สาย DisplayPort to HDMI ยุคนี้หาซื้อง่าย ราคาไม่แพงมากด้วย
DisplayPort to HDMI น่าจะเป็นสายแปลงที่ผู้ใช้หามาใช้งานกันไม่แพ้สาย DisplayPort หรือ HDMI สองฝั่ง อาจจะเพราะหน้าจอและการ์ดจอหรือโน๊ตบุ๊คเครื่องนั้นๆ พอร์ตไม่ตรงกัน ก็ต้องหาสายที่แปลงเป็นอีกพอร์ตที่หัวตรงกันมาใช้แทนจะได้ต่อหน้าจอกับตัวเครื่องแล้วเล่นได้ตามปกติ ซึ่งสายประเภทนี้ก็สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านคอมพิวเตอร์หรือจะสั่งจากเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ชั้นนำเจ้าต่างๆ มาก็ได้
อย่างไรก็ตาม สาย DisplayPort ก็มีเวอร์ชั่น, รายละเอียดและสเปคไม่แพ้กับสาย HDMI ที่ผู้เขียนเคยอธิบายไปในบทความ “เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คต่อหน้าจอแยกได้ Refresh Rate 144 Hz หรือเปล่า? รวมวิธีการดูพอร์ต HDMI และรายละเอียดที่คุณไม่เคยรู้!” เมื่อก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมในบทความนี้ได้เลย
คุยกันสั้นๆ ว่า DisplayPort เป็นมาอย่างไร ทำอะไรได้บ้าง?
สายหรือพอร์ต DisplayPort ถูกออกแบบมาเพื่อทดแทนพอร์ตเวอร์ชั่นเก่าที่ใช้กันมาเนิ่นนานอย่าง VGA, FPD-Link, DVI เปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2008 หรือราว 14 ปีก่อนหน้านี้ ต่อจาก HDMI ที่เพิ่งเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2002 ซึ่งพอร์ตนี้ดีไซน์และกำหนดมาตรฐานโดยองค์กร Video Electronics Standards Association (VESA) โดยรองรับการส่งผ่านข้อมูลภาพ, เสียง, และส่งผ่านข้อมูลได้แบบ USB และรองรับการเชื่อมต่อพอร์ตเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ (Backward Compatible) กับพอร์ตยอดนิยมต่างๆ ไม่ว่าจะ VGA, DVI รวมถึง HDMI ด้วย
ตัวพอร์ตออกแบบเป็นหัวสาย 20-pin รองรับแชนแนลเสียง 1-8 แชนแนล ส่วนความละเอียดหน้าจอจะขึ้นอยู่กับ Bandwidth ของตัวสาย ยิ่งถ้าเป็นเวอร์ชั่นใหม่ก็ยิ่งรองรับความละเอียดหน้าจอสูงขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ดังนั้นให้ดีที่สุดคือควรหาสายที่เป็นเวอร์ชั่น 1.4a ก็จะดีที่สุด จะได้ต่อหน้าจอความละเอียดสูงได้ทุกแบบ
นอกจากนี้ DisplayPort ยังถูกออกแบบให้พอร์ตอีกด้านเป็น USB-C ที่เป็นสาย Thunderbolt 3/4 เพื่อใช้ในโน๊ตบุ๊คประเภทต่างๆ รวมไปถึงมีดีไซน์แบบ Mini DisplayPort คือสายฝั่งหนึ่งเป็น DisplayPort ตัวเต็มและอีกฝั่งเป็นหัวสายขนาดเล็ก ซึ่งจะพบเจอในพีซีขนาดเล็กพิเศษ เช่น Intel NUC หรือเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คบางรุ่นด้วย ผู้ผลิตจะได้ใส่พอร์ตเพิ่มได้มากขึ้น
ด้านของโน๊ตบุ๊ค ถ้าดูในหน้าสเปคจะเห็นว่าตัวพอร์ต USB-C ที่ติดตั้งมาให้รองรับอะไรบ้าง ซึ่งเครื่องตัวอย่างที่หยิบยกมา จะเห็นว่า USB-C ทั้งสองช่องรองรับการต่อหน้าจอแยกแบบ DisplayPort alternate mode ทั้งสองช่อง แต่มีพอร์ตหนึ่งรองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบ Power Delivery ด้วย ซึ่งถ้าใครมีสาย USB-C พร้อมหัวปลั๊กแกลเลี่ยม ไนไตรท์ (GaN) กำลังไฟสูงติดกระเป๋าก็เอามาชาร์จโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ได้ด้วย ด้านสเปคของ DisplayPort แต่ละเวอร์ชั่นจะมีรายละเอียดโดยสังเขปดังนี้
- DisplayPort 1.0~1.1 – เปิดตัว 3 พฤษภาคม 2006 แล้วมีเวอร์ชั่นอัพเดท 1.1 ตามมาเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2007 แล้วมี 1.1a เมื่อ 11 มกราคม 2008 มีแบนด์วิธ 10.8 Gbit/s (Data rate ที่ 8.6 Gbit/s) รับส่งข้อมูล 4-lane ระยะสายที่ดีสุดไม่ควรเกิน 2 เมตรเพื่อแบนด์วิธสูงสุดตามสเปค
- DisplayPort 1.2 – เปิดตัว 7 มกราคม 2010 เพิ่มแบนด์วิธเป็น 17.28 Gbit/s HBR2 mode (High Bit Rate 2) ทำให้รองรับหน้าจอความละเอียดสูงขึ้น, ค่า Refresh Rate สูงกว่าเดิมและแสดงผลสีสันได้เข้มข้นกว่า เวอร์ชั่นนี้จะรองรับ Multi-Stream Transport และรายละเอียดส่วนอื่นๆ เกี่ยวกับเสียงและเข้ากับมาตรฐานสายแสดงผลภาพเวอร์ชั่นใหม่ๆ ได้ด้วย
- DisplayPort 1.2a – เปิดตัวตามมาในเดือนมกราคม 2013 รองรับ VESA Adaptive Sync, AMD FreeSync เพิ่มเติมจากที่ AMD ส่งคำร้องไปให้ทาง VESA และมาตรฐานของ Thunderbolt 3 จะเป็น DisplayPort เวอร์ชั่นนี้
- DisplayPort 1.3 – เปิดตัววันที่ 15 กันยายน 2014 เพิ่มค่าแบนด์วิธเป็น 32.4 Gbit/s รองรับ HBR3 ทำให้แบนด์วิธต่อ lane สูงขึ้นเป็น 8.1 Gbit/s ทำให้ต่อจอแยกความละเอียด 4K UHD (3840 × 2160) 120 Hz ได้ รองรับสีสัน RGB ได้ 24 bit/px, จอ 5K (5120 × 2880) 60 Hz รองรับสีสัน RGB ได้ 30 bit/px, จอ 8K (7680 × 4320) 60 Hz รองรับสีสัน RGB ได้ 24 bit/px เพิ่มการรองรับ Dual-mode เพื่อใช้กับ HDMI 2.0 HDCP 2.2 Content Protection และ DVI ได้
- DisplayPort 1.4~1.4a – สำหรับเวอร์ชั่น 1.4 เปิดตัววันที่ 1 มีนาคม 2016 ซึ่งค่าแบนด์วิธยังเท่าเวอร์ชั่น 1.3 และยังเป็น HBR3 ทำให้แบนด์วิธคงอยู่ที่ 32.4 Gbit/s แต่เพิ่ม Display Stream Compression 1.2 (DSC), Forward Error Correction, HDR10 เข้ามาและรองรับขอบเขตสีระดับ Rec. 2020 และขยายแชนแนลเสียงของ Inline audio ไปถึง 32 แชนแนล ส่วนเวอร์ชั่น 1.4a เปิดตัวเมษายน 2018 เพียงแค่อัพเดท DSC 1.2 เป็น 1.2a เท่านั้น
- DisplayPort 2.0 – เปิดตัวเดือนมีนาคม 2016 ที่ผ่านมา โดยอัพเดทเพิ่มแบนด์วิธให้ Data เรทเพิ่มจาก 25.92 เป็น 77.37 Gbit/s โดยเวอร์ชั่นนี้จะรองรับความละเอียดหน้าจอสูงขึ้นสุดที่จอเดี่ยวความละเอียด 16K (15360 × 8640) 60 Hz และแสดงผลสีได้ 30 bit/px HDR ส่วนจอ 8K (7680 × 4320) 120 Hz กับ 4K (3840 × 2160) 144 Hz รองรับสูงสุด 2 จอ หรือ 4K (3840 × 2160) 90 Hz ต่อได้ 3 จอพร้อมกัน นอกจากนี้ยังอัพเกรด เพิ่มค่า Refresh Rate และ HDR ให้สูงขึ้น รวมทั้งอัพเกรดการแสดงผลด้าน Augment Reality/Virtual Reality (AR/VR) ให้รองรับความละเอียดระดับสูงกว่า 4K ได้แล้ว
จุดสังเกตและควรระวังตอนใช้งานคือ สาย HDMI สามารถดึงสายออกมาตรงๆ ได้เลย แต่สาย DisplayPort ต้องบีบที่หัวขั้วของมันก่อนเพื่อให้เขี้ยวล็อคพอร์ตหุบลงมา ไม่แนะนำให้ฝืนดึงเด็ดขาดไม่อย่างนั้นสายและอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อด้วย เข่น การ์ดจอ อาจจะเสียหายจนต้องส่งซ่อมได้
5 สาย DisplayPort to HDMI ราคาเป็นมิตร ต่อหน้าจอแล้วใช้งานดี!
สำหรับสายและอแดปเตอร์แปลง DisplayPort เป็น HDMI ในปัจจุบันนี้ไม่จำเป็นต้องขยับไประดับ DisplayPort 2.0 ก็ได้ ซึ่งสาย DisplayPort 1.4a ในปัจจุบันก็ตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้ทั่วไปได้เป็นอย่างดีแล้ว โดยสายและหัวอแดปเตอร์ที่เลือกมาแนะนำในบทความนี้มีทั้งหมด 5 รุ่น ได้แก่
- Vention DisplayPort to HDMI 4K (109 บาท)
- 4K Displayport to HDMI ร้าน clshopping.th (112 บาท)
- Remax 4K Display Port DP To HDMI 1.8M (150 บาท)
- UGREEN 40363 (329 บาท)
- UGREEN 10203 (456 บาท)
1. Vention DisplayPort to HDMI 4K (109 บาท)
สำหรับ Vention DisplayPort to HDMI 4K จะเป็นอแดปเตอร์แปลงหัว HDMI ที่มีอยู่ให้อีกฝั่งกลายเป็น DisplayPort เพื่อต่อเข้ากับหน้าจอหรือการ์ดจอที่ต้องการได้ง่ายๆ โดยหัวแปลงนี้จะมีทั้งตัวที่รองรับความละเอียด 1080p และ 4K ซึ่งผู้เขียนเลือกเป็นแบบรองรับ 4K มาแนะนำกัน และราคาถือว่าย่อมเยาว์ ติดตั้งชิป MXP3361 ให้รับส่งไฟล์เสียงและวิดีโอได้อย่างคมชัด รองรับความละเอียดสูงสุด 4K 30 Hz หัวพอร์ต DisplayPort ชุบทองเพื่อความสวยงามแข็งแรง บอดี้เป็นยางไม่เสียหายง่าย ซึ่งถ้าใครมีสาย HDMI คุณภาพดีอยู่แล้วแต่ต้องต่อ DisplayPort ก็ซื้อตัวนี้ไปต่อใช้งานได้เลย
สเปคของ Vention DisplayPort to HDMI 4K
- หัวพอร์ต DisplayPort ชุบทองเพื่อความสวยงามแข็งแรง บอดี้เป็นยางไม่เสียหายง่าย
- ติดตั้งชิป MXP3361 ให้รับส่งไฟล์เสียงและวิดีโอได้อย่างคมชัด รองรับ 4K 30 Hz
- ราคา 109 บาท (Vention Thailand)
2. 4K Displayport to HDMI ร้าน clshopping.th (112 บาท)
ถัดมาเป็นสาย DisplayPort เป็น HDMI ของร้าน clshopping.th ที่ส่งจากต่างประเทศ โดยตัวสายเป็นยางและหัวชุบทองเช่นกัน ความยาว 1.8 เมตร มีแบนด์วิธ 2.25 Gbps รองรับโหมด Mirror และโหมดขยายทั้งคู่ รองรับการแสดงผลสูงสุดระดับ 4K 30 Hz หรือจะต่อความละเอียด 1080p ก็ได้ ซึ่งถ้าใครต้องการสาย DisplayPort ใหม่มาใช้เป็นเส้นหลักหรือสายเสริมก็ซื้อเส้นนี้มาสำรองเอาไว้ได้เลย
สเปคของ 4K Displayport to HDMI ร้าน clshopping.th
- สายยางหัวชุบทอง ความยาว 1.8 เมตร
- แบนด์วิธ 2.25 Gbps รองรับการแสดงผลสูงสุดระดับ 4K 30 Hz
- ราคา 112 บาท (clshopping.th Shopee)
3. Remax 4K Display Port DP To HDMI 1.8M (150 บาท)
ถัดมาเป็นสาย DisplayPort เป็น HDMI ของ Remax ที่น่าเลือกซื้อมาใช้งานเช่นกัน โดยตัวสายยาว 1.8 เมตร เป็นสายยางชุบปลายพอร์ตทองคำเหมือนกัน ค่าแบนด์วิธอยู่ที่ 2.25Gbps รองรับความละเอียดระดับ 4K 30 Hz ได้อย่างแน่นอน โดยฝั่ง HDMI เป็น HDMI 1.3a รองรับการเชื่อมต่อถอยกลับเป็น DisplayPort 1.1 ได้ด้วย ซึ่งถ้าใครอยากได้สาย DisplayPort เป็น HDMI ที่ราคาไม่แพง น่าซื้อมาใช้งานอีกเส้นหนึ่ง
สเปคของ Remax 4K Display Port DP To HDMI 1.8M
- สายยางหัวชุบทอง ความยาว 1.8 เมตร
- แบนด์วิธ 2.25 Gbps รองรับการแสดงผลสูงสุดระดับ 4K 30 Hz
- ฝั่ง HDMI รองรับเวอร์ชั่น HDMI 1.3a ส่วน DisplayPort รองรับถึง DisplayPort 1.1
- ราคา 150 บาท (dan1993remax Shopee)
4. UGREEN 40363 (329 บาท)
ด้าน UGREEN รุ่น 40363 ตัวนี้จะเป็นสายแบบสั้นสำหรับแปลงสาย HDMI เป็น DisplayPort เช่นกัน ดังนั้นถ้าใครมีสาย HDMI ประสิทธิภาพสูงเส้นเก่าแต่ต่อเข้าหน้าจอหรือการ์ดจอไม่ได้ ก็ซื้อสายเส้นนี้ไปใช้งานได้เลย โดยตัวสายนี้เป็นพลาสติกที่ฝั่ง HDMI ออกเป็นสายและหัวพอร์ตยางฝั่ง DisplayPort ชุบทองทั้งฝั่ง HDMI, DisplayPort เหมือนกัน มีชิป Parade PS8402A สำหรับรับส่งภาพและเสียงได้อย่างเสถียรไม่มีปัญหาระหว่างใช้งานและรองรับสาย HDMI ได้ยาวสุด 10 เมตร ใช้งานแบบ Mirror, Extend mode ก็ได้ รองรับความละเอียด 1080p~4K ได้เลย ถ้าใครหาหัวแปลงเช่นนี้เอาไว้ใช้งานอยู่ก็แนะนำให้ดูตัวสายนี้เอาไว้ได้เลย
สเปคของ UGREEN รุ่น 40363
- สายพลาสติกที่ฝั่ง HDMI ออกเป็นสายและหัวพอร์ตยางฝั่ง DisplayPort ชุบทองทั้งคู่
- มีชิป Parade PS8402A สำหรับรับส่งภาพและเสียงได้อย่างเสถียรตั้งแต่ 1080p~4K
- รองรับสาย HDMI ได้ยาวสุด 10 เมตร รองรับ Mirror, Extend mode
- ราคา 329 บาท (UGREEN by Gadget Villa)
5. UGREEN 10203 (456 บาท)
สุดท้ายสาย DisplayPort to HDMI อีกเส้นจะมี UGREEN 10203 เส้นนี้แนะนำด้วย โดยตัวสายเป็นยางทั้งเส้นและหัวพอร์ตชุบทองเช่นกัน ซึ่งตัวสายยาว 3 เมตร เหมาะจะใช้ต่อพีซีหรือโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งก็ได้ รองรับความละเอียดระดับ 4K 30 Hz หรือ 1080p 144 Hz ก็ได้เช่นกันหากหน้าจอคอมพิวเตอร์นั้นรองรับ ดังนั้นถ้าใครเชื่อมือแบรนด์นี้ก็สามารถซื้อไปใช้งานได้เลย
สเปคของ UGREEN 10203
- สายยางหัวชุบทอง ความยาว 3 เมตร
- รองรับการแสดงผลสูงสุดระดับ 4K 30 Hz หรือ 1080p 144 Hz
- ราคา 456 บาท (itclick456 Shopee)
สรุปสเปค DisplayPort to HDMI ทั้ง 5 เส้น ซื้อมาใช้แล้วเวิร์ค!
สายและหัวแปลง DisplayPort to HDMI ทั้ง 5 เส้นที่เลือกมาแนะนำนั้น จะมีสเปคดังนี้
สเปค DisplayPort to HDMI | ประเภทและดีไซน์ | ความละเอียด | ราคา |
Vention DisplayPort to HDMI 4K | หัวแปลง HDMI เป็น DisplayPort ชุบทองทั้งสองฝั่ง | 4K 30 Hz ชิป MXP3361 ให้รับส่งไฟล์เสียงและวิดีโอได้อย่างคมชัด |
109 บาท |
4K DISPLAYPORT TO HDMI ร้าน CLSHOPPING.TH | สายยางหัวชุบทอง ยาว 1.8 เมตร |
แบนด์วิธ 2.25 Gbps 4K 30 Hz |
112 บาท |
Remax 4K Display Port DP To HDMI 1.8M | สายยางหัวชุบทอง ยาว 1.8 เมตร |
แบนด์วิธ 2.25 Gbps 4K 30 Hz ฝั่ง HDMI เป็น HDMI 1.3a ส่วน DisplayPort รองรับถึง DisplayPort 1.1 |
150 บาท |
UGREEN รุ่น 40363 | หัวแปลง HDMI เป็น DisplayPort ชุบทองทั้งสองฝั่ง รองรับสายยาวสุด 10 เมตร รองรับ Mirror, Extend mode |
ชิป Parade PS8402A สำหรับรับส่งภาพและเสียงได้อย่างเสถียร รองรับ 1080p~4K |
329 บาท |
UGREEN 10203 | สายยางหัวชุบทอง ยาว 3 เมตร |
4K 30 Hz 1080p 144 Hz |
456 บาท |
จะเห็นว่าสาย DisplayPort to HDMI ในปัจจุบันนี้ เพียงราคาหลักร้อยก็ซื้อไปต่อใช้งานได้แล้ว ซึ่งถ้าใครซื้อหน้าจอคอมพิวเตอร์มาใช้แต่พอร์ตไม่ตรง ก็ซื้อสายประเภทนี้ไปต่อแล้วใช้งานได้เลย หรือใครจะซื้อเอาไว้สำรองใช้งานก็ดีเช่นกัน