ตอนนี้การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3060 LHR (Lite Hash Rate) ชิป GA106-302 ซึ่ง NVIDIA ปรับแต่งมาใหม่ให้ล็อคค่า Hash Rate ขุดเหรียญ Ethereum เริ่มมีผู้ผลิตหลายเจ้านำออกมาวางจำหน่ายกันแล้ว เช่น Gigabyte, ZOTAC เป็นต้น และทาง NVIDIA ก็เผยว่าชิปนี้ไม่สามารถแฮ็คให้ใช้ขุดเหมืองหรือติดตั้งไดรเวอร์รหัส 470.05 เวอร์ชั่นเบต้าที่หลุดไปก่อนหน้านี้ได้ด้วย โดยตอนนี้ชาวเหมืองจีนก็ได้ซื้อการ์ดจอ NVIDIA Lite Hash Rate ไปทดลองขุดพร้อมโชว์ประสิทธิภาพการขุดเหมืองที่ลดไปร่วมครึ่งหนึ่งออกมาในโซเชียลเน็ตเวิร์คอีกด้วย
ผู้ใช้ชาวจีนเผย แรงขุด NVIDIA GeForce RTX 3060 LHR ลดลงจนไม่ได้กำไร
สำหรับการ์ดจอ NVIDIA RTX Series ที่ผู้ใช้ชาวจีนนำไปทดลองขุดนั้น เป็น ZOTAC RTX 3060 LHR Apocalypse GOC ที่เพิ่งวางขายในประเทศจีนไปเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วเป็นที่แรก
RTX 3060 เวอร์ชั่นลดแรงขุดเหมืองไปครึ่งหนึ่ง
เมื่อนำมาทดสอบการขุดเหรียญ Ethereum แล้ว พบว่าประสิทธิภาพของการ์ดจอ RTX 3060 LHR เมื่อเทียบกับ RTX 3060 รุ่นไม่ล็อคกำลังการขุดลดลงจาก 40 MH/s เหลือ 20-22 MH/s เท่านั้นและใช้ไฟ 119 วัตต์ ซึ่งเมื่อเทียบแรงขุดกับค่าไฟฟ้าแล้วถือว่าไม่ได้กำไรออกไปทางขาดทุนเสียด้วยซ้ำ
RTX 3080 Ti เวอร์ชั่นลดแรงขุดเหมืองลงครึ่งหนึ่ง
ด้านของ RTX 3080 Ti LHR ตัวแรงที่คาดว่าจะได้แรงขุดมากกว่านี้ ก็ทำได้เพียง 58 MH/s และใช้ไฟฟ้า 299 วัตต์ ถ้าเทียบกับ RTX 3080 รุ่นธรรมดาที่มีแรงขุด 86.34 MH/s แล้วถือว่าลดไปมากทีเดียว
อย่างไรก็ตาม การ์ดจอตระกูล Lite Hash Rate จะลดเพียงประสิทธิภาพของการขุดเหรียญ Ethereum เท่านั้นแต่ประสิทธิภาพการเล่นเกมยังทำได้ดีเหมือนเดิม
นอกจาก RTX 3060, RTX 3080 Ti ที่เป็นชิป LHR แล้ว ทาง NVIDIA เองก็เตรียมทำชิปเวอร์ชั่นลดแรงขุดเหมืองให้ซีรี่ส์ GEFORCE RTX 3000 ทั้งตระกูล ได้แก่ RTX 3090, RTX 3080, RTX 3070 Ti, RTX 3070, RTX 3060 Ti เพิ่มด้วย เพื่อให้ราคาการ์ดจอค่อย ๆ กลับมาอยู่ในเรทราคาปกติในอนาคต
ส่วนตัวผู้เขียนเห็นว่าการออกการ์ดจอ LHR มาวางขายนั้น ก็เป็นหนทางช่วยให้ราคาการ์ดจอกลับมาในเรทราคาปกติก็จริง แต่ถ้าชาวเหมืองเลือกทุ่มเงินซื้อการ์ดจอเพิ่มก็อาจจะทำให้การ์ดจอยังขาดตลาดคล้าย ๆ เดิม ซึ่งถ้าเป็นไปได้ ผู้เขียนมองว่าถ้าให้ได้ผลจริง ๆ ควรทำให้ขุดเหมืองไม่ได้ แล้วดันชาวเหมืองไปใช้การ์ด NVIDIA CMP ไปเลยเพื่อแบ่งกลุ่มตลาดจะดีกว่า
ที่มา : VideoCardz, Notebookcheck