AMD Ryzen 7 7800X3D เดสก์ท็อปซีพียูสถาปัตยกรรม AMD Zen 4 รุ่นใหม่ล่าสุดมีผลการทดสอบและรายละเอียดขึ้นมาบนเว็บไซต์ SiSoftware เว็บไซต์รวมผลและจัดอันดับการทดสอบชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ของสหราชอาณาจักรแล้ว โดยซีพียูตัวนี้เป็นรุ่นที่ 3 ในบรรดาซีพียู AMD รุ่นใหม่ที่มีรหัส X3D ตามท้ายและยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ (แต่มีข้อมูลขึ้นหน้าเว็บไซต์ของทาง AMD อย่างเป็นทางการแล้ว) คาดว่าเป็นเพราะตัวซีพียูมีดีไซน์ลักษณะเฉพาะพอควร
หากเทียบกับพี่ใหญ่อย่าง AMD Ryzen 9 7950X3D ที่มี 16 คอร์ 32 เธรด พร้อมซอฟท์แวร์อัลกอริธึ่มจัดการความเร็วและแคชในตัวซีพียูโดยเฉพาะแล้ว Ryzen 7 7800X3D นั้นดีไซน์เรียบง่ายกว่าเพราะเป็นชุดซีพียูแบบ 8 คอร์ 1 ชิ้น ประกบกับเลเยอร์ของ 3D V-Cache โดยตรง กล่าวคือ เป็นซีพียูพร้อมแคชปริมาณเยอะเป็นพิเศษเท่านั้น จึงไม่ต้องมีซอฟท์แวร์ดังกล่าวเสริมเข้ามา
มีผลทดสอบของ AMD Ryzen 7 7800X3D เทียบรุ่นพี่อย่าง Ryzen 7 5800X3D ขึ้นเว็บไซต์แล้ว!
เมื่อนักรีวิวทดสอบซีพียูเมื่อไหร่ข้อมูลย่อมหลุดขึ้นเว็บไซต์เป็นธรรมดา โดย Tom’s Hardware เว็บไซต์สื่อคอมพิวเตอร์ชื่อดังได้รายงานผลและเทียบการทดสอบกับซีพียู AMD Ryzen 7 7800X3D กับตระกูล AMD Ryzen 7000 Series ที่มีขายในปัจจุบันร่วมกับซีพียูสาย X3D รุ่นแรกในซ็อคเก็ต AM4 อย่าง AMD Ryzen 7 5800X3D เอาไว้ดังนี้
หากนำ Ryzen 7 7800X3D เป็นตัวตั้ง มันจะมีประสิทธิภาพสูงกว่า Ryzen 7 5800X3D ถึง 37.3% แต่ในบรรดา Ryzen 7 7000 Series ในตระกูล AM5 รุ่นใหม่ ประสิทธิภาพจะอยู่ระดับกลางในหมู่ซีพียูแบบ 8 คอร์ กล่าวคือแรงกว่า Ryzen 7 7700 เล็กน้อยราว 1% (395.07 GOPS กับ 389.4 GOPS) ตามหลัง Ryzen 7 7700X อยู่ราว 3% (395.07 GOPS กับ 418.78 GOPS)
จุดน่าสนใจ คือ AMD Ryzen 7 7800X3D จะเร่งความเร็วได้สูงสุด 5GHz ซึ่งน้อยสุดในบรรดา AMD Ryzen 7000 Series (ตามหลังรุ่นเริ่มต้นอย่าง Ryzen 7 7700 อยู่ 300MHz) และใช้พลังไฟมากสุดถึง 120 วัตต์ เทียบกับรุ่นรองลงมาอย่าง Ryzen 7 7700X ซึ่งกินไฟ 105 วัตต์แล้วมากกว่า 15 วัตต์ด้วยกัน และคาดว่าจะไม่รองรับการโอเวอร์คล็อกแบบดั้งเดิม แต่ใช้ฟีเจอร์อย่าง AMD Precision Boost Overdrive 2 แทน ซึ่งข้อดีของมันนอกจากเพิ่มความเร็วคล็อกให้สูงขึ้น ยังทำงานโดยอัตโนมัติโดยใช้เซนเซอร์วิเคราะห์พีซีทั้งระบบค่อยเร่งความเร็วของซีพียูขึ้นแทน
อย่างไรก็ตาม แม้ Ryzen 7 7800X3D จะใช้พลังงานเยอะและเร่งความเร็วได้ช้ากว่า แต่จุดแข็งของตระกูล X3D คือ L3 Cache ซึ่งมีให้ใช้เยอะกว่า ซึ่ง Ryzen 7 7700 กับ Ryzen 7 7700X จะมี L3 Cache ให้ใช้แค่ตัวละ 40MB แต่ Ryzen 7 7800X3D มีให้ใช้มากถึง 104MB ทีเดียว ซึ่งข้อดีของมัน คือ เวลาเล่นเกมแล้วจะมีพื้นที่ให้พักข้อมูลเอาไว้ที่แคชชุดนี้มากขึ้นและดึงไปใช้ได้เร็ว ทำให้เฟรมเรทตอนเล่นเกมสูงขึ้นอย่างแน่นอน
ส่วนราคาเปิดตัว AMD 7800X3D จะเปิดตัวในวันที่ 6 เมษายน ในราคา $449 (~15,400 บาท) ซึ่งมีราคาสูงกว่ารุ่น 7700X อยู่ $112 (~3,800 บาท) และรุ่น 7900 อยู่ $20 (~685 บาท)