Xiaomi Redmi จอคอม 27″ สีสดใส บางเฉียบ มุมมองกว้าง เล่นเกม เทรดหุ้น ดูหนัง 4K
จอคอมไซส์ใหญ่ 27″ แค่ 5,990 บาท Xiaomi Redmi Display กับดีไซน์ที่ดูบางเบา ขอบจอที่บางเพียง 6mm เมื่อรวมกับขอบพาแนลด้านใน ให้ความรู้สึกเหมือนไร้ขอบ กับภาพที่ดูเต็มตา มาพร้อมพาแนล IPS ที่มีมุมมองกว้าง แบ่งปันให้คนรอบข้างดูได้ นอกเหนือจากขนาดที่ใหญ่ เพื่อรองรับความบันเทิง การทำงาน ทำเอกสาร และการเล่นเกม ให้ความละเอียด 1080p หรือ Full-HD สีสันสดใส รองรับการตกแต่งภาพและตัดวีดีโอในเบื้องต้นได้ดี กับขอบเขตสี sRGB 100% มาพร้อมฟีเจอร์ลดแสงสีฟ้า เอาใจคนที่ใช้งานหน้าจอเป็นเวลานาน หรือนักท่องเว็บ เทรดหุ้น กับการปรับแต่งที่ง่ายดาย เพราะใช้ปุ่มแบบ 5 ทิศทางในการเลือกฟังก์ชั้นได้ง่ายขึ้น พอร์ตต่อพ่วงพื้นฐานมีมาให้ครบ กับการรับประกัน 1 ปี
Xiaomi Redmi Display (RMMNT27NF)
Xiaomi Redmi Display RMMNT27NF Specification
- Brand : Redmi
- Display Size Detail : 27″
- Panel Type : IPS
- Resolution : 1920 x 1080
- Full HD : Yes
- Refresh Rate : 75Hz
- Viewing angle : 178 องศา
- Response Time : 6ms (GTG)
- Contrast Ratio : 1000 : 1 (TYP)
- Brightness : 300 cd/m² (TYP)
- Color : 16.7m million
- sRGB : 100%
- VGA Port : 1 Port
- HDMI Port : 1 Port
- Speaker : No
- Feature: Low Blue Light ลดเเสงสีฟ้า
- Package Dimension : 613.2 (ยาว) x 205.3 (กว้าง) x 476.0 (สูง) มิลลิเมตร
จุดเด่น
- จอแสดงผลขนาดใหญ่ ให้พื้นที่ใช้งานได้เยอะ
- ขอบจอบางเป็นพิเศษ
- มี Smart Modes ปรับใช้งานด้านต่างๆ ได้
- น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย
- ให้สีสันสดใส เหมาะกับการเล่นเกมและชมภาพยนตร์
ข้อสังเกต
- ปรับหน้าจอได้เพียงมุมก้ม-เงยเท่านั้น
- มีพอร์ตเฉพาะ VGA (D-Sub) และ HDMI
Design
จากด้านหน้าจะเป็นพาแนลขนาดใหญ่ บนพื้นที่หน้าจอขนาด 27″ เหมาะสำหรับการใช้งานในปัจจุบันได้ดี เพราะไม่ต้องถอยระยะออกจากหน้าจอมาก แค่กวาดสายตาเล็กน้อย ก็มองเห็นได้เต็มพื้นที่หน้าจอแล้ว โดยใช้พื้นที่บนโต๊ะไม่มากนัก เพราะหากมองที่ความยาวของจออยู่ที่ราว 61cm ตามมาตรฐานของจอระดับ 27″ ในท้องตลาด
ไฟสถานะสีขาวที่ปรากฏอยู่มุมล่างขวานี้ เป็นการแจ้งบอกสถานะของสัญญาณ เมื่อจอคอมเริ่มทำงาน ซึ่งถ้าดับไป หรือสัญญาณไม่เข้า จะไม่มีแสงไฟปรากฏขึ้น
ส่วนด้านหลังของจอภาพ ออกไปทางเรียบง่ายเลยทีเดียว ทั้งในส่วนของขาตั้ง ที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ จับวางได้ถนัดมือ แม้ว่าการออกแบบจะเรียบ แต่ก็ไม่ทิ้งในส่วนที่ให้ความสะดวกในการใช้งานออกไป
เพราะถ้าสังเกตส่วนฐาน จะเป็นขา Y กางออกไป ไม่ได้ใช้เป็นฐานสี่เหลี่ยม เหมือนกับหลายๆ รุ่น ที่ออกแบบมาใช้สำหรับจอคอมสำหรับทำงาน หรือในชีวิตประจำวัน และด้วยการออกแบบขาเช่นนี้ ก็ทำให้การเกาะยึดบนโต๊ะแน่นหนาไปด้วย ไม่เพียงแค่การกระจายน้ำหนักเท่านั้น
เมื่อเอนจอไปทางด้านหลัง ก็ยังได้สมดุลที่ดีในการจัดวาง เพราะตัวจอสามารถปรับเอนได้มากกว่า 20 องศา เรียกว่านั่งเก้าอี้เตี้ยหรือสูง หรือจะยืนใช้งานก็ไม่ยาก
พอร์ตต่อพ่วง และบรรดาปุ่มต่างๆ ที่มีให้ ดูจะกระทัดรัด ตามสไตล์ของจอทำงาน แต่ก็มีตัวเลือกของพอร์ตสัญญาณขาเข้าให้ถึง 2 แบบคือ VGA (D-sub) สำหรับคอมรุ่นเก่าๆ และแบบ HDMI รวมถึง 3.5mm ที่เป็นช่องต่อหูฟัง และ DC-In แต่ไม่มีลำโพงมาให้ในตัว ส่วนทางด้านซ้ายสุดเป็น 5-Way OSD Settings ใช้ในการปรับแต่งค่าบนจอ
ในส่วนฟังก์ชั่นการปรับหน้าจอนั้น สามารถปรับก้ม-เงยในแบบ Tilting ได้เท่านั้นครับ โดยมุมก้มจะอยู่ที่ราว -5 และเงยได้ที่ประมาณ 20 องศาบวกลบ ก็ถือว่าค่อนข้างสะดวกในการทำงานเลยทีเดียว
OSD settings
การปรับแต่งค่าหน้าจอ ด้วย OSD Settings สามารถทำได้จากปุ่ม 5-Way ทางด้านหลังจอ รูปแบบการใช้ ก็แค่ ดันปุ่มเลื่อน ซ้าย-ขวา ขึ้น-ลง และกด เหมือนกับจอยสติ๊กเล่นเกมเท่านั้น และยังมีปุ่มลัด เพื่อปรับโหมดของการใช้งานได้อีกด้วย
จุดเด่นอยู่ที่ตรง Smart Modes นี้เลย เพราะทำให้คุณเลือกโหมดในการใช้งานแต่ละแบบ ในแต่ละช่วงวันได้ง่ายขึ้น โดยตัวจอจะปรับเรื่องของแสง สี ความสว่าง โทนสี ให้อัตโนมัติ ประกอบด้วย
- Standard: การใช้งานทั่วไป เหมาะกับการทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์พื้นฐาน
- Eco: ประหยัดพลังงาน
- Game: สีจัดจ้าน เพิ่มความคมชัด และการปรับค่า Response ให้ตอบสนองได้ดี
- Movie: ชมภาพยนตร์ สีสันสดใส เพิ่มความสว่าง
- Low Blue Light: ลดแสงสีฟ้า เหมาะกับการท่องเว็บ หรือทำงานเอกสารทั่วไป
นอกจากนี้ก็ยังมีหัวข้ออื่นๆ ที่สำคัญ เช่น การปรับค่าความสว่าง, Contrast, DCR และ Black Level ที่ใช้ปรับค่าโทนสีดำ ให้ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น ดูจะเหมาะกับคนที่ชมภาพยนตร์ และการเล่นเกมดูแล้วเหมาะกับคอเกมและความบันเทิงได้ดี
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของอุณหภูมิสี ที่เรียกว่ามาเป็นโหมดให้ใช้งานง่าย และเข้ากับผู้ใช้จอในกลุ่มนี้ได้ดี ไม่ต้องระบุเป็นค่า K ให้งง แต่เลือกได้ว่า จะเป็นค่าทั่วไป โทนเย็น โทนอุ่น หรือปรับแต่งเองได้
อีกสิ่งที่สำคัญเลยก็คือ การปรับค่า Response time หรืออัตราตอบสนองของจอภาพ ซึ่งถ้าดูจากสเปคพื้นฐานจอ Xiaomi Redmi รุ่นนี้มาพร้อม GTG 6ms แต่ก็เลือกที่จะปรับใช้ได้ตั้งแต่ Normal ไปจนถึง Ultrafast หลักๆ จะส่งผลต่อการเล่นเกม และการชมภาพยนตร์อยู่ด้วย
Performance
มาดูที่การทดสอบจอคอม Xiaomi Redmi Display ขนาด 27″ รุ่นนี้กันดีกว่า เริ่มจากมุมมองทั้ง 2 ด้าน จากที่เราได้ทดสอบ เห็นได้ชัดว่าความเป็นพาแนล IPS สามารถให้มุมมองที่กว้าง ขณะที่มองจากด้านข้างได้ดีทีเดียว ไม่ทำให้ภาพผิดเพี้ยน เมื่ออยู่ในมุมข้าง สีสันยังคงคมชัดสดใส เหมาะอย่างยิ่งกับการใช้งานในสำนักงานหรือใช้ร่วมกับสมาชิกในบ้านหลายๆ คนได้ดี
ในการทดสอบครั้งนี้ เราใช้งานแบบเดียวกับในชีวิตประจำวันของหลายๆ คน เพื่อดูการตอบสนองของจอคอมรุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็น การใช้ซอฟต์แวร์สำนักงาน เทรดหุ้นหรือ Cryptocurrency และการชมภาพยนตร์ การเล่นเกม
มาเริ่มกันที่การทำงานทั่วไป เช่นในสำนักงานและการท่องเว็บ ในแง่ของความคมชัดของตัวอักษร เมื่อปรับเป็นค่า 1920 x 1080 Native ให้ตรงกับที่ระบุไว้ใน Windows ความชัดเจนของภาพ สีและฟอนต์ ออกมาได้ดี ตัวกราฟฟิกที่ปรากฏก็ดูมีความละเอียดสวยงาม รวมถึงภาพที่ได้ก็มีความสว่าง ซึ่งได้จากการปรับใน Smart Mode ที่เป็น Standard ก็ลงตัวกับการใช้งานได้ดี
เมื่อเปิดดูกราฟในการเทรดหุ้น Cryptocurrency ก็สามารถเปิดกราฟตัวเต็มดูได้ทันที การเคลื่อนไหวและกราฟเมื่อมีการซื้อขาย ก็ดูชัดเจน เห็นตัวเลขได้ชัด ไม่ต้องซูมแต่อย่างใด เหมาะกับนักลงทุน ที่หาจอทำงานที่ให้ภาพคมชัด และเป็นจอขนาดใหญ่ ไม่ต้องเน้นฟีเจอร์เยอะมาก แต่ตอบสนองกับความต้องการได้ในราคาสบายกระเป๋า และที่สำคัญจอ Xiaomi Redmi Display รุ่นนี้ ยังเป็นแบบ Anti-Glare ลดแสงสะท้อนด้วย ก็ยิ่งดูสบายตามากขึ้น รวมถึงจอใหญ่แบบนี้ ช่วยให้การแบ่งหน้าจอหรือ Snap Windows ได้ง่ายทีเดียว
มาถึงการชมภาพยนตร์กันบ้าง บอกได้เลยว่าเอาใจคอบันเทิงกันสุดๆ เพราะเดี๋ยวนี้หลายคน ก็เลือกใช้จอคอมตัวเดียว ทำได้ทุกอย่าง เพราะหลายสิ่งถูก Live อยู่บนแพลตฟอร์มโซเชียลเกือบหมดแล้ว มีเพียงอินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อ ก็พร้อมใช้งาน เช่นเดียวกับใครที่ชอบดูซีรีส์ หรือซื้อแอพฯ ในการชมภาพยนตร์ ติด Netflix หรือ disney+ hotstar ก็สามารถบันเทิงได้ เรื่องสีสันมีความสดใส เมื่ออยู่ในโหมด Movie ที่สำคัญการลดแสงสะท้อนของหน้าจอ ก็ลดความน่ารำคาญของแสงรอบข้างได้ดี ดูหนังสนุกขึ้น
Gaming
ในการเล่นเกม สิ่งที่เกมเมอร์ต้องการ ก็ต้องเป็นเรื่องของภาพและสีสันที่สดใส การตอบสนอง เรามาทดสอบกันใน 3 เกมหลักๆ เกมแรกเป็น Battlefield V ซึ่งในเกมนี้ เรื่องเอฟเฟกต์และความสวยงามของภาพต้องมาก่อน และภาพที่ออกมา ก็ไม่ทำให้ผู้เล่นผิดหวัง เพราะความต่อเนื่องของภาพยังคงไหลลื่น ไม่ว่าจะเป็นเอฟเฟกต์จากแรงระเบิดหรือรายละเอียดของภาพก็ตาม แม้ว่าจะเป็นจอคอมระดับ 75Hz ก็ตาม
Horizon Zero Dawn เป็นอีกเกม Action FPS ที่มีสีสันสดใส และมีเอฟเฟกต์ในเกมค่อนข้างมาก เพื่อความสมจริงภายในเกม จึงทำให้เกมเมอร์ได้อิ่มเอมกับสีสันบนจอคอมรุ่นนี้ รวมถึงรายละเอียดที่มีให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นส่วนของ Motion Blur ที่เกิดจากการโจมตี หรือแสงไฟจากอาวุธที่กระทบกับตัวของหุ่นยนต์ ล้วนแต่สร้างความตื่นตาตื่นใจได้ไม่น้อย
PUBG ก็เป็นอีกเกมหนึ่ง ซึ่งยืนหยัดมาอย่างยาวนาน และยังคงมีผู้เล่นจำนวนมาก ในแง่ของการเป็น Battle Royale ซึ่งส่วนใหญ่คนที่เล่นเกมนี้ ก็จะเน้นความชัดเจนของภาพและความต่อเนื่องเป็นหลัก เพราะจะได้จัดการกับศัตรูได้รวดเร็วมากขึ้น ส่วนเอฟเฟกต์อื่นๆ นั้นแทบจะไม่สำคัญมากนัก จอคอม Xiaomi Redmi Display รุ่นนี้ สามารถให้ความสนุกในการเล่นได้ตั้งแต่ พื้นที่จอภาพขนาดใหญ่ เมื่อตั้งค่าให้การมองเห็นของ View Distance มีมากขึ้น ก็ทำให้เห็นศัตรูได้จากระยะไกล ภาพก็มีความลื่นไหล รวมถึงการปรับโหมด Game ก็ทำให้ฉากและแสงเงาดูมีมิติมากยิ่งขึ้น นับว่าตอบโจทย์คอเกมที่ชอบแนวเกมนี้ได้ไม่น้อยเลย
ส่วนสุดท้ายคืองานวีดีโอและการตัดต่อ สิ่งแรกที่คุณจะได้สัมผัสก็คือ พื้นที่ใช้สอยสำหรับการวางเครื่องมือ (tool) และการพรีวิวภาพที่กว้างขึ้นจากจอภาพขนาด 24″ อีกระดับหนึ่ง โดยเฉพาะคนที่ใช้ Adobe Premier หรือ Davinci resolve ก็ตาม ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าขอบเขตสีที่ให้มาระดับ sRGB 100% แต่จุดที่น่าสนใจคือ ขอบจอที่บางมากๆ ก็ทำให้เหมือนได้พื้นที่ทำงานมากขึ้น อำนวยความสะดวกในการใช้งานได้มากทีเดียว
หลายๆ คนที่ทำงานในแบบมัลติทาส์ก ที่ต้องใช้หลายๆ หน้าต่างๆ หรือหลายโปรแกรมในเวลาเดียวกัน ก็น่าจะชื่นชอบจอขนาดใหญ่แบบนี้เช่นกัน เพราะให้คุณสามารถ Snap หน้าต่างและแบ่งช่องโปรแกรมในการทำงานได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การชมภาพยนตร์ ท่องเว็บเพื่อดูข่าวสารและการเทรดหุ้นไปพร้อมๆ กันได้ โดยไม่ต้องไปหาจออื่นมาต่อเพิ่ม รวมถึงการเปรียบเทียบเอกสาร เพื่อแก้ไขไฟล์ รวมถึงการสร้างกราฟแผนภูมิ เพื่อนำเสนองานได้ง่ายยิ่งขึ้น ที่สำคัญใครที่เน้นใช้จอไปนำเสนองานตามที่ต่างๆ ก็ช่วยให้การเคลื่อนย้ายคอมตัวเล็กๆ และจอที่บางแบบนี้ไปทำงานในที่ต่างๆ ได้ไม่ยากนัก ไม่ต้องใช้รถยนต์คันใหญ่ ก็สามารถใส่จอนี้ไปยังที่ต่างๆ พร้อมกับคุณได้ทุกเมื่อ
Conclusion
ทั้งหมดนี้คือ ความน่าสนใจของ Xiaomi Redmi Display รุ่นนี้ ที่จะทำให้การทำงานและความบันเทิงในชีวิตประจำวันของหลายๆ คนนั้นง่ายขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้เป็นจอคอมที่เพียบพร้อมไปด้วยฟีเจอร์ แบบเดียวกับในจอเกมมิ่งหรือจอคอมในแบบ Esports แต่เรื่องคุณสมบัติที่ช่วยปรุงให้การใช้งานด้านความบันเทิงได้อย่างกลมกล่อมทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ 27″ ที่ช่วยให้การแบ่งหน้าต่างโปรแกรมได้ง่าย และใช้งานได้จริง จะดูหนัง ท่องเน็ตหรือเทรดหุ้นพร้อมกัน 3-4 หน้าต่างก็สะดวก หรือจะเป็นการปรับแต่ง Smart Modes ที่มี Game Mode ให้เลือก และเรื่องของสีสันก็ออกมาได้สดใส เหมาะกับการชมภาพยนตร์ ด้วยค่าความสว่างของหน้าจอและการปรับแต่งที่ดี ก็ช่วยให้การใช้งานด้านต่างๆ ดูน่าใช้งานมากขึ้น
นอกจากนี้แล้ว ที่ต้องยกให้เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นก็คือ การปรับตั้งค่า OSD ที่ง่ายดายกว่า โดยส่วนตัวคิดว่า การเป็นจอยสติ๊กแบบนี้ ใช้แค่นิ้วเดียวเลื่อนไปมา ดูไม่ซับซ้อนสะดวกกว่าการต้องจำปุ่มหลายๆ ปุ่ม เพราะใช้ไปสักระยะก็คุ้นชิ้น ลูกเล่นต่างๆ ไม่ได้ยุ่งยาก เข้าใจง่าย และปรับแต่งได้ง่าย แต่ในภาพรวมจะมีก็แค่เรื่องของการปรับเลื่อนหน้าจอ ที่มีข้อจำกัดได้เพียงมุมก้ม-เงย เท่านั้น อย่างไรก็ดีด้วยน้ำหนักจอที่น้อย ก็ช่วยให้การหัน และเคลื่อนย้ายได้สะดวก ก็ถือว่าทดแทนกันไป รวมถึงพอร์ตต่อพ่วงที่มีเพียง VGA และ HDMI มาเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบัน น่าจะเป็น HDMI และ DisplayPort เพื่อความสะดวก แต่ก็เข้าใจได้ว่า เพื่อให้เข้ากับอุปกรณ์ในกลุ่มงานธุรกิจ ที่ยังคงใช้งาน D-Sub หรือ VGA อยู่นั่นเอง ส่วนในด้านอื่นๆ ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ของจอคอมที่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมเลยทีเดียว และยังทำราคาได้ค่อนข้างดี อยู่ที่ประมาณ 5,990 บาทเท่านั้น
ไปช้อปกันได้ที่ Xiaomi Redmi Display
รับประกันสินค้า 1 ปี โดย บริษัท ท็อปแวลู คอร์ปอเรท จํากัด Topvalue care Call Center : 1277
ราคา: 5,990 บาท
Related Topics
รีวิว Xiaomi XMMNT27HQ จอคอม 27″ 165Hz 2K