Connect with us

Hi, what are you looking for?

Buyer's Guide

5 ปากกา iPad ราคาเป็นมิตร เขียนดีไม่แพ้ Apple Pencil เริ่มแค่ 690 บาทเอง!

ปากกา iPad ไม่จำเป็นต้องเป็น Apple Pencil เสมอไป ตอนนี้แบรนด์ทางเลือกมีรุ่นดีๆ ราคาไม่แพงให้เลือกเยอะแยะ!

styluscover

ปากกา iPad นอกจาก Apple Pencil ที่เป็นเหมือนอุปกรณ์พื้นฐานของ Apple iPad ที่หลายคนเลือกซื้อเป็นปกติ แต่ถ้าดูตามขอบเขตการใช้งานบางคนอาจจะเอามาแค่จดเล็คเชอร์, เน้นข้อความหรือแค่เซ็นเอกสารเล็กๆ น้อยๆ ราคา 3,400-4,490 บาท ก็ดูจะแพงเกินจุดประสงค์การใช้งานไปมากจนหลายคนอาจจะรู้สึกเสียดายเงินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกก็เป็นไปได้

Advertisement

แต่จริงๆ แล้ว ปากกา Stylus ที่เอาไว้เขียนบนหน้าจอ iPad และสมาร์ทโฟนจากผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมรายอื่นๆ ก็มีรุ่นน่าสนใจที่ราคาไม่แพงและใช้งานได้ดีไม่แพ้กัน แต่เด่นที่ราคาของปากกาด้ามนั้นถูกกว่า Apple Pencil อย่างเห็นได้ชัด ระดับที่ถ้าแค่เขียนและเซ็นเอกสารทั่วๆ ไป ไม่ได้เน้นวาดรูปนัก มันก็ทำงานได้ดีตอบโจทย์การทำงานของเราแล้ว

ปากกา iPad

5 ปากกา iPad ราคาเป็นมิตร บอกลา Apple Pencil ได้เลย

ถ้าใครหาปากกา Stylus มาใช้กับ iPad สักด้าม แล้วคิดว่าราคาของ Apple Pencil ดูจะแพงเกินความจำเป็นที่เราใช้งานตามปกติไปนั้น ในบทความนี้ผู้เขียนได้เลือกปากกา Stylus ที่ทำงานได้เหมือนกับ Apple Pencil แต่ว่าราคาที่ได้นั้นถูกกว่า เพียงแค่หลักร้อยก็เลือกซื้อมาใช้งานได้แล้ว โดยผู้เขียนเลือกมาแนะนำทั้งหมด 5 รุ่นด้วยกัน ได้แก่

  1. STYLUS PENCIL USB-C WITH LED LIGHT (690 บาท)
  2. Baseus Capacitive Stylus (813 บาท)
  3. AppleSheep Stylus Pencil (990 บาท)
  4. Adonit Note+ (2,093 บาท)
  5. Logitech Crayon for iPad (2,490 บาท)
1. STYLUS PENCIL USB-C WITH LED LIGHT (690 บาท)

stylus

สำหรับปากกา iPad อันแรกที่เลือกมาแนะนำในบทความนี้ จะเป็นปากการุ่นที่ออกแบบมาคล้ายกับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 มาก และใช้งานร่วมกับ iPad Pro 11″, iPad Pro 12.9″ (2018-2021), iPad Air 4 ได้ทันที ติดแม่เหล็กเอาไว้ในตัวให้ดูดติดเข้ากับด้านข้างของ iPad ได้เหมือนกับ Apple Pencil ไม่มีผิด สามารถเขียนวาดบนหน้าจอ, เอียงปากกาเพื่อแรเงาและมี Palm rejection ที่ไม่ตอบสนองกับมือของเราเวลาใช้ปากกาเขียนบนหน้าจออยู่และไม่มีดีเลย์เวลาทำงานอีกด้วย

แต่จุดที่แตกต่างคือตัวปากกาเวลาชาร์จจะต้องเสียบชาร์จผ่านพอร์ต USB-C ที่ตัวปากกาและมีไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่ติดอยู่ที่ตัวด้ามอีก 3 ดวง เพื่อแสดงสถานะแบตเตอรี่ในตัวปากกาอีกด้วย โดยระยะเวลาใช้งานนั้นจะใช้ต่อเนื่องได้นานสุด 9 ชั่วโมง สามารถแตะที่ปลายด้ามเพื่อเปิดหรือปิดการทำงานของตัวปากกาได้เลย ไม่ต้องเชื่อมต่อ Bluetooth ให้ยุ่งยากอีกด้วย เรียกว่าเป็นปากกาสำหรับ iPad รุ่นแรกที่ราคาย่อมเยาว์เข้าถึงง่ายทีเดียว

สเปคของ STYLUS PENCIL USB-C WITH LED LIGHT
  • ปากกาสำหรับ iPad รองรับ iPad Pro 11″, iPad Pro 12.9″ (2018-2021), iPad Air 4
  • มีฟีเจอร์เอียงปากกาเพื่อแรเงา, Palm rejection และไม่ดีเลย์ตอนใช้งาน
  • มีแม่เหล็กสำหรับดูดตัวปากกาติดกับตัว iPad ได้
  • ใช้งานต่อเนื่องได้นาน 9 ชั่วโมง มีไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่และชาร์จผ่าน USB-C
  • ราคา 690 บาท (425 Degree)
2. Baseus Capacitive Stylus (813 บาท)

50161627615085

ถัดมาเป็นปากกา iPad รุ่น Baseus Capacitive Stylus ที่ออกแบบมาแล้วมีแม่เหล็กไว้ดูดติดกับตัว iPad Pro ได้ด้วย นอกจากนี้ตัวปากกายังมีหัวปากกา 2 แบบคือทั้ง Active และ Passive จะเอาไปเขียนบนหน้าจอ iPad หรือว่ากลับด้านเอาไปเขียนบนหน้าจอสมาร์ทโฟนแทนก็ได้ ส่วนสัมผัสการใช้งานนั้น ทาง Baseus เคลมว่าสามารถเขียนได้ลื่นไหลไม่มีอาการดีเลย์ตอนเขียน, มี Palm rejection รวมทั้งมีไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่ในตัวปากกากับปุ่มทางลัด 2 ปุ่มติดมาให้กดใช้งานได้ด้วย ส่วนการใช้งานสามารถใช้ต่อเนื่องได้นานสุด 8.5 ชั่วโมง แต่ปล่อยทิ้งเอาไว้ไม่ได้ใช้งานจะอยู่ได้นานสุด 12 เดือน ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่จะต้องเสียบชาร์จผ่านทาง USB-C ที่ติดมากับตัวปากกา และตัวปากกาเซนเซอร์จับแรงกด, การเอียงตัวปากกาและความละเอียดอ่อนตอนเขียนอีกด้วย

ส่วน iPad รุ่นที่รองรับมี iPad Pro 11″, iPad Pro 12.9″, iPad Mini 5, iPad Air 3, iPad Air 4 และยังเอาไปใช้เขียนกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต Android ได้อีกด้วย เรียกว่าเป็นสไตลัสด้ามอเนกประสงค์ที่มีด้ามเดียวเขียนได้หลายเครื่องเลย ซึ่งถ้าใครมีมือถือและแท็บเล็ตคนละระบบปฏิบัติการกันจะซื้อปากกาด้ามนี้ไปใช้งานก็น่าสนใจทีเดียว

สเปคของ Baseus Capacitive Stylus
  • ปากกาสำหรับ iPad Pro 11″, iPad Pro 12.9″, iPad Mini 5, iPad Air 3, iPad Air 4 และ Android
  • มีฟีเจอร์เอียงปากกาเพื่อแรเงา, Palm rejection และไม่ดีเลย์ตอนใช้งาน มีหัวปากกาแบบ Active และ Passive ในตัว พร้อมปุ่มทางลัด 2 ปุ่ม
  • มีแม่เหล็กสำหรับดูดตัวปากกาติดกับตัว iPad ได้
  • ใช้งานต่อเนื่องได้นาน 8.5 ชั่วโมง มีไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่และชาร์จผ่าน USB-C
  • ราคา 813 บาท (Audio Beacon)
3. AppleSheep Stylus Pencil (990 บาท)

applesheep stylus pencil ipad 01

ถ้าใครเป็นคนที่มองหาปากกา iPad ที่ไม่ใช่ Apple Pencil มาก่อนหน้านี้ น่าจะคุ้นชื่อกับปากกา AppleSheep อย่างแน่นอน ซึ่งถ้าใครมองหาปากกาสำหรับ iPad แล้วใช้งานได้หลากหลายรุ่นตั้งแต่ iPad Gen 6, iPad Air, iPad Air 3, iPad Air 4, iPad Mini 5, iPad Pro 11″-12.9″ ก็แนะนำให้ดูรุ่นนี้เอาไว้ใช้ได้เลย และมีฟีเจอร์หลักๆ อย่าง Palm rejection, เขียนต่อเนื่องได้ไม่มีดีเลย์และเชื่อมต่อใช้งานได้ง่ายอีกด้วย แต่น่าเสียดายอย่างเดียวคือตัวนี้จะแรเงาเพื่อเขียนไม่ได้เหมือน 2 รุ่นด้านบน ส่วนตัวปากกาจะมีไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่ในตัวปากกาและชาร์จผ่านพอร์ต USB-C ส่วนระยะเวลาใช้งานแบตเตอรี่โดยประมาณอยู่ราว 1 วัน

ด้านดีไซน์ตัวปากกา จะเป็นแบบ Apple Pencil รุ่นแรก ดังนั้นจะไม่มีแม่เหล็กยึดเข้ากับตัวแท็บเล็ตและต้องเสียบเก็บเอาไว้กับช่องของ Apple Pencil รุ่นแรกเท่านั้นและใช้งานกับอุปกรณ์อื่นนอกจาก iPad ไม่ได้ แต่ข้อดีคือปากกา iPad ของ AppleSheep จะมี 6 สีทีเดียว ดังนั้นถ้าใครชอบปากกาที่มีสีสันและเข้ากับสีของ iPad เราด้วย ก็แนะนำดูรุ่นนี้เอาไว้ได้เลย

สเปคของ AppleSheep Stylus Pencil
  • ปากกาสำหรับ iPad Gen 6, iPad Air, iPad Air 3, iPad Air 4, iPad Mini 5, iPad Pro 11″-12.9″ 
  • มีฟีเจอร์ Palm rejection และไม่ดีเลย์ตอนใช้งาน เชื่อมต่อได้ง่ายเพียงกดปลายปากกา
  • ต้องเก็บในช่องปากกาของ Apple Pencil รุ่นแรกเท่านั้น เลือกได้ 6 สี
  • ใช้งานต่อเนื่องได้นานราว 1 วัน มีไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่และชาร์จผ่าน USB-C
  • ราคา 990 บาท (Mercular)
4. Adonit Note+ (2,093 บาท)

Adonit Note Plus ct3

ถ้าเน้นว่าจะหาปากกา iPad สำหรับวาดภาพเป็นหลัก ฟีเจอร์มาครบๆ ผู้เขียนแนะนำเป็น Adonit Note+ ด้ามนี้ที่เรียกว่ามีทั้งฟีเจอร์ครบเครื่องทั้ง Palm rejection, เอียงปากกาแรเงาได้พร้อม Pressure sensor รับแรงกด 2,048 ระดับ และมีปุ่มทางลัดติดมาบนตัวปากกา 2 ปุ่ม นอกจากนี้ยังมีแอพฯ Adonit One ให้โหลดใน App Store สำหรับใช้ควบคุมตั้งค่าการทำงานต่างๆ ได้อีกด้วย ซึ่งข้อดีของ Adonit Note+ คือตัวปากกาสามารถใช้งานคู่กับแอพฯ วาดเขียนชั้นนำที่อยู่ใน iPad ได้สบายๆ ทั้ง Colored Pencil, Procreate, Zen Brush 2, Animation Desk ฯลฯ เรียกว่าเป็นตัวแทนของ Apple Pencil ไปเลยก็ไม่ผิด แต่ราคาถูกกว่าครึ่งหนึ่ง

ด้านของระยะเวลาใช้งาน แบตเตอรี่ในตัวปากกาใช้งานได้นานสุด 10 ชั่วโมง ชาร์จไว 5 นาทีใช้งานได้อีก 1 ชั่วโมงด้วยพอร์ต USB-C ที่ท้ายด้ามปากกา จัดว่าเป็นปากการุ่นทางเลือกแทน Apple Pencil ได้สบายๆ เหมาะกับนักวาดภาพที่เน้นวาดภาพใน iPad เป็นอย่างมาก

สเปคของ Adonit Note+
  • ปากกาสำหรับ iPad ใช้งานได้หลากหลายรุ่น ตั้งค่าได้ในแอพฯ Adonit One
  • มีฟีเจอร์เอียงปากกาแรเงา, Palm rejection และไม่ดีเลย์ตอนใช้งาน รับแรงกดได้  2,048 ระดับ
  • มีปุ่มลัดติดมาบนตัวปากกา 2 ปุ่ม ตั้งค่าได้ ใช้งานกับแอพฯ สายครีเอเตอร์ได้หลายแอพฯ
  • ใช้งานต่อเนื่องได้นานราว 10 ชั่วโมง ชาร์จไว 5 นาทีใช้ได้ 1 ชั่วโมง ด้วยพอร์ต USB-C
  • ราคา 2,093 บาท (BaNANA)
5. Logitech Crayon for iPad (2,490 บาท)

HMGA2 AV2

ปากกา iPad รุ่นสุดท้ายที่เลือกมาแนะนำในบทความนี้ เป็น Logitech Crayon ที่ทาง Apple เองก็เลือกมาแนะนำเป็นปากกา iPad รุ่นทางเลือกนอกเหนือจาก Apple Pencil รวมทั้งสั่งซื้อผ่านทางหน้าเว็บไซต์และหน้าร้าน Apple Store ประเทศไทยก็ได้เช่นกัน ซึ่งปากกาด้ามนี้จะเด่นเรื่องการเขียนงานและเส้นที่ต่อเนื่องเพราะว่าแชร์เทคโนโลยีร่วมกับ Apple Pencil ด้วย ทำให้การเขียนเส้นลงบนหน้าจอ iPad ต่อเนื่อง รวมทั้งมีเทคโนโลยีหลักๆ อย่าง Palm rejection, เอียงปากกาแล้วเขียนเส้นหนาขึ้นได้ แต่ไม่มีฟังก์ชั่นการแรเงาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น รองรับการใช้งานกับ iPad ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2018 แล้วเป็น iOS 12.2 เป็นต้นมาได้ทุกรุ่นอย่างแน่นอน

ส่วนแบตเตอรี่เวลาชาร์จจนเต็มแล้วจะใช้งานได้ 7.5 ชั่วโมง และชาร์จไว 2 นาทีใช้งานได้ 30 นาทีอีกด้วย และถ้าไม่ได้ใช้เขียนงานบนตัว iPad แล้ว ปากกาจะหยุดการทำงานเองภายใน 30 นาที หรือกดปุ่มเปิดปิดที่ตัวปากกาก็ได้ ชาร์จได้ด้วยพอร์ต Lightning ที่ท้ายปากกา นอกจากนี้ยังใช้งานร่วมกับแอพฯ สายจดโน๊ตและครีเอทีฟต่างๆ ได้อีกด้วย เรียกว่าถ้าใครหาปากกา iPad แต่ไม่ได้เป็น Apple Pencil มาใช้งาน ก็เลือกตัวนี้มาได้เลย

สเปคของ Logitech Crayon
  • ปากกาสำหรับ iPad ใช้งานได้หลากหลายรุ่น ต้องเป็น iOS 12.2 ขึ้นไป
  • มีฟีเจอร์เอียงปากกาให้ได้เส้นหนา, Palm rejection, แชร์เทคโนโลยีร่วมกับ Apple Pencil 
  • ใช้งานกับแอพฯ ทำงานหรือสายครีเอเตอร์ได้หลายแอพฯ 
  • ใช้งานต่อเนื่องได้นานราว 7.5 ชั่วโมง ชาร์จไว 2 นาทีใช้ได้ 30 นาที ด้วยพอร์ต Lightning และหยุดทำงานเองภายใน 30 นาที
  • ราคา 2,490 บาท (Shopee)

สรุปสเปคของปากกา iPad ทั้ง 5 รุ่น ไม่ต้องง้อ Apple Pencil

สำหรับปากกา iPad ในตอนนี้ เราสามารถหาซื้อรุ่นทดแทนมาใช้งานได้หลากหลายรุ่นด้วยกัน ซึ่งสเปคโดยสรุปจะเป็นดังนี้

สเปคปากกา iPad iPad รุ่นที่รองรับ ฟีเจอร์พิเศษ ระยะเวลาใช้งาน ราคา
STYLUS PENCIL USB-C WITH LED LIGHT iPad Pro 11″


iPad Pro 12.9″ (2018-2021)

iPad Air 4
เอียงปากกาแรเงา

Palm rejection

เขียนได้ไม่ดีเลย์

มีแม่เหล็กดูดติดตัว iPad ได้
9 ชั่วโมง

มีไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่

ชาร์จผ่าน USB-C
690 บาท
Baseus Capacitive Stylus  iPad Pro 11″

iPad Pro 12.9″

iPad Mini 5

iPad Air 3

iPad Air 4

Android
เอียงปากกาแรเงา

Palm rejection

เขียนได้ไม่ดีเลย์

มีแม่เหล็กดูดติดตัว iPad ได้

มีหัวปากกาแบบ Active และ Passive

ปุ่มทางลัด 2 ปุ่ม
8.5 ชั่วโมง

มีไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่

ชาร์จผ่าน USB-C
813 บาท
AppleSheep Stylus Pencil iPad Gen 6

iPad Air

iPad Air 3

iPad Air 4

iPad Mini 5

iPad Pro 11″-12.9″
Palm rejection

เขียนได้ไม่ดีเลย์

เชื่อมต่อได้ง่ายโดยกดที่ปลายปากกา
ราว 1 วัน

มีไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่

ชาร์จผ่าน USB-C
990 บาท
Adonit Note+ ใช้กับ iPad ได้หลากหลายรุ่น เอียงปากกาแรเงา

Palm rejection

เขียนได้ไม่ดีเลย์

รับแรงกดได้ 2,048 ระดับ

มีปุ่มทางลัด 2 ปุ่ม

ตั้งค่าด้วยแอพฯ Adonit One
10 ชั่วโมง

ชาร์จไว 5 นาทีใช้ได้ 1 ชั่วโมง

ชาร์จผ่าน USB-C
2,093 บาท
Logitech Crayon iPad ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นไป ต้องอัพเดทเป็น iOS 12.2 ขึ้นไป Palm rejection

แชร์เทคโนโลยีร่วมกับ Apple Pencil

เอียงปากกาให้ได้เส้นหนา
7.5 ชั่วโมง

ชาร์จไว 2 นาทีใช้ได้ 30 นาที

ชาร์จผ่านพอร์ต Lightning
2,490 บาท

จะเห็นว่านอกจาก Apple Pencil แล้ว เราก็มีปากกาทางเลือกจากผู้ผลิตรายอื่นๆ ให้เลือกซื้อไปใช้งานกัน และบางเจ้าอาจจะมีฟีเจอร์น่าสนใจอย่างเช่นปุ่มทางลัดบนตัวปากกาให้ใช้งาน ซึ่งเชื่อว่านักวาดหลายๆ คนน่าจะชื่นชอบฟีเจอร์ประเภทนี้เป็นอย่างแน่นอน ดังนั้นถ้าใครเห็นว่าปากกาด้ามไหนคือด้ามที่ใช่และเป็นตัวทดแทนที่น่าสนใจกว่า Apple Pencil ก็อยากให้ลองเลือกซื้อมาใช้งานดู ไม่แน่ว่าอาจจะตอบโจทย์การใช้งานมากกว่าที่คิดก็ได้


บทความที่เกี่ยวข้อง

ipadcover

iPad Mini 6

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

Accessories review

VOLTME Revo 140 กับ VOLTME RUGG CTC 100W คอมโบสายและอะแดปเตอร์สุดเจ๋ง ชาร์จได้หมดทั้งโน๊ตบุ๊ค, แท็บเล็ตและมือถือ!! ถ้าเปิดกระเป๋ามานอกจากโน๊ตบุ๊คแล้ว หลายคนก็มีแท็บเล็ตกับสมาร์ทโฟนติดกระเป๋ากันแน่ๆ ดังนั้นอะแดปเตอร์อย่าง VOLTME Revo 140 กับสายชาร์จ VOLTME RUGG CTC 100W เลยเป็นไอเท็มคู่สำคัญควรมีติดกระเป๋าเอาไว้ให้อุ่นใจ ยิ่งใครใช้โน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงหรือ MacBook...

Tips & Tricks

นอกจากใช้เป็นโปรแกรมแชตด้วยเสียงของเกมเมอร์เวลาเล่นเกมแล้ว ถ้านั่งเล่นเกมคนเดียวแล้วอยากฟังเพลงตอนเพื่อนไม่อยู่ก็มีบอทเพลง Discord เป็นเพื่อนคอยเปิดเพลงให้ฟังได้ฟรี หรือถ้าไม่ได้เล่นเกมแต่อยากเข้ามานั่งฟังเพลงแล้วนั่งอ่านหนังสือก็เรียกบอทเข้ามาเปิดเพลงได้ ซึ่งในปัจจุบันก็มีบอทหลายตัวให้โหลดไปใช้งานได้ฟรีไม่ว่าจะเป็นบอทเปิดเพลงทั่วไปหรือเฉพาะแนวเพลงนั้นก็มีให้เลือกตามชอบ บอทเพลง Discord ใช้งานยากหรือเปล่า? Discord สามารถโหลดมาติดตั้งในคอมพิวเตอร์หรือล็อคอินใช้งานผ่านเบราเซอร์ก็ได้ นอกจากใช้งานในคอมพิวเตอร์แล้ว Discord ก็มีแอปฯ ให้โหลดมาติดตั้งในสมาร์ทโฟนได้ มีผู้พัฒนาบอทเพลงใน Discord หลากหลายเจ้า เน้นสไตล์เพลงให้เลือกหลากหลายแบบ การเริ่มสั่งบอท Discord ในแชนแนล ให้เริ่มจากเครื่องหมายทับ (Forward...

Mac Corner

ถ้าใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ ไม่ว่าจะ Windows หรือ MacBook ทุกคนย่อมกดคีย์ลัดสั่งการให้คอมของตัวเองทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้นแน่นอน ถ้าใช้คอมมานานแล้ว คีย์ลัด Mac ก็ยังใช้วิธีกดปุ่มคำสั่ง 2-3 ปุ่มรวมกัน แค่เปลี่ยนชื่อกับภาพไอคอนปุ่มคำสั่ง (Modifier) บางปุ่มให้เป็นตามแบบฉบับของ Apple เอง คนที่ย้ายจาก Windows มาใช้ macOS ก็ใช้เวลาปรับตัวเรียนรู้คีย์ลัดสักระยะก็ใช้งานได้ถนัดอย่างแน่นอน ก่อนจะเริ่มใช้งานคีย์ลัด Mac...

How to

ในยุคนี้ใครๆ ก็ต้องมีโน๊ตบุ๊คเอาไว้ทำงานสักเครื่อง แต่จะซื้อมือหนึ่งแล้วต้องรอให้ถึงช่วงโปรโมชั่นก็ไม่ไหวหรือถึงจะลดราคาแล้วก็ยังจ่ายไม่ไหวก็มี โน๊ตบุ๊คมือสองจึงกลายเป็นทางเลือกของผู้ใช้หลายๆ คนที่ต้องการคอมสเปคดีราคาไม่แรงเอาไว้ทำงานสักเครื่อง ซึ่งช่องทางหาซื้อในปัจจุบันก็มีตั้งแต่วิธีคลาสสิคอย่างไปซื้อจากหน้าร้านคอมมือสองตามห้างไอที, ค้นหาทางเว็บไซต์เว็บบอร์ดไปจนตามหาซื้อในกลุ่ม Facebook และ Marketplace แล้วนัดเจอรับสินค้าก็ทำกันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ถ้าคิดว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊คจากร้านมือสองหรือต่อจากคนอื่น นอกจากโฟกัสให้ได้ราคาที่ตั้งใจเอาไว้ก็ต้องดูสเปคให้พอดีกับงานของเราด้วย ซึ่งวิธีง่ายสุดก็ให้ดูก่อนว่าในเครื่องเป็น Windows 11 แล้วหรือยัง จะได้อัปเดตแพทช์รักษาความปลอดภัยได้เรื่อยๆ หรือถ้าสเปคน่าสนใจแต่ยังเป็น Windows 10 ก็เช็คจากตารางซีพียู AMD, Intel...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก