Samsung Galaxy Tab A9+ ถึงจะเป็นรุ่นเริ่มต้นแต่ก็น่าใช้ไม่แพ้รุ่นใหญ่!
การมีแท็บเล็ตดีๆ อย่าง Samsung Galaxy Tab A9+ ติดตัวไว้สักเครื่อง ช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้นมาก ไม่ว่าจะดูหนังฟังเพลงก็สะดวกด้วยหน้าจอใหญ่ 11 นิ้ว ความละเอียด WUXGA ค่า Refresh Rate 90Hz ทำให้เวลาใช้งานตามปกติได้ภาพลื่นไหลต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเปิดโซเชียลเน็ตเวิร์คหรือดูหนังฟังเพลงก็เพลิดเพลินแถมได้ลำโพง 4 ตัว รองรับ Dolby Atmos อีกด้วย นอกจากคอหนังก็ต้องยกผลประโยชน์ให้หนอนหนังสือที่หันมาเก็บหนังสือแบบ E-book แทนเพื่อลดปัญหาร้อยแปดไม่ว่าจะต้องจัดพื้นที่วางหรือคอยระวังไม่ให้มดปลวกมารบกวนจนเล่มโปรดต้องเสียหาย จะเก็บเอาไว้ในเครื่องหรือโอนเข้า MicroSD Card ก็เพิ่มความจุไปได้มากถึง 1TB ไม่ต้องคอยกังวลไล่ลบเคลียร์ข้อมูลเข้าออกให้เสียเวลา
ข้อดีของแท็บเล็ตจอใหญ่อย่าง Samsung Galaxy Tab A9+ ซึ่งรัน One UI เวอร์ชั่นใหม่ คือ การแบ่งพื้นที่หน้าจอได้มากถึง 3 ส่วนไว้เปิดแอปฯ ใช้งานได้ง่าย จะประชุมงานประกอบสไลด์ไปพร้อมกันก็ได้ แถม Galaxy Tab A9+ เพิ่มโหมด Samsung DeX เปลี่ยน UI ให้เหมือนคอมพิวเตอร์แล้วต่อคีย์บอร์ด Bluetooth ใช้ทำงานในยามจำเป็นได้อีก จะใช้ทำงานในเวลาจำเป็นก็ได้หรือใครเน้นทำงานผ่านทางเบราว์เซอร์ก็ได้ไม่ต้องพกโน๊ตบุ๊กให้หนักเกินไป
NBS Verdict
ข้อดีของ Samsung Galaxy Tab A9+ นอกจาก Samsung จะการันตีว่าทางบริษัทซัพพอร์ตการอัปเดตเฟิร์มแวร์ยาวนานหลายปีแล้ว แท็บเล็ตไซซ์ 11 นิ้วก็เป็นขนาดยอดนิยมซึ่งดีต่อผู้ใช้ชอบจอใหญ่ อยากดูคอนเทนต์บนหน้าจอให้ชัดเต็มตาและแสดงผลได้ไหลลื่นด้วยค่า Refresh Rate 90Hz แล้ว ยังต่อหูฟัง 3.5 มม. ตัวโปรดใช้งานได้ง่ายๆ ไม่ต้องคอยกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดเหมือนหูฟัง True Wireless ที่แม้จะสะดวกแต่ก็มีเวลาจำกัด หรือจะเปิดลำโพงดูหนังก็ได้เสียงแบบ Dolby Atmos จากลำโพงถึง 4 ตัว ช่วยเพิ่มอรรถรสไปอีกระดับ
นอกจากความบันเทิงยังใช้ทำงานได้สะดวก เพราะเปิด Samsung DeX เปลี่ยน UI ของแท็บเล็ตเป็นคอมพิวเตอร์ ต่อคีย์บอร์ดใช้งานได้ง่ายๆ ไม่ต้องปรับตัวมาก ก็ต่อเมาส์คีย์บอร์ดบลูทูธทำงานตอนจำเป็นได้สบายๆ โดยเฉพาะตอนไปธุระแล้วไม่ได้ติดโน๊ตบุ๊กไปด้วย ก็ใช้แท็บเล็ตประชุมและทำงานได้สบายๆ แถมยังเซฟเก็บงานเอาไว้ในเครื่องหรือ MicroSD Card ก็ได้เช่นกัน แถมยังเลือกรุ่นใช้งานได้ว่าจะต่อแต่ Wi-Fi อย่างเดียวหรือเพิ่มเงินไปรุ่น 5G ให้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลาก็มีให้เลือก
อย่างไรก็ตาม จุดสังเกตของ Galaxy Tab A9+ มีเรื่องชิปเซ็ตซึ่งเป็น Qualcomm Snapdragon 695 5G ซึ่งถึงจะเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้รวดเร็วผ่านเครือข่ายไร้สายล่าสุดและใช้งานได้โดยไม่มีปัญหาและพอร์ตยังเป็น USB-C 2.0 เท่านั้น หากเป็นเวอร์ชั่น 3.0 จะได้ต่อหน้าจอแยกเพิ่มแล้วใช้งานได้สะดวกขึ้น
ข้อดีของ Samsung Galaxy Tab A9+
- มีโหมด Samsung DeX กดเพื่อเปลี่ยนจากโหมดแท็บเล็ตเป็นโน๊ตบุ๊กได้
- มีช่องต่อหูฟัง 3.5 มม. ติดมาให้เผื่อใช้ประชุมงานออนไลน์ ดูวิดีโอ หรือฟังเพลง
- มีรุ่น Wi-Fi กับ 5G ให้เลือกซื้อใช้ได้ตามรูปแบบการใช้งาน
- รุ่น 5G มีช่องสำหรับใส่ SIM ใช้รับสาย โทรออก รับ SMS และ OTP ได้
- ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ 11 นิ้ว ความละเอียด WUXGA แสดงภาพได้คมชัด
- ค่า Refresh Rate หน้าจอสูงถึง 90Hz แสดงผลภาพได้ลื่นไหลต่อเนื่อง
- ใส่ MicroSD Card เพิ่มความจุสำหรับเก็บข้อมูลในเครื่องได้มากสุด 1TB
- ติดตั้งลำโพงมา 4 ตัว รองรับเสียงแบบ Dolby Atmos ให้เสียงกังวาลมีมิติ
ข้อสังเกตของ Samsung Galaxy Tab A9+
- ชิปเซ็ต Snapdragon 695 5G แม้จะทำงานได้ดี แต่ถ้าได้ Snapdragon 720G จะดีกว่า
- พอร์ต USB-C ยังเป็นเวอร์ชั่น 2.0 ถ้าได้เป็นเวอร์ชั่น 3.0 จะรับส่งข้อมูลได้เร็วขึ้น
รีวิว Samsung Galaxy Tab A9+
Specification
Samsung Galaxy Tab A9+ เป็นแท็บเล็ตจอใหญ่ราคาประหยัดพร้อมฟีเจอร์อย่าง Samsung DeX เปลี่ยนแท็บเล็ตเป็นโน๊ตบุ๊กใช้ทำงานได้สะดวกหรือจะใช้เพื่อความบันเทิงก็ได้ สำหรับรายละเอียดสเปกมีดังนี้
Display | 11″ WUXGA (1920*1200) TFT LCD Refresh Rate 90Hz |
Chipset | Qualcomm Snapdragon 695 5G |
Memory | RAM 8GB ROM 128GB เพิ่ม MicroSD Card ได้มากสุด 1TB |
Operating System | One UI 5.1.1 พัฒนาจาก Android 13 Knox version 3.9 |
Camera | Front : 5 ล้านพิกเซล Rear : 8 ล้านพิกเซล |
Connectivity | USB-C 2.0 Audio combo Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac Bluetooth 5.1 GPS Supportation : GPS, Glonass, Beidou, Galileo, QZSS |
Battery | 7,040mAh |
Speaker | ลำโพง 4 ดอก กำลังขับดอกละ 1.2 วัตต์ รองรับ Dolby Atmos |
Weight | 480 กรัม |
Price | Wi-Fi : 8,990 บาท ลิงก์สั่งซื้อ 5G : 10,990 บาท ลิงก์สั่งซื้อ |
Design
ปกติแล้วแท็บเล็ตส่วนใหญ่จะดีไซน์เน้นใช้งานแนวตั้ง แต่ Samsung Galaxy Tab A9+ จะเน้นแนวนอนเป็นหลัก ซึ่งถ้าวางเครื่องในแนวนอนเอาปุ่ม Volume หันขึ้นข้างบนแล้วกล้องหน้าจะอยู่ตรงกลางขอบบนเครื่องพอดี ขอบเครื่องสีดำทุกด้านจะหนาเท่ากันหมดโดยมีขอบหนาราว 1 เซนติเมตรเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เอาไว้รอบตัวทั้งพอร์ต USB-C, ลำโพงและช่องใส่ MicroSD Card และ SIM ติดอยู่ตามขอบส่วนต่างๆ
สีของ Galaxy Tab A9+ จะมีให้เลือกทั้งหมด 2 สี คือ น้ำเงิน (ในภาพ) และสีเงินให้เลือก ทำบอดี้เป็นแบบทูโทนแบ่งเป็นสีโทนเข้มตัดด้วยโทนสว่างตรงขอบเครื่องแถบเดียวกับกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ฝั่งตรงข้ามกันจะสกรีนโลโก้บริษัทเอาไว้เป็นตัวอักษรโทนสีเทา เนื้อสัมผัสฝาหลังเป็นแบบด้าน จับถนัดมือไม่ลื่นหลุดง่าย
ด้านน้ำหนัก 484 กรัม ต่างจากตัวเลขเคลมสเปคเอาไว้ 4 กรัมเท่านั้น แถมทางบริษัทยังดีไซน์กระจายน้ำหนักมาได้ค่อนข้างดี จับถือใช้งานได้สะดวกไม่เมื่อยง่าย ทำให้อ่านหนังสือได้นานพอควรซึ่งถ้าใครเดินทางด้วยรถไฟฟ้าไปกลับระหว่างบ้านและบริษัทก็ใช้ได้ไม่มีปัญหา แถมทาง Samsung ยังมี Galaxy Tab A9+ Book Cover ราคา 1,390 บาทเพื่อป้องกันรอยและอุบัติเหตุได้ระดับหนึ่ง นอกจากนี้ปกเคสยังพับเป็นขาตั้งไว้วางเครื่องในแนวตั้งหรือนอนได้สะดวกยิ่งกว่าเดิม
Connectivity
พอร์ตและการเชื่อมต่อของตัวเครื่องจะติดอยู่ 2 ฝั่งด้วยกัน ได้แก่ พอร์ต USB-C และ Audio combo ตรงขอบล่างของตัวเครื่อง ฝั่งซ้ายมือมีช่องใส่ MicroSD Card และ SIM ในรุ่น 5G กับ Smart Connector ไว้เชื่อมต่อกับเคสเฉพาะตัวได้ ฝั่งขวาจะมีช่องไมค์ตัดเสียงรบกวน, ปุ่ม Volume และ Power ไว้ล็อคหน้าจอติดมาให้ใช้งาน
ลำโพงของ Galaxy Tab A9+ จะติดเอาไว้ขอบเครื่องสองฝั่งเป็น Quad Speaker กำลังขับดอกละ 1.2 วัตต์ รองรับ Dolby Atmos ซึ่งถ้าเป็นรุ่น Galaxy Tab A9 ธรรมดาจะเป็นลำโพง Dual Speaker เท่านั้น หากใครเน้นใช้แท็บเล็ตดูหนังฟังเพลงแนะนำให้เลือกซื้อ Galaxy Tab A9+ จะได้ลำโพงเสียงดีกว่าอย่างแน่นอน
เสียงจากลำโพง Dolby Atmos ถือว่ามีมิติค่อนข้างดี โทนเสียงก้องกังวาลและเนื้อเสียงของเบสถือว่าฟังเพราะพอสมควร จะเด่นเป็นพิเศษเวลาใช้ดูคลิปและสตรีมมิ่งต่างๆ ถ้าเอาไว้ฟังเพลงก็เสียงดีไม่เลว สเตจเสียงกว้างและเบสแน่นฟังเพลงสนุก แต่เสียงเครื่องดนตรีจะไม่ถึงกับใสและแยกเสียงได้ว่ามาจากเครื่องไหน ดังนั้นจึงเหมาะกับเพลงยุคใหม่ๆ อย่าง EDM หรือร็อคเป็นหลัก
จุดที่ชื่นชอบเป็นพิเศษของ Samsung Galaxy Tab A9+ คือทางบริษัทใส่โหมด Samsung DeX มาให้ใช้งานเช่นเดียวกับแท็บเล็ตรุ่นอื่นในเครือ เมื่อเปิดโหมดนี้แล้วหน้า UI จะเปลี่ยนจากแบบแท็บเล็ตเป็นหน้า Desktop แบบคอมพิวเตอร์ในทันที ไม่ว่าจะเรียงแอปฯ ไว้มุมบนซ้ายของหน้าจอ, มีปุ่มรวมแอปฯ ตรงมุมซ้ายล่าง ถัดมาเป็นแถบ System Navigations แบบ 3 Buttons ทั้ง Recent apps, Home, Back และยังเรียกแอปฯ ที่ปักหมุดเอาไว้ตรงแถบด้านล่างขึ้นมาใช้งานได้โดยง่าย ฝั่งขวาจะเป็น Taskbar เหมือนคอมพิวเตอร์ไม่มีผิด
การแสดงผลแอปฯ ต่างๆ จะเปลี่ยนไปจากปกติจาก Full Screen จะเปลี่ยนเป็น Window mode แทน ทำให้เราเปิดเบราว์เซอร์เข้าเว็บที่ต้องการหลายแท็บแล้วกดสลับไปมาหรือจะเปิดโปรแกรมไหนควบคู่กันก็ทำได้ และบางโปรแกรมอย่าง Google Chrome เมื่อปิดโหมด Samsung DeX ทิ้งไปก็จะคงหน้าเว็บไซต์เอาไว้มาใช้ในโหมดแท็บเล็ตต่อได้ทันที จึงใช้งานได้ต่อเนื่องมาก
Performance
ระบบปฏิบัติการของ Samsung Galaxy Tab A9+ จะรันด้วย One UI 5.1.1 ซึ่งพัฒนาจาก Android 13 และยังได้อัปเดตแอนดรอยด์เป็นเวอร์ชั่นใหม่พร้อมแพทช์รักษาความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องอีกหลายปี ใช้งานได้อย่างสบายใจแน่นอน
สำหรับชิปเซ็ตในเครื่องติดตั้ง Qualcomm Snapdragon 695 5G เป็นชิปเซ็ตแบบ 8 คอร์ (Octa-core) แบ่งเป็น 2 Clusters คือเป็นคอร์ประสิทธิภาพสูง ARM Cortex-A78 แบบ Dual-core กับคอร์ประหยัดพลังงาน ARM Cortex-A55 แบบ Hexa-core จึงใช้งานทั่วไปได้ดีระดับหนึ่ง จีพียูเป็น Adreno 619 ไว้ใช้ประมวลผลกราฟิกและเล่นเกมทั่วไปอย่าง RoV ได้แน่นอน
เมื่อรันทดสอบด้วยโปรแกรม 3DMark Wild Life จะได้คะแนนรวม 1,216 คะแนน เทียบจากกราฟจะเห็นว่าชิป Snapdragon 695 5G จะทำคะแนนได้ไล่เลี่ยกับชิปเซ็ตของสมาร์ทโฟนราคาคุ้มค่าทั่วไปในท้องตลาด ณ ตอนนี้ กล่าวคือมีประสิทธิภาพดีพอใช้เล่นเกมทั่วไปอย่างแนว Tower Defense รวมถึงใช้งานทั่วไปอย่างดูหนังฟังเพลง, เปิดเว็บไซต์ได้ดี แถมจัดการอุณหภูมิภายในเครื่องได้น่าประทับใจ ถือใช้ต่อเนื่องได้นานไม่ร้อนมือแน่นอน
คะแนนจาก Geekbench 6 จะได้คะแนน Single-Core 916 คะแนน ส่วน Multi-Core ขึ้นไปถึง 1,957 คะแนน เทียบแล้วก็ไล่เลี่ยกับสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงราว 3 ปีก่อนซึ่งไม่ถือว่าแย่ แต่ต้องยอมรับว่าแอปฯ ต่างๆ ในปัจจุบันก็กินทรัพยากรเครื่องมากขึ้นหลายเท่า จึงทำให้ชิปเซ็ตตัวนี้อยู่ในระดับพอใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันได้เท่านั้น
User Experience
แม้ Samsung Galaxy Tab A9+ วางตัวเป็นแท็บเล็ตราคาประหยัดสำหรับการใช้งานทั่วไปอย่างดูหนังฟังเพลง, เปิดเว็บไซต์อ่านข่าวหรือบทความได้ยังใช้โทรศัพท์เวลาจำเป็นได้ด้วย เพราะแบตเตอรี่ตอนใช้งานจริงถือว่าทนทานใช้ได้ทั้งวันไม่ว่าวันนั้นจะใช้งานหนัก ดูซีรีส์หลายตอนผสมกับการเปิดเบราว์เซอร์ดูข้อมูล อ่านหนังสือไปพลางๆ ก็ไม่มีปัญหา ซึ่งแบตเตอรี่จะเหลือไม่ต่ำกว่า 20% เลย
สิ่งที่ชอบ คือขนาดหน้าจอ 11 นิ้ว ความละเอียด WUXGA ค่า Refresh Rate 90Hz ทำงานได้เป็นอย่างดี โดยหน้าจอจะตั้งค่าจากโรงงานมาเป็นแบบ Adaptive ปรับค่า Refresh Rate ให้เหมาะกับแต่ละแอปฯ แต่ก็เปลี่ยนเป็น 60Hz ตามปกติใน Settings ก็ได้ และขนาดของ Galaxy Tab A9+ เองก็ใหญ่ไล่เลี่ยกับกระดาษ A4 ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานในชีวิตประจำวัน ทำให้ขนาดตัวอักษรของนิยายหรือภาพตอนอ่านการ์ตูนเห็นได้เต็มตา แถมทาง Samsung ก็จัดเรียงบาลานซ์น้ำหนักของชิ้นส่วนภายในได้ดีแถมหนักแค่ 484 กรัม เวลาถือใช้งานนานๆ ก็ไม่เมื่อยมือเลย แต่ให้ดีแนะนำให้ซื้อเคส Galaxy Tab A9+ Book Cover มาใส่เครื่องอีกหน่อยจะช่วยป้องกันตัวเครื่องได้ดีขึ้น
การเพิ่มโหมด Samsung DeX เข้ามาใน Samsung Galaxy Tab A9+ ถือเป็นเรื่องดี เพราะตอนใช้งานในโหมดแท็บเล็ตตามปกติแม้จะสะดวก แต่ตัวแอปฯ มักชิงหน้าจอทั้งหมดของแท็บเล็ตไปใช้งานเลย กลับกันโหมด DeX จะทำให้แต่ละแอปฯ แยกเปิดเป็นหน้าต่างของใครของมันแล้วสามารถกดสลับใช้งานไปมาได้ง่าย ตัวแอปฯ ที่ปักหมุดเอาไว้ก็จะมาอยู่ตรงแถบ Taskbar ด้านล่างทั้งหมดและแถบตั้งค่าจะอยู่มุมขวาเหมือนคอมพิวเตอร์ไม่มีผิด เสริมด้วยปุ่ม Screen Capture โดยเฉพาะอีกปุ่มด้วย ส่วน System Navigation หรือปุ่ม Recent, Home, Back จะย้ายมาอยู่ฝั่งซ้ายติดกับ App Drawer แทน เรียกว่าเห็นหน้าก็ใช้งานเป็นแทบจะในทันที แนะนำว่าหาคีย์บอร์ด Bluetooth ติดกระเป๋าเอาไว้สักตัวจะทำงานได้อย่างมีความสุขขึ้นหลายเท่า
กลับกันหน้าจอของ Galaxy Tab A9+ แบบ TFT LCD จะมีอาการจอระยับเกิดเงาเล็กน้อยตามสไตล์พาเนลจอประเภทนี้ เวลาเหลือบมองหรือติดแขนจับแท็บเล็ตนอนดูหนังบนเตียง ถ้าหันไม่ได้มุมจะดูไม่ค่อยสบายตาอย่างที่ควร ถึงจะไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่แต่ก็สร้างความรำคาญอยู่บ้าง ซึ่งเลี่ยงไม่ได้แต่ก็แก้ปัญหาไม่ยากนัก
และถึงจะใช้งานทั่วไปได้ดี แต่ Samsung Galaxy Tab A9+ จะเล่นเกมกินกราฟิกหนัก เช่น Honkai: Star Rail ได้ไม่ลื่นไหลนัก ตอนโหลดเกมมาทดลองเล่นแล้วตัวแท็บเล็ตจะปรับกราฟิกได้เพียงระดับต่ำสุดและควรล็อคเอาไว้ 30 Fps เท่านั้นถึงจะเล่นได้ลื่นไหล เมื่อตอนปรับไป 60 Fps นอกจากภาพจะไม่ลื่นไหลตัวเครื่องจะหน่วงจนเล่นเกมไม่สนุกแน่นอน กลับกันถ้าหยิบมาเล่น RoV หรือเกมทั่วไปอื่นถือว่าเล่นได้สบายๆ ไม่มีปัญหา
Conclusion
Samsung Galaxy Tab A9+ เป็นแท็บเล็ตกลุ่มราคาประหยัดแต่คุณภาพและลูกเล่นจัดว่าดีไม่น้อยหน้ารุ่นราคาหมื่นกลางเลย จะหาเอาไว้ใช้คู่กับโน๊ตบุ๊กเป็นตัวเสริมสำหรับอ่านเอกสารและเผื่อหยิบออกมาประชุมออนไลน์ได้ง่ายๆ ในวันหยุดแล้วเปลี่ยนโหมดเป็นพีซีด้วย Samsung DeX ทำงานแบบเร่งด่วนได้ง่ายๆ แถมเจ้าแท็บเล็ตตัวนี้ยังรองรับ 5G เอาไว้รับ SMS และ OTP รวมถึงใช้ทำธุรกรรมทางการเงินผ่านแอปฯ ธนาคารต่างๆ ใช้โทรศัพท์ในยามจำเป็นได้ ดังนั้นถ้าคุณพ่อคุณแม่คนไหนคิดว่าสมาร์ทโฟนจอเล็กมองไม่ถนัดแล้ว จะใช้แท็บเล็ตเป็นมือถือในเครื่องเดียว เจ้า Galaxy Tab A9+ ตอบโจทย์แน่นอน