Connect with us

Hi, what are you looking for?

Buyer's Guide

5 หูฟังตัดเสียงรบกวนตัวเด็ด ฟังเพลงเพลินไม่มีใครขัด อัพเดทปี 2022

มีหูฟังตัดเสียงรบกวนติดกระเป๋าเอาไว้สักตัว ฟังเพลงโปรดได้เพลินๆ ไม่ต้องโดนเสียงแทรก!

tws cover

หูฟังตัดเสียงรบกวนในปัจจุบันนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะเทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวนที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ใช้หลายๆ คนหาซื้อหูฟังตัดเสียงมาฟังเพลงได้ง่าย ซึ่งถ้าใครชอบฟังเพลงตอนเเดินทางให้เข้าบรรยากาศหรือฟังเพลงที่ชอบให้ได้อารมณ์และสมาธิตอนทำงานในออฟฟิศก็น่าจะชื่นชอบหูฟังนี้ไม่น้อย

Advertisement

ในตอนนี้ ถ้าจะหาหูฟังตัดเสียงดีๆ เอาไว้ทั้งฟังเพลงและโทรติดต่องานแล้วจะลงทุนซื้อของดีมาใช้จะได้อยู่กันยาวๆ ไม่ต้องเปลี่ยนอีกสักพักนั้น ในตอนนี้แบรนด์ชั้นนำผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ชั้นนำก็พากันเข็นหูฟัง True Wireless พร้อมฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนราคาหลักพันต้นถึงปลายออกมาให้เลือกหลากหลายรุ่นพร้อมอัดฟีเจอร์ล้ำสมัยมาให้อีกเพียบ

หูฟังตัดเสียงรบกวน

5 หูฟังตัดเสียงรบกวนน่าโดน ตัดเสียงคม ฟังเพลงเพลิน

หากจำกันได้ ผู้เขียนเองก็เคยแนะนำหูฟัง True Wireless ไปเมื่อต้นปีที่แล้วพร้อมแนะนำวิธีเลือกหูฟัง True Wireless ด้วย แล้วในปี 2022 นี้จะมีหูฟังตัดเสียงรุ่นไหนน่าซื้อมาฟังเพลงบ้าง? ในบทความนี้ผู้เขียนมีรุ่นน่าสนใจมาแนะนำทั้งหมด 5 รุ่นด้วยกัน ได้แก่

  1. AUKEY EP-N6 (2,290 บาท)
  2. EDIFIER TWS NB2 PRO (2,490 บาท)
  3. HUAWEI FreeBuds Pro (3,890 บาท)
  4. Beats Studio Buds (5,500 บาท)
  5. Sony WF-1000XM4 (8,990 บาท)
1. AUKEY EP-N6 (2,290 บาท)

aukey

ถ้าพูดถึง AUKEY เชื่อว่าผู้ใช้หลายๆ คนน่าจะคิดถึงปลั๊กชาร์จไวหรือ Power Bank ที่ใส่ฟีเจอร์เด็ดๆ มาให้ผู้ใช้ได้ใช้งานกัน แต่หูฟังตัดเสียงรุ่น AUKEY EP-N6 รุ่นนี้ก็ถือว่าเป็นรุ่นน่าสนใจที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน โดยหูฟังตัวนี้เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตด้วย Bluetooth 5.1 แบบแยกหูซ้ายขวา ส่วนไดรเวอร์หูฟังแบบไดนามิคขนาด 10 มม. ตอบสนองความถี่ที่ 20 Hz – 20 kHz พร้อมฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน Hybrid Active Noise Cancellation ลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้มากถึง 32 เดซิเบล ไมโครโฟนเป็นแบบ MEMS ตอบสนองความถี่ 100 Hz – 10 kHz ใช้งานต่อเนื่องแบบเปิดระบบตัดเสียงรบกวนได้ 4 ชั่วโมง วนชาร์จในเคสได้อีก 4 ครั้ง สุทธิ 22 ชั่วโมง ถ้าปิดระบบตัดเสียงรบกวนจะเพิ่มเป็น 7 ชั่วโมง รวมชาร์จในเคสได้ 35 ชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยสาย USB-C รองรับ Gesture Control กับ Siri, Google Assistant รวมทั้งกันน้ำและฝุ่นระดับ IPX5 ด้วย ดังนั้นถ้าใครอยากได้หูฟังตัดเสียงรบกวนดีๆ ไว้ใช้สักตัวอาจจะเริ่มจาก AUKEY รุ่นนี้ก่อนเลยก็ได้

สเปคของ AUKEY EP-N6
  • เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.1 แบบแยกหูซ้ายขวา
  • ไดรเวอร์หูฟังแบบไดนามิคขนาด 10 มม. ตอบสนองความถี่ที่ 20 Hz – 20 kHz
  • ฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน Hybrid Active Noise Cancellation ลดเสียงรบกวนได้ 32 เดซิเบล
  • ไมโครโฟนเป็นแบบ MEMS ตอบสนองความถี่ 100 Hz – 10 kHz
  • ใช้งานแบบเปิดระบบตัดเสียงรบกวนได้ 4 ชั่วโมง วนชาร์จในเคสได้อีก 4 ครั้ง สุทธิ 22 ชั่วโมง ปิดระบบตัดเสียงรบกวนจะเพิ่มเป็น 7 ชั่วโมง รวมชาร์จในเคสได้ 35 ชั่วโมง
  • ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยสาย USB-C
  • รองรับ Gesture Control กับ Siri, Google Assistant
  • ราคา 2,290 บาท (AUKEY LazMall)
2. EDIFIER TWS NB2 PRO (2,490 บาท)

edifier tws nb2pro 01

หลังจากผลิตลำโพงคอมพิวเตอร์คุณภาพดีออกมาอย่างต่อเนื่องแล้ว EDIFIER ก็เปิดตัวหูฟังตัดเสียงรบกวนรุ่น EDIFIER TWS NB2 PRO ที่ดีไซน์ดูสวยล้ำสมัยและรองรับ Game Mode ทำให้ดูหนังหรือเล่นเกมได้แล้วภาพกับเสียงไม่มีดีเลย์ ปรับตั้งค่าหูฟังได้ด้วยแอพฯ Edifier Connect ที่มีให้โหลดไปใช้งานทั้งใน iOS, Android ส่วนการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตใช้เป็น Bluetooth 5.0 กันน้ำและฝุ่นระดับ IP54 ส่วนหูฟังติดตั้งไดรเวอร์ 10 มม. ตอบสนองความถี่ 20 Hz – 20 kHz มีโหมด Statial Sound ไมค์คู่พร้อมใช้ตัดเสียงรบกวน ENC และมี In-Ear Detection ถ้าถอดหูฟังออกแล้วเพลงจะหยุดเล่นอัตโนมัติ สามารถใช้ฟังเพลงแบบเปิดฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวนได้ 7 ชั่วโมง วนชาร์จในเคสได้รวมทั้งสิน 25 ชั่วโมง ถ้าปิดระบบตัดเสียงรบกวนใช้ได้ 9 ชั่วโมง วนชาร์จในเคสได้รวมทั้งสิ้น 32 ชั่วโมง มีฟีเจอร์ชาร์จไว 15 นาทีฟังเพลงได้ 2 ชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยสาย USB-C ซึ่งถ้าใครเคยใช้ลำโพงของ Edifier แล้วมั่นใจคุณภาพเสียงของหูฟังตัวนี้ก็แนะนำให้ซื้อหูฟังนี้ไปใช้งานได้เลย

สเปคของ Edifier TWS NB2 Pro
  • เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.0 มี Game Mode, ANC แบบ ENC
  • ไดรเวอร์หูฟังแบบไดนามิคขนาด 10 มม. ตอบสนองความถี่ที่ 20 Hz – 20 kHz
  • ไมโครโฟนคู่พร้อมฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน ANC แบบ ENC
  • ใช้งานแบบเปิดระบบตัดเสียงรบกวนได้ 7 ชั่วโมง วนชาร์จในเคสได้สุทธิ 25 ชั่วโมง ปิดระบบตัดเสียงรบกวนจะเพิ่มเป็น 9 ชั่วโมง รวมชาร์จในเคสได้ 32 ชั่วโมง
  • ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยสาย USB-C
  • ตั้งค่าได้ด้วยแอพฯ Edifier Connect
  • ราคา 2,490 บาท (425Degree)
3. HUAWEI FreeBuds Pro (3,890 บาท)

huawei freebuds pro device switch 1

HUAWEI FreeBuds Pro รุ่นนี้แม้จะเป็นหูฟังตัดเสียงรบกวนที่เปิดตัวมาสักพักแล้ว แต่จากสเปคและฟีเจอร์ที่ HUAWEI ใส่มาให้ใช้งานต้องถือว่ายังจัดเต็มไม่แพ้กับหูฟังตัดเสียงรบกวนรุ่นใหม่ๆ เลย เพราะทาง HUAWEI ติดตั้ง Bone Sensor ทำงานคู่กับไมโครโฟนอีก 3 ตัว มีโหมดตรวจจับเสียงภายนอกเพื่อตัดเสียงรบกวน เป็น ANC แบบไดนามิคและรองรับการเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์พร้อมกันและกันน้ำกันฝุ่นระดับ IPX4 ควบคุมและตั้งค่าโดยแอพฯ HUAWEI AI Life รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS

ตัว HUAWEI FreeBuds Pro รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.2 ไดรเวอร์มีขนาด 11 มม. แบบไดนามิคพร้อมไมโครโฟนที่ HUAWEI ปรับแต่งมาพร้อมใช้ถ่าย Vlog ได้สบายๆ รองรับ Gesture Control เพื่อควบคุมเวลาฟังเพลงหรือเปิดปิดระบบตัดเสียงรบกวน สามารถใช้ฟังเพลงต่อเนื่องได้ 4 ชั่วโมงเมื่อเปิดฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน ถ้าปิดใช้งานได้นาน 7 ชั่วโมง นำกลับไปชาร์จในเคสแล้วใช้งานได้นานสุด 30 ชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่คืนให้หูฟังด้วยสาย USB-C หรือระบบชาร์จไร้สายก็ได้ จัดเป็นหูฟังตัดเสียงรบกวนที่ให้ฟีเจอร์มาครบเครื่องน่าใช้อีกรุ่นหนึ่ง

สเปคของ HUAWEI FreeBuds Pro
  • เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.2 ติดตั้ง Bone Sensor ทำงานคู่กับไมโครโฟนอีก 3 ตัว
  • ไดรเวอร์หูฟังแบบไดนามิคขนาด 11 มม. 
  • ไมโครโฟนคู่ ปรับแต่งมาพร้อมใช้ถ่าย Vlog ได้
  • ใช้งานแบบเปิดระบบตัดเสียงรบกวนได้ 4 ชั่วโมง ปิดระบบตัดเสียงรบกวนจะเพิ่มเป็น 7 ชั่วโมง รวมชาร์จในเคสได้ 30 ชั่วโมง
  • ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยสาย USB-C หรือชาร์จไร้สาย
  • ตั้งค่าได้ด้วยแอพฯ HUAWEI AI Life
  • ราคา 3,890 บาท (Jaymart LazMall)
4. Beats Studio Buds (5,500 บาท)

 

MJ503

Beats Studio Buds รุ่นนี้ถือเป็นหูฟังตัดเสียงรบกวนในเครือ Apple สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง iPhone และสมาร์ทโฟน Android โดยผู้เขียนได้ทดลองฟังเพลงด้วยหูฟังนี้มาก่อนหน้าแล้ว พบว่าเสียงของ True Wireless ตัวนี้มิติเสียงถือว่าดีกว่า Beats รุ่นก่อนๆ ในอดีตและไม่มีอาการเบสบวมแล้วและสเตจถือว่ากว้างกำลังดีอีกด้วย ด้านหูฟังตัวนี้เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth Class 1 ติดตั้งไดอะแฟรมคู่เพื่อให้เสียงเพลงมีมิติและได้เสียงเคลียร์ฟังชัดกับไมค์แบบ Beamforming คู่ ช่วยตัดเสียงรบกวนแบบ ANC หรือจะกดเพื่อเปิดให้เสียงภายนอกเข้าก็ได้ และข้อดีคือไมค์ของ Beats Studio Buds รุ่นนี้จะได้คุณภาพเสียงดีฟังชัดเจน ทำให้เวลาโทรติดต่องานก็สามารถพูดคุยกับคู่สนทนาปลายสายได้ชัดเจน ด้านการใช้งานสามารถฟังเพลงต่อเนื่องแบบเปิดระบบตัดเสียงรบกวนได้ 5 ชั่วโมง ถ้าปิดใช้ได้ 8 ชั่วโมง วนชาร์จในเคสแล้วใช้งานได้นานสุด 24 ชั่วโมง รองรับการชาร์จไว 5 นาทีฟังเพลงได้ 1 ชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่คืนให้ตัวหูฟังด้วยสาย USB-C และยังกันน้ำกันฝุ่นระดับ IPX4 อีกด้วย 

สเปคของ Beats Studio buds
  • เชื่อมต่อด้วย Bluetooth Class 1 ติดตั้งไมโครโฟน Beamforming ไว้ตัดเสียงรบกวน
  • ไดรเวอร์หูฟังแบบไดอะแฟรมคู่ ให้คุณภาพเสียงดีขึ้น
  • ไมโครโฟนคู่ พูดคุยเสียงฟังชัดเจนแบบ Beamforming
  • ใช้งานแบบเปิดระบบตัดเสียงรบกวนได้ 5 ชั่วโมง ปิดระบบตัดเสียงรบกวนจะเพิ่มเป็น 8 ชั่วโมง รวมชาร์จในเคสได้ 24 ชั่วโมง ชาร์จไว 5 นาทีฟังเพลงได้ 1 ชั่วโมง
  • ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยสาย USB-C 
  • ราคา 5,500 บาท (Wemall Lazmall)
5. Sony WF-1000XM4 (8,990 บาท)

sony

Sony WF-1000XM4 รุ่นนี้จะเป็นหูฟังตัดเสียงรบกวนภาคต่อของรุ่น WF-1000XM3 ที่ Sony เปิดตัวมาก่อนหน้านี้ โดยทาง Sony จัดการลดขนาดของเคสชาร์จให้เล็กลงเล็กน้อยให้พกพาได้สะดวกแล้วใส่ฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนมาให้แบบจัดเต็มเช่นเดิม ดดยฟีเจอร์เด่นของ WF-1000XM4 ได้แก่ระบบตัดเสียงรบกวน Digital ANC ที่ใช้ชิป Integrated Processor V1 เข้ามาช่วยตัดเสียงและปรับเสียงให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและมี Bone-conduction ตรวจจับการสั่นสะเทือนจากเสียงของเราเพื่อตัดเสียงภายนอกและให้เน้นให้เสียงพูดของเราฟังชัดเจน, มี DSEE Extreme ช่วยยกระดับเสียงเพลงให้คุณภาพเสียงดียิ่งขึ้น, ฟีเจอร์ Speak-to-Chat เมื่อคุยกับคู่สนทนาแล้วหูฟังจะหยุดเล่นเพลงชั่วคราวแล้วกลับมาเล่นเพลงต่อโดยอัตโนมัติและตั้งค่าการทำงานได้ด้วยแอพฯ Sony | Headphone Connect รองรับทั้ง Android และ iOS และกันน้ำกับฝุ่นระดับ IPX4 อีกด้วย

สเปคของหูฟังตัวนี้จะรองรับการเชื่อมต่อกับมือถือหรือแท็บเล็ตด้วย Bluetooth 5.2 โดยเชื่อมต่อแยกหูซ้ายขวา รองรับ Google Fast Pair เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน Android และพีซีระบบปฏิบัติการ Windows 10 ได้อย่างรวดเร็ว ใช้ไดรเวอร์ขนาด 6 มม. ตอบสนองความถี่ 20 Hz – 20 kHz  รองรับ Google Assistant และ Alexa สามารถฟังเพลงต่อเนื่องแบบเปิดระบบตัดเสียงรบกวนได้ 8 ชั่วโมง ถ้าปิดจะใช้ได้ 12 ชั่วโมง รวมวนชาร์จในเคสจะใช้งานได้ 24 ชั่วโมง รองรับชาร์จไว 5 นาทีใช้งานได้ 60 นาที สามารถชาร์จแบตเตอรี่คืนให้ตัวหูฟังได้ด้วยสาย USB-C หรือชาร์จไร้สายก็ได้ จัดว่าเป็นหูฟังตัดเสียงรบกวนคุณภาพสูงที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับคนที่ต้องการคุณภาพเสียงแบบจัดเต็ม

สเปคของ Sony WF-1000XM4
  • เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.2 แบบแยกหูซ้ายขวา รองรับ Google Fast Pair
  • ไดรเวอร์หูฟังขนาด 6 มม. ตอบสนองความถี่ที่ 20 Hz – 20 kHz มี DSEE Extreme
  • ฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน Digital ANC ใช้ชิป Integrated Processor V1 เข้ามาช่วยตัดเสียงและปรับเสียงให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและมี Bone-conduction
  • ไมโครโฟนมีฟีเจอร์ Speak-to-Chat หยุดเล่นเพลงชั่วคราวเมื่อคุยกับคู่สนทนาและเล่นเพลงต่อเมื่อคุยเสร็จ
  • ใช้งานแบบเปิดระบบตัดเสียงรบกวนได้ 8 ชั่วโมง ปิดระบบตัดเสียงรบกวนจะเพิ่มเป็น 12 ชั่วโมง รวมชาร์จในเคสได้ 24 ชั่วโมง รองรับชาร์จไว 5 นาทีใช้งานได้ 60 นาที
  • ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยสาย USB-C หรือชาร์จไร้สาย
  • รองรับ Gesture Control กับ Google Assistant, Alexa
  • ราคา 8,990 บาท (Sony Thailand)

สรุปสเปค 5 หูฟังตัดเสียงรบกวนตัวเด็ด ฟังเพลงเพลินได้ใจไม่มีใครรบกวน

สายฟังเพลงที่กำลังมองหาหูฟังตัดเสียงรบกวนตัวใหม่หรือจะอัพเกรดจากตัวเดิมมาเป็นรุ่นสเปคเด็ด ตัดเสียงเทพสำหรับปี 2022 นี้ ต้องถือว่ามีตัวเลือกให้เลือกมากมายทีเดียว โดยรุ่นที่ผู้เขียนเลือกมาแนะนำทั้ง 5 รุ่นถ้าสรุปสเปคแล้วจะเป็นดังนี้

สเปคหูฟังตัดเสียงรบกวน การเชื่อมต่อ ไดรเวอร์ ไมค์และการตัดเสียง แบตเตอรี่และการชาร์จ ราคา
AUKEY
EP-N6
Bluetooth 5.1
แยกการเชื่อมต่อหูซ้าย, ขวา
ไดนามิค
10 มม.

ตอบสนองความถี่
20 Hz – 20 kHz
MEMS
100 Hz – 10 kHz

Hybrid Active Noise Cancellation
เปิดตัดเสียงรบกวน
ฟังเพลงได้
4 ชม. รวมชาร์จในเคสได้ 22 ชม.

ปิดตัดเสียงรบกวน
ฟังเพลงได้ 7 ชม. รวมชาร์จในเคสได้ 35 ชม.

ชาร์จด้วย
USB-C
2,290 บาท
Edifier TWS NB2 Pro Bluetooth 5.0

ดีเลย์ต่ำ มี Game Mode
ไดนามิค
10 มม.

ตอบสนองความถี่
20 Hz – 20 kHz
ไมโครโฟนคู่

มี ANC
แบบ ENC
เปิดตัดเสียงรบกวน
ฟังเพลงได้
7 ชม. รวมชาร์จในเคสได้ 25 ชม.

ปิดตัดเสียงรบกวน
ฟังเพลงได้ 9 ชม. รวมชาร์จในเคสได้ 32 ชม.

ชาร์จด้วย
USB-C
2,490 บาท
HUAWEI FreeBuds Pro Bluetooth 5.2 ไดนามิค
11 มม.
ไมค์คู่ ปรับแต่งมาเพื่อถ่าย Vlog

ติดไมค์ 3 ตัวเพื่อตัดเสียงรบกวนและมี Bone Sensor
เปิดตัดเสียงรบกวน
ฟังเพลงได้
4 ชม.

ปิดตัดเสียงรบกวน
ฟังเพลงได้ 7 ชม. รวมชาร์จในเคสได้ 30 ชม.

ชาร์จด้วย
USB-C หรือชาร์จไร้สาย
3,890 บาท
Beats Studio Buds Bluetooth Class 1 ไดอะแฟรมคู่ ให้คุณภาพเสียงดีขึ้น ไมค์ Beamforming คู่ ใช้สนทนาและตัดเสียงรบกวนได้ในตัว เปิดตัดเสียงรบกวน
ฟังเพลงได้
5 ชม.

ปิดตัดเสียงรบกวน
ฟังเพลงได้ 8 ชม. รวมชาร์จในเคสได้ 24 ชม.

ชาร์จไว 5 นาทีฟังเพลงได้ 1 ชั่วโมง

ชาร์จด้วย
USB-C
5,500 บาท
Sony
WF-1000XM4
Bluetooth 5.2

Google
Fast Pair
ไดรเวอร์ 6 มม.

ตอบสนองความถี่
20 Hz – 20 kHz มี DSEE Extreme
ไมค์พร้อมฟีเจอร์ Speak-to-Chat

Digital ANC ใช้ชิป Integrated Processor V1

Bone-conduction sensor
เปิดตัดเสียงรบกวน
ฟังเพลงได้
8 ชม.

ปิดตัดเสียงรบกวน
ฟังเพลงได้ 12 ชม. รวมชาร์จในเคสได้ 24 ชม.

ชาร์จไว 5 นาทีฟังเพลงได้ 60 นาที

ชาร์จด้วย
USB-C หรือชาร์จไร้สาย
8,990 บาท

จะเห็นว่าหูฟัง True Wireless พร้อมฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนนั้นมีให้เลือกตั้งแต่หลักพันต้นๆ ไปจนหลักพันปลายและแต่ละรุ่นก็จะมีฟีเจอร์เด่นแตกต่างกันไป ถ้าใครต้องการเปลี่ยนหูฟังใหม่เอามาฟังเพลงตอนทำงานหรือระหว่างเดินทางก็เลือกจากทั้ง  5 รุ่นที่ผู้เขียนเลือกมาแนะนำเลยก็ได้ หรือจะดูเป็นแนวทางแล้วไปลองเลือกที่ร้านขายหูฟังโดยเฉพาะแล้วทดลองฟังเพลงก่อนว่าหูฟังรุ่นที่เราสนใจเป็นแนวเสียงแบบที่เราชอบหรือไม่ค่อยตัดสินใจซื้อก็ได้เช่นกัน


บทความที่เกี่ยวข้อง

tws 2 cover

tws cover

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

PR-News

หัวเว่ย เตรียมเปิดตัวแอปวาดภาพใหม่สําหรับแท็บเล็ตที่พัฒนาขึ้นเองชื่อว่า GoPaint อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 นี้ แอปนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์มากมาย และนําเสนอคุณสมบัติที่ใช้งานง่ายสําหรับการวาดภาพ ในฐานะผู้นำด้านการจำหน่ายอุปกรณ์อัจฉริยะของอุตสาหกรรมที่เปิดตัวแอปวาดภาพที่พัฒนาขึ้นเอง หัวเว่ยได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความต้องการในการสร้างสรรค์ของผู้บริโภค ด้วยแนวคิดหลักของ “Creation of Beauty” หัวเว่ยหวังที่จะส่งเสริมประสบการณ์ผู้ใช้ผ่านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี และทำให้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับการสร้างสรรค์ นับตั้งแต่หัวเว่ยเปิดตัวกิจกรรมการสร้างสรรค์ GoPaint Worldwide ในปี 2023...

PR-News

ด้วยเทคโนโลยีอุปกรณ์สวมใส่ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง HUAWEI Band 9 ที่ผสมผสานแฟชั่น สุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดีในชีวิตประจำวัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้งานที่ครอบคลุมทั้งสุขภาพ ฟิตเนส และการนอนหลับอย่างครบวงจร ซึ่งการนอนหลับที่มีคุณภาพมีประโยชน์ต่อสุขภาพในวงกว้างมากกว่าการพักผ่อนอย่างเพียงพอ โดยข้อมูลการวิจัยระบุว่า 49% ของประชากรทั่วโลกไม่พอใจกับสถานะการนอนหลับในปัจจุบันของตน โดยมีผู้คนมากกว่าล้านคนทั่วโลกที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากปัญหาการนอนหลับ และเพื่อให้การนอนหลับมีคุณภาพดีขึ้นเราจึงจำเป็นต้องมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคุณภาพการนอนหลับของเรา Advertisement  ฟีเจอร์ตรวจวัดขณะนอนหลับ HUAWEI Band 9 มาพร้อมกับฟีเจอร์นวัตกรรมที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจสถานะการนอนหลับและสุขภาพองค์รวม ด้วย HUAWEI...

PR-News

ตัวเครื่องเบาเพียง 19 กรัม ระบบดูแลคุณภาพการนอน พร้อมการใช้งานสูงสุด 2 อาทิตย์ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) เปิดตัว HUAWEI Band 9 พร้อมจับมือกับ 3 แพลตฟอร์ม Amado Shopping ทีวีโฮมช้อปปิ้ง ช่องทางออนไลน์ Lazada...

Buyer's Guide

หลายปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะแบรนด์นาฬิกาหรือสมาร์ทโฟนก็หันมาสร้าง Smart Watch กันอย่างต่อเนื่องจนหลายๆ คนคิดว่าจะซื้อ Smart Watch รุ่นไหนดี 2024 นี้ก็มีตัวเลือกจากแบรนด์ต่างๆ มากมาย ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะมีเอกลักษณ์ส่วนตัวแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะใช้งาน Google Wear OS ทำให้นาฬิกาเป็นส่วนเสริมของสมาร์ทโฟนให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น ใช้จ่ายเงิน, ดูแผนที่ระหว่างเดินทางไปไหนมาไหนได้ง่าย ไปจนกลุ่มคนที่รักการออกกำลังกายและใช้ชีวิต Extreme ดำน้ำเดินป่าก็มี Smart Watch...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก