MSI Stealth 15M โน๊คบุ๊คเกมมิ่ง บางเบา ราคาจับต้องได้ง่าย Intel Core i7+RTX3060 จอ 144Hz เบาแค่ 1.8Kg
MSI Stealth 15M โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งในระดับพรีเมียม ที่มาพร้อมฟีเจอร์ในการทำงานและความบันเทิงครบครัน สำหรับเกมเมอร์และคนทำงาน ที่ต้องการทั้งพลังขั้นสูงในการเล่นเกม และตอบรับกับงานในด้านต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ ด้วยขุมพลัง Intel Core i7 Gen 12 รุ่นใหม่ จับคู่กับกราฟิกพลังสูง GeForce RTX 3060 Max-Q บนหน้าจอแสดงผล 15.6″ ที่อัตรารีเฟรชเรตสูงสุด 144Hz และมีแรมระบบ DDR4 16GB เช่นเดียวกับ SSD M.2 NVMe PCIe ความเร็วสูง เพื่อให้สอดรับกับงานและความบันเทิงได้อย่างเต็มที่ บนบอดี้ที่กระทัดรัด น้ำหนักประมาณ 1.8 กิโลกรัมเท่านั้น แม้จะบางเบา แต่ก็มีพอร์ตเอาไว้รองรับอุปกรณ์ต่อพ่วงอย่างครบครัน อาทิ USB Type-C หรือพอร์ตแสดงผล HDMI ก็ตาม และซอฟต์แวร์ MSI Center ที่ให้ผู้ใช้คอนโทรลสิ่งต่างๆ ที่อยู่ภายในระบบได้อย่างคล่องตัว เพิ่มความเร้าใจกับแสงไฟบนคีย์บอร์ดที่มีสีสันสดใส พร้อมทั้งคีย์ลัดปรับโหมดการทำงาน และบอดี้ที่อะลูมิเนียม ที่มีความแข็งแกร่ง ภายใต้ดีไซน์ที่เข้ากันได้ในทุกอารมณ์ ไม่ว่าจะในห้องประชุม ร้านกาแฟ หรือจะเป็นช่วงที่พักผ่อนสบายๆ นอกบ้าน และการนำไปเล่นเกม ก็ดูเร้าใจ ให้การรับประกัน เป็นโน๊ตบุ๊คในอุดมคติของใครหลายคน ที่เป็นแนว Work hard Play harder อย่างแท้จริง
จุดเด่น
- มิติที่บางเพียง 1.7cm และเบาแค่ 1.8Kg. เท่านั้น
- หน้าจอ IPS สีสันสดใส คมชัด รีเฟรชเรตสูง 144Hz
- Storage ความเร็วสูง รองรับไฟล์งานและการเปิดข้อมูลที่ไว
- มาพร้อมขุมพลัง Intel Core i7-1280P
- การ์ดจอแยก GeForce RTX 3060 ตอบโจทย์การเล่นเกมได้
- ให้เฟรมเรตในการเล่นเกมได้มากกว่า 100fps. ในบางเกม
- ฟีเจอร์มีให้เยอะ ไม่ว่าจะเป็น MSI AI, ระบบเสียง Nahimic, MSI App Player เป็นต้น
- คีย์บอร์ดมาพร้อมแสงไฟเป็นโซน ปรับระดับความสว่างได้
- ใช้งานได้ในหลายๆ โอกาส ดูเรียบหรู
- กางหน้าจอได้ถึง 180 องศา พร้อมฟีเจอร์ Flip and Share
ข้อสังเกต
- มีเป็นพอร์ต USB-C มาให้เท่านั้น ไม่มี TB4
- ปรับแสงไฟคีย์บอร์ดไม่ได้
- น่าจะมี Media Reader Card และ RJ-45 มาให้
MSI Stealth 15M พรีเมียมเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค
- Specification
- Hardware / Design
- Keyboard / Touchpad
- Screen / Speaker
- Connector / Thin And Weight
- Inside / Upgrade
- Performance / Software
- Battery / Heat / Noise
- Conclusion / Award
Specification
MSI Stealth 15M | |
CPU | Intel® Core™ i7-1280p Processor |
OS | Windows 11 Home (MSI recommends Windows 11 Pro for business.) Windows 11 Pro |
DISPLAY | 15.6″ FHD (1920×1080), 144Hz, IPS-Level |
GRAPHICS | NVIDIA® GeForce RTX™ 3060 Laptop GPU 6GB GDDR6 Up to 1332MHz Boost Clock, 75W Maximum Graphics Power with Dynamic Boost. *May vary by scenario |
MEMORY | DDR4-3200 16GB 2 Slots Max 64GB |
STORAGE CAPABILITY | 1x M.2 SSD slot (NVMe PCIe Gen4) |
WEBCAM | HD type (30fps@720p) |
KEYBOARD | Spectrum Backlight Keyboard |
COMMUNICATION | 802.11 ax Wi-Fi 6 + Bluetooth v5.2 |
AUDIO | 2x 2W Speaker |
AUDIO JACK | 1x Mic-in/Headphone-out Combo Jack |
I/O PORTS | 1x (4K @ 60Hz) HDMI 1x Type-C USB3.2 Gen2 2x Type-A USB3.2 Gen1 1x Type-C (USB3.2 Gen2 / DP) |
BATTERY | 3-Cell 53.8 Battery (Whr) |
AC ADAPTER | 180W adapter |
DIMENSION | (WXDXH) 358 x 248 x 17 mm |
WEIGHT | (W/ BATTERY) 1.8 kg |
COLOR | Core Black |
ข้อมูลเพิ่มเติม: MSI Stealth 15M
Hardware / Design
บอดี้มาในสี Core Black วัสดุอะลูมิเนียม เกือบทั้งบอดี้ ให้ความสวยงาม แม้ว่าจะมาในไซส์ 15.6” แต่ก็ดูกระชับ ไม่ใหญ่เทอะทะ ความละเอียดหน้าจอ Full-HD 1080p อัตรารีเฟรชเรตสูงถึง 144Hz เพื่อคอเกมโดยเฉพาะ และยังเป็นพาแนล IPS ในแบบ Anti-Glare เพื่อลดแสงสะท้อนจากบริเวณรอบข้าง
แม้ว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ จะมาในสไตล์ที่เรียบง่าย ภายใต้โทนสี Core Black ออกแนวเทาเข้มๆ แต่ทาง MSI ก็ยังใส่ลูกเล่นมาที่ Cover ให้ได้สะดุดตากับโลโก้ MSI พร้อมสัญลักษณ์มังกร ที่เป็นแบบกราฟิก เปลี่ยนสีไปตามมุมมองและแสงสะท้อน ดูเป็นเอกลักษณ์ดีทีเดียว
ขอบจอด้านล่าง เชื่อมต่อกับบานพับและฐาน เพิ่มความหนาขึ้นเล็กน้อย เพื่อความแข็งแรง เมื่อเปิดหรือปิด บานพับแบบ 2 จุด ค่อนไปทางซ้ายและขวาสุด เพื่อเพิ่มความแข็งแรง
ด้านหน้า เมื่อปิดฝาพับค่อนข้างแนบสนิท จุดเด่น บอดี้แนบชิดกับ Cover แข็งแรงกว่า แต่เวลาจะเปิด ต้องจับส่วนที่เว้าเข้าไปด้านหน้า เพื่อให้มีจุดที่นิ้วเปิดออกได้ง่ายกว่า
ช่องระบายความร้อนของโน๊ตบุ๊ค ซึ่งมีให้ถึง 4่ ช่องทางด้วยกัน ทั้งด้านซ้าย-ขวา และด้านหลัง ที่เป็นช่องขนาดใหญ่
คีย์บอร์ดออกแบบมาสวยงาม ตัวปุ่มขนาดใหญ่ มีฟอนต์ที่ทำออกมาอ่านง่ายอีกด้วย และยังมีลูกเล่น ไม่ว่าจะเป็นแสงไฟ และฟังก์ชั่นมาให้อีกเพียบ
ทัชแพดขนาดกลางๆ เหมาะกับสไตล์ของเกมเมอร์ ไม่เปลืองพื้นที่การวางมืออีกด้วย รองรับ Multi-Gesture พร้อมทั้งซ่อนปุ่มกดซ้าย-ขวาไว้ภายใน
กล้องเว็บแคมยังเป็นแบบ HD 720p แต่มีไมโครโฟน ในการตัดเสียงรบกวนมาให้ด้วย ซึ่งเสียงที่ได้ ฟังได้จากการทดสอบนี้เลยครับ ทดสอบการใช้กล้อง และเสียงจากไมโครโฟนไปพร้อมๆ กัน เสียงสนทนาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และลดเสียงรอบข้างได้พอสมควร
ภายในยังรองรับการอัพเกรดได้ แค่เปิดฝาหลัง ซึ่งมีน็อตสกรูเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น ส่วนการอัพเกรดอาจไม่ง่ายนัก เพราะมีส่วนที่ปิดเพื่อป้องกันอุปกรณ์สีดำคลุมเกือบหมดทั้งแผงเลยทีเดียว
น้ำหนักโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น แบ่งเป็นน้ำหนักตัวเครื่อง MSI Stealth 15M ที่ 1.8 กิโลกรัม ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในระดับกับที่เคลมไว้ในสเปค และอแดปเตอร์ 180W ขนาดไม่ใหญ่นัก หนักประมาณ 500 กรัม
Keyboard / Touchpad
เรียกว่าเป็นจุดเด่นของค่ายนี้ก็ว่าได้ สำหรับเรื่องของคีย์บอร์ด ซึ่งในหลายๆ ครั้ง เราจะเห็นว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คในซีรีส์ท็อปๆ ของค่าย จะใส่คีย์บอร์ดที่เป็นเกมมิ่งมาให้ เช่น SteelSeries มาด้วย รวมถึงสีสันที่สดใสของคีย์ ทำให้ดูเพิ่มความเร้าใจในการเล่นเกม และโดยส่วนตัว เรื่องสัมผัสและการตอบสนองก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยบน MSI Stealth 15M รุ่นนี้ จะเป็นแบบ Spectrum Backlight ซึ่งมีแสงสีที่คล้ายกับคีย์บอร์ด RGB ที่แบ่งโซนสีออกเป็น 3 โซนสีด้วยกัน เพียงแต่ว่าปรับแต่งเอฟเฟกต์ไม่ได้เท่านั้นเอง เพราะไม่ได้เป็นแบบ per key เหมือนกับในรุ่นพี่ๆ
คีย์บอร์ดมาในไซส์มาตรฐาน แต่พิเศษคือ ระยะการกดไม่หนักมาก ตอบสนองไวระยะ Travel key 1.7mm มีความทนทานกดได้ 20 ล้านครั้ง เหมาะทั้งเล่นเกม และพิมพ์สัมผัส แป้นพิม์ค่อนข้างใหญ่ ฟอนต์ทำออกมาดูง่ายดี เพียงแต่ฟอนต์อังกฤษดูจะหนากว่า ฟอนต์ไทย ทำให้มองไม่ถนัดอยู่บ้าง แต่ก็ได้ทดแทนด้วยแสงไฟ บนคีย์ที่ปรับความสว่างได้
จากภาพด้านบนนี้ ทำให้เห็นเรื่องของแสงสี ความสว่าง เมื่อปิดแสงไฟ Backlight บนคีย์บอร์ด และภาพของสีสันเมื่อเปิดความสว่างสุด โดยเลือกปรับความสว่างของแสงได้ถึง 4 ระดับ และปิดแสงไฟคีย์บอร์ด เมื่อต้องการประหยัดพลังงาน หรือมีแสงโดยรอบมากพออยู่แล้ว
แต่จุดหนึ่งที่น่าสังเกตก็คือ แป้นของปุ่มคีย์มีขนาดใหญ่ และมีพื้นผิวสัมผัสที่นุ่มนวล รองรับกับพิมพ์แบบสัมผัสได้ดี ให้ระยะการกดไม่ลึก เพื่อให้ตอบสนองทั้งการทำงาน และการเล่นเกม หลายคนน่าจะชอบในส่วนนี้ ออกแบบให้รองรับการกดได้มากกว่า ทนทานกว่าคีย์บอร์ดทั่วไปบนโน๊ตบุ๊คปกติ
แต่ส่วนที่รู้สึกขาดๆ ไปบ้าง นั่นคือ ตัวภาษาไทยบนปุ่ม ค่อนข้างดรอปไปบ้าง เวลาที่ใช้งานแบบที่ไม่ได้เปิดแสงบนคีย์บอร์ด แต่ก็สว่างชัดเจนขึ้น เมื่อเปิดไฟคีย์บอร์ด ส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากตัวฟอนต์ไทย ที่ไม่ได้ทำออกมาให้มีความหนา แต่ก็ไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญอะไร สำหรับคนเล่นเกมหรือพิมพ์สัมผัสนั่นเอง
ปุ่ม Function ด้านบน ประกอบด้วย เพิ่ม-ลดเสียง, ปิดทัชแพด, เปิด-ปิดไมโครโฟน, กล้องเว็บแคม, F7 ใช้ในการปรับโพรไฟล์, F8 ปรับระดับความสว่างคีย์บอร์ด ส่วน F9-F10 ปรับความสว่างหน้าจอ และ F11 ส่งสัญญาณเชื่อมต่อจอภายนอก ส่วน F12 ใช้โหมด Flip and Share แต่ที่พิเศษคือ MSI ใส่ปุ่มที่คล้ายกับบน Number Pad มาให้ ในแถบเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น Print Screen และเพาเวอร์สวิทช์ในการเปิดเครื่อง อยู่ทางมุมบนขวาสุดของคีย์บอร์ด
และจุดที่ชอบมากที่สุดเป็นการส่วนตัวก็คือ การแทรกปุ่ม Del, Insert, Page Up/ Down มาให้ และไฮไลต์อยู่ที่ปุ่มลูกศร มาแบบเต็มปุ่ม ไม่แบ่งครึ่งๆ ที่กดแม่น กดง่าย ไม่ต้องกังวลว่าจะกดผิด เหมือนกับคีย์บอร์ดครึ่งปุ่มที่ใครเคยเจอ ในส่วนนี้เอามาเล่นเกมได้อย่างสบายใจ
มาที่ทัชแพดกันบ้าง ด้วยไซส์ประมาณ 10.5cm (L) x 6.5cm (W) อาจจะดูไม่ได้กว้างขวางสักเท่าไร แต่ถ้าคิดกันในแง่ของการใช้งานและสัดส่วนพื้นที่การวางมือแล้ว ดูจะลงตัวมากที่สุดสำหรับเกมเมอร์ ที่แทบจะไม่ได้มีผลต่อการเล่นเกมมากนัก เนื่องจากใช้เกมมิ่งเกียร์มากกว่า และยังคงใช้ Multi-Gesture ได้ตามปกติอีกด้วย แต่ก็จะดีมากเลยหากเติมจุดสแกนนิ้วเข้ามาให้บนทัชแพดนี้ด้วย
เรื่องของน้ำหนักกับระยะในการกด ถือว่ามีความนุ่มนวลในระดับหนึ่ง แต่เรื่องของอารมณ์ในการเล่น ยังคงต่างกับในรุ่นอย่าง Stealth หรือ Vector ที่เป็นคีย์บอร์ดแมคคานิคอล และยังเป็น RGB per key ที่ปรับแต่งแสงสีออกเป็นโซนได้อีกด้วย
Screen / Speaker
หน้าจอแสดงผลของ MSI Stealth 15M รุ่นนี้ มีพื้นที่แสดงผลขนาด 15.6″ ที่ให้อัตรารีเฟรชเรตสูงถึง 144Hz ที่จะเป็นเทรนด์ใหม่ของโน๊ตบุ๊คในปัจจุบัน เพื่อให้ภาพที่ได้บนฮาร์ดแวร์เช่นกราฟิกใหม่ๆ ทำได้ไหลลื่นมากขึ้น และดูนุ่มนวลกว่าภาพที่ได้จากจอระดับ 60Hz ที่ใช้อยู่บนโน๊ตบุ๊คก่อนหน้านี้อยู่พอสมควร และด้วยการใช้พาแนล IPS ที่ MSI มักจะนำมาใช้บนโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่น ก็ทำให้มุมมองภาพกว้างมากขึ้น การนั่งมองในองศาต่างๆ ก็ทำได้แทบจะไม่ผิดเพี้ยน รวมถึงสีสันก็ยังสวยงาม เหมาะทั้งในแง่ของการทำงาน เช่น เอกสาร พรีเซนเทชั่น หรือจะใช้ในงานตกแต่งภาพ ไปจนถึงการเล่นเกม อีกทั้งบานพับของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ก็ทำออกมาได้แข็งแรงทีเดียว แนบสนิทกับบอดี้ และยังกางหน้าจอออกได้ถึง 180 องศา มาพร้อมฟีเจอร์ Flip and Share ที่แบ่งปันหน้าจอให้คนที่อยู่ตรงข้ามได้เห็นชัดเจน
บานพับของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ แยกเป็น 2 ส่วน ซ้าย-ขวา ต่างจากในรุ่น Modern หรือ Prestige ที่เราเคยรีวิวให้ได้ชมกันไปก่อนหน้านี้ แต่ข้อดีก็ทำให้ตัวเครื่องดูโปร่งสบาย ไม่เทอะทะจนเกินไป แต่ก็ยังให้ความแข็งแรงได้ดี
จุดเด่นของหน้าจอ สามารถกางได้ 180 องศา คือ กางออกไปจนสุด แทบจะแนบกับพื้นโต๊ะทั้งตัว ซึ่งดูแล้วจะทำได้มากกว่า Prestige 14 ที่เราเคยทดสอบอยู่เล็กน้อย เพราะไม่ติดตรงฐานใต้จอภาพ
แต่ที่น่าสนใจคือ มีฟีเจอร์อย่าง Flip and Share มาให้ เป็นฟีเจอร์พิเศษ ที่ทาง MSI ใส่มาให้สำหรับโน๊ตบุ๊คในหลายๆ กลุ่มของตน จุดเด่นอยู่ที่ให้คนที่นั่งตรงข้ามสามารถดูข้อมูลบนหน้าจอ เสริมจากการกางหน้าจอแบบ 180 องศา เหมาะทั้งการใช้ในการนำเสนองาน พรีเซนเทชั่น เล่นเกมหรือจะใช้ในโอกาสต่างๆ ได้มากมาย และสลับหน้าจอไปมาได้ด้วยการกดปุ่ม F12 เท่านั้น
กล้องเว็บแคมติดตั้งมาบนแถบด้านบนของจอ ซึ่งน่าแปลกที่ว่า ด้วยพื้นที่จำกัดบนขอบจอที่บางแบบนี้ ก็ยังจัดวางกล้องมาได้อีกด้วย โดยเป็นกล้องระดับ HD 720p เพียงพอต่อการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การประชุมออนไลน์ การเรียนการสอน รวมถึงการสนทนากับเพื่อนๆ ได้เห็นรายละเอียดและหน้าตาได้อย่างชัดเจนพอสมควร
ขอบจอที่เรียกว่าบางเป็นพิเศษ ในแบบ Thin Bezel จากที่เราวัดนี้ จะอยู่ที่ราวๆ 0.7cm เท่านั้น รวมถึงด้านบนที่หนาขึ้นอีกเล็กน้อย
รายละเอียดของจอแสดงผลที่ระบุไว้ใน Display Properties บนระบบปฏิบัติการระบุเป็น Resolution 1920 x 1080 @144Hz
ในการทดสอบขอบเขตสี ด้วยชุดทดสอบมาตรฐาน Calibrite Color Checker ให้ผลออกมาเรียกว่า แทบไม่ต่างจาก MSI Stealth 15M ก่อนหน้านี้มากนัก ขอบเขตสีที่ได้เมื่อเทียบกับมาตรฐานต่างๆ ออกมาดังนี้คือ sRGB อยู่ที่ 57.7% และ Adobe RGB 39.8% ส่วน DCI-P3 อยู่ที่ 40.9% ซึ่งหากดูจากตัวเลขที่ได้ ในแง่ประสิทธิภาพในการแสดงผลของสีและความแม่นยำ อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งในระดับเดียวกัน ซึ่งให้ค่าที่เหมาะกับการทำงานโดยทั่วไป งานพรีเซนเทชั่น และความบันเทิงเป็นหลัก ไม่ได้เน้นความแม่นยำของสีเช่นงานสตูดิโอ ส่วนความสว่างของหน้าจออยู่ที่ราว 270-380cd/m2 ก็เรียกว่าเป็นเกณฑ์ความสว่างที่เหมาะสม และตอบสนองกับสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการได้ดีอยู่แล้ว อย่างไรก็ดีหากต้องการใช้งานจอที่เน้นความแม่นยำของสีที่ดีมากขึ้น ให้มองหาจอเฉพาะทางมาต่อเพื่อใช้งานเพิ่มน่าจะเหมาะสม
ส่วนระบบเสียง Nahimic ก็สร้างความประทับใจได้ไม่แพ้กัน ใครที่อึดอัดหรือเบื่อกับการใส่หูฟังเป็นเวลานาน ลำโพงชุดนี้ที่ติดตั้งมาบน MSI Stealth 15M ก็บันเทิงใจในการดูหนัง ฟังเพลงได้ดีทีเดียว แม้เสียงแหลมจะยังไม่ได้เด่นมาก เพราะเป็นลำโพงคู่ จุดติดตั้งอยู่ด้านใต้เครื่อง แต่เสียงกลางที่เน้นหนัก ทำให้หนังแอ็คชั่นสนุกๆ ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเสียงซูเปอร์คาร์ ที่วิ่งเข้ามาใกล้ เสียงจากออโตบอท ที่สนทนาระหว่างกัน หรือจะเป็นเสียงเครื่องบินรบ ที่บินเหนือเสียงด้วยโซนิคบูมก็ตาม แต่พื้นฐานของเสียง ก็อาจจะต้องนวดหรือวอร์มกันพอสมควร เพื่อให้ดัน Volume สูงๆ ได้แบบไม่แตกพล่า
ส่วนเสียงในเกม ส่วนตัวชอบในแง่ของการเก็บรายละเอียด กับทิศทางเสียงได้พอสมควร เรียกว่าเสียงมาซ้าย-ขวาได้พอรู้ ยิ่งเกมหลอนๆ อย่าง RE: Village เรียกว่า บางทีต้องหันไปแบบไม่ทันรู้ตัว หรือจะเป็นเกม PUBG กับ Overwatch จะได้ยินเสียงฝีเท้ามาแต่ไกล แต่เกมนี้ส่วนใหญ่จะมีเสียงปืนที่ลั่นมาก่อน จากการโจม บางทีก็ทำเอางงอยู่เหมือนกัน แต่โดยรวมถึอว่าน่าประทับใจ อีกทั้งคุณสามารถคอนโทรลเรื่องเสียงผ่านทางซอฟต์แวร์ Nahimic ที่ติดตั้งมาด้วยได้ เพื่อให้ใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ ได้สะดวกมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
Connector / Thin And Weight
มาดูกันที่มิติของโน๊ตบุ๊ค MSI Stealth 15M รุ่นนี้กันอีกที เราลองวัดความบางของโน๊ตบุ๊คในมุมที่บางสุดที่อยู่ด้านหน้าเครื่องอยู่ที่ประมาณ 1.6cm เท่านั้น และส่วนที่หนาสุด บริเวณด้านหลังที่เป็นบานพับอยู่ที่ราว 1.8cm ซึ่งถือว่าบางกว่าบนโน๊ตบุ๊คในกลุ่มเกมมิ่งอยู่พอสมควร
พอร์ตต่อพ่วงมีมาให้ทั้งด้านซ้ายและขวาของโน๊ตบุ๊ค ซึ่งทางด้านซ้ายมือ ประกอบด้วย ช่องต่อไฟจากอแดปเตอร์ USB 3.2 Type-A และ Combo Audio jack
ส่วนทางด้านขวาจะพิเศษขึ้นมาหน่อย นั่นคือ พอร์ต USB 3.2 Type-C ที่มีให้ 2 พอร์ต โดยมีหนึ่งพอร์ตที่รองรับการแสดงผลบนจอมอนิเตอร์ในแบบ DisplayPort และ USB 3.2 Type-A รวมถึงพอร์ตแสดงผล HDMI แบบตัวเต็ม
พอร์ตแสดงผลของ MSI Stealth 15M มาพร้อมการเชื่อมต่อแทบไม่ต่างจากในรุ่นก่อนหน้านี้ ที่เราได้เคยนำเสนอไป ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-C ที่มีให้ 2 ช่อง และเป็น Type-A อีก 2 ช่อง และพอร์ตการแสดงผล HDMI และทำให้ผู้ใช้สามารถส่งสัญญาณแสดงผลไปยังจอภายนอกได้มากถึง 2 มอนิเตอร์ด้วยกัน ด้วยการใช้ USB-C และ HDMI ทำงานร่วมกันนั่นเอง อย่างไรก็ดีพอร์ต USB-C ที่เป็น DP หรือแสดงผลได้นั้นมีเพียงช่องเดียว ส่วนที่เหลือใช้สำหรับการโอนถ่ายข้อมูลนั่นเอง จะติดอยู่เล็กน้อยก็คือ การไม่ได้ใส่พอร์ต Thunderbolt 4 ที่น่าจะเป็นสิ่งสำคัญด้วยมาให้ จึงดูเหมือนขาดๆ หายๆ ไปบ้าง แต่ถ้าผู้ใช้ยังไม่ได้มีการใช้งานพอร์ต TB นี้อย่างจริงจัง ก็คงไม่ได้มีผลมากนัก ต่อการตัดสินใจ แต่ก็เรียนตามตรงว่า น่าจะมีมาให้อย่างน้อยสักพอร์ต สำหรับกลุ่มที่ต้องการทั้งเรื่องความเร็วและความยืดหยุ่นในการใช้งาน
ชั่งน้ำหนักเฉพาะตัวเครื่องโน๊ตบุ๊คเพียงอย่างเดียว อยู่ที่ราวๆ 1.85Kg. ซึ่งก็อยู่ในระดับที่ทาง MSI เคลมเอาไว้
ส่วนของอแดปเตอร์นั้นอยู่ที่ประมาณ 0.57Kg. ซึ่งเมื่อรวมทั้งโน๊ตบุ๊คและอแดปเตอร์แล้ว ก็อยู่ที่ราวๆ 2.4Kg. โดยประมาณ
Inside / Upgrade
MSI Stealth 15M เปลี่ยนโฉมด้านใต้ของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ให้ต่างจากในรุ่นก่อน จากเดิมที่เป็นแบบ EQ ที่เป็นช่องเล็กๆ สลับแนวไปมา กลายมาเป็นช่องในรูปทรงสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ถึง 5 ช่องด้วยกัน เมื่อดูจากขนาดถือเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของพื้นที่ด้านใต้ทั้งหมด เพื่อเป็นการจัดสรรทิศทางลม ให้เข้าสู่ระบบระบายความร้อนได้มากขึ้น
และสังเกตได้ว่าด้านใต้จะมีตัวยกที่เป็นเหมือนชิ้นยางมาให้ 4 จุดด้วยกัน โดยกระจายไปอยู่ทั้ง 4 มุม ส่วนนี้จะช่วยเสริมให้มีพื้นที่สำหรับลมด้านใต้ตัวมาไหลเวียนได้ง่ายขึ้นนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดี ส่วนตัวแนะนำให้จัดวางบนโต๊ะในมุมที่เหมาะสม ไม่ควรมีสิ่งใดมาปิดกั้นช่องที่เป็นทางลมเหล่านี้
เวลาที่เราเปิดดูภายในระบบ จะเห็นว่ามีแผ่นสีดำ ปิดอยู่ด้านใต้ เพื่อเป็นตัวปกป้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อแรม และชิ้นส่วนอื่นๆ โดยแผ่นนี้ปิดคลุมทุกอุปกรณ์ด้วยแถบกาวที่เหนียวมาก การอัพเกรดยังคงทำได้ แต่อาจจะมีความซับซ้อนอยู่พอสมควร รวมถึงแผ่นสีดำนี้ อาจจะไม่ติดกลับได้ตามปกติ รวมถึงเมื่อแกะพลาสติกชิ้นนี้ ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงการอัพเกรดได้ง่าย แนะนำว่ายกไปให้ทางร้านจำหน่าย อัพเกรดให้จะดีที่สุด โดยแรมพื้นฐานติดตั้งมาให้ 16GB และในสเปคเคลมว่าอัพเกรดได้ถึง 64GB เลยทีเดียว และ Storage ก็อัพเกรดได้เช่นกัน แต่จะเป็นการถอดเปลี่ยนจากของเดิม 1TB ถ้าไม่พอ ก็เปลี่ยนเป็น 2TB หรืออยากจะให้เร็วกว่านี้ PCIe 4.0 ไปเลยก็ได้ ราคาตอนนี้เริ่มต้นที่ประมาณ 3 พันกว่าบาท สำหรับความ 1TB ครับ
พัดลมระบายความร้อนที่ติดตั้งมาด้วย 2 ตัว ทั้งด้านซ้ายและขวา และครีบระบายความร้อนที่อยู่ด้านข้างทั้ง 2 จุด เป็นช่องในการนำลมร้อนออกไป ซึ่งเมื่อทำงานในโหมด Performance และเล่นเกมอยู่ จะมีเสียงดังในระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับรบกวน เพราะระบบ AI ช่วยจัดการระดับความร้อนได้ดีทีเดียว
แต่จุดหนึ่งที่ทำให้คุณอัพเกรดได้ง่ายก็คือ สล็อต M.2 สำหรับ SSD ในแบบ NVMe PCIe ซึ่งเป็น PCIe 4.0 อีกด้วย อย่างไรก็ดีทาง MSI จัดความจุระดับ 1TB มาให้แล้ว ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้แล้วว่า จะเลือกอัพเกรดแบบความเร็วเพิ่มขึ้น หรือจะเน้นที่ความจุ หรือจะเลือกทั้ง 2 รูปแบบ หากคุณชอบที่จะไปให้สุด ซึ่งในปัจจุบัน SSD PCIe 4.0 ความจุ 2TB ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 11,000 บาทเท่านั้น โดยมีความเร็วในการอ่านข้อมูลที่ 5,000MB/s
โมดูล WiFi 6 ที่ติดตั้งมาด้วยบนโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้ รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ลดปัญหาคอขวดในการเชื่อมต่อ พร้อมฟีเจอร์ในด้านการสตรีมวีดีโอ และรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 ในตัวผ่านช่องทาง PCIe
Performance / Software
CPUz แจ้งรายละเอียดของซีพียูไว้เป็น Intel Core i7-1280P มีแกนหลักแบบ 6P + 8E ทั้งหมด 20 Thread ความเร็วสูงสุด 4.50GHz รองรับ PCIe 4.0
ติดตั้งแรม DDR4 3200 มาให้ 16GB แจ้งในรายละเอียดเป็นโมดูล Samsung 8GB x2
ส่วนกราฟิกมีด้วยกัน 2 ส่วนคือ Intel Iris Xe Graphic ที่มีมาบนซีพียู Intel Core i7 และกราฟิกแยก nVIDIA GeForce RTX 3060 ในการทดสอบเบื้องต้น เมื่อเทียบกับซีพียูเดสก์ทอปที่เป็นอดีตเรือธงอย่าง Intel Core i7-8700K ดูเหมือนว่าซีพียู Alder Lake บนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ จะแซงหน้าไปทั้งการทำงาน Single และ Multi-Thread
กราฟิกการ์ดแยกที่ติดตั้งมาให้เป็นรุ่น GeForce RTX 3060 มาพร้อม VRAM GDDR6 6GB อินเทอร์เฟสการเชื่อมต่อ PCIe 4.0 x16 และ Bus Width 192-bit เรียกว่าเป็น RTX สำหรับคนที่ขยับมาจาก GTX ได้อย่างคุ้มค่า
การทดสอบด้วยโปรแกรม PCMark10 ซึ่งทำให้มองเห็นประสิทธิภาพของระบบโดยรวม ซึ่งตัวเลขที่ได้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีพอสมควร และยังได้คะแนนที่มากกว่า Stealth 15M ที่เป็นซีพียู Intel Gen Core i7 Gen 11 H-series รุ่นก่อนหน้านี้อีกด้วย ในการทำงานของทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็น Essential, Productivity หรือจะเป็น Digital Content Creation ก็ตาม เรียกว่าสามารถจัดการกับงานและความบันเทิงในชีวิตประจำวันได้ นอกเหนือจากการเล่นเกม
ตัวเลขในการทดสอบของ Storage ที่ติดตั้งมาใน MSI Stealth 15M รุ่นนี้ ให้ความเร็วได้ถึง 3,620MB/s ในการอ่านและการเขียนก็อยู่ที่ 3,500MB/s โดยประมาณเช่นกัน เป็นตัวเลขที่ทำออกมาได้ดี ซึ่งรองรับกับไฟล์ขนาดใหญ่ รวมถึงการเปิดไฟล์ข้อมูลได้รวดเร็วอีกด้วย อีกทั้งให้ความจุมามากถึง 1TB ทำให้เราสามารถติดตั้งเกม ลงโปรแกรมได้อย่างสนุก ไม่ต้องคอยมาลบกันบ่อยๆ ที่สำคัญยังพอมีที่ว่างในการจัดเก็บข้อมูลสำคัญ ที่ต้องใช้อยู่ประจำได้ ไม่ว่าจะเป็นงานเอกสาร รูปภาพ วีดีโอหรือจะเป็นข้อมูลที่จำเป็นจะต้องอัพเดตแบบเรียลไทม์ก็ตาม
ในการทดสอบด้านเกม 3D กับโปรแกรมอย่าง 3DMark ในส่วนต่างๆ ออกมาได้ดังนี้ โดยเป็นการทดสอบบนพื้นฐานความละเอียด Full-HD 1080p และตัวเลขที่ออกมา ก็ถือว่าทำได้ดี สำหรับกราฟิก GeForce RTX 3060 ที่มีมาบนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้
ในด้านของงานกราฟิกที่มีโปรแกรมทดสอบ CINEBench อันเป็นตัวแทนของการเรนเดอร์งานกราฟิกสามมิติบนพื้นฐาน CINEMA 4D ก็ชี้ให้เห็นว่า ไม่ได้เป็นรองคู่แข่งที่เป็นซีพียูในระดับไฮเอนด์รุ่นต่างๆ ในแง่ของการเรนเดอร์ด้วยซีพียูในด้าน Single-Thread และ Multi-Thread
กับการทดสอบความลื่นไหล เพื่อหาเฟรมเรตในการเล่นเกมบน MSI Stealth 15M นี้ โดยมีซีพียู Intel Core i7-1280P และกราฟิก GeForce RTX 3060 GDDR6 6GB ผลที่ได้จากการทดสอบด้วย เกมต่างๆ อาทิ PUBG, Overwatch, RD2, RE: Village และ GTAV เป็นต้น ด้วยการปรับ Detail ไปที่ High เป็นหลัก บนความละเอียด Full-HD 1080p ซึ่งส่วนใหญ่เรียกการใช้ทรัพยากรของ VRAM ไปเท่ากับหรือมากกว่าที่มีอยู่บนกราฟิกการ์ด อย่างไรก็ดีเราสามารถปรับรายละเอียด และความสวยงามเพิ่มเติมเข้าไปได้ในบางเกม
โดยที่เกมที่บริโภคทรัพยากรหนักๆ อย่าง Resident Evil: Village และ GTAV รวมถึง Red Dead Redemption 2 ต่างก็ตอบสนองได้ดี และคุณยังเล่นบนภาพที่ดูสวยงาม มีแสงเงาสดใส บนเฟรมเรตเฉลี่ยที่มากกว่า 80fps. เพียงแต่ RD2 นั้นอาจจะหล่นลงมาถึง 54fps. ในฉากที่มีความซับซ้อน แต่ถ้าคุณชอบเกมที่ไม่ใช่แนวโหดหินมากเกินไป เช่น DOTA2 หรือ Overwatch ก็สามารถเล่นด้วยเฟรมเรตลื่นๆ ที่มากกว่า 100fps. ได้ไม่ยาก และแทบไม่มีอาการหน่วงหรือกระตุกให้ได้เห็น
โอกาสในการเด็ดชีพศัตรูมีไม่มาก แต่หากภาพมีอาการกระตุก หรือได้ยินเสียงรอบข้างไม่ชัด ก็อาจจะถูกจัดการเสียเอง งานนี้ได้ฟีเจอร์ Crosshair บนโน๊ตบุ๊คมาช่วยเพิ่มวิถีการเล็งมาให้แทนเป้าเล็งเล็กๆ ก็ถือว่าทำงานได้ดีทีเดียว
ถ้าใครเป็นแฟนบอยตัวยงกับการเล่นเกมบนมือถือ น่าจะชื่นชอบกับฟีเจอร์นี้ของ MSI เพราะช่วยให้คุณเล่นเกมมือถือ บนโน๊ตบุ๊คได้ แถมยังเปลี่ยนการคอนโทรลจากการแตะบนหน้าจอ มาเป็นการเล่นบนจอยสติ๊ก กับหน้าจอขนาดใหญ่ของโน๊ตบุ๊ค โดยทาง MSI ร่วมกับทีม BlueStack พัฒนาขึ้นมา เพื่อความสะใจของเกมเมอร์โดยเฉพาะ แค่คุณซิงก์ Google Account เพื่อติดตั้งแอพพลิเคชั่นผ่านทาง MSI App Player นี้ หรือจะติดตั้งเกมที่เป็น APK ก็ได้ แค่ลากไฟล์มาใส่ไว้ในแอพฯ ก็พร้อมเล่นได้เลย
Battery / Heat / Noise
จุดลมร้อนด้านหลังมาในสไตล์ที่ดูเรียบง่าย แต่มีขนาดใหญ่ ส่วนช่องลมร้อน ส่งออกทางด้านซ้าย-ขวา ทำออกมาเรียบง่ายมาก จนบางครั้งอาจเข้าใจผิดได้ว่าเป็นพอร์ต USB ตรงนี้ต้องระวังไว้สักนิด จิ้มผิดอาจโดนฟินของฮีตซิงก์ได้เช่นกัน
ช่องทางการระบายความร้อน 4 จุด ตามสไตล์ของ MSI สายเกมมิ่ง โดยดูดลมเย็นจากด้านใต้เครื่อง ซึ่งมีช่องขนาดใหญ่ ระบายลมร้อนออกด้านข้างซ้าย-ขวา และด้านหลัง
โดยการระบายความร้อน มีเทคโนโลยี Cooler Boost 5 ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะมาให้ เพราะใส่มาแบบจัดเต็มทั้งในแง่ฮาร์ดแวร์ พัดขนาดใหญ่ 2 ตัว และใบพัดขนาดเล็กพิเศษ และฮีตไปป์ 4 เส้นด้วยกัน แยกส่วนการทำงานระหว่างซีพียูกับกราฟิกชิปอย่างชัดเจน ช่วยให้จัดการความร้อนได้ง่ายขึ้น
เทคโนโลยี Cooler Boost 5 เป็นระบบระบายความร้อน มาพร้อมพัดลมภายในขนาดใหญ่และยังเป็นแบบบางพิเศษ ด้วยพัดลมที่มีใบบางเฉียบประมาณ 0.2mm เท่านั้น มาให้ถึง 2 ตัวด้วยกัน และฮีตไปป์จำนวน 4 เส้น ที่ช่วยในการดึงความร้อนจากซีพียูและกราฟิกชิปได้เร็วมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้ผู้ใช้สามารถปรับเลือกโหมดในการใช้งานได้ตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น การลดเสียงรบกวน หรือจะเน้นประสิทธิภาพ ด้วยการกดปุ่ม F7 บนคีย์บอร์ด ซึ่งทำได้ง่ายมากๆ
ประสิทธิภาพในการระบายความร้อน ด้วยการทดสอบรันซีพียูแบบ Full-load 100% บนโปรแกรม Furmark ในโหมด CPU Burner ในอุณหภูมิห้องประมาณ 25 องศาเซลเซียส ซึ่งผลทดสอบอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 97 องศาเซลเซียส และลดลงมาอยู่ในช่วง 88-93 องศาเซลเซียส ในการทำงานซีพียู 100% บนโหมด Performance ส่วนในโหมด idle ที่สแตนบายบนหน้าจอ Desktop ปกติ อยู่ที่ราวๆ 37-42 องศาเซลเซียส เท่านั้น ถือว่า MSI ยังคงออกแบบการระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนการเล่นเกม จากเกม Red Dead Redemption 2 ที่เมื่อดูจากโปรแกรม MSI Afterburner นั้น เรียกใช้พลังซีพียู อยู่ที่ราวๆ 40-50% และทำให้ความร้อนไปอยู่ที่ราว 80 องศาเซลเซียสหรือมากกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ระยะเวลาในการใช้งาน MSI Stealth 15M จากการทดสอบด้วยโปรแกรม และใช้การตั้งค่า Volume 30% และปรับความสว่างที่ 30% พร้อมการเชื่อมต่อ WiFi ใช้เมาส์ไร้สายร่วมด้วย เพื่อจำลองการใช้งานจริง ด้วยการสตรีมมิ่งวีดีโ 4K ต่อเนื่อง ตัวเลขที่ได้อยู่ที่ราว 4-4.30 ชั่วโมง แต่ถ้าโหลดการทำงานของคุณน้อยกว่านี้ และปรับการใช้พลังงานลง ก็จะยืดระยะเวลาออกไปได้อีกไม่น้อยเลยครับ เรียกว่าถ้าใช้งานทั่วไป เปิดเครื่องและสแตนบายสลับกันไป ก็น่าจะได้มากกว่า 6 ชั่วโมง
เรื่องของ AI บนโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้ก็น่าสนใจด้วย MSI AI Engine นี้ระบบจะทำการปรับปรุงการทำงานให้สอดคล้องกับการใช้งานและสิ่งแวดล้อมของคุณให้อัตโนมัติ เช่น การเร่งประสิทธิภาพ ด้วยโหมด Extreme Performance เร่งความเร็วในส่วนต่างๆ เพื่อให้ตอบโจทย์การเล่นเกมและการทำงานได้ทันที ในช่วงแบตใกล้หมด ระบบสามารถลดการใช้พลังงานให้อัตโนมัติ รวมถึงการตรวจเช็คสภาพเสียงรอบข้าง ไม่ให้เกิดเสียงรบกวน ในโหมด Silent Power และยังลดการใช้พลังงานลงได้อีกทางหนึ่ง
Conclusion / Award
หากเปรียบเทียบสเปคกับราคาในช่วง 50,000 – 60,000 บาทนี้ ตัวเลือกค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะในแง่ของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค และราคาอยู่ในเกณฑ์ของเกมมิ่งที่จริงจังกับการเล่นเกมมากขึ้น ส่วนตัวมองว่า MSI Stealth 15M รุ่นนี้ ราคาแม้จะขยับอยู่ราวๆ ครึ่งแสน ที่อาจเป็นราคาท้าทายของเกมมิ่งหลายรุ่นในตลาด แต่เรื่องของปัจจัยรอบด้าน เช่น น้ำหนัก ดีไซน์ และเทคโนโลยี รวมถึงสเปคในหลายจุด MSI รุ่นนี้ ทำออกมาได้น่าสนใจ โดยเฉพาะความพรีเมียมและความบางเบา ที่เป็นข้อได้เปรียบมากกว่า สำหรับคนที่ซีเรียสในเรื่อง Mobility เพราะส่วนใหญ่ จะขยับน้ำหนักไปที่ 2.1 กิโลกรัมเป็นอย่างน้อย ในสเปคเดียวกัน แต่เรื่องที่คาใจก็มีอยู่บ้าง เช่น การที่ MSI ใช้แรม DDR4 บนเซ็ตนี้ ที่ดูเกือบจะจัดเต็มอยู่แล้ว และไฟคีย์บอร์ด ที่ปรับสีสันไม่ได้ มีแค่การเพิ่ม-ลดความสว่างเท่านั้น ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า ถ้าเติมเข้ามาแล้วราคาอัพขึ้นไปอีกเยอะ เท่านี้ก็เล่นเกมได้สนุกเหมือนกัน เงินที่เหลืออาจจะไปลงกับหูฟังเกมมิ่งหรือชุดเมาส์คีย์บอร์ดดีๆ เอามาเสริมการเล่นก็ดูจะน่าสนใจกว่า
Award
แม้ว่าหน้าตาภายนอกอาจจะดูเรียบๆ แต่ก็แฝงลูกเล่นและดีไซน์ในหลายจุด ที่เพิ่มทั้งในแง่ความสวยงามและความสมาร์ทเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ตั้งแต่โลโก้ที่ทำให้เรามองเห็นเฉดสีต่างกันไปในแต่ละมุมมอง ดึงดูดสายตาได้ดี สีสัน Core Black ก็ทำให้ใช้งานในโอกาสต่างๆ ได้ บนโต๊ะทำงาน ร้านกาแฟ ประชุมลูกค้าหรือว่ารวมก๊วนเล่นเกมบ้านเพื่อนก็ตาม แต่ที่น่าสนใจคือ คีย์บอร์ดที่มีแสงสีมาให้ ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมมากขึ้น หน้าจอกางได้ 180 องศา พร้อมฟีเจอร์ Flip and Share ก็ใช้งานได้จริง รวมถึงช่องระบายความร้อนที่ดูกลมกลืนไปกับบอดี้อีกด้วย รางวัลนี้ดูจะลงตัวมากบน MSI Stealth 15M รุ่นนี้
เชื่อว่าในด้านประสิทธิภาพที่ได้จากซีพียู Intel Core i7-1280P ที่เป็นซีรีส์ Performance ที่มี Core P ถึง 6 core ด้วยกัน และมีถึง 20 Thread ก็น่าจะเป็นที่วางใจของเหล่าคนทำงาน เกมเมอร์ และการทำงานในด้านต่างๆ ได้อย่างอุ่นใจ อีกทั้งมีกราฟิกการ์ด GeForce RTX 3060 มาเสริมกำลัง ทำให้การเล่นเกมในหลายๆ เกม ลื่นไหลได้มากกว่า 100fps. บน High Detail และมี SSD M.2 NVMe ที่มีความเร็วสูง ทั้งในเรื่องการอ่าน/เขียนมาอีก 1TB ทำให้ทุกอย่างดูลื่นไหล เช่นเดียวกับจอภาพที่มีรีเฟรชเรต 144Hz ก็ดูจะสอดคล้องกับการเล่น เพิ่มความสนุกสนาน ดูสบายตากับภาพที่ลื่นไหลมากขึ้น ก็น่าจะเป็นองค์ประกอบโดยรวมที่ทำให้คว้ารางวัลนี้ไปได้ไม่ยาก