โปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra และโปรเซสเซอร์ Intel Xeon เจนเนอเรชั่น 5 รุกขยายขุมพลังพอร์ตโฟลิโอ AI ของอินเทลแบบที่ไม่มีใครทัดเทียม ที่จะนำพา AI แทรกซึมไปสู่ทุกที่
ในงาน “AI Everywhere” ที่จัดขึ้นที่นครนิวยอร์กเมื่อวานนี้อินเทลได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ขุมพลัง AI ที่เหนือชั้นเพื่อให้สามารถใช้งานโซลูชัน AI ของลูกค้าได้ทุกที่ ครอบคลุมทั้งศูนย์ข้อมูล คลาวด์ เครือข่าย และพีซี
ประเด็นข่าวสำคัญ
- ตระกูลโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel® Core™ Ultra เป็นโปรเซสเซอร์ตัวแรกที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีการประมวลผล Intel 4 และยังเป็นโปรเซสเซอร์ตัวแรกที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงทางสถาปัตยกรรมครั้งใหญ่ที่สุดของอินเทลในรอบ 40 ปี ซึ่งจะเป็นไคลเอ็นต์โปรเซสเซอร์ที่ประหยัดพลังงานสูงสุดของอินเทลและเปิดทางสู่ยุคแห่ง “AI PC” หรือ “คอมพิวเตอร์ AI”
- ตระกูลโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® เจนเนอเรชั่น 5 ถูกสร้างขึ้นด้วยชิปเร่งความเร็ว AI ในทุกคอร์ นำความล้ำหน้ามาสู่ AI และประสิทธิภาพโดยรวม อีกทั้งยังลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) อีกด้วย
- นายแพท เกลซิงเกอร์ CEO ของอินเทลสาธิตการใช้งานชิปเร่งความเร็ว AI Intel® Gaudi®3 ที่จะเปิดตัวในปีหน้าเป็นครั้งแรก
นายแพท เกลซิงเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอินเทล กล่าวว่า “นวัตกรรม AI จะเพิ่มพูนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลได้สูงสุดถึงหนึ่งในสามของ Gross Domestic Product 1 (GDP) ทั่วโลก เช่นเดียวกับที่อินเทลกำลังพัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชันที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถบูรณาการและใช้งาน AI ในแอปพลิเคชันได้อย่างไร้รอยต่อ ทั้งในระบบคลาวด์ พีซี และในเอดจ์ที่เป็นระบบสร้างข้อมูลและใช้งานได้เพิ่มมากขึ้น”
แพท เกลซิงเกอร์ยังเน้นถึงขอบเขตอันกว้างขวางของอินเทลในด้าน AI ที่ครอบคลุมทั้งคลาวด์และเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กร ตลอดจนไคลเอ็นต์หรือเครื่องลูกข่ายจำนวนมากและสภาพแวดล้อมที่มีการใช้งานเอดจ์อย่างแพร่หลาย พร้อมเสริมว่าอินเทลกำลังดำเนินการเพื่อส่งมอบโหนดเทคโนโลยีกระบวนการใหม่อีก 5 โหนดภายในสี่ปีนี้
“อินเทลกำลังเดินหน้าตามพันธกิจเพื่อนำ AI แทรกซึมไปสู่ทุกที่ผ่านแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ พร้อมกับโซลูชันที่ปลอดภัย และการสนับสนุนสำหรับระบบนิเวศแบบเปิด พอร์ตโฟลิโอ AI ของอินเทลแข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วยการเปิดตัว Intel Core Ultra ในวันนี้ ซึ่งนับว่าเป็นการเปิดประตูสู่ยุคของคอมพิวเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และ โปรเซสเซอร์ Xeon เจนเนอเรชั่น 5 ที่ผสานพลัง AI สำหรับองค์กร” แพท เกลซิงเกอร์ กล่าวเสริม
Intel Core Ultra ขับเคลื่อนพลัง AI บน PC พร้อมพลิกโฉมแอปพลิเคชันไปสู่อีกระดับ
โปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงทางสถาปัตยกรรมที่ใหญ่ที่สุดของอินเทลในรอบ 40 ปี และนับว่าเป็นการเปิดตัวของ AI บน PC ที่มาพร้อมนวัตกรรมที่มอบประสิทธิภาพรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น การประมวลผลกลาง (CPU), กราฟิก, พลังงาน, ความจุแบตเตอรี่ และฟีเจอร์ AI ตัวใหม่ ๆ การนำเทคโนโลยี AI เข้ามาขับเคลื่อน PC ทำให้นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงประสบการณ์การใช้งาน PC ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี นับตั้งแต่อินเทลได้เปิดตัว Intel® Centrino® ที่ทำให้แล็ปท็อปสามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ทุกที่
Intel Core Ultra ถือว่าเป็นโปรเซสเซอร์ตระกูลแรกของอินเทลที่ใส่ชิปสำหรับการใช้งานกับระบบ AI หรือ AI Accelerator มาให้เป็นครั้งแรก โดยอินเทลเรียกชิปส่วนนี้ว่า Neural Processing Unit (NPU) หรือ หน่วยประมวลผลแบบโครงข่ายประสาท เพื่อให้สามารถเร่งการประมวลผลด้วย AI ที่ประหยัดพลังงาน พร้อมให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีขึ้นถึง 2.5 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน2 นอกจากนี้ GPU ระดับโลก และ CPU ชั้นนำของ Intel Core Ultra ก็ยังสามารถเร่งการประมวลผลของโซลูชัน AI ได้เช่นกัน
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อินเทลได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรอย่างใกล้ชิดกับผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์มากกว่า 100 ราย เพื่อนำแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI หลายร้อยรายการมาสู่ตลาด PC โดยเป็นแอปพลิเคชันที่สร้างสรรค์ มีประสิทธิภาพ และมอบความบันเทิงมากมาย พร้อมพลิกโฉมประสบการณ์ PC ให้ไม่เหมือนเดิม อีกทั้ง สำหรับลูกค้าทั่วไปและลูกค้าเชิงพาณิชย์ ยังสามารถใช้งานชุดแอปพลิเคชันที่พัฒนาโดย AI ที่มีขนาดใหญ่และครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งจะทำงานได้ดีบนโปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับแพลตฟอร์มของคู่แข่ง เช่น นักผลิตคอนเทนต์ที่ใช้โปรแกรม Adobe Premier Pro จะได้รับประสิทธิภาพที่ดีขึ้น 40% เมื่อเทียบกับคู่แข่ง3
AI PC หรือ คอมพิวเตอร์ AI ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra ได้เริ่มวางจำหน่ายแล้วในร้านตัวแทนจำหน่ายบางแห่งในสหรัฐอเมริกาในช่วงเทศกาลวันหยุด และในปีถัดไป Intel Core Ultra จะนำ AI ไปใช้งานในโน้ตบุ๊กและ PC มากกว่า 230 รุ่นจากผู้ผลิตทั่วโลก โดยคอมพิวเตอร์ AI จะครองสัดส่วน 80% ของตลาด PC ภายในปี 25714 และจะนำเครื่องมือใหม่ ๆ มาสู่วิถีการทำงาน การเรียนรู้ และการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ของเรา
โปรเซสเซอร์ Xeon ตัวใหม่มอบขุมพลัง AI เหนือชั้นไปยังศูนย์กลางข้อมูล คลาวด์ เครือข่าย และเอดจ์
โปรเซสเซอร์ตระกูล Intel Xeon เจนเนอเรชั่น 5 ที่เปิดตัววันนี้ นำมาซึ่งความก้าวหน้าครั้งสำคัญ ทั้งในด้านสมรรถนะและประสิทธิภาพในการใช้งาน5 เมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์รุ่นก่อนหน้า โปรเซสเซอร์ Xeon เจนเนอเรชั่น 5 นี้มอบประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 21% สำหรับการประมวลผลทั่วไป และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยเฉลี่ยสูงขึ้น 36% ต่อวัตต์ ครอบคลุมปริมาณเวิร์กโหลดที่หลากหลายของลูกค้า7 นอกจากนี้ ลูกค้าที่อัปเกรดระบบเป็นประจำทุก ๆ ห้าปี และอัปเกรดจากโปรเซสเซอร์รุ่นเก่าก็สามารถลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) ได้มากถึง 77%8
Xeon เป็นโปรเซสเซอร์ศูนย์ข้อมูลหลักเพียงตัวเดียวที่มีชิปเร่งความเร็วที่มีการฝังระบบ AI โดย Xeon เจนเนอเรชั่น 5 ตัวใหม่นี้สามารถให้การอนุมานมีประสิทธิภาพสูงขึ้นถึง 42% และการปรับแต่งอย่างละเอียดในโมเดลที่มีขนาดใหญ่ถึง 2 หมื่นล้านพารามิเตอร์ 9 นอกจากนี้ยังเป็น CPU ตัวเดียวที่มีชุดการฝึกอบรม MLPerf และผลการวัดประสิทธิภาพการอนุมานที่สม่ำเสมอและปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา
ชิปเร่งความเร็วที่มีการฝั่งระบบ AI ของโปรเซสเซอร์ Xeon มาพร้อมกับซอฟแวร์ที่ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมและความสามารถของ Telemetry (การวัดและส่งข้อมูลทางไกล) ที่ได้ถูกพัฒนาขึ้น ช่วยให้การใช้งานของเครือข่ายที่มีความต้องการสูงและเวิร์กโหลดเอดจ์สามารถจัดการได้และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตั้งแต่ผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร เครือข่ายการจัดส่งเนื้อหา การตลาดแนวตั้งที่หลากหลาย ตลอดจนการค้าปลีก การแพทย์ และการผลิต
ในระหว่างการทดสอบ10 ภายในงาน IBM ประกาศว่าโปรเซสเซอร์ Intel Xeon เจนเนอเรชั่น 5 มีอัตราการสืบค้นที่ดีขึ้นถึง 2.7 เท่าบนแพลตฟอร์ม watsonx.data เมื่อเปรียบเทียบกับโปรเซสเซอร์ Xeon รุ่นก่อนหน้า ทำให้แพลตฟอร์มคลาวด์ที่มีการวางแผนจะปรับใช้โปรเซสเซอร์ Xeon เจนเนอเรชั่น 5 ในปีหน้า โดย Google Cloud ระบุว่า Palo Alto Networks บริษัทผู้บุกเบิกการรักษาความปลอดภัย ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพ 2 เท่าในโมเดลการเรียนรู้เชิงลึกด้านการตรวจจับภัยคุกคาม ด้วยการใช้ชิปเร่งความเร็วภายในตัวโปรเซสเซอร์ Xeon เจนเนอเรชั่น 4 ผ่านแพลตฟอร์ม Google Cloud และสตูดิโอเกมอินดี้ Gallium Studios ก็หันมาใช้แพลตฟอร์ม AI ของ Numenta ที่ทำงานบนโปรเซสเซอร์ Xeon เพื่อให้ประสิทธิภาพการอนุมานได้รับการปรับปรุงมากกว่าอินสแตนซ์คลาวด์ที่ใช้ GPU ถึง 6.5 เท่า ซึ่งช่วยประหยัดต้นทุนและลดเวลาแฝงในเกมที่ใช้ AI อย่าง Proxi 11 อีกด้วย
ศักยภาพเหล่านี้จะช่วยปลดล็อกความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ของ AI ขั้นสูง โดยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในศูนย์ข้อมูลและคลาวด์เท่านั้น แต่ยังขยายไปยังเครือข่ายและแอปพลิเคชันเอดจ์ทั่วโลก
ทุกที่ ทุกโอกาส กับกลไกตัวเร่งความเร็วและโซลูชัน AI ที่นักพัฒนาต้องการ
โปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra และ Xeon เจนเนอเรชัน 5 จะพาผู้ใช้ไปพบกับสถานที่ต่าง ๆ ที่คาดไม่ถึง ลองนึกภาพว่าคุณไปร้านอาหารที่สามารถแนะนำอาหารตามงบประมาณที่คุณมีและตรงกับความต้องการของคุณ หรือว่าจะเป็นพื้นที่การผลิตที่สามารถเข้าถึงปัญหาด้านคุณภาพและความปลอดภัยได้ตั้งแต่ต้นทาง รวมถึงด้านการแพทย์ เช่น การอัลตราซาวนด์ที่ละเอียดสามารถระบุสิ่งที่มนุษย์อาจพลาดได้ หรือแม้แต่โครงข่ายไฟฟ้าที่บริหารจัดการด้านไฟฟ้าได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
การประมวลผลข้อมูลแบบ Edge Computing เหล่านี้เป็นกลุ่มการประมวลผลที่เติบโตเร็วที่สุด ซึ่งคาดว่าจะเติบโตโดยมีมูลค่าในตลาดโลกสูงถึง 4.45 แสนล้านดอลลาร์ภายในปลายทศวรรษนี้ และ AI จะเป็นเวิร์กโหลดที่เติบโตเร็วที่สุด ขณะที่อุปกรณ์เอดจ์และไคลเอ็นต์กำลังผลักดันความต้องการในการอนุมานมากกว่าศูนย์ข้อมูล12 แบบเดิมถึง 1.4 เท่า
และในหลายกรณี ลูกค้าจะใช้การผสมผสานโซลูชัน AI ที่หลากหลาย เช่น Zoom แพลตฟอร์มการสื่อสารและการทำงานร่วมกันยอดนิยม ที่มีการรันเวิร์กโหลดแบบ AI บนระบบไคลเอนต์ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core และโซลูชันคลาวด์ที่ใช้ Intel Xeon ภายในแพลตฟอร์มการสื่อสารและการทำงานร่วมกันแบบออลอินวันเพื่อมอบประสบการณ์แก่ผู้ใช้งานและต้นทุนที่ดีที่สุด โดย Zoom มีการใช้ AI ช่วยกำจัดเสียงสุนัขที่เห่าในละแวกบ้านและเบลอฉากหลังโฮมออฟฟิศที่ดูระเกะระกะของผู้ใช้งาน และยังสามารถสรุปการประชุมและร่างอีเมลที่เกี่ยวข้องได้อีกด้วย
นอกจากนี้ อินเทลยังพยายามทำให้เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์แบบ AI สามารถเข้าถึงได้และใช้งานง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผ่านการสร้างตัวเร่งความเร็วในกรอบการทำงานแบบ AI ที่เหล่านักพัฒนาใช้ เช่น PyTorch และ TensorFlow และนำเสนอไลบรารีพื้นฐานผ่าน ชุดเครื่องมือ oneAPI เพื่อทำให้ซอฟต์แวร์สามารถพกพาได้ง่ายและมีประสิทธิภาพสูงบนฮาร์ดแวร์ประเภทต่าง ๆ
โดยเครื่องมือขั้นสูงสำหรับนักพัฒนา อย่างชุดเครื่องมือของอินเทล ไม่ว่าจะเป็นชุดเครื่องมือ oneAPI และชุดเครื่องมือ OpenVINO ช่วยให้นักพัฒนาสามารถควบคุมตัวเร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์สำหรับเวิร์กโหลดและโซลูชันแบบ AI อีกทั้งช่วยสร้างโมเดล AI ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมปรับให้เหมาะสมเพื่อประสิทธิภาพ และปรับใช้ได้ในเป้าหมายการอนุมานที่หลากหลาย
แอบส่อง ชิปเร่งความเร็วฮาร์ดแวร์ Intel Gaudi®3 AI Accelerator
นายแพทกล่าวสรุปโดยเผยความคืบหน้าของตัวเร่งความเร็วฮาร์ดแวร์ Intel Gaudi®3 พร้อมแสดงตัวอย่างชิปเร่งความเร็ว AI เจนเนอเรชั่นถัดไปที่ออกแบบมาเพื่อการเรียนรู้เชิงลึกและโมเดล Generative AI ขนาดใหญ่ที่จะเปิดตัวในปีหน้าเป็นครั้งแรก และเผยอีกว่า อินเทลยังเล็งเห็นการขยายตัวอย่างรวดเร็วของการพัฒนาและกระบวนการผลิตของตัวเร่ง Gaudi เนื่องจากความได้เปรียบด้านประสิทธิภาพที่ได้รับการพิสูจน์จากตัวเร่ง AI ควบคู่ไปกับต้นทุนการเป็นเจ้าของ (TCO) และราคาที่มีการแข่งขันสูงได้ในท้องตลาด และความต้องการที่เพิ่มขึ้นของโซลูชัน Generative AI จึงทำให้อินเทลคาดว่าจะคว้าส่วนแบ่งของตลาดตัวเร่งความเร็วในปี 2567 ด้วยชุดเร่งความเร็ว AI ที่นำโดย Gaudi ได้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ อินเทลกำลังร่วมมืออย่างแข็งขันกับพันธมิตรและระบบนิเวศที่หลากหลาย เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อนโดยการประสานประสิทธิภาพของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้เข้าถึงได้ทุกที่ และครอบคลุมการใช้งานทุกจุด