ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 เป็น Gaming Notebook ปี 2021 หน้าจอ 14″ IPS คุณภาพสูง ที่ทรงพลังที่สุดรุ่นหนึ่ง ได้สเปกล่าสุดเป็น AMD Ryzen 5000HS Series ซึ่งเป็นชิปประมวลผลรุ่นใหม่สุดแรงสุด สถาปัตยกรรม Zen 3 ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธรด เทคโนโลยีการผลิต 7 นาโนเมตร พร้อมการ์ดจอประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่อย่าง NVIDIA GeForce RTX 30 Series สถาปัตยกรรม Ampere เทคโนโลยีการผลิต 8 นาโนเมตร พร้อม OC จากทาง ASUS ที่แรงลื่นร้อนน้อยกว่าเดิม
จัดเต็มเลยการเล่นเกมหรือทำงาน มารวมตัวกันใน ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 ที่เป็น Gaming Notebook ที่อยู่ในซีรีส์พรีเมียมของ ASUS ที่เน้นความพรีเมียม บางเบา แบตยาวนาน ทำงานก็ดีเล่นเกมก็ได้ โดยมีน้ำหนักเบาแค่ 1.6 กิโลกรัม แต่ได้พอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน เน้นพกพาสะดวกตัวเครื่องเล็กกระทัดรัดกว่า 15.6″ พอสมควร ซึ่งได้หน้าจอเป็น Full HD 144Hz หรือ Quad HD 120Hz อีกทั้งมีปุ่ม Power ทำหน้าที่ Fingerprint ด้วย
โดยรุ่นที่นำมารีวิวครั้งนี้สนนราคาที่ 36,990 บาท ใช้วัสดุฝาหลังเป็นโลหะผ่านกระบวนการขึ้นรูปเจาะ CNC ที่เรียบเนียนสวยงาม ส่วนสเปกอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยสามารถติดตั้งแรมมาขนาด 16GB Bus 3200 MHz อีกทั้งได้ที่เก็บข้อมูลมาเป็นแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB แน่นอนว่ามาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ใช้ได้ทันที ฟรี Microsoft Office Home & Student 2019 ด้วย และได้ประกันก็เป็น 3 ปี On-site Service และประกันอุบัติเหตุในปีแรกด้วย
VDO Review
NBS Verdict
นับว่าเป็น Gaming Notebook ที่ทำงานระดับมืออาชีพ ดีไซน์บางเบา เน้นการทำงาน ขนาดหน้าจอ 14″ ที่ทรงพลังจริงๆ และแรงล้ำไม่ซ้ำใคร สำหรับการมาของ ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 รุ่นล่าสุด ที่ไม่ใช่เพียงดีไซน์ภายนอกที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยในส่วนของสีไทเทเนียมตามช่องฝาหลัง Dot Matrix พร้อมได้หน้าจอ IPS เกรดสูง sRGB 94% ที่ 144Hz แต่ด้วยการมาของสเปกชิปประมวลผลให้ล่าสุดจาก AMD Ryzen 5000HS ก็แรงลื่นกว่า 4000HS ไปอีกขั้น จากเทคโนโลยีใหม่แบบไม่มีกั๊ก
ประกอบกับการ์ดจอแยก Gaming รุ่นล่าสุด NVIDIA GeForce RTX 30 Series อย่าง RTX 3050 (4GB GDDR6) ซึ่งมีการ Overclock ด้วย ROG Boots ที่ดูแล้วจากผลทดสอบจริงๆ แล้ว มีความเหนือกว่า Gaming Notebook ปีก่อนแบบชัดเจนในการเล่นเกมที่ควรละเอียดที่มากกว่า ซึ่งให้ประสบการณ์ใช้งานที่เยี่ยมยอดทั้งภาพที่สวยงามและเสียงที่จัดเต็มด้วยลำโพง 4 ตัว ที่เสียงดังเสียงดีกว่า อย่างที่หาไม่ได้ใน Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ พร้อมระบบ Dolby Atmos ที่จำลองเสียง 3 มิติได้
สำหรับสเปกรุ่นนี้เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสายบางเบารูปแบบใหม่ ด้วยขนาดหน้าจอ 14″ ที่ปกติเราไม่ค่อยได้เห็นกัน ใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000 Series รหัส HS ที่ทั้งประสิทธิภาพสูงและปลดปล่อยความร้อนน้อยกว่าอย่างรุ่นสเปกที่รีวิวเป็น Ryzen 7 5800HS แรมได้ขนาด 16GB แบบออนบอร์ด และอัพเกรดได้อีก พร้อม SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB ทำให้ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหนักๆ หรือเล่นเกม 3 มิติก็จะมีความลื่นไหลแน่นอน เทียบกับรุ่นรุ่นก่อนๆ ก็เหนือชั้นกว่าด้วย กับราคาคุ้มค่า 36,990 บาท ได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 อีกด้วย
จุดเด่นที่ต้องพูดถึงนอกจากดีไซน์สวยเฉียบของ ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 ก็คือความบางที่ 17.9 มิลลิเมตร ขอบจอบางเฉียบ พกพาสะดวกด้วยความเบาของเครื่องเพียง 1.6 กิโลกรัม แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 11 ชั่วโมง การเชื่อมต่อก็ครบครันทั้งไร้สายและมีสาย รองรับการชาร์จผ่านทาง USB PD อย่างไรก็ตามก็ยังมีในส่วนของข้อสังเกตเดิมๆ ที่ไม่มีการติดตั้งกล้องเว็บแคมมาให้ รวมถึงรุ่นพี่กว่าตัวราคา 59,990 บาท ไม่ใช่ดีกว่าที่ชิปประมวลผลและการ์ดจอแยก แต่ได้ฟีเจอร์ Anime Martix มาด้วย
จุดเด่น ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจตามสไตล์ ROG Zephyrus งานประกอบแน่นวัสดุดี
- ขอบหน้าจอบางพิเศษ มิติเทียบเท่ารุ่น 13.3″ ตัวเครื่องเบา 1.6 กิโลกรัม และบางสุดที่ 17.9 มิลลิเมตร
- ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผลรุ่นใหม่อย่าง AMD Ryzen 7 5800HS แรงลื่นกว่า ร้อนน้อยกว่า
- การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3050 พร้อม OC มาจาก ROG Boots เพิ่มความแรงไปอีก
- แรมขนาด 16GB Bus 3200 MHz รองรับการอัพเกรดอีก 1 แถว เพื่อ Dual Channel ทันที
- ได้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพสูง sRGB 94% พร้อมรองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz
- อุณหภูมิในการใช้งานถือว่าจัดการได้ดี ไม่ร้อนจนเกินไป มีระบบไล่ฝุ่นอัตโนมัติ
- พอร์ตครบครัน ด้วย 2 x USB 3.2 Type-A / 2 x USB 3.2 Type-C / HDMI / LAN
- ปุ่ม Power ทำหน้าที่ Fingerprint เพื่อใช้งาน Windows Hello เพื่อเข้าใช้งาน Login ด้วย
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 11 ชั่วโมง พร้อมด้วย USB 3.2 Type-C รองรับชาร์จไฟ USB PD
- ระบบระบายความร้อนดีขึ้นด้วยโลหะเหลว (Liquid Metal)
- มีซอฟต์แวร์ Armory Crate มาช่วยปรับแต่งการใช้งาน
- มาพร้อม Windows 10 Home ใช้งานได้ทันที มีความสเถียร์ของไดร์เวอร์
- ได้โปรแกรม Microsoft Office Home & Student 2019 ติดตั้งมาในเครื่องทันที
- ประสบการณ์ใช้งานดีเยี่ยม ประทับใจมาก เมื่อเทียบกับราคา
- ประกัน 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน และมีประกันอุบัติเหตุ 1 ปี
ข้อสังเกต ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401
- ไม่มี SD Card Reader
- ไม่มีกล้องเว็บแคม ถ้าใช้งานต้องหามาติดตั้งเอง
- แรมให้มาเป็น 16GB ออนบอร์ด รองรับการอัพเกรดแรมได้อีก 1 แถวทันที
Specification
ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 มาพร้อมกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800HS สถาปัตยกรรม Zen 3 มาพร้อมกับสถาปัตยกรรม 7 nm ผสานกับ APU การ์ดจอออนบอร์ดที่เป็น Radeon 8 ส่วนการ์ดจอแยกจะเป็น NVIDIA GeForce RTX 3050 รุ่นใหม่ ฟีเจอร์อื่นๆ ออกไปเน้นความแรงเป็นหลัก โดยเน้นให้มีความร้อนที่น้อยกว่าและประหยัดพลังงานเข้ากับตัวเครื่องที่บางเบา
ในส่วนของแรมได้มาขนาด 16GB Bus 3200 MHz แบบ Dual Channel (8GB x 2 โดยออนบอร์ดมาแล้ว 1 แถว) มาพร้อมกับที่เก็บข้อมูลแบบ Intel SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่มีความลื่นไหล อีกทั้งยังรองรับการติดตั้งอัพเกรดเพิ่ม SSD M.2 NVMe มาให้อีก 1 ช่อง
โดดเด่นกว่ารุ่นอื่นๆ คือได้หน้าจอขนาด 14″ ความละเอียด Full HD ที่ 1920 x 1080 พิกเซล พาเนล IPS เกรดสูง รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz ให้ความลื่นไหลอย่างที่สุดด้วย นอกจากนี้ก็จะมีระบบเสียง Dolby Atmos ลำโพงเป็น 2.2 Channel พร้อมพอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน ทั้ง 2 x USB 3.2 Type-A และ 2 x USB 3.2Type-C โดยทำงานเป็น DisplayPort 1.4 และชาร์จไฟผ่านทาง USB PD ได้ ระบบการเชื่อมต่อไร้สายเป็นมาตรฐานใหม่อย่าง Wi-Fi 6 with Gig+ (802.11ax) และ Bluetooth 5.1
พร้อมติดตั้งระบบปฎิบัติการติดตั้ง Windows 10 Home และซอฟต์แวร์ Utility อย่าง Armory Crate / MyASUS เวอร์ชั่นล่าสุดมาให้ในตัว โดยมีข้อสังเกตที่น่าสนใจคือไม่ได้ติดตั้งกล้องเว็บแคมมา ถ้าใครจะใช้ต้องหามาติดตั้งเอง การรับประกัน On-site Service ระยะ 3 ปี และ Global Warranty ที่สำคัญได้ประกันอุบัติเหตุ Perfect Warranty 1 ปีแรก เมื่อเอาซีเรียลไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ จัดได้ว่าเป็นมาตรฐานการรับประกันของทาง ASUS ปกติ
ASUS ROG Zephyrus G14 AW SE GA401QEC-K2064TS ราคา 36,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
-
CPU : AMD Ryzen 7 5800HS (8C/16T – 2.80 – 4.40 GHz)
-
GPU : AMD Radeon 8 + NVIDIA GeForce RTX 3050 (4GB GDDR6)
-
RAM : 16GB DDR4 Bus 3200 MHz (Onboard 16GB)
-
DISPLAY: 14″ IPS Full HD 144Hz
-
STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 1TB
-
OS : Windows 10 Home
- Software : Microsoft office Home & Student 2019
- Warranty : 3 Years On-site Service + 1 Year Perfect Warranty
ASUS ROG Zephyrus G14 GA401QM-K2196TS ราคา 59,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
-
CPU : AMD Ryzen 9 5900HS (8C/16T – 3.00 – 4.60 GHz)
-
GPU : AMD Radeon 8 + NVIDIA GeForce RTX 3060 (6GB GDDR6)
-
RAM : 16GB DDR4 Bus 3200 MHz (Onboard 16GB)
-
DISPLAY: 14″ IPS Quad HD 120Hz
-
STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 1TB
-
OS : Windows 10 Home
- Software : Microsoft office Home & Student 2019
- Warranty : 3 Years On-site Service + 1 Year Perfect Warranty
Hardware / Design
ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 เป็นซีรีส์ ROG ที่เน้นความบาง ที่ 17.9 – 19.9 มิลลิเมตร มาพร้อมน้ำหนักเบาที่ 1.6 กิโลกรัม รวมไปถึงแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า Gaming Notebook ทั่วไปกับขนาดหน้าจอขอบบางเฉียบที่ 6.9 มิลลิเมตร ขนาด 14″ ความละเอียด Full HD พาเนล IPS รองรับที่ 144Hz ดีไซน์โดยรวมเน้นความดุดัน แข็งแกร่งสไตล์ ROG ด้วยวัสดุฝาหลังเป็นโลหะแม็กนีเซียมอัลลอยด์ให้ดีไซน์ที่ไม่เคยมีมาก่อนใน ROG ที่เน้นความเรียบง่ายสุดๆ ดูแล้วมีความสดใหม่ เรียกได้ว่าดูแล้วมีความเฉียบแต่เรียบง่ายสไตล์สายทำงานที่เน้นการพกพายิ่งขึ้นไปอีกกว่าพวก TUF Gaming Series ที่เน้นคุ้มค่า
เหมาะทั้งคนเอาไปทำงานหรือเล่นเกมที่ดูแล้วทันสมัยสุดๆ ตัวเครื่องมีสีสันดำเทา (Eclipse Grey) เลือกใช้วัสดุตัวเครื่องเป็นโลหะส่วนของชิ้นฝาหลัง โดยมุมซ้ายล่างจะเป็นแผ่นสีเงิน ROG ส่วนด้านในเป็นพลาสติกคุณภาพสูง มีความแข็งแรงทนทานประมาณนึง โดยยังคงไว้ซึ่งการออกแบบที่สวยงามทันสมัยพรีเมียม ทั้งนี้ทั้งนั้นฝาหลังเป็นโลหะผ่านกระบวนการขึ้นรูปเจาะ CNC ที่เรียบเนียนแม่นยำ พร้อมแผ่นโลหะสีเงินมันวาวที่มุมซ้ายล่างบ่งบอกความเป็น ROG สุดๆ สมกับเป็นการออกแบบและวิศวกรรมที่เป็นสัญลักษณ์แห่งคุณภาพของ Zephyrus Series ที่แตกต่างไม่ซ้ำใคร
ASUS ROG Zephyrus รุ่นนี้อยู่บนพื้นฐานการออกแบบของตระกูล ROG ที่เน้นสายเกมเมอร์สายพกพาบางเบาที่ทรงประสิทธิภาพ แต่ใครจะเอาไปทำงานเบาๆ หรือทำงานหนักๆ รวมไปถึงพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งหมด ทั้งจากฟีเจอร์ ดีไซน์และสเปกแรงล้ำกว่าที่เคยมีมาทั้งหมด รวมไปถึงหน้าจอมีขนาด 14″ แบบขอบจอบาง ส่วนช่องระบายความร้อนมีทั้งหมด 4 ช่อง เป่าออกใต้หน้าจอ 2 ช่อง และด้านขวาซ้ายอีกอย่างละ 1 ช่อง พัดลม 2 ตัว แบบ 84 ใบ ที่ทรงพลังนำพาความร้อนออกได้เป็นอย่างดี
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพก็คือ บานพับ ErgoLift Hinge นั้นเวลาที่กางออกมาใช้งานในรูปแบบโน๊ตบุ๊คจะทำให้คีย์บอร์ดทำมุม 3 องศากับฐานตั้ง พร้อมกางจอได้สูงสุดที่ 145 องศา จากการที่มีบานพับแบบพิเศษช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้นจากพื้น โดยขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมียางรองพร้อมทำหน้าที่เป็นฐานรองด้านหลัง ช่วยเรื่ององศาการพิมพ์ที่สบายขึ้น การรดูดลมเย็นที่ดีขึ้น และลำโพงสะท้อนเสียงได้มากยิ่งขึ้นด้วย
ส่วนด้านฐานของตัวเครื่องวัสดุพลาสติกที่แข็งแรงงานประกอบเรียบร้อย พร้อมอากาศเย็นผ่าน โดยมีช่องดูดลมเย็นอีก 4 ช่องด้านล่างใต้เครื่อง อีกทั้งยังมีช่องด้านบนเหนือคีย์บอร์ดมีช่องดูดลมอีกช่องช่วยนำพาอากาศเย็นเข้าไปอีก ส่วนถ้าจะอัพเกรดก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ขันน็อตไม่กี่ตัวจากนั้นค่อยๆ ดึงขึ้น รวมๆ แล้วต้องยอมรับว่าทาง ASUS นั้นใส่ใจในการออกแบบมาจริงๆ นอกจากที่อัพเกรดได้ไม่ยากแล้ว ยังทำความสะอาดได้สะดวกสบายอีกด้วย สรุปสั้นๆ สำหรับการดีไซน์และออกแบบตัวเครื่อง
ต้องบอกว่า ASUS ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ด้วยวัสดุคุณภาพสูงและสวยงามน่าประทับใจ ประกอบกับการดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของเกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook บางเบาหน้าจอ 14″ ได้อย่างลงตัว ส่งผลให้เสริมประสบการณ์ใช้งานยิ่งขึ้นไปอีก จากแต่ก่อนแทบเป็นไปไม่ได้ที่ความแรงระดับนี้ จะอยู่บนตัวเครื่องที่บางและเบาแบบนี้ แต่ตอนนี้ทาง ASUS ทำออกมาได้แล้ว ในประสิทธิภาพและฟีเจอร์ที่ล้ำหน้ากว่า ในราคาที่จัดว่าคุ้มค่ามากๆ
อย่างไรก็ตามจริงๆ แล้ว ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 จะมีรุ่นที่มีฟีเจอร์ AniMe Matrix โดยฝาหลังโลหะวัสดุแม็กนีเซียมอัลลอยด์ที่เราเห็นเป็นจุดๆ ซึ่งกระจายไปทั่วนั้น จะมีการติดตั้งเป็นไฟ mini-LED จำนวนกว่า 1,215 ดวง ซึ่งมีรู Dot Matrix กว่า 6,536 จุดเพื่อความสวยงาม โดยเราเลือกปรับแต่งเปลี่ยนแปลงได้ผ่านทางซอฟต์แวร์ที่จะเปิดหรือปิด รวมไปถึงใส่ลูกเล่นต่างๆ ทั้งไฟเปิดค้าง หรือไฟกระพริบได้อีกด้วย แต่รุ่นที่เรานำมารีวิวครั้งนี้จะไม่มี ฟีเจอร์ AniMe Matrix นะครับ
Keyboard / Touchpad
ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 เป็นคีย์บอร์ดมีไฟ LED ให้ความสะดวกด้วยปุ่ม Spacebar ด้านมุมล่างซ้ายก็ทำพื้นที่ยื่นออกมาเล็กน้อยเพื่อให้ใช้นิ้วโป้งซ้ายกดง่ายขึ้น แต่ละปุ่มมีมุมโค้งขนาด 0.25 มิลลิเมตร เข้ากับนิ้วมือเวลากดลงไปสุดๆ โดยระยะของปุ่มที่เลื่อนลงไปเพียง 1.8 มิลลิเมตร พร้อมเทคโนโลยี OverStroke เพื่อการกดรัวที่ดียิ่งขึ้นด้วยปุ่ม N-key rollover & anti-ghosting และอายุคีย์บอร์ดที่สามารถกดได้ 20 ล้านครั้ง รวมถึงสามารถมีฟังก์ชั่นเพิ่มลดเสียง เปิดปิดไมค์ และปุ่มเรียกโปรแกรม Armoury Crate ซึ่งตัวปุ่มต่างๆ ออกแบบมาสำหรับเกมเมอร์อย่างแท้จริง
โดยปุ่ม Power ยังทำหน้าที่ Fingerprint เพื่อใช้งาน Windows Hello เพื่อเข้าใช้งาน Login ด้วย ทัชแพดเองขนาดใหญ่แบบซ่อนปุ่ม ซึ่งการใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นสะดวกสบาย ปุ่มนุ่มกดง่าย การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี ฟีเจอร์ Multi-touch หรือ Smart Gesture ที่สามารถใช้งานควบคู่กับ Windows 10 Home ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญมีในส่วนของปุ่มลัดบนคีย์บอร์ดอย่าง F5 ทำให้ผู้ใช้สามารถสลับเปลี่ยนโหมดการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Turbo / Performance / Silent / Windows ตามความเหมาะสมในการใช้งานต่างๆ
Screen / Speaker
ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 มีหน้าจอขอบจอตามสไตล์ NanoEdge บางเฉียบเพียง 6.9 มิลลิเมตรทั้งขอบด้านข้างและด้านบนทำให้ไม่มีกล้องเว็บแคม ถ้าใช้งานต้องหามาติดตั้งเอง แต่ยังมีไมโครโฟนแบบคู่อยู่ พร้อมมีเทคโนโลยี ASUS 2 Way Noise-Canceling Audio เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการประชุมแบบวิดีโอ (Video Conference) เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป ด้วยขนาด 14″ ความละเอียด Full HD (1920×1080 พิกเซล) เหมาะสมตามการใช้งาน โดยได้พาเนลเป็น IPS คุณภาพดีเยี่ยม มุมมองกว้าง พื้นผิวจอแบบด้าน Anti-Glare รวมๆ
ทั้งสีสันความคมชัดแล้วจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม เหมาะกับการใช้งานทั่วๆ ไปหรือการเล่นเกมก็ทำได้อย่างน่าประทับใจ รวมไปถึงยังเป็นหน้าจอเป็น Refresh Rate ที่ 144Hz ทำให้ใช้งานเล่นเกม FPS ฉากเคลื่อนไหวเร็วๆ ได้อย่างลื่นไหลกว่าหน้าจอทั่วไปที่แค่ 60Hz พร้อม ลดอาการเบลอ ค้าง จากการเปลี่ยนหน้าจอไปมา อีกทั้งการใช้งานทั่วไปก็ให้ประสบการณ์ที่ดีขึ้นด้วย รวมๆ แล้ว ถือว่าได้มาตรฐานของ Gaming Notebook ปี 2021 ที่ลงตัวจริงๆ ซึ่งนับว่าดีกว่ารุ่นก่อนที่เป็น Refresh Rate 120Hz
ทดสอบหน้าจอด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสัน Gamut เทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB 94% / AdobeRGB 70% / DCI-P3 70% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับสูงมากๆ ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพทั่วไป พร้อมรองรับการทำงานจริงจังระดับมืออาชีพด้วยขอบเขตสีที่กว้างและแม่นยำ
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ 300 cd/m2 แต่สำหรับช่องมุมซ้ายบนจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 14% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว สรุปคือเล่นเกมได้ดีด้วย 144Hz ส่วนสีสันก็จัดว่ายอดเยี่ยมเช่นกัน
ตัวเครื่องติดตั้งระบบเสียงแบบ 4 ลำโพง (Quad Speakers) โดยมีช่องลำโพงคู่อยู่ขอบตัวเครื่องบริเวณขอบที่วางมือซ้ายและขวาซ้ายขวา คุณภาพสูงกำลังขับข้างละ 0.7W พร้อมลำโพงซัฟวูฟเฟอร์อีก 2 ตัวด้านใต้ตัวเครื่อง กำลังขับข้างละ 2.5W ทำให้กลายเป็นลำโพงมาตรฐาน 2.2 อีกทั้งมี Smart Amp เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ระบบเสียงชั้นยอดอีกด้วย ให้เสียงคมชัด เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้ถึงใจยิ่งขึ้น
ให้ขอบเขตเสียงที่กว้าง จากการที่เสียงกลางแหลมออกชัดเจนดี ส่วนทุ้มมีออกมาพอตัว จากการที่มีลำโพงซัฟวูฟเฟอร์แยกออกมาต่างหาก ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้นถือว่าดีมากๆ ทั้งเรื่องคุณภาพและความดัง ซึ่งหากว่าเพื่อนๆ เป็นผู้ใช้งานทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบรู้สึกได้ รวมไปถึงมีเทคโนโลยี Dolby Atmos ช่วยจำลองเสียง 5.1.2-channel surround sound อีกด้วย
Connector / Thin And Weight
ด้านพอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่องจัดว่าครบเครื่องระดับหนึ่งจากการที่เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 14″ ซึ่งพื้นที่น้อยกว่ารุ่นจอ 15.6″ แน่นอน โดยตัวพอร์ตจะอยู่ด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง มีทั้ง USB 3.2 Type-A จำนวน 2 พอร์ต, USB 3.2 Type-C จำนวน 2 พอร์ต (1 พอร์ตด้านซ้ายรองรับ DisplayPort 1.4 / USB Power Delivery) พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร 1 ช่อง และ HDMI 2.0 แน่นอนว่ามีต่ออแดปเตอร์ปกติ 1 ช่องด้วย ส่วน Kensington จะอยู่ที่ด้านขวา ซึ่งที่หายไปก็จะเป็น LAN RJ45 นั่นเอง
ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 5.0 และ Intel Wi-Fi 6 with Gig+ (802.11ax) ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตให้มีความสเถียรมากยิ่งขึ้น ส่วนขนาดของตัวเครื่อง 324 x 242 x 17.9 – 19.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1.6 กิโลกรัม ถือว่าค่อนข้างเบาเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ชาร์จไฟขนาด 180 W เข้าไปด้วยจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 2.2 กิโลกรัมเท่านั้น พอแบกพกพาไปไหนมาไหนได้อยู่ไม่หนักมาก ถือมือเดียวก็สบายๆ หยิบจับไปไหนก็สะดวกทีเดียว
Inside / Upgrade
การแกะเครื่องเพื่อทำการอัพเกรดหรือทำความสะอาดนั้นทำง่ายมาก โดยมุมนึงจะมีสกรูแบบพิเศษหนึ่งตัวที่จะช่วยให้การเข้าถึงการอัพเกรดเป็นเรื่องง่ายโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ เพียงไขน็อตทุกตัว จะมีอยู่ 1 ตัวที่มุมตัวเครื่อง ที่เราสามารถใช้มือค่อยๆ แกะออกมาได้เลย จากการที่มันจะเปิดแง้มขึ้นมาอัตโนมัติ เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ส่วนที่ลงตัวพรีเมียมไม่เป็นรองภายนอด
เรียกได้ว่าถูกออกแบบจัดระเบียบได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว มีพัดลมขนาดใหญ่เทคโนโลยี ROG Intelligent Cooling พร้อมระบายความร้อนที่มี Anti-Dust Tunnels ที่อยู่ในชุดฟินสีดำ หมดกังวลเรื่องฝุ่นที่ติดตรงครีบระบายความร้อนจุดสังเกตที่เปลี่ยนไปคือตัวเครื่องเลือกใช้ฮีทไปป์ 4 เส้น เรียกได้ว่าเอาอยู่กับสเปกแบบนี้แล้ว อีกทั้งยังมีระบบระบายความร้อนดีขึ้นด้วยโลหะเหลว (Liquid Metal) ด้วย
ซึ่งหลังจากที่แกะออกมาแล้วนั้นจะเห็นแผ่นสีดำ สีเทาแปะติดไว้อยู่ในหลายๆ ส่วนเพื่อกันไฟฟ้าสถิต และในส่วนของฮาร์ดแวร์ที่สามารถทำการอัพเกรดคือมีช่องใส่ SSD M.2 NVMe PCIe 3.0 ที่ใส่มาแล้ว 1TB ส่วนหน่วยความจำแรมขนาด 16GB เป็นแบบฝังบอร์ด และรองรับการใส่ 1 แถวทันที ซึ่งใส่ได้สูงสุด 32GB ถ้าต้องการอัพเกรดเพิ่มก็จะเป็น 16GB + 16GB โดดเด่นด้วยมาตรฐาน DDR4 Bus 3200 MHz และจากที่เป็น Gaming Notebook บางเบา ทำให้ไม่รองรับการใส่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ ตามรูปแบบของโน๊ตบุ๊คที่เน้นความบางเบานั่นเอง
Performance / Software
ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 รุ่นปี 2021 ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800HS ที่แรงกว่า AMD Ryzen 7 4800HS รุ่นก่อนหน้านั้น โดยเป็นรหัส HS ที่เน้นทั้งแรงและปลดปล่อยความร้อนที่น้อยกว่า (แต่ก็ยังมี AMD Ryzen 9 5900H ที่แรงกว่า อยู่ใน TUF Gaming 15 FA506) ด้วยสถาปัตยกรรม Zen 3 โค้ดเนม Cezanne มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 nm ความเร็ว 2.80 – 4.40 GHz แบบ 8 Core/ 16 Thread
ได้ L3 Cache ที่ 16MB ซึ่งจัดเต็มมากกว่ารุ่นก่อนๆ มีค่าอัตราการใช้พลังงานสูงสุด TDP ที่ 35W ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็น AMD Ryzen 4000H หรือ Intel Core i Gen 10H เลยทีเดียว ที่สามารถดูได้จากผลการทดสอบเล่นเกมที่ลื่นไหลกว่า Gaming Notebook สเปกเดิมๆ มาก แต่ในความเร็วตามสเปกของรุ่นนี้จะมีความเร็วอยู่ที่ 3.00 – 4.30 GHz
สำหรับ AMD Ryzen 7 5800HS แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าแรงกว่าชิปประมวลผลที่เป็น AMD Ryzen 4000H Series พอตัว ส่วนแรมได้ขนาด 16GB แบบออนบอร์ด และรองรับการเพิ่มอีก 1 แถวได้ มาตรฐาน Bus 3200 MHz สนับสนุนการอัพเกรดได้สูงสุดที่ 32GB จากการที่เราเพิ่ม 16GB ไปอีกตัวนั่นเอง พร้อมให้ SSD M.2 NVMe PCIe 3.0 ความจุ 1TB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง AMD Radeon 8 มีความเร็วในการทำงานที่ 2000MHz มาตรฐานแรม DDR4 ขนาด 512MB ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ซึ่งโดดเด่นจริงๆ จะเป็นเรื่องของการประหยัดพลังงานเมื่อใช้งานเบาๆ ทำให้แบตเตอรี่อยู่ได้ยาวนานกว่า 11 ชั่วโมงทีเดียว แม้จะเป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้ชิปประมวลผลตัวแรงก็ตามที
อีกทั้งยังมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3050 ที่ต้องบอกว่าแรงกว่า GeForce GTX 1660 Ti รุ่นก่อนหน้า จากที่สเปกภายในได้รับการอัพเกรดขึ้น ได้แรมการ์ดจอจะเป็น 4GB GDDR6 เน้นใช้งานกับ Gaming Notebook บางเบา ร้อนน้อยกว่าแต่ก็แรงไม่แพ้กัน เพราะทาง ASUS เค้า Overclock มาให้จากโรงงานแล้ว จากเทคโนโลยี ROG Boost ให้ GPU Clock แรงเหนือชั้นยิ่งกว่า จากค่า TGP เดิมๆ 60W เป็น 75W เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800HS คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจสมกับเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800HS หรือ Ryzen 7 4800H ก็ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนทีเดียว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยกเองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ไปแล้ว โดยใชเป็นแบรนด์ SK Hynix ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าประทับใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe PCIe 3.0 ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันแน่นอน เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3562 MB/s และเขียนที่ 3117 MB/s ที่ต้องบอกว่าในส่วน SSD นี้ทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆ ชัดเจน
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 6,072 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็น Gaming Notebook สเปกใหม่ล่าสุดจากชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800HS มีการ์ดจอแยกระดับ Gaming อย่าง RTX 3050 ที่ OC แล้ว ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คปีก่อนๆ มากพอตัว
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมจากการทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark จากทาง Futuremark ที่พัฒนาและคิดค้นจากบริษัท AMD, Intel, Microsoft, NVIDIA ในส่วนของ Time Spy ทำออกมาน่าสนใจมากๆ ด้วยคะแนนรวม 5,442 เน้นเรื่อง DirectX 12 เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อมาเสริมข้อบกพร่องทางด้านการทำงานต่างๆ ของการ์ดจอเป็นหลัก ซึ่งผลทดสอบนั้นจะดูว่าแต่ละการ์ดจอนั้นสามารถทำงานเข้าขากับ DirectX 12 ได้ดีขนาดไหน ซึ่งนับว่าคะแนนอยู่ในเกณฑ์ที่ดีของการเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 14″ จริงๆ
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 8 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 – 120 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ประกอบไปด้วย Resident Evil 8 Village / Resident Evil 3 Remake / Battlefield V / FarCry 5 / GTA V ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / Overwatch ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง RE 8 / RE 3 / BF V / GTA V / FarCry 5 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด !!! จากกราฟตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าเฟรมเรทที่ออกมานั้นมีความลื่นไหลสุดๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็สามารถทำได้ แม้ความสวยจะลดน้อยลงแต่แลกมาด้วยความลื่นไหลนั่นเอง
โดยในส่วนของ RE 8 ซึ่งเป็นเกมออกใหม่ล่าสุด เราปรับกราฟิกในเกมเป็น MAX ที่ใช้แรมการ์ดจอไปกว่า 12GB ซึ่งเกินกว่าตัวการ์ดจอที่ 4GB แต่ก็ยังทำเฟรมเรทได้ลื่นไหลน่าประทับใจอยู่ ต่อกันที่เกมออนไลน์อย่าง PUBG / Overwatch / DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน
ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด (ปิด V-Sync) แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็ไม่มีอาการช้าหรือหน่วงเลย ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่ ทั้ง 7 เกมที่เราได้ทำการทดสอบไป เรียกได้ว่าเทียบกับ ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 จะเห็นว่ามีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นในระดับที่น่าประทับใจต่อราคาถือว่าคุ้มค่า ยิ่งทำงานร่วมกับหน้าจอ 144Hz จะได้ประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ในการเล่นเกม
นอกเหนือจากนี้ ยังมี Armory Crate ซอฟต์แวร์ Utility ที่ยกมาจาก ROG รุ่นอื่นๆ ซึ่งรวบรวมเอาฮาร์ดแวร์ต่างๆของ ROG มาไว้บนยูทิลิตี้เดียว ทำให้สามารถเข้าถึงฟังค์ชั่นต่างๆได้อย่างง่ายดาย การตั้งค่าต่างๆ ของระบบร อาทิ ผู้ใช้สามารถบันทึกการตั้งค่าต่างๆตามความชอบเป็นรูปแบบได้หลายโปรไฟล์ ซึ่งการตั้งค่าต่างๆ จะถูกเรียกใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อมีการเปิดเกมที่ได้เลือกไว้
อีกทั้ง Armoury Crate ยังมาพร้อมกับโปรแกรมเสริม Mobile Dashboard สำหรับ Android และ iOS รวมไปถึงความสามารถอื่นๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้นจากการอัพเดทในอนาคต ปิดท้ายด้วยซอฟต์แวร์ Utility อีกตัวอย่าง MyASUS ที่ไว้คอยตรวจระยะเวลากรับประกันและอัพเดทไดร์เวอร์ได้ครบๆ พร้อมรองรับการตั้งค่าอื่นๆ เพิ่มเติมอีก อย่างที่หาไม่ได้ในโน๊ตบุ๊คทั่วไปแน่นอน
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ในครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติขนาดความจุสูงที่ 4800mAh ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราวๆ 11 ชั่วโมงโดยประมาณ เรียกได้ว่าน่าประทับใจทีเดียวกับการที่ Gaming Notebook จอ 14″ สเปกแรงลื่นแบบนี้ ใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานขนาดนี้ สมกับเป็น ROG Zephyrus Series จริงๆ
ส่วนเรื่องอุณหภูมิในการใช้งาน เมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 60 องศาเซลเซียส ส่วนการ์ดจอจะอยู่ที่ 40 – 50 องศาเซลเซียสไม่แตกต่างกันมาก ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 28 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัดสุด ด้วยการเปิดโหมด Turbo โดยในส่วนของความชิปประมวลผลอุณหภูมิสูงที่สุดอยู่ที่ไม่เกิน 90 – 95 องศาเซลเซียสเท่านั้นเอง
ส่วน GPU การ์ดจอแยกจะอยู่ที่ไม่เกิน 82 – 89 องศาเซลเซียส โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้เป็นอย่างดีมาก ซึ่งเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้กลับมา แน่นอนว่ามากกว่า Gaming Notebook ในสเปกเดียวกัน สำหรับเสียงรบกวนในเวลาทำงานนั้นถือว่าดังประมาณนึงแต่ไม่ถึงขั้นดังรบกวน จากการที่เราสามารถเพิ่มรอบสูงสุดได้ด้วยซอฟต์แวร์จากปกติที่จะเป็นแบบ Windows เพื่อใช้งานทั่วไปก็สามารถทำได้ค่อนข้างเงียบทีเดียว โดยรวมแล้วสำหรับการระบายความร้อนจัดการความร้อนที่เกิดขึ้นนับว่าทำได้น่าประทับใจจริงๆ
Conclusion / Award
ตอกย้ำความสำเร็จกับการที่เป็น Gaming Notebook ดีไซน์บางเบาหน้าจอ 14″ ที่ใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000H Series รุ่นใหม่ล่าสุดอีกรุ่น ที่ต้องบอกว่าแรงกว่ารุ่นก่อนมากๆ สำหรับ ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 ซึ่งตอนนั้นจะได้เป็นรุ่นที่มีฟีเจอร์ AniMe Matrix ด้วย แต่ตอนนี้เป็นรุ่นขายจริงแล้ว ราคา 36,990 บาท จัดได้ว่าเน้นความพรีเมียมและเรื่องความบางเบาพกพา แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน เป็นหลักตามซีรีส์ของ ROG Zephyrus อย่างที่เราทราบกัน
รุ่นที่ได้รับมารีวิวนี้มาพร้อมสเปกชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800HS เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร สถาปัตยกรรม Zen 3 ผสานการทำงานร่วมกับการ์ดจอตัวแรงแต่ร้อนน้อยอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3050 ที่ผ่านการ Overclock รวมไปถึงในส่วนของแรมยังได้ขนาดที่ใช้งานได้ทันทีที่ 16GB มาตรฐาน DDR4 Bus 3200 MHz แน่นอนว่าที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe PCIe 3.0 ความจุ 1TB ความเร็วสูงด้วย ซึ่งต้องบอกว่าประทับใจมากๆ กับความแรงในมิติดีไซน์ที่เล็กกระทัดรัดสุดๆ
นอกจากนี้แบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนานกว่า 11 ชั่วโมง แถมยังมีการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 with Gig+ (802.11ax) และ USB PD ล้ำๆ ด้วย จากการทดสอบใช้งานจริงเล่นเกมจริงๆ เห็นได้ชัดถึงความทรงพลังของสเกปฮาร์ดแวร์ภายในใหม่ล่าสุด ที่สำคัญหน้าจอเป็นพาเนล IPS เกรดสูงที่ให้ค่า sRGB 94% พร้อม Refresh Rate ที่ 144Hz นับได้ว่าดีกว่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ แทบทั้งหมดเลยก็ว่าได้ รองรับทั้งการทำงานมืออาชีพ งานเอกสารก็ตอบโจทย์ เพราะได้ Word / Excel / Power Point ใช้งานได้ทันที หรือการเล่นเกมแบบจริงจังก็ทำได้แบบเยี่ยมยอด อย่างที่หาได้ยากใน Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ
สำหรับ ASUS ROG ซีรีส์นี้ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในขนาดหน้าจอ 14″ ได้เลย เพราะจริงๆ ยังมีสเปกที่แรงล้ำกว่าด้วยชิปประมวลผล AMD Ryzen 9 5900HS การ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce RTX 3060 ได้จอ Quad HD 120Hz อีกทั้งยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ AniMe Matrix กับราคา 59,990 บาท เหมาะกับคนที่ต้องการสุดยอด Gaming Notebook หน้าจอ 14″ ที่แรงสุด ล้ำสุด และไม่เหมือนใครสุดๆ แต่ในตอนนี้ถ้าใครต้องการ Gaming Notebook ตัวแรง และได้สเปกใหม่สุดๆ ในราคาจับต้องได้ง่าย ก็ดูเป็นรุ่นที่รีวิวได้
ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 สเปก Ryzen 7 5800HS + GeForce RTX 3050 ก็ตอบโจทย์อยู่ ได้การรับประกัน 3 ปี On-site Service และที่สำคัญเมื่อเอาซีเรียลไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ ASUS จะได้รับประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปีแรกจากทาง ASUS อีกด้วย อุ่นใจจัดเต็มอย่างไรก็ตามในส่วนของข้อสังเกตุก็คือ ความคุ้มค่าต่อราคาต่อประสิทธิภาพ เป็นรอง ASUS TUF Gaming A15 FA506 แน่นอน เพราะใช้ Ryzen 7 4800H ที่ค่า TDP 45W แต่ถ้าเทียบกับราคาและฟีเจอร์ล้ำๆ อื่นๆ แล้วถือว่ารับได้สบายมากๆ อันนี้ก็ต้องตัดสินใจกันเองอีกที
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ ด้วยกัน ซึ่ง ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ ROG โน๊ตบุ๊คสายคุ้มค่ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 กับรุ่นใหม่ล่าสุด เพิ่มสีสันไทเทเนียมในบางจุด ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม ที่สำคัญคือขอบจอบาง ทำให้มิติตัวเครื่องใกล้เคียงพวกจอ 13.3″ แถมน้ำหนักเบาแค่ 1.6 กิโลกรัมเท่านั้น วัสดุคุณภาพดีงานประกอบก็เยี่ยมทั้งอลูมิเนียมอัลลอยด์และพลาสติกเกรดดี เอาไปทำงานหรือเล่นเกมได้หมดรอบด้าน
Best Performance
ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 สเปคเป็น AMD Ryzen 7 5800HS + NVIDIA GeForce RTX 3050 + จอ IPS 144Hz ขอบหน้าจอบาง + Ram 16GB + SSD M.2 1TB ซึ่งทดสอบการใช้งานเล่นเกมจริงแล้วแรงกว่า Gaming Notebook รุ่นก่อนๆ ทั้ง AMD / Intel มากๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ค่าคะแนนต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี ส่วนการใช้งานทั่วไปนั้นก็ลื่นไหลสุดๆ หรือเล่นเกมก็ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม ที่สำคัญได้ความเป็น ROG Zephyrus G ที่พรีเมียม บางเบา เรียกได้ว่าคุ้มค่าจนหาตัวจับได้อยากทีเดียว สำหรับ Gaming Notebook หน้าจอ 14″ แบบนี้
Best Mobility
ปัจจัยสำคัญของด้านการพกพาบางเบาก็คือขนาดที่กะทัดรัด แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานกว่า 11 ชั่วโมง และการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ครอบคลุม ซึ่ง ASUS ROG ZEPHYRUS G14 GA401 ตอบโจทย์ทั้งสามด้านได้อย่างครบถ้วนครับ กับตัวเครื่องบางเบา และการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่รองรับทั้ง Wi-Fi 6 with Gig+ (802.11ax)รวมถึง Bluetooth 5.1 หรือหากต้องการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริม ตัวเครื่องก็ยังมีพอร์ตที่ครบครันสำหรับการใช้งานทั่วไปด้วยเช่นกัน ที่สำคัญจากการที่มีพอร์ต USB 3.2 Type-C เทคโนโลยี USB PD (USB Power Delivery) ทำให้ชาร์จไฟได้สะดวกด้วย