10 เกม RPG ใน Steam น่าเล่น แนะนำให้ลอง เริ่ม 219 บาทเอง

เกม RPG ใน Steam ฝั่งตะวันตกมีเกมอะไรควรเล่นก่อนตายบ้าง?

หลังจากแนะนำเกม JRPG ใน Steam ไปแล้ว สายเกม RPG ใน Steam ที่ชื่นชอบธีมตะวันตกสนุก ๆ ไม่ควรพลาด บางคนก็ชวนกึ่งป้ายยาเพื่อนได้ลองเล่นเกม RPG เหล่านี้ดูเหมือนกัน ซึ่งเกม RPG ใน Steam สนุก ๆ นั้น มีทั้งเกมใหม่และเกมเก่าที่วางขายมานานแล้วและเพิ่งนำเข้ามาขายใน Steam เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเป็นเกมดีที่หลายคนอาจจะมองข้ามหรือแค่คิดว่าจะเล่นแต่ก็คิดว่าเอาไว้ก่อนค่อยเล่นก็มีเช่นกัน

และข้อดีของการซื้อเกม RPG ใน Steam นั้นเหมือนกับเกมอื่น ๆ ที่ซื้อใน Steam คือ ถ้าลองเล่นแล้วไม่ชอบใจ ไม่ใช่สไตล์ของเราก็ยังกดคืนเงินได้ภายใน 2 ชั่วโมงอีกด้วย ซึ่งถ้าใครลองเล่นเกมแนวที่เล่นเป็นประจำมาตลอดจนเริ่มจะอิ่มตัวแล้ว จะมาลองเปลี่ยนมาเล่นเกม RPG ก็น่าจะได้ความสนุก ๆ ใหม่ ๆ กันอย่างแน่นอน

10 เกม RPG ใน Steam น่าเล่นห้ามพลาด

สำหรับเกม RPG ใน Steam น่าเล่นที่ผู้เขียนเลือกมาแนะนำในบทความนี้ จะมีเกมเก่าที่เปิดตัวมาหลายปีแล้วผสมเกมใหม่ที่เปิดตัวเมื่อปีกลายและเป็นกราฟฟิคยุคใหม่แล้วก็มีผสม ๆ กัน ซึ่งทั้ง 10 เกมที่เลือกมาแนะนำเกมเมอร์ ได้แก่

1. Undertale (219  บาท)
2. STAR WARS Jedi: Fallen Order (1,299 บาท)
3. Deus Ex: Mankind Divided (1,899 บาท)
4. A Plague Tale: Innocence (890 บาท)
5. Grim Dawn (459 บาท)
6. The Elder Scrolls V: Skyrim Special Edition (1,410 บาท)
7. Fallout 4 และ Fallout: New Vegas
8. The Witcher 3: Wild Hunt – Game of the Year Edition (1,290 บาท)
9. DARK SOULS: REMASTERED และ DARK SOULS III
10. Cyberpunk 2077 (1,799 บาท)

1. Undertale (219  บาท)

เกมอินดี้ RPG ในตำนานที่เคยเป็นกระแสโด่งดังอยู่ระยะหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน และยังมีเกมเมอร์หลาย ๆ คนนำเกมนี้กลับมาเล่นอยู่เรื่อย ๆ เพราะวิธเคลียร์เกมนี้ มีทั้งวิธีเล่นแบบไม่ฆ่าใครเลยหรือไล่ฆ่าจนหมดก็ได้, บทพูดของตัวละครต่าง ๆ ในเกมมีความโดดเด่นและสนุกสนาน มีหลายฉากจบโดยขึ้นอยู่กับการเล่นและสานสัมพันธ์กับตัวละครต่าง ๆ ภายในเกมด้วย โดยตอนนี้ Toby Fox ผู้พัฒนาเกมก็อัพเดทตัวเกมให้บางฉากที่ดูไม่สมเหตุผลในเวอร์ชั่นแรก ๆ เช่น ฉากที่ต้องต่อสู้กับบอสใหญ่แล้วถ้าเราแพ้ เกมจะปิดตัวเองโดยอัตโนมัติแล้วเปิดกลับมาสู้บอสอีกไม่ได้ จนกว่าจะไปปิดเกมที่รันอยู่เบื้องหลัง (ซึ่งล้อกับเนื้อเรื่องในเกม) ด้วย Task manager แล้วเปิดเกมใหม่

สำหรับ Undertale นี้เป็นเกมอินดี้ที่ไม่ได้กินสเปคอะไรมาก โน๊ตบุ๊คยุคเก่าประมาณ Intel Core รุ่นที่ 3 ก็ยังเปิดมาเล่นได้สบาย ๆ และเนื้อเรื่องก็มีความโดดเด่นซับซ้อน รวมทั้งมีภาคต่ออย่าง Deltarune ที่เปิดให้โหลดมาเล่นได้แล้วทั้ง PC, macOS, Nintendo Switch และ PlayStation 4 ซึ่งถ้าใครอยากหาเกม RPG ที่แตกต่าง และได้รับเสียงชื่นชมจากสื่อต่างประเทศมากมาย ก็แนะนำให้ลองซื้อ Undertale มาสนุกดู

• ซื้อ Undertale ใน Steam ที่นี่ (219 บาท)

2. STAR WARS Jedi: Fallen Order (1,299 บาท)

STAR WARS Jedi: Fallen Order เป็นการเล่าเนื้อเรื่องของจักรวาล STAR WARS ผ่านสายตาของพาดาวัน Cal Kestis ที่ซ่อนตัวทำงานเก็บขยะอยู่ในดาวบราคค่า โดยเนื้อเรื่องจะเป็นช่วง 5 ปีหลังจากการไล่สังหารเหล่าเจไดครั้งใหญ่โดยฝั่งจักรวรรดิกาแลคติค ซึ่งเจ้าตัวก็ต้องใช้ฟอร์สของตัวเองช่วยชีวิตเพื่อนที่ตกอยู่ในอันตรายเพราะ Second Sister กับ Ninth Sister บุกมาที่ดาว และเขาก็ได้ออกเดินทางไปกับ Cere Junda ที่ช่วยชีวิตเขา

ถ้านับแล้ว STAR WARS Jedi: Fallen Order นั้นก็ยังอยู่ใน Timeline หลักของหนังโรง 9 ภาค แต่ต้องนับเป็นเนื้อเรื่องส่วนเสริม (spinoff) แต่เป็นเกม RPG ใน Steam มุมมองบุคคลที่ 3 ที่การคุมตัวละครลื่นไหลและรวดเร็ว เพราะสตูดิโอ Respawn Entertainment ที่ผู้ก่อตั้งเองก็เป็นอดีตผู้ร่วมก่อตั้งสตูดิโอ Infinity Ward ที่พัฒนาเกมตระกูล Call of Duty มาหลายภาค และรับหน้าที่เป็นหัวหอกพัฒนาเกมนี้ด้วย ส่วนผลงานของ Respawn นั้น ชาวไทยหลายคนน่าจะรู้จักดี เพราะเป็นเจ้าของเกมดังเช่น Titanfall ทั้ง 2 ภาคและ Apex Legends ด้วย

แต่ต้องบอกเกมเมอร์ที่สนใจเกมนี้เอาไว้ก่อน ว่าตัวเกมเป็น RPG มุมมองบุคคลที่ 3 และเป็นสไตล์ Souls-like หรือเกมสไตล์ Dark Souls ซึ่งเป็นเกมยาก ตายง่ายจนหลายคนปาจอยกันมานักต่อนัก แต่ถ้าใครชอบเกมแนวนี้และอยากท้าทายประสาทสัมผัสของตัวเองก็แนะนำให้ลองดูเช่นกัน

• ซื้อ STAR WARS Jedi: Fallen Order ใน Steam ที่นี่ (1,299 บาท)

3. Deus Ex: Mankind Divided (1,899 บาท)

Deus Ex ทั้งภาค Human Revolution และ Mankind Divided เป็นเกม RPG แนวล้ำอนาคตผสมสไตล์เกม FPS โดยเราจะได้เล่นเป็น อดัม เจนเซ่น อดีตหน่วย S.W.A.T. ที่ถูกจ้างมาดูแลนักวิทยาศาสตร์ในบริษัท แต่เจอการบุกโจมตีอย่างรุนแรงและถูกระเบิดจนร่างกายได้รับความเสียหายหนักมากจึงต้องดัดแปลงร่างกาย เสริมอวัยวะโลหะจนร่างกายเป็นหุ่นยนต์เกือบหมด หรือที่เราจะได้ยินตัวละครในเกมพูดเป็นประจำว่า “augmentations” และอดัมต้องออกสืบว่าใครเป็นคนก่อเรื่องทั้งหมดนี้

สำหรับตัวเกมทั้ง 2 ภาคจะเป็นเนื้อเรื่องก่อนตัวเกมภาคแรกสุดอย่างเกม Deus Ex ที่เปิดตัวเมื่อปี 2000 อยู่ 25 ปี ซึ่งถ้าใครชอบเกมแนว Cyberpunk 2077 และชอบการอัพเกรดตัวละครได้เรื่อย ๆ ให้เข้ากับสไตล์การเล่นของตัวเอง และเนื้อเรื่องที่เข้มข้นก็แนะนำให้ลองเล่นดู รวมทั้งตัวเกมทั้งสองภาคนี้ก็เข้าร่วม Steam Sales อยู่เป็นประจำ

สำหรับสเปคที่เล่นเกมภาคนี้ได้ลื่นไหลไม่จำเป็นต้องเป็นใช้สเปคสูงมาก โดยผู้เขียนจะนำเสนอเป็นสเปคของภาค Mankind Divided มาแนะนำ เพราะถ้าเครื่องของเราแรงเกินสเปคแนะนำ ก็เล่นได้ทั้งสองภาคอย่างแน่นอน

• ซื้อ Deus Ex: Human Revolution – Director’s Cut ใน Steam ที่นี่ (379 บาท)
• ซื้อ Deus Ex: Mankind Divided ใน Steam ที่นี่ (1,899 บาท)

4. A Plague Tale: Innocence (890 บาท)

A Plague Tale: Innocence เป็นเกม RPG ที่ย้อนเวลากลับไปยุคกลางของยุโรปในฝรั่งเศสที่มีกาฬโรคระบาดอย่างรุนแรง โดยเราจะรับบทเป็นคู่พี่น้อง Amicia De Rune และ Hugo De Rune ที่ถูกศาสนจักรตามล่าตัว ซึ่งทั้งสองคนต้องพยายามหนีเอาชีวิตรอดและตามหาสาเหตุว่าทำไมเธอและน้องชายถึงถูกไล่ล่าแบบนี้

สำหรับ A Plague Tale จะเป็นเกม RPG ที่เน้นแก้พัซเซิลในเกมตามฉากต่าง ๆ ไม่หนักการต่อสู้เหมือนเกมอื่น ๆ แต่เนื้อเรื่องแน่นเล่นสนุก และได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศยุคกลางในยุโรปอย่างเต็มที่ด้วย ดังนั้นถ้าใครชอบเกมที่เนื้อเรื่องแน่นล่ะก็ แนะนำให้ซื้อเกม RPG ใน  Steam เกมนี้ไปเล่นได้เลย และทางสตูดิโอ Asobo Studio ก็ประกาศภาคต่ออย่าง A Plague Tale: Requiem แล้ว ว่าจะวางขายในปี 2022 นี้ ดังนั้นถ้าใครสนใจอยู่แล้ว แนะนำให้ลองเล่นจากภาคแรกภาคนี้ก่อนได้เลย

• ซื้อ A Plague Tale: Innocence ใน Steam ที่นี่ (890 บาท)

5. Grim Dawn (459 บาท)

Grim Dawn เรียกว่าเป็นเกม RPG ผสม Hack & Slash ที่เกมเมอร์หลาย ๆ คนออกปากทีเดียว ว่านี่คือเกมตัวตายตัวแทน Diablo II ที่เป็น RPG, Hack & Slash ในตำนานอีกเกมหนึ่งเลยทีเดียว โดยเนื้อเรื่องจะเป็นธีมยุควิคตอเรียน โดยมนุษย์ต้องต่อสู้กับปีศาจจากต่างโลกที่จะบุกเข้ามายึดร่างกายมนุษย์ โดยการต่อสู้ของทั้งสองเผ่าพันธุ์เกิดขึ้นที่เมือง Cairn

สำหรับตัวเกมจะเป็นมุมมองจะเป็นมุมมองจากด้านบนแบบ Bird Eye view และมีพาเนลสำหรับใส่ไอเทมสำหรับใช้งาน มีระบบการเล่นที่สนุกซับซ้อน เพราะการเลือกเล่นเควสท์และการกระทำของเรามีผลตามมา, ระบบกลุ่มและขั้วอำนาจในเกม, เลือกคลาสได้ 2 คลาสและเล่นแบบ Multiplayer กับเพื่อนได้พร้อมกันมากสุด 4 คน

• ซื้อ Grim Dawn ใน Steam ที่นี่ (459 บาท)

6. The Elder Scrolls V: Skyrim Special Edition (1,410 บาท)

ถ้าเป็นคนเล่นเกม RPG ล่ะก็ ยังไงก็ต้องแนะนำ The Elder Scrolls V: Skyrim ให้เล่นอย่างแน่นอน และเป็นเกม RPG ใน Steam ที่เกมเมอร์ส่วนใหญ่ขนานนามว่าเป็นเกมที่น่าเล่นตลอดกาลเกมหนึ่งทีเดียว เพราะเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2011 แต่ปัจจุบันนี้ก็ยังถูก Remastered และพอร์ตไปใส่เครื่องเล่นเกมพกพาอย่าง Nintendo Switch ด้วย ซึ่งถ้าใครชอบ RPG สไตล์แฟนตาซี ออกเดินทางสำรวจได้อย่างอิสระและต่อสู้ได้ทั้งแบบเวทย์มนต์หรืออาวุธก็ได้ ก็ควรลองเล่น The Elder Scrolls V ภาคนี้ดู

• ซื้อ The Elder Scrolls V: Skyrim Special Edition ใน Steam ที่นี่ (1,410 บาท)

7. Fallout 4 และ Fallout: New Vegas

ถ้าพูดถึงเกม RPG มุมมองแบบ FPS ที่ควรลองเล่นและได้รับรางวัลจากสื่อต่างประเทศด้านเกมมามากมายนั้น ต้องมี Fallout 4 กับ Fallout: New Vegas รวมอยู่ด้วย โดยธีมเนื้อเรื่องของ Fallout นั้นเริ่มต้นเหมือนกันแต่ต่างระยะเวลากัน โดยเริ่มต้นจากสหรัฐอเมริกาโดนนิวเคลียร์และมนุษย์ต้องเข้าไปหลบในหลุมหลบภัยนิวเคลียร์ (Vault) และถูกแช่แข็งให้หลับไปและจะตื่นขึ้นมาเมื่อถึงเวลาที่กำหนดเอาไว้

โดย Fallout ในภาคแรก ๆ จะเป็นเกมแนว RPG ที่มองจากมุมบนแต่เปลี่ยนเป็นมุมมองแบบ FPS ตั้งแต่ภาค 3 เป็นต้นมา โดยจุดเด่นของเกมตระกูลนี้ คือการตัดสินใจของเราจะมีผลโดยรวมต่อเนื้อเรื่องและการกระทำของ NPC ด้วย ดังนั้นถ้าเราช่วยหรือทำร้าย NPC, เลือกเข้ากองกำลังที่ขัดกับ NPC ที่เรากำลังทำเควสท์อยู่ ก็อาจจะเล่นเนื้อเรื่องเสริมส่วนนั้นต่อไม่ได้ด้วย

และทีเด็ดยิ่งกว่า คือตัวเกม Fallout: New Vegas จะมีเรื่องของค่ากรรมที่ละเอียดมาก ไม่ได้มีแต่ Good หรือ Bad และมีผลตอนที่เราต้องทำเควสท์ในเกม หรือจะเข้าออกเมืองก็มีผลด้วย เช่น ถ้าเราทำดีกับคนเมือง A เยอะ ๆ แต่เป็นสายล้วงกระเป๋าหรือฆ่าคนในเมืองนั้นเยอะเกินไป ค่ากรรมของเราก็จะมีเรทผสมแล้วเปลี่ยนสมญานามที่ NPC ในเมืองเรียกเราได้ด้วย

ซึ่งถ้าใครชอบเกม RPG ใน Steam ที่ระบบตัวเกมละเอียด สนุก มีเนื้อเรื่องซับซ้อนและมีฉากจบหลายแบบก็แนะนำให้ลอง Fallout ทั้งสองภาคนี้ดู อาจจะถูกจริตกับเกมแนวนี้ก็ได้

• ซื้อ Fallout 4 ใน Steam ที่นี่ (1,055 บาท)

• ซื้อ Fallout: New Vegas ใน Steam ที่นี่ (219 บาท)

8. The Witcher 3: Wild Hunt – Game of the Year Edition (1,039 บาท)

ถ้าพูดถึง The Witcher 3: Wild Hunt เกม RPG ชื่อดังสร้างจากนิยายของ Andrzej Sapkowski จากโปแลนด์ที่ได้เป็นซีรี่ส์ใน Netflix ด้วย ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนแนะนำว่าเราสามารถเริ่มเล่นเกมที่ภาค 3 ได้เลยโดยไม่ต้องวนกลับไปเล่นภาค 1-2 ก็ยังเล่นได้สนุก เนื่องจาก CD PROJEKT RED เองก็วางเนื้อเรื่องให้เราได้ผจญภัยกับ Geralt of Rivia ได้ทันที แต่ถ้าเราเข้าใจเนื้อเรื่องในภาคที่แล้ว พออ่านเนื้อเรื่องแล้วฟังบทพูดของตัวละครก็จะได้อรรถรสยิ่งขึ้น เพราะจะเข้าใจว่ากำลังคุยและเถียงกันเรื่องอะไร

โดย The Witcher 3: Wild Hunt จะเป็นเกม RPG ที่แผนที่เป็นแบบ Open world ให้เราเดินทางสำรวจ, ฟาร์มของและต่อสู้กับมอนสเตอร์และทำเควสท์เสริมได้อย่างอิสระเต็มที่ แล้วทิ้งเนื้อเรื่องหลักที่เราต้องตามหา Ciri และหยุด Wild Hunt ไว้ก่อนก็ได้ (ซึ่งเควสท์เสริมบางตัวดันสนุกกว่าเนื้อเรื่องหลักเสียอีก) พอฟาร์มแล้วตัว Geralt ของเราเก่งพอแล้วจะเล่นเควสท์หลักต่อทีหลังก็ได้

หลังจากเล่นเนื้อเรื่องหลักเสร็จแล้ว ผู้เขียนที่ยังรู้สึกสนุกกับเกมนี้อยู่ก็ยังเล่น DLC อีก 2 ตัวที่แผนที่, เควสท์เสริมและเนื้อเรื่องหลักของ DLC ยาวไล่เลี่ยกับตัวเกมหลักได้เลย โดยเริ่มต้นจาก Blood and Wine แล้วต่อด้วย Hearts of Stone ได้เลย

• ซื้อ The Witcher 3: Wild Hunt – Game of the Year Edition ใน Steam ที่นี่ (1,290 บาท)

9. DARK SOULS: REMASTERED และ DARK SOULS III

สำหรับเกม RPG ใน Steam ที่ได้โทนแบบ Dark Fantasy แล้วเป็นต้นแบบของเกมประเภท Souls-like ก็ต้องมี DARK SOULS ทั้งภาคแรกที่ Remastered มาแล้วและ DARK SOULS III มาแนะนำ และชาว Souls ทั้งหลายรู้กันดีว่าเราจะได้เริ่มเล่นเกมนี้แบบไม่รู้อะไรเลยและจบแบบไม่รู้เรื่องเช่นกัน เนื่องจาก FromSoftware ผู้สร้างเกมนี้เลือกจะเล่าเนื้อเรื่องเกมผ่านรายละเอียดในไอเทมต่าง ๆ ในเกม ผสมกับการบอกเล่าของ NPC ต่าง ๆ ในเกมแล้วให้ผู้เล่นไปปะติดปะต่อเนื้อหาทั้งหมดเอา นอกจากนี้ผู้ผลิตก็เคยให้สัมภาษณ์ว่าเนื้อเรื่องเกมที่เราได้เล่นนั้น ต่อให้เราเก็บไอเทมและได้อ่านบทพูดทั้งหมดของตัวละครในเกมแล้ว ก็ยังรู้เนื้อเรื่องของเกมแค่ 80% เท่านั้น และอีก 20% นั้น ทางผู้ผลิตจะไม่เผยข้อมูลด้วย

แต่เสน่ห์ของเกม DARK SOULS คือการรวมข้อมูลที่ตัวเองรู้มา แล้วไปถกเถียงกับผู้เล่นคนอื่นในเว็บบอร์ดของเกมนี้ กลับกัน บางคนก็ชอบความยากและบางจังหวะการวางมอนสเตอร์ดักผู้เล่นเอาไว้ด้วย ทำให้คนเล่นยิ่งต้องระแวดระวังตัวกว่าเดิมหลายเท่า หรือต้องหาวิธีเอาชนะทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างเต็มที่ เลยกลายเป็นเสน่ห์จากความยากของเกมตระกูลนี้ไปโดยปริยาย

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนที่ชื่นชอบเกมแนวนี้เป็นพิเศษและเล่นทั้งสองภาคนี้จบไปหลายรอบแล้ว แนะนำให้ลองเล่นไปสักระยะตามสไตล์ของตัวเองไปก่อน แล้วค่อย ๆ หาข้อมูลการอัพสเตตัสกับอาวุธที่ตัวเองชอบและถนัดมาลองเล่นเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอสไตล์การเล่นที่ตัวเองถนัด และอย่าใจร้อนค่อย ๆ สู้และไม่ควรยืนสู้แบบตีแลกกันกับมอนสเตอร์

• ซื้อ DARK SOULS: REMASTERED ใน Steam ที่นี่ (1,290 บาท)

• ซื้อ DARK SOULS III ใน Steam ที่นี่ (1,500 บาท)

10. Cyberpunk 2077 (1,799 บาท)

เกม RPG ใน Steam เกมสุดท้ายที่เลือกมาแนะนำกันขอยกให้ Cyberpunk 2077 จากผู้พัฒนาเดียวกับ The Witcher ไตรภาคอย่าง CD PROJEKT RED ที่นำบอร์ดเกมชื่อเดียวกันมาพัฒนาต่อจนกลายเป็นเกม RPG กราฟฟิค Next Gen ที่มีระบบกับเนื้อเรื่องสุดล้ำและยังคงเอกลักษณ์ที่เควสท์เสริมสนุกไม่แพ้เนื้อเรื่องหลักด้วย และตอนนี้ตัวเกมก็ได้รับการอัพเดทแก้ไขบั๊กที่เคยเจอตั้งแต่เกมวางขายใหม่ ๆ ออกไปเยอะพอสมควรแล้ว ถ้าเกมเมอร์คนไหนอยากผจญภัยไปกับ V ตัวเอกของเรื่องที่ต้องการเอา Johnny Silverhand ออกจากจิตใต้สำนึกของตัวเองให้ได้ จะซื้อมาเล่นตอนนี้ก็ถือว่าปัญหาที่เจอน้อยลงไปมากแล้วด้วย

อย่างไรก็ตาม เกมเมอร์ที่อยากเล่น Cyberpunk 2077 แนะนำว่าควรใช้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่สเปคแรงสักหน่อย ขั้นต่ำควรเป็นรุ่นที่ใช้การ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1650 ขึ้นไป ถึงจะเล่นเกมนี้ได้สนุก กราฟฟิคสวยและภาพไหลลื่นขึ้น ให้ดีคือควรอัพแรมเป็น 16GB ด้วยจะดีที่สุด

• ซื้อ Cyberpunk 2077 ใน Steam ที่นี่ (1,799 บาท)

เกมเมอร์คนไหนที่ชอบเกมที่เนื้อเรื่องเยอะ ๆ สวมบทเป็นตัวละครแล้วเดินทางทำภารกิจต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ และรักเกมที่เล่นได้นานหลายชั่วโมงแบบลืมเวลาล่ะก็ เกม RPG ดี ๆ สักเกมน่าจะตอบโจทย์อย่างแน่นอน และที่เลือกมาแนะนำทั้ง 10 เกมนี้ยังเป็นเพียงส่วนหนึ่งจากเกมทั้งหมดที่มีขายใน Steam เท่านั้น ซึ่งมีเกม RPG หัวอื่นที่สนุกและน่าเล่นไม่แพ้กันแต่ยังไม่ได้แนะนำอีกมากมาย ดังนั้นถ้าใครชอบการนั่งเล่นเกมที่มีเนื้อเรื่องต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ ก็แนะนำให้ลอง RPG ดู อาจจะถูกใจก็ได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

• แนะนำ 12 เกม jRPG ใน Steam นั่งเล่นเพลินตลอดหยุดยาว

• แนะนำ 8 เกมอินดี้น่าเล่นหลากหลายแนวใน Steam ฉบับปี 2021