HP Victus 16 รุ่นใหม่ปี 2021 เป็น AMD Gaming Notebook หน้าจอ 16.1″ ที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาด จากการใช้สเปกเป็น Ryzen 5000H + GeForce GTX 1650 / RTX 3060 โดยมาพร้อมประสิทธิภาพสูงทั้งชิปประมวลผลเทคโนโลยี 7 นาโนเมตร ที่ทั้งแรงและร้อนน้อย รวมถึงการ์ดจอก็แรงลื่น ตอบสนองทุกการใช้งานได้อย่างราบรื่น พร้อมติดตั้งซอฟต์แวร์ช่วยจัดการ ในดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ แตกต่างไปจากแบรนด์อื่นๆ ออกแบบโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ให้มีความสวยงามความโดดเด่น ใช้งานง่ายและสะดวก
สำหรับการออกแบบต้องบอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก HP Pavilion Gaming 16 โดยตัวเครื่องมีความบางเพียง 23.5 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.46 กิโลกรัมเท่านั้น ได้ขอบหน้าจอบางเฉียบ มิติตัวเครื่องเล็กกระชับ หน้าจอเป็นพาเนล IPS มี Refresh Rate ที่ 144Hz ซึ่งเหมาะสมในการเล่นเกม สนนราคาอยู่ที่ 29,990 – 42,990 บาท การรับประกันเป็นแบบ On-site Service ระยะเวลา 2 ปี พร้อมบริการหลังการขายอื่นๆ โดยสเปกในรีวิวนี้เป็นรุ่นขายจริงแล้ว อย่าง Ryzen 7 5800H + GeFroce RTX 3060 + RAM 8GB + 512GB ส่วนสเปกอื่นๆ เหมือนกันหมด
VDO Review
Live Review
NBS Verdict
เป็นอะไรที่น่าสนใจสำหรับ HP Victus 16 เลยก็ว่าได้ ด้วยการปรับหน้าจอให้ใหญ่กว่า Gaming Notebook รุ่นมาตรฐานทั่วไป ที่ปกติแล้วเป็นขนาด 15.6″ แต่ HP Pavilion Gaming 16 เป็นขนาด 16.1″ เรียกได้ว่าใหญ่ที่ 0.5″ ซึ่งดูแล้วเป็นทิศทางของ Gaming Notebook ในตลาดหลังจากนี้ด้วย คาดว่าในอนาคตหลายๆ แบรนด์น่าจะทยอยขยับหน้าจอเป็น 16.1″ กันหมดก็เป็นไปได้ ซึ่งเป็นเรื่องเทคนิคทางการผลิตที่อาจจะคุ้มค่ากว่า 15.6″
แต่ที่แน่ๆ รุ่นนี้เป็นการต่อยอดมาจาก HP Pavilion Gaming 16 เป็นรุ่นแรกในตลาดซึ่งมีการขายจริงเมื่อปี 2020 ส่วนสเปกก็ทำได้เยี่ยมตามมาตรฐานอัพเดทใหม่ล่าสุดด้วยชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1650 – RTX 3060 พร้อมแรม 8GB DDR4 Bus 3200 MHz ได้ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ในทุกรุ่น
จากการที่ได้สัมผัสและใช้งานจริงๆ ของ HP Victus 16 ทั้งการเล่นเกมหลากหลายเกม มีความร้อนที่เกิดขึ้นอยู่เกณฑ์ที่เย็นกว่ารุ่นก่อนๆ จากการที่ปรับเปลี่ยนชุดระบายความร้อนแบบใหม่ รวมไปถึงทำงานนอกสถานที่ก็ใช้แบตได้ยาวนานกว่า 7 ชั่วโมง และความบันเทิงดูหนังฟังเพลงที่บ้าน บอกได้เลยว่าทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบนั้นมีความน่าประทับใจ จากการที่ดูไม่เป็น Gaming Notebook จนเกินไป เอาไปทำงานก็ดูดี เล่นเกมก็ลื่นไหล
กับตัวเครื่องที่เล็กกระชับ ขอบหน้าจอที่บางเฉียบ ซึ่งตัวเครื่องก็หนักเพียง 2.46 กิโลกรัม จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ไม่หนักเกินไป พกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้ไม่ลำบาก แลกกับประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้น รวมไปถึงมีสเปคประสิทธิภาพสูง เหลือเฟือในการใช้งานทั่วไป รวมไปถึงการเล่นเกมก็ทำได้อยู่ในเกรดที่ดี อีกทั้งมี Windows 10 Home มาให้พร้อมใช้งานด้วย ประกันก็เป็นแบบ 2 ปี On-site Service ที่ใช้งานได้อย่างสบายใจ
อย่างไรก็ตาม HP Victus 16 มีข้อสังเกตอยู่ในบ้างในเรื่องของการที่แรมติดเครื่องมาขนาด 8GB ทำให้เพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งกว่า เราต้องอัพเกรดเองเป็น 16GB ซึ่งเอาเข้าจริงรุ่นที่เราได้รับมารีวิวนั้นเป็นรุ่นราคา 42,990 บาท ก็น่าจะให้แรมมา 16GB และ SSD 1TB ไปเลย ก็น่าจะดีมากๆ เพราะบางรุ่นบางแบรนด์ในช่วงราคานี้เค้ามากันแล้ว รวมไปถึงบานพับเองก็มีอาการขยับไปมาตอนที่เรากางจอไปมา ซึ่งอาจจะไม่มีผลต่อการใช้งานโดยตรง แต่ก็รู้สึกแปลกๆ ทั้งหมดนี้สำหรับบางคนถือว่าพอมองข้ามได้อยู่ เมื่อเทียบกับข้อดีหลายๆ ส่วนและราคาค่าตัวเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้กลับมา
จุดเด่น HP Victus 16
- ดีไซน์การออกแบบสวยงาม งานประกอบแน่นวัสดุดี แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ และรุ่นก่อน
- ตัวเครื่องเล็กกระชับ แม้จะเป็นหน้าจอ 16.1″ แต่เล็กและเบาพอๆ กับโน๊ตบุ๊คจอ 15.6″
- ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Ryzen 7 5800H และการ์ดจอ RTX 3060
- ติดตั้งแรม 8GB DDR4 และ SSD M.2 NVMe 512GB ความเร็วสูง
- หน้าจอพาเนล IPS เกรดสูงมาก ที่ 90% sRGB และเป็น 144Hz
- ประสิทธิภาพในการเล่นเกมดีลื่นไหลทั้ง แนวออฟไลน์และออนไลน์
- คีย์บอร์ดมีไฟเป็นสีขาวที่ดูแล้วสวยงาม ส่วนตัวชอบกว่าสีเขียวรุ่นก่อนๆ
- มาพร้อม Windows 10 Home และซอฟต์แวร์ HP ใช้งานได้ทันที
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 7 ชั่วโมง
- ลำโพง B&O คุณภาพเสียงดี น่าประทับใจ มีซอฟต์แวร์ปรับแต่งได้
- สามารถจัดการความร้อนได้เป็นอย่างดี ถือว่าเย็นกว่าที่คาดเอาไว้
- ประกัน 2 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน
ข้อสังเกต HP Victus 16
- น่าจะใส่แรมมาขนาด 16GB จากราคาค่าตัว เราจะได้ไม่ต้องอัพเกรดเอง
- บานพับมีอาการขยับไปมาเวลากางออก แต่คาดว่าไม่มีผลต่อการใช้งานในอนาคต
Specification
สเปกเต็มๆ ของ HP Victus 16 ที่ได้รับรีวิวจากทาง HP นี้เป็นเครื่องขายจริงรุ่นท็อปสุด ใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800H เป็น CPU ที่ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธรด มีความเร็วอยู่ที่ 3.20 – 4.40 GHz โดดเด่นด้วยสถปัตยกรรม Cezanne มีประสิทธิภาพความแรงที่สูงขึ้น โดยมีการ์ดจอออนชิปอย่าง Radeon 8 ไว้สำหรับการใช้งานแสดงผลพื้นฐาน พร้อมการ์ดจอแยกระดับ Gaming อย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-P (6GB GDDR6) มีค่า TGP 80 – 95W
ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 8GB แบบ DDR4 Bus 3200MHz (รองรับการอัพเกรดอีก 1 แถวทันที) พร้อมที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB (รองรับการอัพเกรดอีก 1 แถวทันที) ระบบปฎิบัติการเป็น Windows 10 พร้อมใช้งานตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก ได้หน้าจอขนาด 16.1″ แบบด้านลดแสงสะท้อน ความละเอียด Full HD พาเนล IPS คุณภาพดีให้สีสันสวยงามและมุมมองที่กว้างเพียงพอกับการใช้งาน เหมาะกับการทำงานหรือเล่นเกม ด้วยการรองรับ Refresh Rate ที่ 144 Hz
พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง 1 x USB 3.2 Type-C, HDMI, 3 x USB 3.2 Type-A, Kensington lock slot, LAN RJ-45, Headset, SD Card Reader พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.2 และ Wi-Fi 6 AX สนนราคาขายจริงสเปกนี้อยู่ที่ 29,990 – 42,990 บาท (ต่างกันที่สเปกชิปประมวลผลและการ์ดจอแยกเป็นหลัก) การรับประกันที่เป็นแบบ On-site Service ระยะเวลา 2 ปี
HP Victus 16-e0082AX ราคา 29,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
-
CPU : AMD Ryzen 5 5600H (6C/12T : 3.30 – 4.20 GHz)
-
GPU : AMD Radeon 7 + NVIDIA GeForce GTX 1650
-
RAM : 8GB DDR4 Bus 3200MHz
-
DISPLAY: 16.1″ IPS Full HD @ 144Hz
-
STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
-
OS : Windows 10 Home
-
Connector : Wi-Fi 6 AX (2 x 2) + BT5.2
-
Warranty : 2 Years On-site Service
HP Gaming 16-e0081AX ราคา 31,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
-
CPU : AMD Ryzen 5 5600H (6C/12T : 3.30 – 4.20 GHz)
-
GPU : AMD Radeon 7 + NVIDIA GeForce RTX 3050
-
RAM : 8GB DDR4 Bus 3200MHz
-
DISPLAY: 16.1″ IPS Full HD @ 144Hz
-
STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
-
OS : Windows 10 Home
-
Connector : Wi-Fi 6 AX (2 x 2) + BT5.2
-
Warranty : 2 Years On-site Service
HP Victus 16-e0093AX ราคา 39,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
-
CPU : AMD Ryzen 5 5600H (6C/12T : 3.30 – 4.20 GHz)
-
GPU : AMD Radeon 7 + NVIDIA GeForce RTX 3060
-
RAM : 8GB DDR4 Bus 3200MHz
-
DISPLAY: 16.1″ IPS Full HD @ 144Hz
-
STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
-
OS : Windows 10 Home
-
Connector : Wi-Fi 6 AX (2 x 2) + BT5.2
-
Warranty : 2 Years On-site Service
HP Victus 16-e0092AX ราคา 42,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
-
CPU : AMD Ryzen 7 5800H (8C/16T : 3.20 – 4.20 GHz)
-
GPU : AMD Radeon 8 + NVIDIA GeForce RTX 3060
-
RAM : 8GB DDR4 Bus 3200MHz
-
DISPLAY: 16.1″ IPS Full HD @ 144Hz
-
STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
-
OS : Windows 10 Home
-
Connector : Wi-Fi 6 AX (2 x 2) + BT5.2
-
Warranty : 2 Years On-site Service
Hardware / Design
หน้าตาการออกแบบเอง HP Victus 16 สเปก AMD Ryzen 5000H ได้รับดีไซน์แบบรุ่นก่อนหน้าอย่าง HP Pavilion Gaming 16 มาส่วนหนึ่ง พร้อมปรับปรุงในหลายๆ ส่วน ซึ่งก็ต้องบอกว่าทำได้ดีเยี่ยมไม่แพ้ Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ ด้วยความโดดเด่นที่สวยดุดันตามสไตล์ของโน๊ตบุ๊คเล่นเกมที่บรรดาเกมเมอร์ชื่นชอบกัน กันขนาดหน้าที่ใหญ่ขึ้น 0.5″ ในมุมแทยง แน่นอนว่ามีความใหญ่ขึ้น แต่ถ้าเทียบมิติหรือแค่มองด้วยตาเปล่า ก็แทบจะไม่ค่อยรู้สึกเท่าไร เรียกได้ว่าเป็นขนาดที่อยู่ระหว่างรุ่นจอ 15.6″ และ 17.3″
เมื่อเปรียบเทียบกับ Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ ในช่วงราคาเดียวกัน ได้ความแตกต่างที่ความเรียบง่ายใช้เป็นโทนสีเทาตลอดทั้งตัวเครื่อง ซึ่งมีชื่อทางการตลาดว่า Mica Silver โดยฝาหลังของตัวเครื่องมีโลโก้ V ขนาดใหญ่เป็นเอกลักษณ์ใหม่สีสันแบบเทามันวาวสะดุดตา ประกอบกับพื้นผิวสีเทาด้านให้ความรู้สึกเป็น Gaming ที่ดีมีความพรีเมียม วัสดุทั้งหมดของตัวเครื่องพลาสติกเกรดดี มองแล้วคล้ายกับโลหะ มีการปรับดีไซน์ใหม่ดูดลมเย็นได้ดีขึ้น ซึ่งมีข้อสังเกตุเล็กน้อยคือเวลากางหน้าจอไปมาแล้วมันไม่นิ่งยังขยับอยู่เล็กน้อยก่อนหยุด
จากการที่มีขนาดหน้าจอ 16.1″ ซึ่งต่างจากรุ่นก่อนๆ คือ 15.6″ ถือว่าน่าประทับใจไม่เป็นรองกัน กับมิติที่ตัวเครื่องที่เล็กกระทัดรัดเมื่อเทียบ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ รุ่นปัจจุบัน โดยบางลงเพียง 23.5 มิลลิเมตร ซึ่งเท่าๆ กับโมเดล HP Pavilion Gaming 15 พร้อมน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.46 กิโลกรัม เทียบกับรุ่นหน้าจอ 15.6″ จะหนักกว่าประมาณ 100 – 200 กรัม แต่จากการที่ได้ขอบหน้าจอบางเฉียบ แม้หน้าจอจะใหญ่ขึ้น แต่เป็นโน๊ตบุ๊คที่สเปกแรงอีกรุ่นที่พกพาไปใช้งานได้สะดวกไม่แพ้รุ่น 15.6″ นั่นเอง
ด้านในตัวเครื่องมาพร้อมความเป็น Victus ที่เป็นซีรีส์ใหม่ จัดว่าเป็นรุ่นรองจาก OMEN ได้วัสดุจะเป็นพลาสติกเกรดดีให้ความรู้สึกที่แข็งแรง ตัดด้วยไฟสีขาวจากชุดคีย์บอร์ก ที่ช่วยเสริมความสวยงามได้ดี และส่วนด้านขวาในชุดคีย์บอร์ดจะเป็นปุ่ม Power มีไฟเมื่อเปิดใช้งาน รวมถึงมีการใช้บานพับแบบแกนเดียวขนาดใหญ่ ที่ดูแข็งแรงทนทานสวยงามเข้ากับเครื่องได้ดีมากๆ พร้อมยกหน้าจอให้ระดับสูงกว่าเดิม ทำให้มุมมองการใช้งานดียิ่งขึ้น กางสุดได้มุมประมาณ 145 องศา ที่เชื่อได้ว่าไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องบานพับในระยะยาวของการใช้งานแต่อย่างใด แม้มันจะขยับเล็กน้อยเวลาที่กางก็เถอะ
ด้านหลังได้มีการวางตำแหน่งช่องระบายความร้อนแบบแถวยาวแถวเดียว โดยซ่อนอยู่บานพับซึ่งใช้พัดลมแบบคู่ซึ่งมีการออกแบบได้ขนาดที่ใหญ่ขึ้น ตรงแกนฝาพับจะมีสกรีนตัวอักษร Victus สีขาวเอาไว้ เพื่อบ่งบอกว่าเป็นซีรีส์ Victus ชัดเจนดูโดดเด่น พร้อมมุมตัวเครื่องมีบ่งบอกว่าเป็นส่วนหนึ่งของ HP ส่วนด้านล่างตัวเครื่องจะมียางรอง 3 จุดตาม เป็นมุมตัวเครื่องด้านหน้า 2 จุด และแถวหลังจะทำเป็นรูปแนวแนวยาวสวยงามตามลักษณะของเครื่อง พร้อมช่องดูดลมเย็นขนาดใหญ่ มีดีไซน์เป็นตัว V โดนเป่าลมร้อนออกทางบานพับจอและขอบขวาของเครื่อง
ลำโพงแบบสเตอริโอของ B&O จะอยู่ที่มุมขอบตัวเครื่องด้านหน้า โดยมีโลโก้ B&O กำกับไว้มุมขวาล่างของคีย์บอร์ด รวมไปถึงในส่วนนี้ก็ได้มีการติดสติ๊กเกอร์ AMD Ryzen 5000G และ NVIDIA GeForce RTX เอาไว้อยู่ ที่สำคัญและโดดเด่นกว่ารุ่นไหนในท้องตลาดตอนนี้คือเป็น Gaming Notebook ขอบจอบางที่ดูแล้วสวยงามลงตัวอีกรุ่นนึงในตลาด พร้อมสติ๊กเกอร์แปะเอาไว้ว่าเป็นรุ่นหน้าจอ 144Hz ส่วนดีไซน์เหนือคีย์บอร์ดก็จะเป็นช่องดูดลมเย็นเข้าไป ลักษณะเป็นตัว V ที่ดูแล้วสวยงามลงตัวกับตัวเครื่องโดยรวมอย่างที่สุด
สรุปการออกแบบดีไซน์ของ HP Victus 16 สเปก AMD Ryzen 5000H ต้องบอกว่าสวยงามตามสไตล์ของ HP โดยมีรักษาเอกลักษณ์ดีไซน์ที่ชัดเจน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ รวมไปถึงงานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอ หรือจะเอาไปทำงานเล่นอินเตอร์เน็ตก็สามารถรองรับได้อย่างสบายๆ ที่สำคัญดีไซน์การออกแบบยังก้าวล้ำด้วยความดุดันและจริงจัง Gaming มากกว่าเดิม ซึ่งตรงนี้ก็ต้องยอมรับว่าเป็น Gaming Notebok อีกรุ่นที่น่าสนใจในตลาด ณ ตอนนี้เลย ทั้งจากดีไซน์ ความต่าง สเปก ฟีเจอร์ และราคา
Keyboard / Touchpad
ส่วนของคีย์บอร์ดของ HP Victus 16 นั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำเข้ากับตัวเครื่อง โดยสกรีนตัวอักษรเป็นสีขาวร้อมฟอนต์ที่ดูเข้ากับตัวเครื่อง การใช้งานก็เด้งรับกันนิ้วเป็นอย่างดี ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับคนที่นิ้วเล็กนิ้วใหญ่สามารถใช้งานได้สะดวกทั้งหมด แน่นอนว่ามาพร้อมกับปุ่มชุดตัวเลข Numpad ด้านขวา ในส่วนของไฟ LED Backlit สีขาวก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียว สำหรับปุ่ม Power อยู่โซนทางขวาพร้อมมีไฟ LED สีขาวแสดงสถานะการเปิดตัวเครื่อง ดูแล้วมีความเข้ากันตลอดทั้งตัวเครื่อง แม้จะดูเกมมิ่งมากมายเหมือนหลายๆ รุ่น แต่ก็ใช้งานได้จริงไม่ติดอะไร
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง โดยมีสัมผัสที่หนืดเล็กน้อยกำลังดี ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบปุ่มซ่อนคลิกซ้ายขวา ทำให้ความรู้สึกในการกดที่ดี รองรับการใช้งานมัลติทัช สำหรับการใช้งานจริงจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งตัวทัชแพดจะวางตัวไปทางด้านซ้ายของเครื่องเล็กน้อยไม่ได้อยู่ตรงกลางหน้าจอเป๊ะๆ โดยรวมก็สามารถใช้งานได้ดีไม่ปัญหาอะไร ซึ่งในรุ่นนี้ก็ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี โดยมีปุ่ม Hotkey ให้ปิดทัชแพดแล้ว เมื่อไม่ใช่งานแต่อย่างใด อย่างที่รุ่นก่อนๆ นั้นขาดไป
Screen / Speaker
หน้าจอแสดงผลของ HP Victus 16 รุ่นนี้มีขนาด 16.1” ซึ่งจัดว่าเป็นมาตรฐานใหม่ ที่จะมาแทนหน้าจอ 15.6″ แบบเดิมๆ ในอนาคต ได้ความละเอียด Full HD ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ใช้แล้วเรียบเนียนตา พาเนล IPS คุณภาพสูงแบบด้าน Anti-glare สำหรับการเล่นเกมที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ด้วย Refresh Rate สูงสุด 144Hz รองรับการแสดงค่าสีตามมาตรฐาน sRGB ที่ขอบเขตสีใกล้เคียง 100% ให้ทุกการใช้งาน สมจริง ไร้อาการภาพเบลอและฉีกขาด และยังแสดงสีได้อย่างแม่นยำสำหรับการทำงานเฉพาะทางสาย Content Creator แน่นอนว่ามีมุมมองภาพที่กว้างทางแนวตั้งและแนวนอนด้วย
แน่นอนว่ามีดีไซน์หน้าจอขอบจอบางเฉียบ Micro-Edge Display ทั้งขอบด้านข้างและด้านบน ที่ยังสามารถติดตั้งกล้องเว็บแคมได้ปกติ พร้อมไมโครโฟนแบบคู่ได้อยู่ ถือว่าดีกว่ามาตรฐานของ Gaming Notebook ปี 2021 ทั่วไป กับขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาในแนวทะแยงที่ 0.5″ ให้ความรู้สึกดีกว่ารุ่น 15.6″ แบบก่อนได้ชัดเจน นอกจากนี้หน้าจอรุ่นนี้ยังมีความน่าสนใจ จากการที่สามารถแสดงความสว่างได้สูงสุดที่ 300nit ด้วย จัดว่าดีกว่าจอปกติทั่วไปที่มีค่าอยู่ที่ 200 – 250 nit เท่านั้น
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอ HP รุ่นนี้ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพสูง จึงได้ทำการทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยจากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 90% / AdobeRGB ที่ 72% / DCI-P3 ที่ 74% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีมากๆ ใกล้เคียง 100% sRGB ที่เคลมเอาไว้จริงๆ ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ 300 nit ตามสเปกที่กล่าวมา ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน พร้อมค่าความคลาดสี Delta-E ที่เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 2.09 เท่านั้น
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าหน้าช่องของจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ที่ 300 nit แต่สำหรับบางช่องก็จะมีแสงสว่างที่ลดลงไปอย่างมากสุดที่ 4% เท่านั้น ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว นับว่าเป็นหน้าจอรุ่นหนึ่งที่คุณภาพสูงสมราคาค่าตัวจริงๆ
ทางด้านลำโพงเลือกใช้ระบบเสียง B&O ซึ่งทำงานแบบสเตอริโอ โดยตัวลำโพงถูกติดตั้งไว้ที่มุมตัวเครื่องด้านหน้า กับความตั้งใจให้เสียงยิงลงพื้นก่อน ซึ่งแยกเสียงซ้ายขวาชัดเจน เช่นเดียวกับรุ่น Pavilion รุ่นอื่น ๆ ที่เป็นรุ่นรองๆ ส่วนเรื่องเสียงก็ให้เสียงที่มีคุณภาพดีและเสียงดังพอสมควร เหมาะกับการดูหนัง ฟังเพลง ได้สบายๆ อีกทั้งมีเทคโนโลยี HP Audio Boost ทำให้ได้พลังของเสียงที่มีคุณภาพ และความหนักแน่น พร้อมซอฟต์แวร์ปรับแต่งได้ สร้างประสบการณ์ที่ดูดีกว่าเสียงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง HP Victus 16 นั้นสามารถทำได้ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายเสียทีเดียว เพราะงานประกอบค่อนข้างแน่นหนา ต้องความระมัดระวังพอสมควร ซึ่งหลังจากถอดน็อตทุกตัวเสร็จหมดแล้ว ต้องใช้มือค่อยๆ ง้างตามมุม ควรทำอย่างใจเย็น และขอบฝาด้านหลังตรงแกนฝาพับค่อนข้างคมระวังบาดนิ้วมือกันด้วย ส่วนหลายคนที่สงสัยว่ามีน็อตตรงแกนยางรองไหมบอกเลยว่ารุ่นนี้ไม่มี มีน็อตแค่เท่าที่เห็นคือ 8 ตัว แต่ละตัวเท่ากันหมด โดยเมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ อย่างตามรูปเลย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ถ้าเทียบกันรุ่นก่อนๆ ทีเดียว
การวางรูปแบบของฮาร์ดแวร์เครื่องนี้ทำได้ดูดีเลยที ซึ่งเราจะไม่สามารถอัพเกรด HDD SATA ขนาด 2.5″ ธรรมดาได้อีกแล้ว โดยเครื่องนี้ได้ติดตั้ง SSD M.2 NVMe ความเร็วสูงมาแล้วที่ความจุ 512GB พร้อมอัพเกรดอีก 1 ตัวทันที ซึ่งมีแผ่นโลหะทองแดงปิดครอบเอาไว้อยู่ พร้อมใส่แรมขนาด 8GB DDR4 Bus 3200MHz จำนวน 1 แถวทันที (แนะนำว่าให้อัพเกรดเป็น 8GB x 2 = 16GB) ส่วนเรื่องระบายความร้อนตัวเครื่องมี Heat Pipe จำนวน 2 เส้น และแผ่นโลหะวางพาดยาวไล่ไปทั้งชิปการ์ดจอและตัวซีพียูเอง ส่วนพัดลมเครื่องนี้ก็มีมาให้ 2 ตัว ตามแบบฉบับ Gaming Notebook ซึ่งระบายความร้อยได้เป็นอย่างดี
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง HP Victus 16 นี้จัดว่าเป็น Gaming Notebook ที่มีความครบครับประมาณนึง ไม่ว่าจะเป็น 3 x USB 3.2 Type-A (รองรับการชาร์จไฟไปอุปกรณ์อื่นๆ 1 ช่อง), 1 x USB 3.2 Type-C (รองรับการชาร์จไฟไปอุปกรณ์อื่นๆ), HDMI 2.0 ไว้เชื่อมต่อกับหน้าจอเสริมภายนอก พร้อมช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร แบบแยกไมค์หูฟังหรือไมค์อย่างเดียว แน่นอนว่ามี SD Card Reader เป็นมาตรฐาน อีกทั้งยังมี LAN RJ45 โดดเด่นกว่า Gaming Notebook หลายๆ รุ่นในตลาดที่ช่วงราคาใกล้เคียงกัน
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6″ ทั่วไปถือว่าปกติ พร้อมดีไซน์ที่สวยงามมีลักษณะขอบมนๆ แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ที่เป็นเหลี่ยมๆ ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 2.46 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับตัวอแดปเตอร์เข้าไปด้วย กำลังจ่ายไฟที่ 200W ก็จะมีน้ำหนักที่ไม่เกิน 3.5 กิโลกรัม ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่ไม่หนักจนเกินไปนัก แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ หนุ่มๆ ชาวเกมเมอร์พกพาได้สบายๆ ตามมหาวิทยาลัยหรือร้านกาแฟต่างๆ
Performance / Software
HP Victus 16 เครื่องรีวิวนี้เป็นสเปกขายจริง ด้วยชิปประมวลผลตัวแรงยอดนิยมในตลาดของ Gaming Notebook ของ AMD อย่าง Ryzen 7 5800H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่า Ryzen 4000H ด้วยสถาปัตยกรรม Zen 3 โค้ดเนม Cezanne มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 nm ความเร็ว 3.20 – 4.40 GHz แบบ 8 Core/ 16 Thread ร้อนน้อยกว่า ได้ L3 Cache ที่ 16MB มีค่าอัตราการใช้พลังงานสูงสุด (TDP) ที่ 45W ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ
แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังรวมไปถึงเล่นเกมเป็นหลัก ก็รองรับได้อย่างสบายๆ และดีที่สุดแน่นอน เรียกได้ว่าแรงกว่าชิปประมวลผลที่เป็น AMD Ryzen 4000H อย่าง Ryzen 7 4800H แน่นอน พร้อมได้แรมขนาด 8GB DDR4 Bus 3200MHz (8GB x 1) ใช้งานได้ทันที แต่ส่วนตัวแล้วแนะนำว่าควรอัพเกรดให้เป็นแรม 16GB จะดีกว่า ด้วยการเพิ่มแรม 8GB อีก 1 ตัว เพราะได้ประสิทธิภาพโดยรวมที่ดีกว่าแรม 8GB เดิมๆ แน่นอน
ผสานกับการ์ดจอออนบอร์ดรุ่นใหม่อย่าง AMD Radeon 8 มีความเร็วในการทำงานที่ 2100MHz มาตรฐานแรม DDR4 ขนาด 512MB ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น เน้นการใช้พื้นฐานหรือใช้งานทั่วไปเพื่อประหยัดพลังงานมากกว่า อย่างเล่นอินเตอร์เน็ต ดูหนังฟังเพลง
โดยมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 (6GB GDDR6) ซึ่งตรวจสอบแล้วเป็น Max-P ไม่ใช่ Max-Q เน้นความแรงลื่นมากกว่า สถาปัตยกรรม Ampere เทคโนโลยีการผลิต 8 นาโนเมตร โดยเป็น RTX เจนที่ 2 ที่ต้องบอกว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าที่เทียบเคียงอย่าง GeForce RTX 2070 ได้ดีกว่า ซึ่งไม่ใช่แค่แรงแต่ยังร้อนน้อยกว่าด้วย พร้อมกับมีค่า TGP (Total Graphic Power) อยู่ที่ 80 – 95W ที่เรียกได้ว่า HP เลือกให้เหมาะกับตัวเครื่อง
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ทั้ง 15 / 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เป็นที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าพอตัว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยกเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น (แต่ออนชิปคือตัวเดิมนะ) เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก สมกับเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800H จริงๆ
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ปี 2021 ไปแล้ว โดยทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับ SSD M.2 SATA 3 แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3578 MB/s และเขียนที่ 3261 MB/s ที่เร็วกว่ารุ่นทั่วไปในราคาใกล้เคียงกันพอสมควร หรือถ้าพูดให้ตรงๆ เลยก็คือ ได้ความเร็วแรงของ SSD เทียบเท่า Gaming Notebook ตัวท็อปๆ เลยก็ว่าได้
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 6681 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็น Gaming Notebook สเปกใหม่ล่าสุดจากชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800H มีการ์ดจอแยกระดับ Gaming อย่าง NVIDIA GeFroce RTX 3060 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คปีก่อนๆ มากพอตัว เชื่อได้ว่าถ้าอัพเกรดแรมเป็น 16GB คะแนนต้องมากกว่านี้เล็กน้อย
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมจากการทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark จากทาง Futuremark ที่พัฒนาและคิดค้นจากบริษัท AMD, Intel, Microsoft, NVIDIA ในส่วนของ Time Spy ทำออกมาน่าสนใจมากๆ ด้วยคะแนนรวม 7706 และประมวลผลคาดการณ์เกม Apex Legends ปรับสุด Full HD ได้ 70+ FPS เน้นเรื่อง DirectX 12 เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อมาเสริมข้อบกพร่องทางด้านการทำงานต่างๆ ของการ์ดจอเป็นหลัก ซึ่งผลทดสอบนั้นจะดูว่าแต่ละการ์ดจอนั้นสามารถทำงานได้ดีระดับไหน ซึ่งจากคะแนนนี้ก็ต้องยอมรับประสิทธิภาพสูงในการเล่นเกมหรือทำงาน 3 มิติแน่นอน
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยที่เพียงพอในทุกๆ เกม ขึ้นอยู่กับการปรับกราฟิกเป็นหลัก ประกอบไปด้วย Resident Evil 8 / GTA V / Battlefield V ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์หนักๆ อย่าง SCUM และยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / APEC Legends ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย
ทดสอบเกมทุกเกมที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซลตาม Native ของหน้าจอ โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด !!! จากกราฟตามภาพ ที่ต้องบอกว่าเฟรมเรทที่ออกมานั้นมีความลื่นไหล กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกม ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้ โดยในส่วนของ RE 8 ซึ่งเป็นเกมออกใหม่ล่าสุด เราปรับกราฟิกในเกมเป็น MAX ที่ใช้แรมการ์ดจอไปกว่า 12GB ซึ่งเกินกว่าตัวการ์ดจอที่ 6GB แต่ก็ยังทำเฟรมเรทได้ลื่นไหลน่าเหลือเชื่อจริงๆ
ต่อกันที่เกมออนไลน์อย่าง SCUM ที่ปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน จะเห็นว่าเฟรมเรทเฉลี่ยที่ออกมานั้นได้ค่อนข้างน้อย ซึ่งในการเล่นเกมจริงๆ แนะนำปรับกราฟิกกลางๆ น่าจะลื่นไหลกว่า ต่อกันที่ DOTA 2 ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถขับเฟรมเรทได้เพียงพอกับการเล่น แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็ไม่มีอาการช้าหรือหน่วงเลย แต่สำหรับ PUBG และ APEX ก็ต้องยอมรับว่าปรับกราฟิกลงมาอีกหน่อยน่าจะลื่นไหลที่ 100 – 120 เฟรม + น่าจะเหมาะสมในการเล่นเกมมากกว่า
ที่สำคัญด้วยหน้าจอพาเนล IPS แบบ Refresh Rate 144Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ ซึ่งการใช้งานแบบเต็มประสิทธิภาพกับหน้าจอ 144Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล จำเป็นต้องปรับกราฟิกเกมลงมากลางๆ หน่อย หรือเอาจริงๆ แนะนำว่าให้เพิ่มแรมเป็น 16GB ก็ช่วยได้เยอะในส่วนของเฟรมเรท
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ HP Pavilion Gaming 16 ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง HP Support Assistant โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ประเภท Utility ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง
อีกทั้ง HP Victus 16 ยังมีซอฟต์แวร์ OMEN Gaming Hub เป็นรวมเกี่ยวกับเกม พร้อมด้วยฟีเจอร์เพื่อช่วยในการจัดการอุณหภูมิของโน๊ตบุ๊ค ที่เราสามารถปรับโหมดการทำงานได้ 3 โหมด ตามแต่ลักษณะการใช้งาน พร้อมกับรอบพัดลมแบบ Auto / Max ได้ตามการปรับเปลี่ยนประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์และความเร็วของพัดลมเพื่อช่วยให้เย็นอยู่ตลอดเวลาโดยอัตโนมัติ หรือจะบังคับให้หมุนสุดตลอดเวลาก็สามารถทำได้ รวมไปถึงเราสามารถจัดการส่วนของเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้อีกด้วย ตรงนี้ถือว่าดีกว่ารุ่นก่อนๆ
Battery / Heat / Noise
HP Victus 16 นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh ซึ่งเป็นความจุตามมาตรฐานของ Gaming Notebook โดยเมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่าน่าพอใจเลย โดยสามารถใช้งาน Wi-Fi เพื่อท่องเว็บหรือดูหนังฟังเพลงได้ยาวนานประมาณ 7 ชั่วโมง ซึ่งเรียกได้ว่าทำได้ดีมากๆ หากเทียบกับ Gaming Notebok ในช่วงราคากันเคียงกัน เพราะปกติแล้วการใช้งานได้ยาวนานประมาณ 3 – 4 ชั่วโมงก็ดีมากๆ แล้วสำหรับโน๊ตบุ๊คสเปกประมาณนี้
ส่วนของอุณหภูมิตัวเครื่องโดยรวมถือว่าสามารถที่จะทำได้ดีขณะที่เราเล่นเกมทดสอบเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นการเล่นเกมที่เน้นชิปประมวลผลกับการ์ดจอพบว่าระดับของอุณหภูมิในจุดต่างๆ ของตัวเครื่องจะเพิ่มขึ้นมาแต่ก็ไม่ได้รบกวนการใช้งานแต่อย่างใด จุดที่มีอุณหภูมิที่หนักที่สุดจะอยู่ที่ ตรงกลางขอบเครื่องด้านหลัง แต่ก็ใช้เวลาถ่ายความร้อนออกไปได้ไม่นานมากเท่าไรนักเมื่อเราใช้งานทั่วไป จากการที่มีพัดลมสองตัว พร้อมฮีตไปป์สองเส้นเป่าออกด้านหลัง
อุณหภูมิภายในต่ำสุดของชิปประมวลผลและการ์ดจอจะอยู่ที่ 40 – 50 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าชิปประมวลผลร้อนสุดที่ 90 องศาเซลเซียส ด้วยการทดสอบให้ห้องแอร์ปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส จากการเล่นเกมยาวๆ หลายเกมต่อเนื่อง เรียกได้ว่าระบบระบายความร้อนของเครื่องนี้ทำได้ค่อยข้างดีมาก โดยการเล่นเกมใช้งานไม่ได้มีปัญหาหน่วงหรือกระตุกแต่อย่างใด เทียบกับรุ่นก่อนๆ จะเห็นว่ามีอุณหภูมิที่เย็นลงพอตัว ส่วนการ์ดจอร้อนที่สุดอยู่ที่ 75 องศาเซลเซียส ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจมากๆ
Conclusion / Award
สำหรับ HP Victus 16 เป็นการมาครั้งแรกของ Gaming Notebook หน้าจอ 16.1″ สเปก Ryzen + GeForce มีราคาเริ่มเพียง 29,990 บาท ถือว่าต่อยอดความสำเร็จจริงๆ จากการนำเสนอ HP Pavilion Gaming 16 สเปกก่อนหน้าทั้งหมด ทั้งในเรื่องของฮาร์ดแวร์ภายในและฮาร์ดแวร์ภายนอก โดยรุ่นใหม่นี้มาพร้อมประสิทธิภาพสูงกว่า ด้วยสเปกชิปประมวลผลและการ์ดจอคุณภาพเยี่ยมแถมยังร้อนน้อยกว่า ตอบสนองทุกการใช้งานได้อย่างราบรื่น รวดเร็ว ในดีไซน์ที่แตกต่างไปจาก Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ ออกแบบโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ให้มีความสวย ทันสมัยให้ความแข็งแรง ทนทาน เพิ่มความโดดเด่น ใช้งานง่ายและสะดวก
ผลทดสอบของหน้าจอไม่ใช่มีดีแค่ Refresh Rate ที่ 144Hz ซึ่งได้ความลื่นไหลในทุกๆ การใช้งานทั้งเล่นเกมจนไปถึงการไถหน้าจอ Facebook หรือเว็บไซต์ แต่ได้ให้เห็นค่าขอบเขตสีขั้นเทพระดับ sRGB 90% / AdobeRGB 72% / DCI-P3 74% ที่เป็น Gaming Notebook ไม่กี่รุ่นในตลาดที่ได้หน้าจอระดับนี้ กับราคาเพียงเท่านี้ ซึ่งมีผลต่อการใช้งานระดับมืออาชีพ คงเป็นหนึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อของเพื่อนๆ เหมือนกัน สำหรับคนที่เอาไปทำงานด้านสีที่จริงจัง นับได้ว่าเป็นจุดเด่นในการทำงานประเภทให้ความสำคัญเรื่องของสีสันที่ตรงและแม่นยำ
สำหรับการระบายความร้อนก็นับว่าทำได้ดีตามมาตรฐาน Gaming Notebook อยู่ คือ ไม่ได้ร้อนเกินไปกว่า 90 องศา ส่วนการ์ดจอก็แค่ 75 องศา เข้าใจว่าทาง HP ออกแบบมาได้ดีขึ้น ด้วยรุ่นที่ทดสอบนี้เป็นชิปประมวลผล Ryzen 7 5800H ที่เป็นรุ่นใหม่ที่แรงขึ้น ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร ส่วนการ์ดจอรุ่น NVIDIA GeForce RTX 3060 ที่เป็นรุ่นใหม่ เทคโนโลยีการผลิตที่ 8 นาโนเมตร เน้นร้อนน้อยแต่มีความแรง กับค่า TGP 80 – 95W ที่เหมาะสม ถือว่าน่าประทับใจอย่างมาก คือได้ทั้งประสิทธิภาพความแรงที่ขับเกมได้เฟรมเรทที่ดี ใช้งานได้แบบสบายๆ ไร้กังวลเลย
HP Victus 16 รุ่นนี้ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมรุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง HP ที่น่าสนใจทีเดียว เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงทั้งด้วยชิปประมวลผลและการ์ดจอ ที่สำคัญได้หน้าจอใหญ่กว่าแบรนด์อื่นๆ ที่ปกติแล้วเป็นขนาด 15.6″ แต่ HP Pavilion Gaming 16 เป็นขนาด 16.1″ เรียกได้ว่าใหญ่ที่ 0.5″ ซึ่งดูแล้วเป็นทิศทางของ Gaming Notebook ในตลาดหลังจากนี้ด้วย คาดว่าในอนาคตหลายๆ แบรนด์ต่างๆ น่าจะทยอยขยับหน้าจอเป็น 16.1″ กันหมดก็เป็นไปได้ แต่ตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่ามีเพียง HP แบรนด์เดียวเท่านั้นที่เลือกใช้งาน Gaming Notebook ช่วงราคานี้
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 16.1 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง HP Victus 16 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ HP Victus 16 โน๊ตบุ๊คสาย Gaming Notebook รุ่นใหม่สเปก AMD ปี 2021 ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนในรุ่นนี้ที่เป็นซีรีส์นี้อีกครั้ง ด้วยดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามเรียบหรูดูเป็นเอกลักษณ์ โดยมีทิศทางเดียวกับรุ่นก่อนหน้า แต่ก็ปรับหลายๆ ส่วน ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม อีกทั้งยังพกพาไปทำงานได้ลงตัว รวมไปถึงตัวเครื่องก็เล็กลง บางเบาเทียบเคียงกันรุ่นหน้าจอ 15.6″ ทั้งของ HP เองและแบรนด์อื่นๆ ได้ไฟเป็นสีเขียวโทนสีเขียวที่ไม่ซ้ำใคร ทำให้เป็นอีกหนึ่ง Gaming Notebook ที่หลายคนจับตามองทีเดียว
Best Value
ด้วยขนาดหน้าจอ 16.1″ ที่ใหญ่กว่า Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ พร้อมได้สเปกชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000H ที่เป็นรุ่นประสิทธิภาพสูง ได้รับความนิยมสูง และการ์ดจอที่เน้นคุ้มค่าแต่แรงลื่นอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 / / RTX 3060 ได้แรมมารตรฐานมาเป็น 8GB รวมไปถึงรองรับ SSD M.2 NVMe PCIe ความเร็วสูงมากๆ ที่ความจุ 512GB ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ที่สำคัญหน้าจอพาเนลดีมากๆ เมื่อเทียบกับราคาค่าตัวก็คุ้มค่า กับช่วงราคาและสเปกมีให้เลือกหลายหลาย เริ่มต้นที่ 29,990 บาทเท่านั้น ได้ประกัน 2 ปี On-site Serive ด้วย
Best Performance
รุ่นที่เรารีวิวนั้นเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800H รุ่นใหม่ประสิทธิภาพสูง พร้อมกราฟิกการ์ดตัวบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 ทรงพลัง โดยมีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe PCIe Gen 3 โดยตามสเปกได้ติดตั้งมาแล้วที่ 512GB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 8GB แบบ DDR4 Bus 3200 MHz แน่นอนว่าถ้าให้ดีควรอัพเกรดเป็น 16GB เพื่อความลื่นไหลที่สุด รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ค่าคะแนนต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี ส่วนการใช้งานทั่วไปนั้นก็ทำได้อย่างสบายๆ