หูฟังเบสหนักปี 2022 นี้มีตัวเลือกให้ซื้อมากมาย ฟังเพลงสะใจแน่นอน
รสนิยมการฟังเพลงของหลายคนแตกต่างกัน บางคนชอบฟังแนวสบายๆ หรือหลายคนที่เน้นเสียงเบสแล้วหาหูฟังเบสหนักเอาไว้ฟังเพลง ปัจจุบันนี้จะมีรุ่นเด็ดน่าใช้ให้เลือกซื้อกันมากมายทีเดียวไม่ว่าจะเป็นแบบ In-Ear, Earphone ให้ขนาดตัวหูฟังไม่ใหญ่มากพกพาได้ง่าย แต่ถ้าใครเน้นคุณภาพเสียงจัดเต็มไม่มีปัญหาเรื่องพกพาก็มีคนที่ซื้อเป็น Headphone มาใช้แล้วครอบศีรษะหรือคล้องคอเป็นเครื่องประดับไปเลยก็มี
ข้อดีของหูฟังสไตล์ Headphone ในปัจจุบันนี้ คือเมื่อตัวบอดี้มีขนาดใหญ่ก็มีพื้นที่ติดตั้งปุ่มสำหรับตั้งค่าตัวหูฟังอย่างเพิ่มลดเสียง, เปิดหรือปิดระบบตัดเสียงรบกวนและใส่พอร์ตเชื่อมต่อหรือชาร์จแบตเตอรี่เข้ามาให้อย่างครบถ้วน เวลาฟังเพลงแล้วเสียงเบาเกินไปหรือมีคนมาคุยด้วยต้องการพูดกับคู่สนทนา ก็สามารถกดปุ่มที่ตัวหูฟังได้เลยไม่ต้องกดหยุดเพลงหรือถอดตัวหูฟังก็ได้ และนอกจากนี้ยังใส่ฟีเจอร์อื่นๆ เข้ามาให้อีกมากมายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่นอีกด้วย
6 หูฟังเบสหนักตัวเด็ดน่าโดนเพื่อคนรักเสียงเพลง
หูฟังเบสหนักที่มีขายในประเทศไทยตอนนี้ต้องถือว่ามีรุ่นเด็ดเสียงดีที่ทางสื่อต่างประเทศยกให้เป็นหูฟังที่ฟังเพลงได้อรรถรสและเป็นแบรนด์ที่คนไทยรู้จักผสมกับแบรนด์ที่เพิ่งเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยด้วย โดยทั้ง 6 รุ่นที่ผู้เขียนเลือกมาแนะนำในบทความนี้จะมีดังนี้
- EMOTION MAX (3,990 บาท)
- Audio Technica ATH-M50x BT (7,690 บาท)
- Skullcandy Crusher 3.0 Wireless (7,900 บาท)
- Sennheiser Momentum 3 Wireless (9,999 บาท)
- Sony WH-1000XM4 (11,990 บาท)
- Beats Studio3 (12,500 บาท)
1. EMOTION MAX (3,990 บาท)
EMOTION MAX อาจจะเป็นแบรนด์ที่ยังไม่คุ้นหูคนไทยเท่าไหร่ แต่ฟีเจอร์ของหูฟังตัวนี้เรียกว่าไม่น้อยหน้ากว่าแบรนด์ชั้นนำหลายเจ้าที่คนไทยชื่นชอบแน่นอน โดย SOULEMOTION ผู้ผลิตหูฟังรุ่นนี้ก็อัดสเปคให้หูฟังตัวนี้มาอย่างเต็มที่ โดยเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 หรือสาย 3.5 มม. ก็ได้ รองรับการเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์พร้อมกัน ให้ฟังเพลงจากโน๊ตบุ๊คและรับสายจากโทรศัพท์ได้พร้อมกัน ติดตั้งปุ่มตั้งค่าหูฟังทั้งหยุด/เล่นเพลง, ปุ่ม ANC, ปุ่มปรับเพิ่ม/ลดเสียงมาให้ข้างตัวหูฟังและถอดเปลี่ยนฟองน้ำได้ด้วย
ด้านไดรเวอร์เป็นแบบนีโอไดเมี่ยมขนาด 40 มม. ให้เสียงระดับ Hi-Fi รองรับ aptX, AAC เพื่อการเชื่อมต่อที่ดี มี cVc 8.0 ฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนด้วยไมค์คู่ ทำให้ฟังเพลงได้เต็มอิ่มหรือจะเปิด Transparency Mode ฟังเสียงแวดล้อมหรือคู่สนทนาก็ได้ ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 38 ชม. ถ้าเปิดระบบตัดเสียงรบกวนใช้ได้ 24 ชม. รองรับการชาร์จไวผ่าน USB-C เพียง 10 นาทีก็ฟังเพลงได้ 1.5 ชม. เรียกว่าเป็นหูฟังเบสหนักที่อาจจะยังไม่ติดหูคนไทยนักแต่น่าซื้อมาใช้เช่นกัน
สเปคของ EMOTION MAX
- เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 หรือสาย 3.5 มม. รองรับการเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์พร้อมกัน
- ติดตั้งปุ่มตั้งค่าหูฟังทั้งหยุด/เล่นเพลง, ปุ่ม ANC, ปุ่มปรับเพิ่ม/ลดเสียง มาให้ใช้งาน
- ไดรเวอร์เป็นแบบนีโอไดเมี่ยมขนาด 40 มม. ให้เสียงระดับ Hi-Fi รองรับ aptX, AAC
- cVc 8.0ตัดเสียงรบกวนด้วยไมค์คู่ เปิด Transparency Mode ฟังเสียงแวดล้อมได้
- ใช้งานได้นานสุด 38 ชม. เปิดระบบตัดเสียงรบกวนใช้ได้ 24 ชม. ชาร์จไวผ่าน USB-C เพียง 10 นาที ฟังเพลงได้ 1.5 ชม.
- ราคา 3,990 บาท (Asavasopon)
2. Audio Technica ATH-M50x BT (7,690 บาท)
Audio Technica ATH-M50x BT รุ่นนี้ก็เป็นหูฟังเบสหนักที่น่าสนใจ โดยผู้ผลิตเคลมว่าหูฟังรุ่นนี้ให้เสียงระดับ Studio Sound เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 รองรับ aptX, AAC, SBC หรือ สายหูฟัง 3.5 มม. ก็ได้ จะใช้ฟังเพลงกับสมาร์ทโฟนก็รองรับการเรียก Siri, Google Assistant ต่อพีซีหรือคอนโซลเพื่อเล่นเกมก็ได้ จัดว่าใช้ดีรอบด้านน่าใช้รุ่นหนึ่ง
ตัวไดรเวอร์แม่เหล็กแร่ Rare earth ระดับ Professional grade ขนาด 45 มม. พร้อมไมค์คอนเดนเซอร์ในตัว รับเสียงแบบ Omnidirectional ติดปุ่มปรับเพิ่มลดเสียง, เปิดปิดหูฟังมาให้ มีระบบตัดเสียงรบกวน Passive noise cancelling แบตเตอรี่ใช้งานได้ 40 ชม. ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยสาย USB ใช้เวลา 5-7 ชม. จนแบตเตอรี่เต็ม ในกล่องได้สาย iS controller cable ติดไมค์มาให้ สามารถเสียบหรือถอดจากตัวหูฟังได้ด้วย เรียกว่าเป็นหูฟังตัวเด็ดเสียงดีอีกรุ่นที่น่าเลือกซื้อมาใช้งานกัน
สเปคของ Audio Technica ATH-M50x BT
- เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 รองรับ aptX, AAC, SBC หรือ สายหูฟัง 3.5 มม.
- ติดตั้งปุ่มตั้งค่าหูฟังทั้งหยุด/เล่นเพลง, ปุ่ม ANC, ปุ่มปรับเพิ่ม/ลดเสียง มาให้ใช้งาน
- ไดรเวอร์แม่เหล็ก Rare earth ระดับ Professional grade ขนาด 45 มม.
- ไมค์คอนเดนเซอร์ในตัว รับเสียงแบบ Omnidirectional
- ระบบตัดเสียงรบกวน Passive noise cancelling
- ใช้งานได้นานสุด 40 ชม. ชาร์จผ่าน USB 5-7 ชม. จนเต็ม
- ราคา 7,690 บาท (Munkonggadget)
3. Skullcandy Crusher 3.0 Wireless (7,900 บาท)
Skullcandy Crusher 3.0 Wireless เป็นหูฟังที่สายฟังเพลงหลายคนเลือกซื้อมาฟังเพลงกันและมีจุดเด่นเรื่อง Sensory Bass ทำให้เบสหนักแน่นปรับได้ด้วยแถบเลื่อนที่ตัวหูฟัง ทำให้ผู้ใช้เลือกปรับเสียงเบสได้ตามสไตล์การฟังเพลงได้สะดวกขึ้นและมีปุ่มปรับเพิ่มลดเสียงและเล่น/หยุดเพลงติดมาด้วย
ด้านการเชื่อมต่อรองรับ Bluetooth หรือสาย 3.5 มม. ก็ได้ ด้านไดรเวอร์มีขนาด 35 มม. ดีไซน์ให้ตัดเสียงรบกวนและเข้ากับหูของผู้ใช้ได้พอดี มีไมโครโฟนติดตั้งมาให้ใช้พูดคุยกับคู่สนทนาได้ ส่วนแบตเตอรี่ในตัวสามารถใช้ฟังเพลงได้นานสุด 40 ชม. รองรับการชาร์จไว 10 นาทีใช้งานได้ 3 ชม. จากตัวสไลด์ปรับเสียงเบสก็พูดได้ชัดเจนว่าเป็นหูฟังที่เหมาะกับคนรักเสียงเบสอย่างแน่นอน และใช้งานได้ทั้งพีซีและสมาร์ทโฟนอีกด้วย
สเปคของ Skullcandy Crusher 3.0 Wireless
- เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth หรือ สายหูฟัง 3.5 มม.
- ติดตั้งปุ่มตั้งค่าหูฟังทั้งหยุด/เล่นเพลง, ปรับเพิ่ม/ลดเสียง และตัวสไลด์เพิ่มเสียงเบส
- ไดรเวอร์ขนาด 35 มม. ออกแบบให้ตัวครอบหูฟังปิดหูพอดีเพื่อตัดเสียงรบกวน
- ติดตั้งไมโครโฟนมาเพื่อคุยสายสนทนาได้
- ใช้งานได้นานสุด 40 ชม. ชาร์จไวผ่าน USB 10 นาที ใช้ได้ 3 ชม.
- ราคา 7,900 บาท (Munkonggadget)
4. Sennheiser Momentum 3 Wireless (9,999 บาท)
Sennheiser Momentum 3 Wireless ตัวนี้เชื่อว่าใครเห็นชื่อก็รู้ว่าเป็นหูฟังเน้นฟังเพลงอย่างแน่นอน โดยดีไซน์หูฟังจะเป็นโครงโลหะสวยงามแข็งแรงและปุ่มด้านข้างหูฟังสำหรับปรับเพิ่มลดเสียง, เล่นเพลง ฯลฯ ตั้งค่าหูฟังกับ EQ รวมทั้งอัพเดทเฟิร์มแวร์หูฟังด้วยแอพฯ Sennheiser Smart Control โหลดได้ทั้ง Android, iOS รองรับ Google Assistant, Siri รองรับแอพฯ TILE สำหรับหาหูฟังเวลาหาไม่เจอ นอกจากนี้ยังมีระบบ Auto Pause เมื่อถอดหูฟังออกและเปิดอัตโนมัติเมื่อกางหูฟังและสวมกลับก็เล่นเพลงทันทีเรียกว่าครบเครื่องทีเดียว
การเชื่อมต่อรองรับ Bluetooth 5.0 รองรับ aptX, aptX Low Latency, AAC, SBC หรือสายหูฟัง 3.5 มม., NFC ไดรเวอร์ตอบสนองความถี่ 6 Hz – 22 kHz จัดว่าตอบสนองได้ถี่มาก เปิดระบบตัดเสียงรบกวนได้ 3 ระดับตั้งแต่ตัดเสียงเล็กน้อยไปจนตัดเสียงทั้งหมดเพื่อฟังเพลงอย่างเดียวก็ได้ แบตเตอรี่ในตัวใช้งานได้ 17 ชม. ชาร์จผ่าน USB-C ได้ ซึ่งผู้เขียนเห็นฟว่าถ้าใครรักการฟังเพลงและชอบหูฟังเบสหนักแน่นก็ลงทุนซื้อของดีไปฟังเพลงเลยก็ได้
สเปคของ Sennheiser Momentum 3 Wireless
- เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 รองรับ aptX, aptX Low Latency, AAC, SBC หรือสายหูฟัง 3.5 มม.
- ติดตั้งปุ่มตั้งค่าหูฟังทั้งหยุด/เล่นเพลง, ปรับเพิ่ม/ลดเสียง ตั้งค่าด้วยแอพฯ Sennheiser Smart Control มี Auto Pause
- ไดรเวอร์ตอบสนองความถี่ 6 Hz – 22 kH
- มีระบบตัดเสียงรบกวน 3 ระดับ เลือกได้ตั้งแต่ตัดเสียงเล็กน้อยจนตัดทั้งหมด
- ใช้งานได้นานสุด 17 ชม. ชาร์จด้วยสาย USB-C ได้
- ราคา 9,999 บาท (Munkonggadget)
5. Sony WH-1000XM4 (11,990 บาท)
Sony WH-1000XM4 เป็นหูฟังเบสหนักรุ่นอัพเกรดจาก WH-1000XM3 รุ่นก่อนหน้านี้ให้คุณภาพเสียงดียิ่งขึ้น รองรับเสียง Hi-Res, LDAC รองรับ Google Assistant, Alexa ตั้งค่าและอัพเดทเฟิร์มแวร์ได้ด้วย Sony Headphone Connect โหลดได้ทั้ง Android และ iOS ติดตั้งชิปเสียงแบบ AI “DSEE Extreme” ให้เสียงดิจิตอลมีรายละเอียดและคุณภาพเสียงดีขึ้น จำลองเสียงได้รอบด้านแบบ 360 Reality Audio
ด้านการเชื่อมต่อหูฟังรองรับ Bluetooth 5.0 รองรับ SBC, AAC, LDAC หรือสายหูฟัง 3.5 มม. จับคู่กับอุปกรณ์ต่างๆ ได้รวดเร็วด้วย NFC มี Google Fast Pair ในตัว ใช้ไดรเวอร์แม่เหล็กนีโอดิเมียมพร้อมไดอะแฟรม LCP ขนาด 40 มม. ให้เสียงดีฟังเพลินพร้อม Sense Engine ปรับเสียงอัตโนมัติตามกิจกรรมของเราพร้อมชิป Sony QN1 ตัดเสียงรบกวนได้อย่างละเอียดและปรับเป็นโหมด Ambient เพื่อรับเสียงภายนอกและแตะหูฟังเพื่อเปิด Quick Attention เพื่อคุยกับคู่สนทนาชั่วคราวก็ได้ ส่วนแบตเตอรี่ในตัวสามารถฟังเพลงได้นานสุด 30 ชม. รองรับชาร์จไวด้วยสาย USB-C เพียง 10 นาทีฟังเพลงได้ 5 ชม. เรียกว่าเป็นหูฟังเบสหนักน่าใช้อีกรุ่นหนึ่งเลย
สเปคของ Sony WH-1000XM4
- เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 รองรับ SBC, AAC, LDAC หรือสายหูฟัง 3.5 มม. มี NFC รองรับ Google Fast Pair
- ติดตั้งปุ่มตั้งค่าหูฟังทั้งหยุด/เล่นเพลง, ปรับเพิ่ม/ลดเสียง ตั้งค่าด้วยแอพฯ Sony Headphone Connect
- ไดรเวอร์แม่เหล็กนีโอดิเมียมพร้อมไดอะแฟรม LCP ขนาด 40 มม. มี Sense Engine, DSEE Extreme, 360 Reality Audio
- มีระบบตัดเสียงด้วยชิป QN1 เลือกเป็น Ambient ได้ มี Quick Attention
- ใช้งานได้นานสุด 30 ชม. ชาร์จไวด้วยสาย USB-C เพียง 10 นาทีใช้ได้ 5 ชม.
- ราคา 11,990 บาท (Sony Thailand)
6. Beats Studio3 (12,500 บาท)
Beats Studio3 รุ่นนี้เรียกว่านอกจากสไตล์สวยดูดีแล้ว ยังเป็นหูฟังเบสหนักเพื่อชาว iOS โดยเฉพาะ เพราะติดตั้งชิป Apple W1 สำหรับเชื่อมต่อกับ iPhone, iPad อย่างรวดเร็วและเสถียรเอาไว้ให้ มี Pure ANC สำหรับตัดเสียงรบกวนจากภายนอกและปรับโทนเสียงแบบอัตโนมัติให้คุณภาพเสียงตอนฟังเพลงฟังได้ดีสุดตลอดการใช้งาน รองรับ Siri ด้วย
การเชื่อมต่อรองรับ Bluetooth 4.0 หรือเชื่อมต่อด้วยสาย 3.5 มม. ใช้กับ Android ได้ด้วย ไดรเวอร์เป็นแบบปรับโทนเสียงตามสภาพแวดล้อมอัตโนมัติให้เสียงออกมาดีที่สุด รองรับ Audio Sharing แชร์เพลงให้หูฟัง Beats หรือ AirPods รุ่นอื่นได้ คุมผ่านปุ่มโลโก้ b ของ Beats ที่ตัวหูฟังทั้งปรับเสียง, เล่นเพลงโทรออกรับสายก็ได้ในปุ่มเดียว แบตเตอรี่หูฟังใช้งานได้ 40 ชม. ถ้าเปิดตัดเสียงรบกวนเหลือ 22 ชม. รองรับชาร์จไว 10 นาทีฟังเพลงได้ 3 ชม. ซึ่งถ้าใครใช้อุปกรณ์ iOS เป็นหลักแล้วชอบหูฟังเบสหนักๆ ล่ะก็ สามารถเลือก Beats Studio3 ตัวนี้ไปใช้งานได้เลย
สเปคของ Beat Studio3
- เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 หรือสาย 3.5 มม. รองรับ มีชิป Apple W1 รองรับ Siri มี Audio Sharing
- คุมผ่านปุ่มโลโก้ b ของ Beats ที่ตัวหูฟังทั้งปรับเสียง, เล่นเพลงโทรออกรับสาย
- มีระบบตัดเสียง Pure ANC และปรับโทนเสียงแบบอัตโนมัติ
- ใช้งานได้นานสุด 40 ชม. เปิด ANC เหลือ 22 ชม. ชาร์จไว เพียง 10 นาทีใช้ได้ 3 ชม.
- ราคา 12,500 บาท (Apple Thailand)
สรุปสเปคหูฟังเบสหนัก 6 รุ่นเด็ดแนะนำสำหรับคนฟังเพลง
สำหรับหูฟังเบสหนักทั้ง 6 รุ่น จะมีรุ่นน่าสนใจให้เลือกมากมายทีเดียว ซึ่งสเปคโดยสรุปเป็นดังนี้
สเปคหูฟังเบสหนัก | การเชื่อมต่อและปุ่มควบคุม | ไดรเวอร์และฟีเจอร์พิเศษ | ระบบตัดเสียงรบกวน | ระยะเวลาใช้งาน | ราคา |
EMOTION MAX | Bluetooth 5.0 สายหูฟัง 3.5 มม. มีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง, เล่น/หยุดเพลง, ANC |
นีโอไดเมี่ยมขนาด 40 มม. เสียง Hi-Fi aptX, AAC |
cVc 8.0 Transparency Mode |
38 ชม. เปิดตัดเสียงรบกวนใช้ได้ 24 ชม. ชาร์จไว 10 นาทีฟังได้ 1.5 ชม. สาย USB-C |
3,990 บาท |
Audio Technica ATH-M50x BT | Bluetooth 5.0 สายหูฟัง 3.5 มม. มีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง, เล่น/หยุดเพลง, ANC |
แม่เหล็ก Rare earth Professional grade 45 มม. |
Passive noise cancelling | 40 ชม. ชาร์จ USB 5-7 ชม. |
7,690 บาท |
Skullcandy Crusher 3.0 Wireless | Bluetooth 5.0 สายหูฟัง 3.5 มม. มีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง, เล่น/หยุดเพลง, ตัวสไลด์เพิ่มเสียงเบส |
ไดรเวอร์ 35 มม. | ออกแบบตัวครอบหูฟังให้พอดีหูเพื่อตัดเสียงรบกวน | 40 ชม. ชาร์จไว 10 นาทีฟังได้ 3 ชม. |
7,900 บาท |
Sennheiser Momentum 3 Wireless | Bluetooth 5.0 รองรับ aptX, aptX Low Latency, AAC, SBC สายหูฟัง 3.5 มม. มีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง, เล่น/หยุดเพลง ตั้งค่าด้วยแอพฯ Sennheiser Smart Control |
ไดรเวอร์ตอบสนองความถี่ 6 Hz – 22 kH |
ระบบตัดเสียงรบกวน 3 ระดับ | 17 ชม. ชาร์จด้วยสาย USB-C |
9,999 บาท |
Sony WH-1000XM4 | Bluetooth 5.0 รองรับ SBC, AAC, LDAC สายหูฟัง 3.5 มม. NFC รองรับ Google Fast Pair ตั้งค่าด้วยแอพฯ Sony Headphone Connect |
ไดรเวอร์แม่เหล็กนีโอดิเมียมพร้อมไดอะแฟรม LCP ขนาด 40 มม. Sense Engine DSEE Extreme 360 Reality Audio |
ชิป QN1 เลือกเป็น Ambient ได้ Quick Attention |
30 ชม. ชาร์จไวด้วย USB-C เพียง 10 นาทีใช้ได้ 5 ชม. |
11,990 บาท |
Beats Studio3 | Bluetooth 5.0 สายหูฟัง 3.5 มม. Apple W1 Audio Sharing |
ไดรเวอร์ปรับโทนเสียงแบบอัตโนมัติ | Pure ANC | 40 ชม. ANC เหลือ 22 ชม. ชาร์จไว 10 นาทีใช้ได้ 3 ชม. |
12,500 บาท |
สำหรับคนที่มองหาหูฟังเบสหนักดีๆ เอาไว้ฟังเพลงสักตัวจะเห็นว่าผู้เขียนเลือกแนะนำเป็นรุ่นราคาสูงสักหน่อย เนื่องจากคุณภาพเสียงและฟีเจอร์และกำลังขับเสียงจะดีกว่า สามารถฟังเพลงได้อรรถรสยิ่งขึ้นด้วย นอกจากนี้หูฟังหลายๆ รุ่นก็มีผู้ขายหลายเจ้าจัดเซลส์ราคาพิเศษเป็นระยะๆ อยู่แล้ว ซึ่งอาจจะรอช่วงลดราคาตอนนั้นแล้วค่อยสั่งซื้อก็ได้ จะได้ราคาคุ้มค่ายิ่งขึ้นอย่างแน่นอน