MSI Prestige 16 AI Evo โน๊ตบุ๊คจอใหญ่ เพื่องานและความบันเทิง สเปคโหด Intel Core Ultra และ Intel Arc พร้อม AI ในตัว
MSI Prestige 16 AI Evo จัดเป็นโน๊ตบุ๊คสาย Creator ในสไตล์กระทัดรัด บางเบาและการันตีในเรื่องของประสิทธิภาพและการใช้พลังงาน รวมถึงการเชื่อมต่อ WiFi ล่าสุดจากทาง Intel กับโลโก้ Intel Evo มาพร้อมความเรียบหรูดูดี นำไปใช้ได้ในทุกที่ และเท่าที่ได้สัมผัส ด้วยมิติที่บางและน้ำหนักประมาณ 1.6Kg ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงาน เหมาะกับการเดินทาง และต้องการความบันเทิงในระหว่างวันได้อีกด้วย ขุมพลังเหลือใช้ Intel Core Ultra 7-155H หัวใจหลักที่คอยผลักดันการทำงานหลายๆ สิ่ง รวมถึงงานเฉพาะทาง แต่งภาพ ต้อต่อวีดีโอไปจนถึงการเล่นเกม โดยมี Intel Arc graphic ที่เรี่ยวแรงสำหรับการแสดงผลจอใหญ่ หรือใช้เล่นเกมเพลินๆ มาในตัวอีกด้วย
นอกจากนี้ MSI ยังให้พื้นที่จอแสดงผลขนาดใหญ่ 16″ ความละเอียด QHD+ 2560×1600 ที่จุดเด่นคือ ให้ขอบเขตสีที่กว้างและ DCI-P3 สูงถึง 100% เพื่อใช้งานในด้านกราฟิก ภาพและวีดีโอที่แม่นยำ เช่นเดียวกับฟีเจอร์พิเศษอย่าง Tobii Aware ที่จัดมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้ เบลอและล็อคหน้าจอ ให้อัตโนมัติ เมื่อไม่ได้อยู่กับโน๊ตบุ๊ค แอบดูก็มองไม่เห็น และกล้องเว็บแคม IR Camera ที่รองรับการสแกนใบหน้าร่วมกับ Windows Hello เช่นเดียวกับพอร์ตต่อพ่วงอุปกรณ์พร้อมจบในตัว แบตขนาดใหญ่ 99.9Whr ใช้งานแบบยาวๆ กับ USB-C และ Thunderbolt4 รองรับได้ทั้ง DP และ PD ชาร์จไฟ โอนถ่ายข้อมูล ต่อสัญญาณจอได้ครบถ้วน เชื่อมต่อเครือข่ายได้ทั้ง Gigabit LAN และ WiFi7 อีกด้วย เช่นเดียวกับฟีเจอร์ต่างๆ ที่จัดไว้ให้มากมาย พร้อมใช้เปิดเครื่องทำงานได้ทันที มี Windows 11 Home และ Microsoft Office Home and Student 2021 มาให้ใช้ด้วยแล้ว สนนราคา 54,990 บาท
จุดเด่นของ MSI Prestige 16 AI Evo
- หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 16″ ความละเอียดสูง QHD+ 2160p
- ขอบเขตสีกว้าง DCI-P3 100% เหมาะกับงานสีระดับมาตรฐาน
- ขุมพลัง Intel Core Ultra ใหม่ล่าสุด
- ให้แรม LPDDR5 มาแล้ว 16GB
- มีการ์ดจอตัวแรง iGPU Intel Arc ในตัว
- ระบบระบายความร้อนคุณภาพสูง
- กล้องเว็บแคมแบบ IR รองรับสแกนใบหน้า และ Tobii Aware
- มีสแกนลายนิ้วมือเข้าสู่ระบบ
- ไฟคีย์บอร์ดสว่างสดใส ปรับระดับแสงได้
- แบตเตอรี่ 4-cell 99.9Whr ขนาดใหญ่ ใช้งานได้นาน
- น้ำหนักแค่ 1.6Kg เท่านั้น (ไม่รวมอแดปเตอร์)
- พอร์ตต่อพ่วงครบครัน มี USB-C และ Thunderbolt4 มาด้วย
- มี Windows 11 Home และ Microsoft Office Home and Student 2021 มาพร้อมใช้
ข้อสังเกตของ MSI Prestige 16
- กางจอได้ 180 องศา แต่อาจจะเบียดกับอุปกรณ์บางชิ้นที่ต่อพอร์ตด้านหลัง
- ติดตั้งแรม LPDDR5 มาให้ แต่ไม่รองรับการอัพเกรด
MSI Prestige 16 AI Studio
- Specification
- Hardware & Design
- Screen & Speaker
- Keyboard & Touchpad
- Connector / Thin & Weight
- Inside & Upgrade
- Performance & Software
- Battery & Heat & Noise
- User Experience
- Conclusion & Award
Specification
Description | |
CPU: | Intel® Core™ Ultra 7-155 processor 6 (P-Core)/ 10 (E-Core) 22 Thread |
OS: | Windows 11 Home |
Display: | 16” QHD+ (2560×1600) 60Hz, IPS |
Graphic: | Intel Arc |
RAM: | 32GB LPDDR5-6400 |
Storage: | M.2 SSD slot (NVMe PCIe Gen4) 1TB |
Webcam: | IR FHD type (30fps@1080p) with HDR 3D Noise Reduction+ (3DNR+) |
Keyboard: | Single Backlit Keyboard (White) |
Network: | Gb LAN 802.11 be Wi-Fi 7 + Bluetooth v5.4 |
Sensor: | 1x Proximity Sensor x1 Ambient Light Sensor |
Connector: | 1x Type-C (USB / DP / Thunderbolt™ 4) with PD3.1 charging 1x Type-C (USB3.2 Gen2 / DP) with PD charging 1x Type-A USB3.2 Gen2 1x SD (XC/HC) Card Reader 1x HDMI™ 2.1 (8K @ 60Hz / 4K @ 120Hz) 1x RJ45 |
Battery: | 4-Cell 99.9 Battery (Whr) |
Adaptor: | 140W PD adapter |
Dimension: | 358.4 x 254.4 x 16.85-18.95 mm |
Weight: | 1.6 kg |
Software: | Microsoft Office Home and Student 2021 |
Warranty: | 2 Year |
Source: MSI
Hardware & Design
โดยภาพรวมก่อนหน้านี้เราได้นำเสนอ MSI Prestige 16 AI Evo ไปบ้างแล้ว หากเทียบเรื่องดีไซน์เรียกว่าแทบไม่ได้ต่างกัน แต่เรื่องความประทับใจ ผมเชื่อว่าหลายท่านที่ได้สัมผัสจะต้องชื่นชอบด้วยแน่ กับความเรียบหรู ดูสบายตา และยังมาพร้อมความบางเบา ให้สัมผัสที่จับถนัดมือ แม้จะเป็นจอใหญ่ 16″ แต่กลับถือได้ง่ายเหมือนรุ่นจอแสดงผล 14″ เลยทีเดียว โครงสร้างแข็งแรง จับแล้วไม่ยุบจนเสียอาการ และมีพื้นที่ด้านข้างคีย์บอร์ด ให้รู้สึกถนัดมือ ส่วนตัวมองว่าไม่ได้ให้ความพรีเมียมจัดๆ แบบของทาง MSI Stealth หรือ Raider แต่กลับความลงตัวเข้ากันได้กับการใช้งานในสถานที่ต่างๆ ส่วนถ้าใครชอบเส้นสายสีสัน ผมว่าลองมองเกมมิ่งน่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะกว่า แต่ก็จะคนละจุดประสงค์ และต้องรับกับน้ำหนักที่มากกว่าด้วยเช่นกัน
สีสันมาในโทนสีเทาน้ำเงิน MSI ให้ชื่อว่า Star Blue ซึ่งเป็นสีที่ถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นก่อนหน้านี้ ไม่ได้มีเส้นสายมากนัก แต่ก็พอให้เห็นลาเบล ตรงจุดที่วางมือด้านซ้าย ทั้ง Intel EVO Edition, nVIDIA GeForce และ HDMI ส่วนด้านขวาเปิดโล่งเอาไว้ เป็นเรื่องที่เหมาะสมดีครับ เพราะหลายคนจะวางมือด้านขวา เพื่อความสะดวกในการพิมพ์มากกว่า อีกทั้งไม่เกะกะจนเกินไป บานพับหน้าจอทั้ง 2 ด้าน ค่อนไปทางด้านซ้ายและขวา แน่นหนาดี แบบที่ต้องจับ 2 มือ เมื่อเปิดฝาเครื่อง นอกจากนี้ยังทำให้รองรับการกางจอ 180 องศาได้เช่นกัน
เมื่อกางหน้าจอ 180 องศาแล้ว จะทำให้เกือบราบไปกับพื้นโต๊ะ เป็นจุดเด่นที่สำคัญของ MSI Prestige 16 รุ่นนี้ เพราะคุณสามารถแบ่งปันหน้าจอให้คนตรงข้ามหรือลูกค้าให้มองเห็นได้ชัดเจนกว่า แค่กดปุ่ม F12 จะเป็นโหมด Flip & Share หน้าจอจะหันไปให้คนตรงข้ามได้ชมทันที แต่ก็ต้องระวังอุปกรณ์ที่ต่อกับพอร์ตด้านหลังด้วย อาจจะค้ำกับตัวจอได้เช่นกัน
ฝาหลังที่เป็นเหมือนโฉมหน้าของโน๊ตบุ๊คที่คุณมักจะเห็นก่อนสิ่งใด ตั้งแต่เปิดกล่อง มาในสไตล์ที่เรียบร้อย ไม่มีแสงไฟ ไม่เน้นความหรูหรา มีเป็นโลโก้ MSI มาตรงกลาง เอาใจคนที่ต้องการความเรียบง่ายเป็นที่สุด โลโก้ขนาดพอเหมาะ เมื่อเทียบกับพื้นที่ Cover ทำให้ดูกลมกลืน เช่นเดียวกับช่องระบายความร้อนบริเวณด้านท้าย ที่ทำออกมาให้ดูกลมกลืนไปกับบอดี้ โดยมีพอร์ตต่อพ่วงอยู่ตรงกลาง
ด้านใต้เครื่องไม่ต่างไปจากเวอร์ชั่นที่แล้ว กับช่องดูดลมเย็นเข้าไปไหลเวียนภายในระบบ ซึ่งทำเป็นตะแกรงขนาดใหญ่ เมื่อเทียบกับสัดส่วนของพื้นที่ด้านใต้นี้ วัสดุแข็งแรง ที่สะดุดตาคือ ฐานยางจำนวน 6 ชิ้น ทำหน้าที่ยกตัวโน๊ตบุ๊คให้สูงขึ้น เพื่อให้การไหลเวียนอากาศได้ดี และไม่ทำให้บอดี้ ไม่ไปขูดขีดกับพื้นโต๊ะจนเป็นรอย ด้านข้างซ้าย-ขวา เป็นช่องลำโพง และมีน็อตสกรูแบบพรีเมียมจำนวน 8 ตัว แบบสี่แฉก แกะออกง่าย แต่ตรงกลางจะมีสติกเกอร์ประกันปิดอยู่ หากจะอัพเกรดด้วยตัวเอง สอบถามกับผู้จำหน่ายอีกครั้ง
เรื่องของมิติ ที่ทาง MSI เท่าที่วัดระยะจริงของบอดี้ ความยาวอยู่ที่ 36cm และกว้างเพียง 25.8cm เท่านั้น จัดว่าค่อนข้างกระทัดรัดทีเดียว แม้จะเป็นรุ่นที่ให้จอแสดงผล 16″ มาก็ตาม ซึ่งทำให้คนที่ใช้กระเป๋าโน๊ตบุ๊คไซส์ 15.6″ ใบโปรด ก็ยังใช้ได้เหมือนเดิม แต่ทาง MSI ก็มีกระเป๋าเท่ๆ มาให้ใช้ด้วยเช่นกัน
Screen & Speaker
MSI Prestige 16 AI Evo ให้จอแสดงผลขนาด 16″ พาแนล IPS ให้ความละเอียดระดับ 2560 x 1600 QHD+ สัดส่วนเป็นแบบ 16:10 ซึ่งมีความกว้างขึ้นอีกนิด จึงเหมาะสำหรับสายงานทำภาพ และกราฟิกมากขึ้น ขอบเขตสี Gamut Coverage DCI-P3 ประมาณ 95% และ sRGB 99% ซึ่งจัดอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะกับการทำงาน ในด้านของภาพ ให้ความแม่นยำที่มากขึ้นกับค่า Delta-E น้อยกว่า 2 อีกด้วย ในเรื่องของความสว่างหน้าจอสูงสุดไปได้เกือบ 450cd/m2 นั่นหมายความว่ารองรับการใช้งานในสภาพแสงรบกวนภายนอกได้ไม่ยาก โดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานข้างนอก หรืออยู่ในห้องที่ควบคุมแสงไม่ได้
ขอบหน้าจอทั้ง 3 ด้าน ทำออกมาได้ค่อนข้างบางราวๆ 0.6cm ทางกรอบบานซ้าย-ขวา ด้านบนหนาขึ้นเล็กน้อย 1.2cm และด้านล่างจะใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อย เพราะต้องทำหน้าที่ร่วมกับตัวบานพับ ให้มีความแข็งแรง พร้อมโลโก้ MSI สีขาวดูสะดุดตา ด้านบนมาพร้อมกล้องที่เป็น IR Camera ทำหน้าที่เป็นกล้องเว็บแคม ความละเอียด Full-HD ใช้ร่วมกับ Windows Hello ในการปลดล็อคหน้าจอ โดยที่เพิ่มม่านชัตเตอร์ปิดกล้องแบบฮาร์ดแวร์ เมื่อไม่ใช้งาน ใกล้กันเป็นชุดเซ็นเซอร์ของ Tobii Aware เพิ่มความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้
การทำงานของ Tobii Aware นี้ ผมถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นและอำนวยความสะดวกอย่างมากในการใช้งานปัจจุบัน หลายคนอาจจะให้ความสำคัญกับการโจมตีทางไซเบอร์ ผ่านซอฟต์แวร์และการแฮกระบบ แต่การแอบมองหรือขโมย เข้าใช้เข้าถึงโน๊ตบุ๊คโดยตรง ก็มีอยู่ไม่น้อย ฟีเจอร์นี้ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่ประสงค์ดี มาแอบดูคุณได้ เช่น ระบบจะเบลอหน้าจอทันที เมื่อคุณไม่อยู่หน้าคอม หรือเลือกจะ Lock หน้าจอ เลยก็ได้ และจะกลับมาทำงานใหม่ เมื่อกล้อง Detect หน้าคุณได้แล้วในเสี้ยววินาที หรือถ้าใครแอบดูคุณจากด้านหลัง จอก็จะเบลอให้ทันทีเช่นกัน จัดเป็นฟีเจอร์ที่หาได้ค่อนข้างยากบนโน๊ตบุ๊คระดับเดียวกัน
โดยบนตัวเครื่องจะมีเซ็นเซอร์ 2 ชุดด้วยกันคือ Proximity Sensor สำหรับตรวจจับระยะของวัตถุที่เข้ามาใกล้กล้อง ซึ่งน่าจะเป็นการใช้ร่วมกับสแกนใบหน้า รวมถึง Tobii Aware และชุดที่สองคือ Ambient Light Sensor ซึ่งจะตรวจจับแสงในสภาพแวดล้อมโดยรอบ และปรับความสว่างหน้าจอให้เหมาะสม คล้ายกับบนมือถือ แท็บเล็ตนั่นเอง
ส่วนพลังเสียง ได้จากลำโพง 2W จำนวน 2 ชุดที่อยู่ด้านใต้ แม้ว่าจะเป็นโน๊ตบุ๊คกลุ่มทำงาน แต่เชื่อว่าหลายคนก็ใช้ในด้านความบันเทิง หลายครั้งเราจะเห็นว่า MSI ก็มักใส่ความอเนกประสงค์เข้ามาในโน๊ตบุ๊คหลายรุ่น เช่นเดียวกับรุ่นนี้ ที่ให้คุณภาพเสียงไม่เป็นรองกลุ่มเกมมิ่งเลยทีเดียว ในแง่ของเอฟเฟกต์ เสียงในเกม ตัวละคร หรือแรงระเบิด ยังคงสะใจ คุณเล่นเกมได้แบบสนุกทีเดียว แต่ถ้าต้องการมิติและทิศทางที่ชัดขึ้น อาจจะต้องเลือกหูฟัง Surround สักรุ่นมาเพิ่ม
เสียงเพลงออกไปทางเสียงกลางฟังได้ทุกแนวเพลง แยกเสียงนักร้องได้ดีในระดับหนึ่ง แต่จะไม่ได้เด่นในด้านหนึ่งด้านในนัก ฟังสไตล์เพลินๆ ดนตรีใสๆ ฟังสบายๆ ได้ ย่านเสียงค่อนข้างกว้าง เสียงกลางไม่ได้หนักทุ้มนัก พอให้ความสนุกสนานในวันพักผ่อนได้ ส่วนเสียงการสนทนาชัดเจนดี รวมถึงคุณสามารถเปิดใช้ Noise Cancelling ของลำโพงและไมโครโฟนได้จากซอฟต์แวร์ MSI Control Center ได้อีกด้วย
Keyboard & Touchpad
คีย์บอร์ดของ MSI Prestige 16 AI Evo รุ่นนี้ มาในแบบ Full-size ปุ่มใหญ่ และมีระยะห่างของปุ่มกำลังดี เหมาะทั้งสายพิมพ์สัมผัส และคนที่ต้องมองแป้นพิมพ์ก็ใช้ง่าย รูปแบบฟอนต์มองเห็นได้ชัดเจน ตรงนี้ถือเป็นเอกลักษณ์ของค่ายได้เลย เพราะคุณจะได้เห็นตั้งแต่ Modern series ไปจนถึงโน๊ตบุ๊คซีรีส์บนๆ มีแสงไฟสีขาว สามารถปรับระดับความสว่างได้ แสงไฟทะลุมองเห็นฟอนต์ตัดกับพื้นสีดำบนปุ่มได้อย่างชัดเจน ระยะการกด Travel key ค่อนข้างสั้น จึงตอบสนองได้ไว แต่ไม่ต้องกลัวนิ้วลั่นมากนัก เพราะมีระยะห่างและตัวปุ่มใหญ่พอสมควร
ปุ่มฮอตคีย์ด้านบนทาง MSI จัดมาให้แบบครบๆ ไม่มีเว้นว่าง ตั้งแต่ F1-F12 ขนาดปุ่มอาจเล็กไปบ้าง แต่ก็เป็นไปตามสไตล์ของปุ่มที่ไม่ได้ใช้งานบ่อย เรื่องของการปรับระดับเสียง ความสว่างหน้าจอ คีย์บอร์ด ไมโครโฟน ทัชแพด ไปจนถึงไฟคีย์บอร์ด ต่อจอนอก และการเรียกใช้ MSI Control Center รวมถึงการ Flip & Share ทั้งหมดถูกรวมอยู่บนฮอตคีย์นี้ ทุกอย่างทำงานร่วมกับปุ่ม Fn แต่ถ้าจะยกเลิก เพื่อกดปุ่ม F ต่างๆ โดยตรงก็ทำได้ ด้วยการกด Fn+Esc เท่านั้น
ปุ่ม Number pad มาแบบเต็มปุ่มทางด้านขวา เพื่อให้พร้อมสำหรับการใช้ โดยเฉพาะคนที่ต้องคีย์ตัวเลขบ่อยๆ น่าจะต้องชื่นชอบ และยังวางปุ่ม Calculator มาไว้ในชุดนี้ด้วย แค่กด Fn + Enter ของปุ่มตัวเลขนี้ ก็เปิดใช้งานได้ทันที แต่ปุ่ม Arrow ยังมาในแบบครึ่งปุ่ม ส่วนตัวผมไม่ค่อยติดอะไร เพราะใช้งานน้อยมาก เนื่องจากส่วนใหญ่เราจะใช้บริการทัชแพดและเมาส์ในการเลื่อนบรรทัดกันมากกว่า
โดยผู้ใช้สามารถเลือกคีย์ลัดในการเข้าถึง User Scenario หรือโหมดการทำงานของระบบได้ด้วยการกด Fn+F7 ซึ่งจะมีทั้ง MSI AI Engine ระบบจะเลือกให้เหมาะกับการใช้งานในเวลานั้นๆ ให้เอง หรือถ้าต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น การเล่นเกม หรือทำงานจริงจัง เลือก Extreme Performance ส่วนถ้าทำงานด้วย แต่ถนอมแบตไปในตัว มีโหมด Balanced ให้ใช้ ส่วนถ้าอยู่ในช่วงประชุม อยากจะใช้สมาธิเลือก Silent จะคุมพัดลมให้ทำงานที่เบาลง และถ้าต้องการประหยัดแบตให้มากขึ้น โหมด Super Battery เหมาะที่สุดครับ
ทัชแพดจัดมาให้แบบพื้นที่กว้างขวาง 15x9cm ให้ผู้ใช้สามารถทำงานแทนเมาส์ได้ในเกือบทุกรูปแบบ ยกเว้นช่วงที่ต้องการความแม่นยำและความละเอียดที่สูง ด้วย Multi-Gesture ลาก ปัด เลื่อน ย่อ-ขยาย และเปิดหน้า Desktop การเลือกหน้าต่างโปรแกรม จัดว่าสะดวกอย่างมาก ทำให้การใช้งานข้างนอก แบบที่ไม่สะดวกใช้เมาส์ ก็ยังทำงานได้เช่นกัน
Connector / Thin & Weight
Port connector ที่มากับโน๊ตบุ๊ค MSI Prestige 16 AI Studio รุ่นนี้ จะอยู่ทางด้านหลังและทางขวาของตัวเครื่อง ส่วนทางด้านซ้ายจะเป็นตัวล็อค Kensington Lock และช่องระบายลมร้อนออก ซึ่งถือว่าดีครับ ลมที่ออกมาจะได้ไม่รบกวนมือขวาเวลาทำงาน
ส่วนทางด้านขวา จะเป็นพอร์ตสำหรับใช้งานทั่วไป ประกอบด้วย
- 1x SD (XC/HC) Card Reader
- 1x HDMI™ 2.1 รองรับการแสดงผลต่อจอภายนอกระดับ 8K @ 60Hz หรือ 4K @ 120Hz ได้สบาย
- 1x RJ45 สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบ Gigabit LAN
และพอร์ตด้านหลังจะเป็นพอร์ตหลัก เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ประกอบด้วย
1x Type-C รับหน้าที่เป็น USB / DP / Thunderbolt™ 4 และยังรองรับ PD3.1 charging
1x Type-C ใช้เป็นพอร์ต USB3.2 Gen2 / DP รวมกับ PD charging
1x Type-A USB3.2 Gen2
ซึ่งการวางพอร์ตต่อพ่วงไว้ด้านหลัง ทำให้มิติของโน๊ตบุ๊คดูบางลง และไม่รบกวนพื้นที่ทำงานด้านข้าง ซึ่งหลายคนน่าจะชอบรูปแบบการวางเช่นนี้ แต่ก็จะมีข้อสังเกตคือ คุณอาจจะต้องหันโน๊ตบุ๊คมาต่ออุปกรณ์ อย่างแฟลชไดรฟ์ ฮาร์ดดิสก์ต่อภายนอก หรืออื่นๆ เพื่อความแม่นยำ และการพับหน้าจอลงสุด ก็ต้องระวังจะไปดันกับอุปกรณ์เหล่านี้อยู่บ้าง แต่ปัจจุบันของเหล่านี้หลายอย่างทำมาในแบบไซส์มินิ อย่างเช่น Nano receiver หรือแบบที่ยืดหยุ่นได้ ก็สามารถเข้ากับการใช้งานได้สะดวกมากขึ้น
ทาง MSI เคลมไว้ในเว็บไซต์ถึงน้ำหนัก MSI Prestige 16 AI Evo อยู่ที่ 1.6Kg จากที่เราเช็คได้อยู่ที่ 1.68Kg โดยประมาณ และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ ซึ่งเป็นที่ชาร์จระดับ 140W น้ำหนักรวมอยู่ที่ 2.22Kg โดยประมาณ สำหรับผมมองว่าไม่น่าแปลกใจ เพราะว่าเป็นโน๊ตบุ๊คจอใหญ่ 16″ และที่สำคัญเมื่อรวมที่ชาร์จ ยังเบากว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายรุ่น ในระดับความแรงพอๆ กัน ด้วยความที่อแดปเตอร์ไซส์เล็กกว่าฝ่ามือ จึงเชื่อว่าไม่ได้เป็นอุปสรรคในการพกพาแต่อย่างใด แถมยังให้สาย DC ที่ยาวพิเศษมาอีกด้วย ลดข้อจำกัดในการชาร์จไฟไปได้เยอะ
Inside & Upgrade
MSI Prestige 16 AI Evo มาพร้อมการเปิดฝาที่ค่อนข้างสะดวก ไม่ซับซ้อนมากนัก มีไขควงชุดเดียว ก็เปิดฝาหลังออกได้ น็อตจำนวน 8 ตัว ที่สำคัญเป็นน็อตสั้นทั้งหมด ไขออก แล้วเซาะร่องตามขอบออกได้ทันที แต่จุดที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังคือ บริเวณตามขอบที่เป็นช่องพอร์ตต่างๆ เมื่อแกะออกมาแล้วทุกด้าน ก็เริ่มการอัพเกรดได้เลย แต่สิ่งที่ต้องย้ำคือ ควรจะต้องระวังเรื่องไฟฟ้าสถิตย์ ลดความเสียหายต่อตัวบอร์ด ด้วยการถอดปลั๊กของแบตเตอรี่ที่ต่อยู่บนบอร์ดก่อนจะทำการถอดชิ้นส่วนใดๆ ก็ตาม
เมื่อเปิดฝาออกมาแล้ว จะสังเกตได้ว่าไม่มีชุดสล็อตแรมมาบนเมนบอร์ด แต่ติดตั้ง LPDDR5 มาออนบอร์ดแล้ว ซึ่งจัดมาให้แล้วถึง 32GB จึงวางใจได้กับการใช้งานได้แบบยาวๆ จะเปิดไฟล์ขนาดใหญ่ ตัดต่องานวีดีโอ หรือทำกราฟิก รวมไปถึงการเปิดโปรแกรมแบบมัลติทาส์ก และเปิดหน้าเว็บจำนวนมาก ความจุระดับนี้ รับงานหนักๆ ได้ไม่ยาก
ส่วน SSD ที่ติดตั้งมาให้ใน MSI Prestige 16 AI รุ่นนี้ เป็นโมเดล PM9A1 จาก Samsung MZVL21T เท่าที่เช็คเป็น M.2 NVMe PCIe 4 x4 ความเร็ว Read/ Write (7,000MB/s และ 5,100MB/s ตามลำดับ) ซึ่งผลทดสอบก็ออกมาสอดคล้องกันเลยทีเดียว โดยพื้นฐานความจุเท่านี้ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณมีงานหนักหน่วง ไฟล์เยอะ และมีไฟล์ขนาดใหญ่ แนะนำให้มองหาโซลูชั่นที่เป็น External หรือ Cloud storage มาเสริม เพราะภายในมี M.2 ให้เพียงสล็อตเดียวเท่านั้น
Performance & Software
CPUz รายงานซีพียูที่ติดตั้งมาเป็น Intel Core Ultra 7-155H เป็นซีพียูรุ่นใหม่ล่าสุด Meteor Lake ประกอบด้วย 6 P-core และ 8 E-core รวมถึงมี LPE-core มาอีก 2 ชุดด้วยกัน และมี 22 Thread เป็นอีกรุ่นจัดจ้านที่ออกแบบมาเพื่องานและการเล่นเกมโดยเฉพาะ
มาพร้อมแรม LPDDR5 6500 ความจุถึง 32GB เอาไว้ให้พร้อมใช้แล้ว ภายในไม่มีสล็อตสำหรับการอัพเกรดมาให้ แต่ถ้าดูตามรูปแบบการใช้งานในปัจจุบัน จัดว่าเหลือเฟือ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม หรืองานตัดต่อวีดีโอ แต่งภาพก็ตาม
กราฟิกจะมีด้วยกัน 2 ชุด ประกอบด้วยการ์ดจอ Intel Arc ที่มาพร้อมกับซีพียู Intel Core Ultra รุ่นใหม่นี้ ให้ประสิทธิภาพในการทำงานที่ไม่ธรรมดาเลย เพราะพื้นฐานส่วนใหญ่ถอดมาจากการ์ดจอแยก Arc series ที่รองรับได้ทั้งการเล่นเกม และการทำงาน จุดเด่นในการถอดและเข้ารหัสไฟล์ กับงานภาพ สตรีมและวีดีโอพื้นฐานกราฟิกนี้มีแรงพอตัว
การทดสอบระบบ Storage ที่มากับโน๊ตบุ๊ค MSI Prestige รุ่นนี้ก็จัดว่าทำได้ดี กับ Samsung PM9A1 เพราะให้ผลทดสอบในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ ระดับการอ่านข้อมูลอยู่ที่ 7016MB/s และการเขียนข้อมูล 5200MB/s โดยประมาณ เช่นเดียวกับค่า Random 4K ที่เป็นอีกค่าสำคัญ ซึ่งจะบอกถึง Performance ของ Storage นั้นๆ ได้ดีอยู่ที่ 533MB/s (Read) และ 395MB/s (Write) สมกับการเป็น M.2 PCIe 4.0 x4 ให้มาถึง 1TB แล้ว จะลงโปรแกรม เก็บไฟล์ติดตั้งเกม ก็ทำได้ไม่อึดอัด
สำหรับ PCMark10 มาที่การทดสอบ PCMark10 ที่เป็นการทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ทำงาน รวมถึงการใช้งานด้านต่างๆ ทั่้วไป คะแนนในภาพรวมทำได้ถึง 6,909 คะแนน ซึ่งสูงกว่าผลที่ได้จาก MSI Prestige 16 ที่เราได้ทดสอบไปก่อนหน้านี้ ซึ่งตัวเลขที่ได้จัดว่าให้ประสิทธิภาพที่ดีในหลายส่วน โดยเฉพาะกับตัวเลขของ Essentials ที่เป็นการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ด้วยซีพียูแรงระดับ Core Ultra 7 นี้ รองรับงานเหล่านี้ได้ไม่ยาก เช่นเดียวกับงานด้านเอกสารและไฟล์ข้อมูล ที่ยังคงไหลลื่นเพราะได้แรม LPDDR5 แบนด์วิทธ์กว้าง และส่งข้อมูลได้รวดเร็ว ส่วนงานหนักอย่าง Digital Content Creation ก็จัดว่าทำได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะคะแนนการแต่งภาพและการเรนเดอร์ภาพสามมิติที่ดูจะสูงเป็นพิเศษ
CINEBench นับเป็นงานหินของโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่น เพราะเป็นการทดสอบงานด้านโมชั่นกราฟิก ที่ดึงศักยภาพของระบบออกมาหนักพอสมควร ในการเรนเดอร์งานออกมาทั้งในส่วนของ Single Thread และ Multi Thread ในหลาย ให้ผลทดสอบที่เรียกว่าน่าประทับใจ เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ใช้ซีพียูรุ่นใหญ่อย่าง Intel Core i9-13900H จะเห็นได้ว่าตัวเลขของ Core Ultra 7 ทำคะแนนแซงไปอย่างสวยงาม ซึ่งมี Core/ Thread ที่ให้ประสิทธิภาพสูง และได้แรม LPDDR5 ขนาดใหญ่มาด้วย ก็ทำให้ผลทดสอบของ CINEBench R20 และ R23 ทำคะแนนแซงหน้า Intel Core i9 ไปได้แบบเหลือๆ แต่ในส่วนของ CINEBench R24 ที่เรียกใช้ซีพียูอย่างหนักหน่วง คะแนนยังจัดว่าสูสีกันมากทีเดียว แสดงให้เห็นถึงความสามารถของซีพียู Intel ที่มากับโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้ ใช้งาน 3D Graphic ได้ดีพอสมควร
MSI Prestige 16 AI Evo มาพร้อมการทำงานของซีพียู Intel Ultra รุ่นใหม่ที่อยู่บนแพลตฟอร์ม Intel EVO ทำให้ใช้พลังจาก NPU ในการรับโหลดงานเกี่ยวกับ AI ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่น หรือ AI Generator ต่างๆ ได้คล่องตัวมากขึ้น
นอกจากนี้ทาง MSI ยังให้ลูกเล่นเสริมสำหรับการออกแบบ ด้วยการใช้ Prompt ในการสร้างภาพกราฟิกและอื่นๆ ด้วยซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า MSI AI Artist ให้คุณทำภาพออกมาได้อย่างใจคิด โดยมีเงื่อนไขในการใช้งานเล็กน้อย นั่นคือ ซีพียูอย่างน้อยต้องเป็น Intel Core Gen13, การ์ดจอ nVIDIA GeForce RTX4050 ขึ้นไป และมีแรมระบบ 16GB ซึ่งโดยพื้นฐานเอง โน๊ตบุ๊ครุ่นนี้รองรับการทำงานได้ หน้าที่ของผู้ใช้คือ เขียน Prompt ตามสิ่งที่คุณต้องการป้อนเข้าไปให้เป็นคำสั่ง จากนั้นรอระบบ Generate ขึ้นมาให้
ในตัวโปรแกรมสามารถเลือกรูปแบบของภาพ ให้ไปในแนวทางใด จำนวนของภาพ และ Ratio หรือสัดส่วนภาพ เพื่อนำไปใช้ในโอกาสต่างๆ ได้อีกมากมาย นับว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่ง ที่จะให้คุณได้ใช้ประโยชน์จาก NPU ที่มีอยู่ในตัวซีพียู และเริ่มต้นการใช้งาน AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือจะนำไปใช้กับ AI Generator อื่นๆ อีกมายมายได้ อย่างเช่น Luminar Neo และโปรแกรมยอดนิยมอย่าง Adobe ที่มี AI เอาไว้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขภาพ ปรับแต่ง รวมไปถึงการถอดสคริปต์จากวีดีโอได้อีกด้วย
มาที่การเล่นเกมบน MSI Prestige 16 AI Evo เริ่มกันที่ 3DMark Time Spy ทดสอบบนความละเอียด 1600p เราแบ่งการทดสอบออกเป็น 2 ส่วนคือ ผลที่ได้จากการ์ดจอ nVIDIA GeForce RTX4060 และ Intel Arc ที่มากับซีพียู Intel Core Ultra ซึ่งตัวเลข Overall อยู่ที่ 6608 คะแนน อยู่ในระดับที่พอใช้ได้ สำหรับการเล่นเกมบนความละเอียดระดับนี้ โดยที่ Graphic score อยู่ที่ 6720 คะแนน และ CPU score 6040 คะแนน กับไดรเวอร์ nVIDIA Studio ล่าสุด ส่วนผลที่ได้จาก Intel Arc ซึ่งเป็น Integrate Graphic บนซีพียู ก็ยังถือว่าทำผลงานได้ค่อนข้างดี เรียกว่าเล่นเกมเบาๆ เน้นเล่นได้ ลื่นไม่เน้นสวยมาก ไม่ต้องต่อสายชาร์จการ์ดจอนี้รับงานไหว แต่ถ้าเน้นเล่นจริงจัง ปรับแต่งได้ หรืออยากให้ภาพสวยลื่น เล่นบนการ์ดจอแยก และปรับ Upscale เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้ดียิ่งขึ้น
Forza Horizon 5 เกมแนว Racing ภาพสวยนี้ ทำได้ดีพอสมควรแม้กระทั่งการเล่นบน Intel Arc ที่มากับซีพียู Intel Core Ultra ปรับ Medium ยังได้เฟรมเรตระดับ 40fps. เอาไว้เล่นแก้เบื่อได้ แต่ถ้าจะจริงจัง เล่นเอาภาพสวย เฟรมลื่นๆ ลองปรับระดับ Extreme เปิด DLSS ด้วยการ์ดจอแยก GeForce ก็ยังไปได้ถึง 60fps. ด้วยกัน แต่ถ้าอยากให้ไปแตะระดับ 100fps. ลด Detail ลงมาอีกนิด บนความละเอียด 1600p Native หรือ Full-HD 1080p ก็ไหลลื่นได้ตามต้องการแล้ว
COD: Modern Warfare II เกมนี้อาจจะกินสเปคอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เกินความสามารถของโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้ แต่แนะนำให้เล่นบนโหมด Native บนความละเอียดสูงสุด ปรับจูนให้ดี เช่นลด Detail และปรับ AA ในบางช่วง มีให้เห็นได้กว่า 100fps. เล่นแบบลื่นๆ ต่อจอใหญ่ก็ยังเล่นได้แบบเพลินตา ปรับสุดและเปิด DLSS ยังได้เห็นเฟรมเรตระดับ 60-70fps. ได้ไม่ยาก กับความจัดจ้านของสเปคนี้
Red Dead Redemption 2 เกมนี้เจอเอฟเฟกต์หิมะกับองค์ประกอบรอบข้างหนักๆ ก็มีสะดุดไปบ้าง หากเล่นบนโหมดความละเอียดสูง เกมนี้ระดับ Full-HD แล้วเปิดสุด พร้อมใช้ DLSS ก็จะเห็นภาพสวยๆ ได้ในระดับ 80fps. ไม่ยาก แต่ถ้าอยากได้ปรับสุดบน 1600p ก็มีให้เหนื่อยอยู่บ้าง เพราะเฟรมเรตไปอยู่ระดับ 42fps. เมื่อเปิด DLSS แต่ก็จะได้ภาพสวยสุดติ่ง แต่ช่วงแกว่งของเฟรมก็มีให้เห็นพอสมควร แนะว่าปรับ Detail ลง แล้วเปิดใช้ DLSS ก็จะได้อะไรที่น่าประทับใจมากขึ้น
อีกสิ่งหนึ่งที่ควรจะต้องมีไว้ประจำเครื่องสำหรับผู้ใช้โน๊ตบุ๊ค MSI Prestige 16 AI Evo รุ่นนี้อย่าง MSI Center ที่เป็นซอฟต์แวร์ช่วยตรวจเช็ค จัดการ ตั้งค่าและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานได้ดีในระดับหนึ่ง ซึ่งในนี้จะมีให้คุณสามารถเช็คสถานะของระบบ ปรับโหมด User Scenario ในแบบต่างๆ รวมถึงเปิดใช้งาน AI และตั้งค่าลดเสียงรบกวนในลำโพงและไมโครโฟนของระบบได้อีกด้วย
Battery & Heat & Noise
แบตเตอรี่ที่มากับโน๊ตบุ๊ค MSI Prestige 16 AI จัดมาให้ค่อนข้างใหญ่ ใส่มาแบบจุใจ 99.9Whr ซึ่งถ้าเห็นจากภาพด้านในที่เราแกะเอาไว้ให้ชมอยู่นี้ ถือว่าเหมาะกับการใช้งานอย่างต่อเนื่องภายนอกสถานที่อย่างมาก แต่ถูกปกปิดลาเบลต่างๆ เอาไว้ และส่วนหนึ่งเพื่อการปกป้องการขูดขีดหรือความชื้นที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อนำไปใช้ในสภาวะต่างๆ ส่วนการพกพา สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ ไม่เกินไปกว่าระดับที่มีข้อกำหนดไว้
กับระยะเวลาในการใช้งาน ในโหมดของ Intel EVO ซึ่งเป็นการใช้งานกราฟิกบนซีพียู Intel Core Ultra และเลือกเป็นระบบ Super Battery เพื่อควบคุมการใช้พลังงานมากขึ้น เปิด Video Playback กับวีดีโอบน Youtube ความสว่างพอประมาณ เช่นเดียวกับเสียง ที่เน้นให้ได้ยินชัดเจน ในห้องทำงานทั่วไป รวมถึงปิดไฟ Backlit ของคีย์บอร์ด ต่อเนื่อง ผลที่ได้เฉลี่ยจะอยู่ที่ราวๆ 9-10 ชั่วโมง จัดเป็นตัวเลขที่ทำให้ผู้ใช้พึงพอใจได้ดีทีเดียว นั่นหมายถึง คุณจะสามารถนำแค่โน๊ตบุ๊คออกไปพบลูกค้า ท่องเน็ต หาข้อมูล และการพรีวิวภาพได้นอกสถานที่ แบบที่ไม่ต้องพกที่ชาร์จไปด้วย แต่ก็ขึ้นอยู่กับบริเวณนั้นๆ ด้วยว่า จะเจอกับสภาวะแบบไหน ร้อนมากมั้ย หรือทำให้เราต้องเพิ่มความสว่างมากขึ้นรึเปล่า สิ่งเหล่านี้มีผลต่อการใช้พลังงานไม่น้อยเลย ซึ่งจุดนี้ถือว่าทาง MSI จัดวางองค์ประกอบมาได้ดี เช่นเดียวกับซีพียู Intel รุ่นใหม่ มาในแพลตฟอร์ม EVO ทำให้หลายๆ อย่างถูก Optimize ได้ดียิ่งขึ้น
ระบบระบายความร้อน MSI Prestige 16 ยังคงเป็นแบบ Cooler Boost 3 ที่เป็นชุดพัดลมคู่ แยกส่วนของซีพียูและกราฟิกออกจากกัน ดูดลมเย็นเข้าทางด้านใต้เครื่อง แล้วระบายลมร้อนออกทางด้านหลัง 2 จุด และด้านข้างซ้ายอีก 1 จุด ลดความร้อนสะสมได้ดีทีเดียว โดยมีฮีตไปป์จำนวน 3 เส้น เพื่อนำพาความร้อนไปยังฮีตซิงก์และพัดลม คือถ้ามองกันถึงซีพียูและกราฟิก เนื่องจาก Intel Core Ultra รุ่นใหม่ มีค่า TDP ไม่สูง แต่ให้ Performance ที่ดี ความร้อนจึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล จากการทดสอบ อุณหภูมิในช่วงแรกที่วิ่งไปเร็ว จึงทำให้ไปแตะที่ 90 กว่าองศาเซลเซียสอยู่บ้าง แต่ชั่วระยะสั้นๆ เท่านั้น ก็กลับลงมาแค่ 80 กว่าองศาเซลเซียส จึงอุ่นใจได้แม้จะใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานานก็ตาม
ส่วนอุณหภูมิในจุดอื่นๆ เช่น RAM, VRAM และบอร์ด แทบไม่ได้มีผลกระทบแต่อย่างใด ทำให้เห็นได้ว่าการออกแบบของ MSI ยังคงช่วยจัดการความร้อนภายในโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ได้ไม่ยาก แต่แนะนำว่า ถ้าคุณจะต้องเจอกับโหลดงานหนักๆ แบบนี้เป็นเวลานาน ให้เปิดใช้งาน Extreme Performance แล้วหาที่ยกโน๊ตบุ๊คให้สูงขึ้นอีกหน่อย หรือจะใช้ Cooling Pad ก็จะช่วยลดความร้อนสะสม รวมถึงลดเสียงพัดลมไปได้อีกพอสมควรครับ
User Experience
บาง แรง หน้าจอใหญ่ ตอบสนองทันใจ คีย์บอร์ดปุ่มใหญ่ เน้นงานเป็นหลัก ความบันเทิงต้องไม่ขาด ไม่ต้องอัพเกรดเพิ่มแล้ว น่าจะเป็นคำจำกัดความหลังจากใช้งาน MSI Prestige 16 AI Evo รุ่นนี้ หลังจากที่ได้สัมผัสกับการใช้มาได้สักช่วงใหญ่ๆ ความเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีคุณสมบัติเกือบครบเครื่อง อาจจะใช้คำว่าแรงในมิติที่เบากระทัดรัดได้ดีพอสมควร จอใหญ่ทำให้การทำงานเอกสาร หรือภาพและวีดีโอคล่องตัวขึ้น เดิมทีแรม 16GB ก็ทำให้การใช้งานพื้นฐาน เปิดหน้าเว็บเยอะๆ หรือการเปิดไฟล์ขนาดใหญ่ ก็ตอบสนองได้ไวดี แต่พอเป็น DDR5 32GB ทำให้รู้สึกถึงพลังที่เพิ่มเข้ามามากกว่าเดิม โดยเฉพาะช่วงที่ลากไฟล์มาเพื่อก็อปปี้ จากไดรฟ์ภายนอก หรือการเปิดไฟล์ฟุตเทจที่มีจำนวนมากมาพรีวิว และการเข้าเกมหรือโปรแกรม ลื่นไหลได้ดีกว่า 16GB อย่างเห็นได้ชัด
การออกแบบที่เรียบง่ายไม่ได้เป็นประเด็นเท่าการระบายความร้อนหรือการใช้งานที่สบายใจ เพราะ MSI จัดวางช่องทางการดูดลมเย็นและระบายลมร้อนออกจากระบบได้เร็ว คือถ้าคุณเป็นคนที่ใช้งานต่อเนื่อง หรือเพิ่งจะใช้งานหนักๆ มา ก็สามารถที่จะให้ระบบ Cooldown ได้ไว และพับฝา พร้อมหิ้วกลับได้ทันที เช่นเดียวกับฝาพับที่แข็งแรง แม้จะมีไม่นิ่งบ้างในบางจังหวะที่มีแรงมากระแทกโต๊ะ แต่ความเป็นจอกางได้ 180 องศา พร้อมฟีเจอร์ Flip & Share ก็ทำให้โน๊ตบุ๊ครุ่นนี้น่าใช้ไม่เบา ยิ่งเพิ่มความปลอดภัยทั้งในการสแกนลายนิ้วมือ รวมถึงการปลดล็อคหน้าจอด้วยสแกนใบหน้า เพิ่มลูกเล่นอย่าง Tobii Aware มา กลายเป็นจอโน๊ตบุ๊คที่ดูครบเครื่อง ใช้งานได้อย่างอุ่นใจ การเชื่อมต่อ WiFi7 และมี Gigabit LAN มาให้ในตัว พอร์ต USB อาจจะน้อยไปนิด แต่ก็เป็นแบบ Multi-function ต่อตัวแปลงใช้งานเพิ่มเติมได้
MSI Prestige 16 AI Evo พลังในการทำงานแทบไม่ต้องกังวล ด้วยซีพียูตัวแรงอย่าง Intel Core Ultra มาจับคู่กันกับ GeForce RTX4060 แม้จะเป็นรุ่น 55W แต่มีความจัดจ้านคุ้มค่าน่าใช้ จากที่ได้ลองเล่นเกมหรือทำงาน คุณสามารถวางใจได้ จนแทบลืมไปว่านี่คือโน๊ตบุ๊ค ไม่ได้เป็นพีซีตั้งโต๊ะ การใช้พลังงานมีหนักอยู่บ้างในบางจังหวะ แต่ถ้าปรับจูนให้ดีๆ เรื่องความสว่างหน้าจอ ไฟ Backlit และการเชื่อมต่อ ก็ใช้งานได้ยาวนานกว่าที่คิด การเล่นเกมระดับ Full-HD จัดหนักได้ในหลายๆ เกมอีกด้วย กับราคา 54,990 บาท ได้ทั้ง Windows 11 Home และ MS Office Home and Student 2021 มาใช้การรับประกัน 2 ปี
Conclusion & Award
ด้วยความเป็นโน๊ตบุ๊คทำงาน แต่กราฟิกที่ให้มาก็ตอบโจทย์ด้านความบันเทิงได้ด้วย ซึ่งช่วยในงานด้านสร้างสรรค์ได้ดี กับประสิทธิภาพอันน่าประทับใจ อีกทั้งการปรับหน้าจอได้ 180 องศา และยัง Flip ภาพได้อีก ให้การสแกนใบหน้าและลายนิ้วมือใช้งานได้สะดวก ที่สำคัญมี Tobii Aware มาอีกด้วย ในภาพรวมถือว่ามีการสร้างสรรค์และเหมาะกับผู้ใช้ที่เป็นเหล่า Creator ได้อย่างเต็มที่
แม้ MSI Prestige 16 AI Evo จะมาในบอดี้ของ 16″ ที่เป็นหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ แต่กลับมาเส้นสายและรูปลักษณ์บางกระชับ ฝาจับแข็งแรง และน้ำหนักเพียง 1.6Kg เท่านั้น ให้ความสะดวกในการพกพา รวมถึงการใช้งานได้นานระดับ 8 ชั่วโมง ถือว่าเหมาะกับการใช้งานนอกสถานที่ได้ดีพอสมควร