ลัดสักระยะก็ใช้งานได้ถนัดอย่างแน่นอน ก่อนจะเริ่มใช้งานคีย์ลัด Mac...

Buyer's Guide

โน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 15000 บาทในอดีตอาจได้สเปคแค่พอใช้ทำงานได้นิดหน่อย ผิดกับโน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 15000 บาทในปี 2024 ซึ่งสเปคดีขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะได้ซีพียู AMD Ryzen หรือ Intel Core Series ติดตั้งมาให้ทำงานได้รวดเร็วแล้ว แทบทุกเครื่องก็ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 11 มาพร้อมใช้หรืออาจจะได้ Microsoft Office ไว้ใช้ทำงานด้วยซ้ำ ผิดกับภาพจำในอดีตว่าโน๊ตบุ๊คราคาเท่านี้แค่พอเปิดไฟล์เอกสารหรือเข้าเว็บไซต์ได้นิดหน่อย...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก