เทียบราคาเปลี่ยนแบตไอโฟนและอุปกรณ์อื่นๆ จากศูนย์ Apple แบตแค่ไหนถึงควรเปลี่ยน อัพเดต 2022
เปลี่ยนปีกันมาสักพักแล้ว iPhone ที่ใช้งานกันมาอย่างยาวนานก็เริ่มแบตหมดเร็วแล้ว อยากเปลี่ยนแบตแต่ไม่รู้ราคา จะเอาไปเปลี่ยนร้านนอกก็กลัวจะโดนหลอก หลายๆ คนอาจยังไม่รู้ว่าราคาเปลี่ยนแบต iPhone จากศูนย์บริการของ Apple นั้น ราคาไม่ได้แรงและแพงอย่างที่คิด เรามาดูข้อมูลเกี่ยวกับแบตเตอรี่ไอโฟน ตั้งแต่ความจุของแบตเตอรี่ในไอโฟนแต่ละรุ่น ไปจนถึงราคาเปลี่ยนแบตเตอรี่แท้สำหรับ iPhone และข้อควรรู้ ว่าประสิทธิภาพแบตเตอรี่แค่ไหนถึงควรจะเปลี่ยน รวมไปถึงราคาแบตเตอรี่ของอุปกรณ์อื่นๆ จาก Apple ด้วย
- ความจุของแบตเตอรี่ใน iPhone แต่ละรุ่น
- ประสิทธิภาพแบตแค่ไหน ถึงควรเปลี่ยน
- ราคาเปลี่ยนแบตไอโฟน อัพเดต 2022
- ราคาเปลี่ยนแบตอุปกรณ์อื่นๆ ของ Apple
ความจุของแบตเตอรี่ใน iPhone แต่ละรุ่น
ก่อนอื่นเลย ถ้าพูดถึง iPhone แล้ว สิ่งที่ทาง Apple แทบไม่เคยจะบอกผู้ใช้งานเลย นั่นก็คือ ขนาดของแบตเตอรี่ที่บรรจุอยู่ภายในนั่นเอง เพราะด้วยขนาดตัวเครื่องที่เล็กมาแต่ไหนแต่ไร แต่การจัดการทรัพยากรภายในนั้นค่อนข้างดี ส่วนใหญ่ทาง Apple จึงเลือกบอกประสิทธิภาพการประหยัดแบตเตอรี่เป็นเปอร์เซ็นเสียมากกว่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แต่วันนี้ทีมงานก็มีรายละเอียดของขนาดแบตเตอรี่ไอโฟนมาฝากกัน โดยจะไล่เรียงมาตั้งแต่รุ่นเก่าๆ มาจนถึงปัจจุบันเลย
iPhone Model | Battery |
---|---|
iPhone 4 | 1,420 mAh |
iPhone 4S | 1,430 mAh |
iPhone 5 | 1,440 mAh |
iPhone 5C | 1,510 mAh |
iPhone 5S | 1,560 mAh |
iPhone 6 | 1,810 mAh |
iPhone 6 Plus | 2,915 mAh |
iPhone 6s | 1,715 mAh |
iPhone 6s Plus | 2,750 mAh |
iPhone SE | 1,624 mAh |
iPhone 7 | 1,960 mAh |
iPhone 7 Plus | 2,900 mAh |
iPhone 8 | 1,821 mAh |
iPhone 8 Plus | 2,675 mAh |
iPhone X | 2.716 mAh |
iPhone XS | 2,658 mAh |
iPhone XS Max | 3,174 mAh |
iPhone XR | 2,942 mAh |
iPhone 11 | 3,110 mAh |
iPhone 11 Pro | 3,046 mAh |
iPhone 11 Pro Max | 3,969 mAh |
iPhone SE (2020) | 1,821 mAh |
iPhone 12 | 2,815 mAh |
iPhone 12 mini | 2,227 mAh |
iPhone 12 Pro | 2,815 mAh |
iPhone 12 Pro Max | 3,687 mAh |
iPhone 13 | 3,227 mAh |
iPhone 13 mini | 2,406 mAh |
iPhone 13 Pro | 3,095 mAh |
iPhone 13 Pro Max | 4,352 mAh |
ประสิทธิภาพแค่ไหน ถึงควรเปลี่ยนแบตไอโฟน
เมื่อเราดูในเรื่องของความจุของ iPhone แต่ละรุ่นไปแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ iPhone ถือว่าค่อนข้างที่จะให้ความจุของแบตเตอรี่มาน้อย แต่ทั้งนี้ ด้วยระบบการประมวลผลและจัดการพลังงาน ทำให้ iPhone สามารถจัดการทรัพยากรได้ดี แบตเตอรี่ที่ให้มาน้อยก็ยังสามารถที่จะเพียงพอในการใช้งานแต่ละวันได้ แล้วเมื่อไร? ที่เราควรจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ ??
ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า แต่เดิมนั้น iPhone ที่เราใช้ๆ งานกัน การที่เราจะรู้ได้ว่าแบตเริ่มเสื่อม ก็คือตอนที่แบตเริ่มไหล ชาร์จมาเต็ม อีก 5 นาที ลดเหลือครึ่งหนึ่ง (เวอร์) อะไรทำนองนั้น แต่ตั้งแต่ iOS 11.3 ขึ้นมา ทาง Apple ได้ออกฟีเจอร์ใหม่ ที่มีชื่อว่า Batter Health ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการตรวจสอบประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ในไอโฟนของเรา ว่า ณ ขณะนั้นๆ มีประสิทธิภาพอยู่ที่กี่เปอร์เซ็นจากร้อยเปอร์เซ็น
- เริ่มต้นสำหรับผู้ใช้งาน iOS 11.3 ขึ้นไป ก็สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ โดยไปที่
- Settings >> Battery >> ในหน้านี้กก็จะเป็นข้อมูลการใช้งานแบตเตอรี่ของเรา จากนั้นเลือก Battery Health >> เราก็จะพบกับ Maximum Capacity ซึ่งก็คือประสิทธิภาพสูงสุดจาก 100% ของแบตเตอรี่ของเรานั่นเอง
- นอกจากนี้ในหน้าเดียวกันนี้ก็จะมีในส่วนของ Optimized Battery Charging ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่จะช่วยจัดการเกี่ยวกับการชาร์จแบตเตอรี่ ผ่าน AI ในการเรียนรู้พฤติกรรมการชาร์จของเรา จากนั้นก็จะนำข้อมูลของเรามาประมวลผล ว่าในวันหนึ่งๆ นั้น เราจะใช้งานช่วงไหนเยอะ แล้วจะชาร์จช่วงเวลาใดบ่อยที่สุด โดยในช่วงเวลาที่เราไม่ได้ใช้งาน หรือใช้งานน้อยที่สุด ระบบก็จะเรียนรู้ที่จะพักการชาร์จโดยการชะลอไว้ที่ 80% แล้วจะเริ่มจากชาร์จ 80% ให้ไปถึง 100% ในตอนที่เราไม่ได้ใช้งาน เช่น ตอนที่เราเข้านอน ซึ่งเมื่อเราตื่นนอนก็จะสามารถหยิบโทรศัพท์ไปใช้งานได้เลยทันที ทั้งนี้ก็เป็นการถนอมแบตเตอรี่ของเราไปในตัวด้วย
โดยปกติแล้วแบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป แบตเตอรี่ที่ทาง Apple เลือกใช้นั้น เป้นแบบลิเธียมไอออน ซึ่งแตกต่างจากสมาร์ทโฟนทางฝั่ง Android ที่ใช้แบบลิเธียมโพลิเมอร์ ในส่วนนี้ทาง Apple ก็ได้ให้เหตุผลว่า เป็นแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จกลับมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว, ให้พลังงานสูง และมีขนาดไม่ใหญ่ รวมถึงอายุการใช้งานที่นานด้วย
สำหรับการตรวจสอบประสิทธิภาพของแบตเตอรี่นั้น สามารถทำได้ผ่านฟีเจอร์ Battery Health นั้น โดยปกติการใช้งานทั่วไป หากเราไม่ได้เล่นไปด้วยชาร์จไปด้วย หรือปล่อยให้เครื่องร้อนเกินไปบ่อยๆ ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ ก็ใช้ได้ประมาณ 2 ปีเลยทีเดียว โดยประสิทธิภาพของแบตเตอรี่จะอยู่ที่ประมาณ 90% (ส่วนตัวของผู้เขียนเอง) แต่สำหรับใครที่ใช้งานอย่างสมบุกสมบันหน่อย ก็อาจจะมีเปอร์เซ็นที่ลดลงอย่างรวดเร็วมากกว่านี้ เมื่อแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพนั้น ในหัวข้อ Peak Performance Capability ของ Battery Health นั้น ก็จะมีการแสดงข้อความแจ้งเตือนให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนแบตเตอรี่ โดยจะมีข้อความทำนองว่า “Your battery’s health is significantly degraded.” แสดงว่าไอโฟนของเราแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมแล้วนั่นเอง
และสำหรับข้อความที่แสดงขึ้นมาด้านบนเป็นแบบข้อความสำคัญ หรือ Important Battery Message นั้น จะเป็นสัญญาณเตือนจากระบบ ซึ่งจะมี 2 แบบ ก็คือ
- Unable to recommend service at this time… หมายถึง ผู้ใช้งานที่ใช้งานไอโฟนมาระยะหนึ่งแล้ว แบตเตอรี่ไม่สามารถเก็บประจุได้ดีเท่าเดิม ซึ่งตัวเครื่องจะคำนวณความจุแบตเตอรี่ที่เครื่องสามารถรับได้ใหม่ โดยจะใช้เวลาระยะหนึ่ง ศึ่งเมื่อคำนวณเรียบร้อยแล้ว ข้อความนี้จะหายไปเอง
- หากการคำนวณไม่สำเร็จนั้น ระบบก็ยังจะแสดงข้อความอยู่ โดยจะเปลี่ยนเป็น Recalibration of the battery health reporting system was not successful… ซึ่งหมายถึงเรายังพอที่จะใช้งานไอโฟนได้ตามเดิม แต่แบตเตอรี่จะลดลงรวดเร็วอย่างเห็นได้ชัด สำหรับข้อความทำนองนี้ ถ้าแสดงขึ้นมาเมื่อไร แนะนำให้ผู้ใช้งานรีบไปเปลี่ยนแบตเตอรี่เลยจะเป็นการดีที่สุด
สำหรับเปอร์เซ็นของ Batter Health ที่ยังมีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีอยู่นั้น ก็คือ 80%-100% แต่ระยะเวลาในการใช้งานก็จะลดลงไปตามเปอร์เซ็นและประสิทธิภาพการเก็บประจุในแบตเตอรี่ ส่วน 70%-79% นั้น ก็ยังถือว่าพอใช้งานได้อยู่ แต่ระยะเวลาในการใช้งานก็จะลดลงอย่างสังเกตได้ และหากต่ำกว่า 70% ลงไปแล้ว ก็จะถือว่าแบตเตอรี่ไอโฟนเครื่องนั้นๆ ได้เสื่อมสภาพแล้ว และควรเอาไปเปลี่ยนจะเป็นการดีที่สุด เมื่อความสะดวกในการใช้งาน รวมไปถึงความปลอดภัยด้วย ไม่ว่าจะเป็น การใช้งานแล้วเครื่องดับกะทันหัน หรือกรณีแบตบวม หรือแบตเตอรี่ระเบิด ฯลฯ
ราคาเปลี่ยนแบตไอโฟน อัพเดต 2022
เมื่อเรารู้เกี่ยวกับเปอร์เซ็นของแบตเตอรี่ไอโฟนรวมไปถึงการดูเปอร์เซ็นของประสิทธิภาพแบตเตอรี่ของเราอย่าง Battery Health กันไปแล้ว เรามาดูกันบ้างดีกว่า ว่าถ้าต้องการเปลี่ยนแบตเตอรี่กับทาง Apple ซึ่งเป็นแบตเตอรี่แท้นั้น แต่ละรุ่นมีราคาเท่าไรกันบ้าง แต่ทั้งนี้ ทีมงานก็จะมีราคาโดยประมาณของร้านนอก ซึ่งก็สามารถเปลี่ยนได้เช่นกัน แต่การรองรับหรือประสิทธิภาพการทำงานนั้นก็อาจจะไม่สามารถเทียบเท่าของแท้ได้ แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่ถูกกว่านั่นเอง
iPhone Model | อยู่ในประกันหรือ Apple Care+ | ไม่อยู่ในประกัน | ร้านนอก |
---|---|---|---|
iPhone 6 | ฟรี | 1,600 บาท | 800-1,000 บาท |
iPhone 6 Plus | ฟรี | 1,600 บาท | 800-1,000 บาท |
iPhone 6s | ฟรี | 1,600 บาท | 950-1,000 บาท |
iPhone 6s Plus | ฟรี | 1,600 บาท | 950-1,000 บาท |
iPhone 7 | ฟรี | 1,600 บาท | 1,000-1,500 บาท |
iPhone 7 Plus | ฟรี | 1,600 บาท | 1,000-1,500 บาท |
iPhone 8 | ฟรี | 1,600 บาท | 1,200-1,800 บาท |
iPhone 8 Plus | ฟรี | 1,600 บาท | 1,200-1,800 บาท |
iPhone X | ฟรี | 2,300 บาท | 1,600-2,500 บาท |
iPhone XS | ฟรี | 2,300 บาท | 1,600-2,500 บาท |
iPhone XS Max | ฟรี | 2,300 บาท | 1,600-2,500 บาท |
iPhone XR | ฟรี | 2,300 บาท | 1,600-2,500 บาท |
iPhone 11 | ฟรี | 2,300 บาท | 1,600-2,500 บาท |
iPhone 11 Pro | ฟรี | 2,300 บาท | 1,600-2,500 บาท |
iPhone 11 Pro Max | ฟรี | 2,300 บาท | 1,600-4,500 บาท |
iPhone SE (2020) | ฟรี | 1,600 บาท | 950-1,000 บาท |
iPhone 12 | ฟรี | 2,300 บาท | ไม่ทราบราคา |
iPhone 12 mini | ฟรี | 2,300 บาท | ไม่ทราบราคา |
iPhone 12 Pro | ฟรี | 2,300 บาท | ไม่ทราบราคา |
iPhone 12 Pro Max | ฟรี | 2,300 บาท | ไม่ทราบราคา |
iPhone 13 | ฟรี | 2,300 บาท | ไม่ทราบราคา |
iPhone 13 mini | ฟรี | 2,300 บาท | ไม่ทราบราคา |
iPhone 13 Pro | ฟรี | 2,300 บาท | ไม่ทราบราคา |
iPhone 13 Pro Max | ฟรี | 2,300 บาท | ไม่ทราบราคา |
ราคาเปลี่ยนแบตอุปกรณ์อื่นๆ ของ Apple
นอกจากราคาเปลี่ยนแบตไอโฟนแล้ว ทาง Apple เองก็มีบริการสำหรับการเปลี่ยนแบตอุปกรณ์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น iPad, MacBook ฯลฯ เรามาดูราคาการเปลี่ยนแบตเตอรี่ของอุปกรณ์เหล่านี้กันบ้างดีกว่า
Model | อยู่ในประกันหรือ Apple Care+ | ไม่อยู่ในประกัน |
---|---|---|
iPad ทุกรุ่น | ฟรี | 3,300 บาท |
Apple Pencil (รุ่นที่ 1 และ 2) | ฟรี | 1,100 บาท |
MacBook Pro 16 นิ้ว | ฟรี | 6,990 บาท |
MacBook Pro 14 นิ้ว | ฟรี | 6,990 บาท |
MacBook Pro 15 นิ้ว | ฟรี | 6,990 บาท |
MacBook Pro 13 นิ้ว | ฟรี | 6,990 บาท |
MacBook Air 13 นิ้ว | ฟรี | 4,450 บาท |
MacBook Air 11 นิ้ว | ฟรี | 4,450 บาท |
MacBook 12 นิ้ว | ฟรี | 6,990 บาท |
Magic Keyboard พร้อม Touch ID | ฟรี | 1,100 บาท |
Magic Keyboard พร้อม Touch ID และปุ่มตัวเลข | ฟรี | 1,100 บาท |
Magic Keyboard | ฟรี | 1,100 บาท |
Magic Keyboard พร้อมแป้นตัวเลข | ฟรี | 1,100 บาท |
Magic Mouse | ฟรี | 1,100 บาท |
Magic Trackpad | ฟรี | 1,100 บาท |
**
และทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับความจุแบตไอโฟนในแต่ละรุ่นและอุปกรณ์อื่นๆ ของ Apple, อัพเดตราคาเปลี่ยนแบตไอโฟนแท้ จาก Apple รวมไปถึงอ้างอิงราคาร้านนอก อาจจะเป็นร้านรับซ่อมส่วนบุคคล หรือบริษัทอื่นๆ ซึ่งก็จะมีราคาที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ การเปลี่ยนแบตเตอรี่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้ใช้งานแต่ละคนเลยว่าสะดวกเปลี่ยนแบบไหน เพราะแบตเตอรี่นั้นก็มีให้เลือกหลายยี่ห้อ หลายเกรด หลายคุณภาพ แต่ถ้าหากถามโดยส่วนตัวแล้ว ถ้าดูจากตารางราคานั้น แบตไอโฟนแท้กับร้านนอกก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันจนมากเกินไป นอกจากนี้ ใน iPhone 7 เป็นต้นมา ก็ได้มีการเพิ่มความสามารถในการกันน้ำเข้ามา ทำให้การแกะเครื่องเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ จะต้องมีการซีลกันน้ำที่ได้มาตรฐานควบคู่ไปด้วย จึงอาจทำให้การเปลี่ยนแบตไอโฟนกับ Apple กับศูนย์ตัวแทนของ Apple นั้น พบปัญหาในเรื่องซีลกันน้ำค่อยข้างน้อย แต่สำหรับการเปลี่ยนกับทางร้านนอกนั้น อาจจะต้องเลือกร้านที่ค่อนข้างมีฝีมือและน่าเชื่อถือ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับซีลกันน้ำตามมา และเพื่อความมั่นใจและประสิทธิภาพการทำงานที่เต็มที่ ผู้เขียนขอเสนอเป็นการเปลี่ยนแบตเตอรี่ไอโฟนแท้จากทาง Apple เป็นทางเลือกที่ดีกว่าการเปลี่ยนแบตร้านนอก แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจและความสะดวกของผู้ใช้งานแต่ละท่าน