บางคนอาจคิดว่าเครื่องแปลภาษาไม่ได้สลักสำคัญจำเป็นต้องหาซื้อมาใช้หรือเปิดแอปฯ ในสมาร์ทโฟนเพื่อแปลภาษาเอาก็ยังได้ แต่คิดในมุมกลับถ้าต้องเดินทางไปต่างประเทศที่อินเทอร์เน็ตช้าทำงานไม่ทันใจแล้วเราก็พูดภาษาของประเทศนั้นไม่ได้ยิ่งลำบากเข้าไปใหญ่ ซึ่งข้อดีของอุปกรณ์ประเภทนี้ทั้งแปลภาษาได้ทันทีแบบ real-time ไม่ต้องง้ออินเทอร์เน็ตหรือต้องเปิดแอปฯ แปลภาษา กดตั้งค่าให้วุ่นวาย แค่หยิบมันออกมากดปุ่มแล้วชี้ไปยังคู่สนทนาก็ใช้ได้เลย ถ้าต่อ Bluetooth กับสมาร์ทโฟนก็โหลดแอปฯ มาติดตั้งภาษาอื่นเพิ่มเติมได้ และยังใช้แปลภาษาได้หลายชั่วโมงหรือแทบทั้งวันด้วยซ้ำ
เครื่องแปลภาษาน่าใช้หรือเปล่าเลือกยังไงดี?
- ตัวเครื่องไม่จำเป็นต้องต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลาเพราะติดตั้งชุดแปลภาษาไว้ในเครื่องแล้ว
- บางเครื่องรองรับการแปลหลายคู่สนทนา เวลาพูดหลายคนแล้วแยกความได้ชัดเจน
- เครื่องแปลภาษามีทั้งแบบแปลเสียงพูดหรือเป็นปากกาเพื่อสแกนเนื้อหาภาษาต่างประเทศได้
- เทียบกับแอปฯ ในสมาร์ทโฟน ตัวเครื่องสามารถพูดแล้วตอบสนองได้ทันทีแบบ Real-time ไม่ต้องรอการประมวลผลแบบสมาร์ทโฟน
- แบตเตอรี่ของเครื่องแปลสามารถสแตนด์บายได้นานหลักร้อยวัน ใช้งานได้นานร่วม 20 ชม.
6 เครื่องแปลภาษาน่าใช้ พกเอาไว้สบายใจพูดกับใครก็รู้เรื่อง!
- CheetahTALK เครื่องแปลภาษาอัจฉริยะ (2,649 บาท)
- Timekettle M3 Translator Earbuds (5,290 บาท)
- Timekettle T1 Mini Translator (6,990 บาท)
- iFLYTEK Smart Dictionary Pen (6,990 บาท)
- Pocketalk S (8,900 บาท)
- iFLYTEK Smart Translator (16,599 บาท)
1. CheetahTALK เครื่องแปลภาษาอัจฉริยะ (2,649 บาท)
Supported language | กว่า 40 ภาษาภายในเครื่อง |
Supported OS | iOS, Android |
Application | CheetahTALK ใน App Store |
Battery life | 24 ชม. ต่อเนื่อง สแตนด์บาย 180 วัน |
Price (บาท) | 2,649 (CheetahTALK Shopee Mall) |
ถ้าหาเครื่องแปลราคาถูกสุดสักเครื่องไว้ติดกระเป๋าเผื่อใช้งานเวลาเที่ยวหรือไปติดต่องานต่างประเทศอยู่ ก็มีเครื่อง CheetahTALK เครื่องแปลภาษาอัจฉริยะ ให้เลือกซื้อกับราคาร่วม 2,700 บาท ซึ่งตัวมันรองรับภาษายอดนิยมกว่า 40 ภาษา ทำงานด้วย Microsoft AI เพียงหยิบขึ้นมากดปุ่มแล้วเริ่มพูดแปลให้คู่สนทนารับรู้ได้ในทันทีและยังดาวน์โหลดภาษาอื่นๆ มาติดตั้งเพิ่มได้ แบตเตอรี่ใช้ได้ 24 ชม. สแตนด์บายได้ 180 วัน ช่วยให้สายท่องเที่ยวอุ่นใจเวลาเดินทางไปไหนก็คุยกับเขารู้เรื่องง่ายๆ รวดเร็วทันใจ แต่ก็ต้องมีอุปกรณ์ iOS สักชิ้นเอาไว้โหลดภาษาเพิ่ม อาจไม่ถูกใจชาว Android เท่าไหร่
ข้อดี
- แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้นาน 24 ชม. สแตนด์บายได้ 180 วัน
- รองรับภาษาภายในเครื่องกว่า 40 ภาษา กดปุ่มแล้วแปลได้ทันที
- ราคาถูกสุดในบรรดาเครื่องแปลพกพา ขนาดเล็กพกพาง่าย
- ได้รับการซัพพอร์ตทางเทคนิคจาก Microsoft AI ใช้งานได้มั่นใจ
- กันน้ำและฝุ่นระดับ IP54 ทนเหงื่อและฝุ่นได้ระดับหนึ่ง
ข้อสังเกต
- ปัจจุบันมีเพียงแอปฯ ใน App Store ของ iOS เท่านั้น
2. Timekettle M3 Translator Earbuds (5,290 บาท)
Supported language | 40 ภาษา 93 สำเนียง มีระบบคู่แปลภาษา 13 คู่ ใช้งานแบบออฟไลน์ได้ |
Supported OS | iOS 12 ขึ้นไป Android 7 ขึ้นไป |
Application | Timekettle Application |
Battery life | เฉพาะหูฟังใช้ได้ 7.5 ชม. รวมชาร์จในเคสได้นาน 25 ชม. |
Price (บาท) | 5,290 (Pro Gadgets Shopee Mall) |
Timekettle M3 Translator Earbuds เครื่องแปลเวอร์ชั่นหูฟัง True Wireless เผื่อใครต้องการใช้เป็นอุปกรณ์เสริมกับสมาร์ทโฟนก็มีชิ้นนี้ให้เลือกซื้อไปใช้ได้ ตัวหูฟังนอกจากแปลได้ 40 ภาษาแล้ว ยังรองรับสำเนียงการพูดได้ 93 แบบ จึงแปลได้สะดวกสบายไม่พอ ยังมีระบบแปลเป็นคู่ภาษาจับคู่ภาษาจีนหรืออังกฤษกับภาษาอื่น เช่น ญี่ปุ่น, เกาหลี, รัสเซีย, ฝรั่งเศส และเยอรมันเป็นต้น มีฟังก์ชั่น Touch mode แบ่งหูฟังคนละข้างแล้วแตะค้างเอาไว้ก็แปลภาษาของอีกฝ่ายได้ทันที ถ้าไม่ได้แปลภาษาก็ใช้ฟังเพลงได้เหมือนหูฟังไร้สายทั่วไปได้ มี EQ ติดตั้งมาให้พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน ANC เหมาะกับคนไม่ชอบพกของหลายๆ ชิ้นเป็นอย่างมาก
ข้อดี
- เป็นหูฟังใช้ฟังเพลง, โทรศัพท์และแปลภาษาได้ในเครื่องเดียว
- แปลได้ 40 ภาษาและรองรับสำเนียงของแต่ประเทศได้ 93 สำเนียง
- แบตเตอรี่เฉพาะหูฟังใช้ได้ 7.5 ชม. รวมชาร์จในเคสได้นาน 25 ชม.
- กันน้ำและฝุ่นระดับ IPX4 ใส่ฟังเพลงขณะออกกำลังกายได้
- มี Gesture control ใช้ได้เหมือนหูฟัง TWS อันหนึ่ง
ข้อสังเกต
- ต้องใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนเท่านั้น ไม่ใช่เครื่องแปลโดยเฉพาะ
3. Timekettle T1 Mini Translator (6,990 บาท)
Supported language | 40 ภาษาทั้งเสียงพูดและภาพถ่าย 88 สำเนียง มีระบบคู่แปลภาษา 13 คู่ |
Supported OS | – |
Application | – |
Battery life | สแตนด์บายได้ 7 วัน |
Price (บาท) | 6,990 (Pro Gadgets Shopee Mall) |
สายเดินทางท่องเที่ยวอยากได้เครื่องแปลภาษาแบบแปลเสียงก็ได้ถ่ายภาพแล้วแปลเลยก็มี Timekettle T1 Mini Translator ตัวเครื่องเล็กเท่าบัตรเครดิตให้เลือก ตัวเครื่องรองรับการแปล 40 ภาษา 88 สำเนียง ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อแปลขึ้นหน้าจอทัชสกรีน 2.8 นิ้วตลอดเวลา เมื่อเปิดเครื่องจะได้แพ็คเกจใช้งานอินเทอร์เน็ตฟรี 1 ปี จากนั้นต้องต่อ Wi-Fi เท่านั้นถึงจะใช้งานได้ มีกล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพภาษาต่างประเทศแล้วให้เครื่องแปลได้ทันทีใช้งานได้สะดวกแถมดูการแปลย้อนหลังได้อย่างนี้นับว่าน่าสนใจมาก
ข้อดี
- ตัวเครื่องมีขนาดเล็กเท่าบัตรเครดิตพร้อมหน้าจอขนาด 2.8 นิ้ว แสดงการแปลทันที
- หน้า UI ใช้งานได้สะดวก แตะเลือกควบคุมตัวเครื่องได้ง่าย
- รองรับ 40 ภาษา 88 สำเนียง แปลภาษาได้หลากหลายประเทศรวมถึงภาษาไทยด้วย
- แบตเตอรี่สแตนด์บายได้นาน 7 วัน ใช้งานได้ทั้งวันแน่นอน
- ติดกล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ใช้ถ่ายภาพแล้วแปลภาษาได้ทันที
- ระบบแปลภาษาเป็นออนไลน์ล้วนพร้อมบริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตฟรี 1 ปีเต็ม
ข้อสังเกต
- เป็นระบบภายในตัวเครื่องเท่านั้น ไม่รองรับแอปฯ ภายนอก
- เมื่อหมดบริการอินเทอร์เน็ตฟรี ต้องเชื่อมต่อ Wi-Fi จากมือถือหรืออุปกรณ์อื่นถึงใช้งานได้
4. iFLYTEK Smart Dictionary Pen (6,990 บาท)
Supported language | ภาษาอังกฤษเป็นภาษาอื่น |
Supported OS | – |
Application | – |
Battery life | 1,100mAh |
Price (บาท) | 6,990 (iFLYTEK Shopee Mall) |
iFLYTEK Smart Dictionary Pen จะต่างจากเครื่องแปลภาษาตัวอื่นที่เน้นแปลระหว่างผู้พูดทั้ง 2 ภาษาแบบ Real-time ตรงที่เน้นใช้แปลเอกสารหรือบทเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาอื่น เช่น จีน, ญี่ปุ่น ฯลฯ ได้ มีฟังก์ชั่นฟังเสียงผู้พูดว่าสามารถออกเสียงของคำหรือประโยคนั้นได้เหมือนเจ้าของภาษาหรือไม่และยังบอกคะแนนหลังออกเสียงด้วย นับว่าเจ้าปากกาด้ามนี้จึงเป็นพจนานุกรมอัจฉริยะใช้แปลเอกสารภาษาต่างประเทศเป็นหลักสมชื่อ Smart Dictionary Pen เน้นการแปลภาษาจากเอกสารเป็นหลัก
ข้อดี
- สามารถสแกนเอกสารภาษาอังกฤษแล้วแปลเป็นภาษาอื่นที่ต้องการได้ง่ายเหมือนใช้ปากกาไฮไลต์
- มีฟีเจอร์ตรวจสอบการออกเสียงของผู้ใช้ว่าเหมือนเจ้าของภาษาหรือไม่และดู Phonetic ได้
- รองรับภาษายอดนิยมในปัจจุบัน เช่น จีน, ญี่ปุ่น ฯลฯ และแนะนำการเขียนเส้นตัวจีนได้
ข้อสังเกต
- เน้นแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาอื่นเท่านั้น ค่อนข้างเฉพาะทางและเน้นด้านการศึกษาเป็นหลัก
5. Pocketalk S (8,900 บาท)
Supported language | 85 ภาษา แปลหลายภาษาได้ในครั้งเดียว |
Supported OS | – |
Application | – |
Battery life | ใช้งานต่อเนื่อง 4.5 ชม. สแตนด์บาย 2.5 วัน |
Price (บาท) | 8,900 (Pocketalk Shopee Mall) |
Pocketalk S เครื่องแปลหลากหลายภาษาชั้นนำเครื่องนี้ นอกจากติดตั้งภาษามาให้พร้อมแปลถึง 85 ภาษา แยกเป็นภาษากับข้อความ 61 ภาษา ส่วนข้อความอย่างเดียวรองรับ 21 ภาษา ครอบคลุมภาษายอดนิยมอย่างแน่นอนและยังใช้ฝึกภาษากับ AI ภายในเครื่องได้ รองรับการแปลหลายภาษาในครั้งเดียวจึงใช้งานสะดวกเหมาะจะพกติดกระเป๋าไปเที่ยวหรือทำงานก็ดี แถมตั้งเวลาลบข้อความที่เคยแปลไปในอดีตได้ เพิ่มความเป็นส่วนตัวไม่ให้คนอื่นแอบมาอ่านเนื้อหาการแปลย้อนหลังของเราได้ เวลาใช้กล้องสแกนเอกสารหรือข้อความก็แปลงหน่วยการวัดต่างๆ ทั้งน้ำหนัก, ความยาว, ค่าเงิน ฯลฯ ให้โดยอัตโนมัติ แต่ตัวเครื่องต้องต่ออินเทอร์เน็ตถึงจะแปลได้ ดังนั้นทางบริษัทจึงให้บริการแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตฟรี 2 ปี จากนั้นจะใส่ nano-SIM หรือต่อ Wi-Fi แทนก็ได้
ข้อดี
- รองรับการแปลมากถึง 85 ภาษา มากกว่าแบรนด์อื่นถึง 2 เท่า
- สามารถใช้อินเทอร์เน็ตภายในเครื่องแปลภาษาได้ฟรีนาน 2 ปี
- มีระบบแปลหลายภาษาภายในเวลาเดียวกันพร้อมไมค์ตัดเสียงรบกวนเพื่อความแม่นยำ
- มีระบบลบข้อความที่แปลในอดีตให้โดยอัตโนมัติ ไม่ให้คนอื่นอ่านข้อความย้อนหลังได้
- สามารถถ่ายภาพข้อความแล้วแปลงค่าความยาว, น้ำหนักและอัตราแลกเปลี่ยนเงินให้อัตโนมัติ
- ใช้ฝึกฝนและเรียนรู้ภาษาอังกฤษกับ AI ภายในเครื่องได้
- ใส่ nano-SIM เพื่อใช้อินเทอร์เน็ตได้เมื่อโปรโมชั่นอินเทอร์เน็ตฟรีหมดลง
ข้อสังเกต
- ต้องต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อใช้งานเท่านั้น ไม่รองรับการทำงานแบบออฟไลน์
- แบตเตอรี่ใช้แปลต่อเนื่องได้ไม่นานนัก ราว 4.5 ชม. เท่านั้น
6. iFLYTEK Smart Translator (16,599 บาท)
Supported language | 60 ภาษา แปลภาษาในภาพได้ 50 ภาษา |
Supported OS | – |
Application | – |
Battery life | 2,000mAh |
Price (บาท) | 16,599 (iFLYTEK Shopee Mall) |
iFLYTEK Smart Translator เครื่องนี้แม้จะราคาสูงร่วม 17,000 บาทก็จริง แต่มีความคุ้มค่าน่าใช้อยู่หลายอย่าง ทั้งแปลภาษาแบบออฟไลน์ก็ได้หรือใช้แพ็คเกจอินเทอร์เน็ตฟรี 2 ปีตั้งแต่เปิดใช้งานครั้งแรกก็ยิ่งเพิ่มความแม่นยำให้มากขึ้นและยังแบ็คอัพประวัติการแปลเอาไว้ใช้งานได้เผื่อใครนำไปสัมภาษณ์คนสำคัญแล้วต้องการถอดความไว้ใช้ทำงาน แถมยังติดตั้งกล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซลเอาไว้ถ่ายภาพป้ายหรือโปสเตอร์ต่างๆ มาแปลในเครื่องได้ทันที ตัวเครื่องติดไมโครโฟนพร้อมระบบตัดเสียงและลำโพง Hi-Fi พร้อม EQ ให้ได้ยินเสียงการแปลชัดเจนยิ่งขึ้น ถ้าพร้อมลงทุนซื้อเอาไว้ทำงานหรือไว้ใช้เดินทางก็เป็นตัวเลือกที่ดี
ข้อดี
- ใช้งานแบบออฟไลน์ได้ มีแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตให้ใช้เพื่อแปลภาษาแม่นยำขึ้นฟรี 2 ปี
- รองรับภาษาต่างประเทศมากถึง 60 ภาษาแบบออนไลน์
- มีกล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล ใช้ถ่ายภาพแปลภาษาได้ 50 ภาษายอดนิยม
- แบ็คอัพประวัติการแปลภาษาเอาไว้ใช้งานในอนาคตได้
- ติดลำโพง Hi-Fi กับไมโครโฟนพร้อมระบบตัดเสียงรบกวนมาให้
ข้อสังเกต
- ราคาสูงร่วม 17,000 บาท เทียบเท่ากับสมาร์ทโฟนเครื่องหนึ่ง
สรุปสเปค 6 เครื่องแปลภาษาน่าใช้ พกไว้คุยสะดวก รู้เรื่องทุกคนแน่นอน
แม้ปัจจุบันนี้สมาร์ทโฟนจะทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้เครื่องแปลโดยเฉพาะเช่นนี้ก็จริง แต่กรณีต้องการพูดคุยกับชาวต่างชาติเวลาเดินทางไปเที่ยวประเทศที่อินเทอร์เน็ตช้าหรือไม่เคยเรียนภาษาของชาตินั้นมาก่อน อุปกรณ์ชิ้นนี้ก็มีความสำคัญขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ไม่พอ บางรุ่นก็ออกแบบมาใช้สนับสนุนการเรียนภาษาโดยเฉพาะก็มีเช่นกัน
ถ้ากำลังมองหาเอาไว้ใช้งานสักเครื่องแล้วไม่อยากจ่ายแพงนัก CheetahTALK ราคาร่วมสามพันบาทก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี หรือจะเป็นแบบหูฟังไร้สายเผื่อไว้ใช้ฟังเพลงได้ด้วยอย่าง Timekettle M3 ก็น่าสนใจ หรือตัวช่วยเรียนภาษาอย่างปากกา iFLYTEK ก็เป็นตัวเลือกที่ดี กรณีต้องทำงานสัมภาษณ์คนสำคัญแล้วเอาบทสนทนามาทำงานต่อ iFLYTEK Smart Translator ก็น่าลงทุนมาก
FAQ
1. เครื่องแปลภาษาจำเป็นหรือไม่หรือใช้สมาร์ทโฟนดีกว่า?
ตอบ ข้อดีของเครื่องแปล คือ ใช้งานแบบออฟไลน์ได้ ช่วยให้พูดกับชาวต่างชาติได้สะดวกเวลาย่านนั้นอินเทอร์เน็ตช้า, แพ็คเกจโรมมิ่งหรือแบตเตอรี่หมด ก็ใช้งานในยามจำเป็นได้
2. ภาษาในเครื่องแปลเป็นภาษาที่เราใช้งานบ่อยหรือใส่ภาษาที่ใช้งานไม่บ่อยมาให้?
ตอบ หลักๆ แล้ว ในเครื่องแปลจะรองรับภาษาอังกฤษ, จีนกลาง, จีนกวางตุ้ง, อารบิค, ดัทช์, ฟิลิปปินส์, ฝรั่งเศส, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เกาหลี, เวียดนาม, รัสเซีย ฯลฯ เป็นภาษาซึ่งใช้งานบ่อยในยุคนี้อย่างแน่นอน
3. เราควรซื้อเครื่องแปลที่รองรับได้กี่ภาษาดี?
ตอบ ถ้าใช้ท่องเที่ยวอย่างเดียว แค่ 40 ภาษาก็รองรับภาษาใช้งานบ่อยอย่าง, อังกฤษ, จีนกลาง, จีนกวางตุ้ง, ฝรั่งเศส, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์ ฯลฯ แล้ว ถ้าไม่ได้ใช้ทำงานจะซื้อแค่เครื่อง CheetahTALK ก็พอใช้พูดคุยได้แล้ว
4. ข้อดีของเครื่องแปลที่เหนือกว่าแอปฯ แปลภาษาคืออะไร?
ตอบ ระบบการแปลเรียลไทม์ ตัวเครื่องใช้เวลาแปลเพียง 0.5~3 วินาทีเท่านั้น จังหวะการสื่อสารจึงต่อเนื่องใกล้เคียงการพูดคุยตามปกติ แต่แอปฯ แปลภาษาจะต้องรอการประมวลผลหรือทำงานแล้วฟังเสียงไม่ชัดเจนเลยแปลผิดก็เป็นไปได้เช่นกัน
5. เครื่องแปลภาษาจำเป็นต้องต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลาหรือเปล่า?
ตอบ บางเครื่องจำเป็นต้องต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลาเพราะต้องส่งข้อมูลกลับไปประมวลผลยังเซิร์ฟเวอร์ของตัวเครื่อง แต่บริษัทผู้ผลิตมักให้แพ็คเกจใช้งานอินเทอร์เน็ตฟรีมา 1~2 ปีอยู่แล้ว เปิดมาจึงใช้งานได้ตั้งแต่แรก จากนั้นค่อยต่อ Wi-Fi จากสมาร์ทโฟนหรือ Pocket Wi-Fi ก็ได้
6. กลุ่มเป้าหมายของเครื่องแปลภาษามีใครบ้าง?
ตอบ นักท่องเที่ยว, นักธุรกิจ, นักศึกษาต่างชาติ และผู้ที่ต้องติดต่อชาวต่างชาติเป็นประจำเหมาะกับอุปกรณ์ชิ้นนี้แน่นอน
7. ถ้าเทียบกับฟังก์ชั่น Live Translate ของ Samsung แล้วเป็นอย่างไรบ้าง?
ตอบ Live Translate จะต้องใช้ Galaxy AI ซึ่งมีเฉพาะสมาร์ทโฟนระดับเรือธงอย่าง S22~S24 Series, Z Fold4~6, Z Flip4~6, Tab S9 5G เท่านั้น และต้องดาวน์โหลดภาษาเพิ่มเติม ซึ่งตั้งต้นจะมีเพียง 12 ภาษา และถ้าเทียบราคาสมาร์ทโฟนกับเครื่องแปลภาษาแล้วก็มีราคาต่างกันชัดเจนอีกด้วย