โมบายล์โปรเซสเซอร์ Core Ultra รุ่นใหม่ล่าสุดของอินเทล ใช้ประโยชน์จากความสามารถของ AI ในระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันต่าง ๆ เพื่อมอบประสิทธิภาพการประมวลผลให้กับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลซึ่งเป็นหัวใจหลักของ AI PC
ประเด็นสำคัญ: อินเทล เปิดตัวโมบายล์โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra วันนี้ในงาน “AI Everywhere” นับว่าเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของขุมพลังโปรเซสเซอร์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการประมวลผลระดับโลกและประสิทธิภาพด้านกราฟิก พร้อมให้ประสบการณ์ด้าน AI PC (ปัญญาประดิษฐ์บนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล) ที่ดีที่สุด1 ไปยังแพลตฟอร์มโมบายล์ตลอดจนเทคโนโลยี Edge นอกจากนี้ โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ยังช่วยขับเคลื่อน AI PC รุ่นแรก ๆ ของโลกมากกว่า 230 รุ่นจากแบรนด์ต่าง ๆ มากมาย อาทิ Acer, ASUS, Dell, Dynabook, Google Chromebook, HP, Lenovo, LG, Microsoft Surface, MSI และ Samsung ซึ่งพร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ร้านไอทีชั้นนำทั่วโลกรวมถึงช่องทางออนไลน์
“การเปิดตัว Intel Core Ultra แสดงให้เห็นถึงความเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้/เท่าในการประยุกต์ใช้ AI ใน PC ของอินเทล และภายในปี 2571 AI PC จะครองสัดส่วนกว่า 80% ของตลาดพีซี2 ซึ่งเมื่อร่วมมือกับระบบนิเวศที่กว้างขวางของพันธมิตรด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของเราแล้ว อินเทลจะยังคงเป็นผู้นำของโลกยุคใหม่ในด้านเทคโนโลยีการประมวลผล” มิเชล จอห์นสตัน โฮลท์เฮาส์ (Michelle Johnston Holthaus) รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไป ฝ่าย Client Computing Group ของอินเทล กล่าว
ทำไมถึงสำคัญ : ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน การสตรีมมิ่ง การเล่นเกม หรือการสร้างสรรค์ผลงาน ผู้ใช้งานต่างมองหาประสิทธิภาพ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่มากขึ้น และพร้อมใช้ประโยชน์จากความสามารถของ AI ที่มีอยู่ในระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันเพื่อช่วยในการประมวลผล ทำให้การใช้งาน AI ใน PC / ทำให้ AI PC กลายเป็นตัวแทนของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรุ่นใหม่ที่ตอบสนองความต้องการนี้ได้ เพราะด้วยความสามารถในการเร่งการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ (AI acceleration) เข้ากับหน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit: CPU) หน่วยประมวลผลกราฟิก (Graphics Processing Unit: GPU) และหน่วยประมวลผลข่ายประสาท (Neural Processing Unit: NPU) โมบายล์โปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra จึงเป็นโปรเซสเซอร์ที่รองรับความสามารถในการประมวลผลของปัญญาประดิษฐ์และช่วยประหยัดพลังงานมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของอินเทล
AI ใน PC มอบประสบการณ์ที่แข็งแกร่งพอ ๆ กับการใช้งานแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมเพื่อใช้ประโยชน์จากโปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra เพราะกว่า 100 บริษัทผู้พัฒนาระบบ (Independent Software Vendor: ISV) และกว่า 300 ฟีเจอร์ของกระบวนการเร่งการประมวลผล AI ที่อยู่ภายใต้โครงการ AI PC Acceleration ของอินเทล ต่างได้รับการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์/การปรับแต่งคุณสมบัติโดยเฉพาะสำหรับโปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra ซึ่งช่วยให้สามารถเข้าถึงแอปฯ และเฟรมเวิร์ก AI มากกว่าผู้จำหน่ายซิลิคอนคู่แข่งรายอื่น ๆ ถึง 3 เท่า3
นอกเหนือจากคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแล้ว โปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra ยังมอบความสามารถในกระบวนการเร่งปัญญาประดิษฐ์ที่ประหยัดพลังงานบนเทคโนโลยี Edge พร้อมสนับสนุนเวิร์กโหลดด้านการประมวลผลภาพที่มีเวิร์กโหลดสูง อีกทั้งยังช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมหลายด้านของตลาดแนวดิ่ง (Vertical Marketing System) อาทิ ด้านการแพทย์ การค้าปลีก และการผลิต เป็นต้น
ยกระดับอะไรบ้าง : Intel Core Ultra เป็นโปรเซสเซอร์ตัวแรกที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีการประมวลผล Intel 4 และถือเป็นการเปลี่ยนแปลงทางสถาปัตยกรรมที่ใหญ่ที่สุดของอินเทลในรอบ 40 ปี และยังมีการใช้เทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ขั้นสูงแบบ 3 มิติ ด้วยเทคโนโลยี Foveros ที่ช่วยให้ทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ขั้นสูงสามารถจับคู่กระบวนการระดับแนวหน้าในการเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับของขีดความสามารถ โปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra และช่วยยกระดับสถาปัตยกรรม Performance-core (P-core) ใหม่ โดยการปรับปรุงการตอบสนองต่อการรับสั่งต่อรอบของ IPC (Instructions Per Clock Cycle) อีกทั้ง สถาปัตยกรรม Efficient-core (E-core) และ Low-power Efficient-core (LP E-core) ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพแบบมัลติเธรดที่ปรับขนาดได้ ให้สูงเหนือคู่แข่งถึง 11% เพื่อมอบความเป็นผู้นำด้านการประมวลผล CPU สำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแบบ Ultra Slim4
นอกจากนี้ โปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra ยังมาพร้อมกับกราฟิก Intel® Arc™ GPU3 ที่มีจำนวนคอร์ในตัว Xe-core สูงสุดถึง 8 คอร์ และยกระดับประสบการณ์ด้วยการอัปสเกลที่เสริมประสิทธิภาพด้วย AI เพื่อมอบประสิทธิภาพที่มากขึ้นพร้อมภาพที่มีความเที่ยงตรงสูงด้วย Xe Super Sampling (XeSS) รวมถึงรองรับ DX12 Ultimate และเพิ่มประสิทธิภาพกราฟิกขึ้นสองเท่าจากรุ่นก่อนหน้า5 เคียงคู่ไปกับหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ที่มีการรองรับคุณสมบัติกราฟิกใหม่ อาทิ ฮาร์ดแวร์สำหรับประมวลผล Ray tracing, การแรเงาแบบตาข่าย, การเข้ารหัสและถอดรหัส AV1, HDMI 2.1 และ DisplayPort 2.1 20G
และสำหรับ Intel® AI Boost แบรนด์ใหม่ล่าสุดของหน่วยประมวลผลข่ายประสาท (NPU) ของอินเทลถูกสร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อรองรับเวิร์กโหลด AI ให้สามารถทำงานได้ยาวนานขึ้นด้วยการใช้พลังงานที่ต่ำ ขณะเดียวกัน ยังเน้นการทำงานของ AI บน CPU และ GPU เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งนับว่ามีประสิทธิภาพดีขึ้นถึง 2.5 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า6
คุณสมบัติอื่น ๆ ของตระกูลโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่:
- ปรับปรุงสถาปัตยกรรมให้สูงถึง 16 คอร์ (P-core จำนวน 6 คอร์, E-core จำนวน 8 คอร์ และ LP E-core จำนวน 2 คอร์), 22 เธรด และรองรับ Intel® Thread Director เจนเนอเรชั่นใหม่เพื่อการคำนวนเวิร์กโหลดที่เหมาะสมที่สุด
- เพิ่มความถี่เทอร์โบสูงสุด 1 กิกะเฮิร์ทซ์ (GHz)
- เพิ่มความจุหน่วยความจำ LP5/x สูงสุด 64 กิกะไบต์ (GB) และหน่วยความจำ DDR5 สูงสุด 96 กิกะไบต์ (GB)
- รองรับ เทคโนโลยีระบบไร้สาย รวมถึง ผลิตภัณฑ์ Intel® Wi-Fi 6E (Gig+) แบบในตัว และ ผลิตภัณฑ์ Intel® Wi-Fi 77 (5 Gig) แบบแยกเพื่อเพิ่มความเร็วของอุปกรณ์ในการใช้ความเร็วไร้สายระดับ Multi-Gigabit ในการรับส่งไปยังอุปกรณ์ปลายทางหลายจุดมากขึ้น เพื่อการเชื่อมต่อที่เชื่อถือได้และเสถียร
- ซอฟต์แวร์ Intel® Killer™ สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่ออัจฉริยะและการจัดลำดับความสำคัญของการรับส่งข้อมูลเครือข่ายสำหรับแอปพลิเคชันเกมเมอร์และแอปพลิเคชันสำหรับครีเอเตอร์
- ขยายความสามารถเทคโนโลยี Intel Bluetooth® LE Audio เพื่อประสบการณ์เสียงที่ยอดเยี่ยม มีความเที่ยงตรงสูง และใช้พลังงานต่ำ อีกทั้งยังรองรับความสามารถ Bluetooth® Auracast™ สำหรับการปรับแต่งเสียง การกระจายเสียง Personal Audio Sharing และการเข้าถึงเครื่องช่วยฟังที่ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นและระบบช่วยเหลือการฟังใหม่ ๆ อีกด้วย
- มอบความเร็วการเชื่อมต่อสูงสุด 40 กิกะบิตต่อวินาที (Gbps) ด้วยพอร์ต Thunderbolt™ 4 ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อพีซีกับจอภาพระดับ 4K พร้อมกันหลายจอ อีกทั้งมีการจัดเก็บข้อมูลที่รวดเร็ว และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ
- ชุดเครื่องมือ OpenVINO™ รองรับการเปลี่ยนแปลงโค้ดเพียงเล็กน้อยและการตรวจจับอุปกรณ์อัตโนมัติ เพิ่มประสิทธิภาพ AI โดยการกำหนดเส้นทางปริมาณงานไปยังกลไกประมวลผลที่เหมาะสม และปรับปรุงขั้นตอนการทำงานด้วย ONNX และ ONNX Runtime เพื่อการอนุมานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
สำหรับผลิตภัณฑ์แล็ปท็อป Intel Evo Edition ที่ขับเคลื่อนโดยโปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra: กลุ่มผลิตภัณฑ์แล็ปท็อปรุ่น Intel® Evo™ ยังคงมอบประสบการณ์การใช้งานโดยรวมที่ดีที่สุด8 ด้วยการมอบประสิทธิภาพการใช้งานที่ไร้ขีดจำกัดและการทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด รวมถึงการรองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่านแอปฯ Intel® Unison™ ซึ่ง Intel Evo รุ่นใหม่นี้ จะมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่และมีฟีเจอร์เด่น ดังนี้:
- ประสิทธิภาพและการตอบสนองที่เย็นกว่า เงียบกว่า
- ประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น ด้วยอายุการใช้งานกว่า 10+ ชั่วโมงเมื่อใช้งานจริงกับงานออกแบบที่มีความละเอียดสูงเต็มรูปแบบ9
- ระบบ Instant Wake และระบบชาร์จเร็ว (Fast Charging)
- ปรับปรุงเอฟเฟ็กต์วิดีโอ รวมถึง Windows Studio Effects
- กล้องคุณภาพสูงตามเกณฑ์การวัดของกล้อง VCX
- เชื่อมต่อกับโทรศัพท์และอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างไร้รอยต่อด้วย/อย่างไร้ขีดจำกัดด้วยฟีเจอร์สุดพรีเมียมของ Intel Unison
- ผ่านมาตรฐาน EPEAT สําหรับการออกแบบคอมพิวเตอร์ที่มีความรับผิดชอบและยั่งยืนอย่างน้อยใน ระดับ Silver
- รองรับซอฟต์แวร์ Intel® connectivity สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่ออัจฉริยะและการจัดลำดับความสำคัญการรับส่งข้อมูลเครือข่ายเพื่อประสิทธิภาพการทำงานมาตรฐาน การทำงานร่วมกัน และความบันเทิง
นอกจากนี้ยังมีโครงการ Engineered for Intel Evo ที่จะกําหนดคุณสมบัติของอุปกรณ์เสริมเพื่อช่วยให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์เสริมนั้นจะตรงตามข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพที่เข้มงวด เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่น โดยในปีนี้ โครงการได้ขยายความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ด้านอุปกรณ์ Bluetooth LE Audio, เครื่องช่วยฟัง, Thunderbolt docks, จอภาพ, อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล, ชุดหูฟัง Bluetooth, เมาส์, คีย์บอร์ด และตัวกระจายสัญญาณอีกด้วย
การจัดจำหน่าย: คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนโดยโมบายล์โปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra เริ่มวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ที่สร้างบนแพลตฟอร์ม Intel vPro® จะวางจำหน่ายในเร็ว ๆ นี้