Connect with us

Hi, what are you looking for?

Notebook Review

รีวิว Dell Latitude 7420 สเปก Core i Gen 11 ได้ Intel Evo Platform โน้ตบุ๊คทำงานจอ 14″ เน้นมืออาชีพจริงจัง ประกัน 3 ปี ProSupport On-site

Dell Latitude 7420 เป็น Commercial Notebook สเปก Core I Gen 11 ได้ Intel Evo Platform เน้นใช้งานระดับมืออาชีพ ซึ่ง Latitude Series ได้รับความน่าเชื่อถือและเป็นที่นิยมในการใช้งานกับองค์กรและภาคธุรกิจอย่างมากมาย ​มาพร้อมดีไซน์ที่เรียบๆ แต่แฝงความหรูหรา รวมถึงโดยทั่วไปแล้วคนมักจะมองว่าแบรนด์ Dell เป็นแบรนด์ระดับสูง เพราะผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในท้องตลาดนั้นอยู่ในเกรดที่สูงกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปนั่นเอง โดดเด่นเรื่องความแข็งแรงทนทาน ประสิทธิภาพ สเถียรภาพ และความปลอดภัยเป็นพิเศษ

Dell Latitude 7420 Review 52

Advertisement

อีกทั้งได้มาตรฐานการบริการ Dell Pro Support และ On-site Service “บริการซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ” ถึง 3 ปีด้วยกัน (with Battery Service Support) ด้วย ซึ่ง Dell Latitude 7420 ได้หน้าจอ 14″ ความละเอียดหน้าจอก็เป็นระดับ Full HD พาเนล IPS เกรดสูง วัสดุเป็นอะลูมิเนียมอัลลอยตลอดทั้งตัวเครื่อง โดยสเปกที่ได้รับมารีวิวนี้เป็นเดโม ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-1185G7 แรมขนาด 16GB พร้อม SSD ความจุ 512GB ใช้งาน Windows 10 Pro ได้ทันที ซึ่งจะแตกต่างจากรุ่นขายจริงหลักๆ คือชิปประมวลผล กับราคาเริ่มต้นที่ 43,900 บาท 

NBS Verdict

Dell Latitude 7420 เหมาะกับคนที่ต้องการที่สุดของ Notebook เพื่อสายงาน Commercial ในปี 2021 โดดเด่นด้วย Intel Evo Platform ที่ตอบสนองได้ยอดเยี่ยม เน้นใช้งานระดับมืออาชีพในองค์กร ที่จัดได้ว่ามีความครบครันในการใช้งานหลายๆ ด้าน ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานทั้งในกลุ่มคนทำงานจริงจังที่เน้นเรื่องของภาพลักษณ์ อีกทั้งยังให้ความแข็งแรง ประสิทธิภาพ สเถียรภาพ และความปลอดภัยเป็นพิเศษด้วย IR Camera ได้ประสบการณ์ใช้งานที่สุดยอด รวมถึงการพิมพ์ด้วยคีย์บอร์ดในตัวเครื่อง ตัวเครื่องบางเบาลงไปอีกจากรุ่นก่อนๆ พร้อมทั้งเน้นพกพาใช้งานนนอกสถานที่ จากการที่แบตยาวนานเกือบ 16 ชั่วโมง 

Dell Latitude 7420 Review 51

ได้สเปคภายในเครื่องขายจริงที่ครบครันเพียงพอต่อลักษณะงาน ด้วยชิปประมวลผล Intel Core i5-1145G7 / i7-1165G7 สถาปัตยกรรม Tiger Lake ที่เทคโนโลยีการผลิตที่ 10 นาโนเมตร SuperFin พร้อมฟีเจอร์ V Pro จากทาง Intel อีกทั้งได้แรมขนาด 16GB พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ใช้งานทันที ที่สำคัญยังมีการในส่วนของเชื่อมต่อของ Dell Latitude 7420 ก็รองรับเพราะมีพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบครัน ด้วย Wi-Fi 6 AX และ Thunderbolt 4 จำนวน 2 พอร์ต เรียกได้ว่าเรื่องของดีไซน์นั้นตอบโจทย์กับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ เครื่องเดียวจบแน่นอน

Dell Latitude 7420 Review 16

ทำให้ไม่ว่าเราจะเอาไปทำงานระดับองค์กรมืออาชีพที่ต้องการความแม่นยำไว้ใจได้ หรือเพื่อความบันเทิงส่วนตัว ก็ตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้หมด ด้วยสเปคภายในที่ครบครัน แม้ว่าตัวเครื่องจะบางเบาแล้ว แถมยังมีการรับประกันถึง 3 ปีอีกด้วย (with Battery Service Support) แบบ On-site Service คือมารับมาส่งถึงบ้านเลย นอกจากนี้ยังมี Call Center ช่วยบริการตลอด 24 ชั่วโมงด้วย แม้ราคาจะสูงกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป แต่เชื่อได้เลยว่าให้ประสบการณ์ใช้งานโดยรวมที่เยี่ยมยอดกว่า สำหรับการทำงาน

จุดเด่น Dell Latitude 7420

  • เป็น Commercial  Notebook หน้าจอ 14″ แต่มีขนาดตัวเครื่องเล็กเทียบเท่ารุ่นหน้าจอ 13.3″
  • พาเนลหน้าจอ IPS มีคุณภาพสูง ขอบเขตสีกว้าง พร้อม ComfortView Plus Low Blue Light
  • ขอบจอบางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เพิ่มความโดดเด่น ส่งผลให้มิติตัวเครื่องกระชับ
  • ตัวเครื่องมีความแข็งแรงทนทนหรูหราจากวัสดุโลหะที่มีการขึ้นรูปมาเป็นอย่างดี
  • สัมผัสการพิมพ์ด้วยคีย์บอร์ดถือว่าดีเยี่ยมกว่าโน๊ตบุ๊คบางเบาทั่วไป
  • สเปกใหม่ล่าสุด Intel Core i Gen 11 พร้อม Intel Evo Platform
  • ประสิทธิภาพดีด้วยสเปกภายในที่เพียงพอต่อการใช้งานทุกๆ อย่าง 
  • พอร์ตการเชื่อมต่อมาตรฐาน Thunderbolt 4 จำนวน 2 พอร์ต
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานเกือบๆ 16 ชั่วโมง
  • มี Windows 10 Pro และมีซอฟต์แวร์ต่างๆ พร้อมใช้งานทันที
  • มี Proximity-Sensor ไว้คอยตรวจจับการใช้งานของเรา
  • รองรับ Windows Hello ด้วย IR Camera เพื่อความรวดเร็วปลอดภัย
  • Dell Pro Support ประกันถึง 3 ปี มาพร้อม On Site Service และบริการอื่นๆ

ข้อสังเกตุ Dell Latitude 7420

  • เทียบสเปกเฉพาะ CPU / RAM / SSD มีราคาสูงกว่า Notebook ทั่วไปพอสมควร
  • ซื้อได้ผ่านทางร้านที่จำหน่ายโน๊ตบุ๊ค Dell ซีรีส์ Commercial เท่านั้น
  • เครื่องที่นำมาทดสอบเป็นเครื่องเดโม ไม่ใช่สเปกขายจริงแต่อย่างใด

Specification

สเปกภายในของตัว Dell Latitude 7420 เป็นเดโม โดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 14″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง มุมมองกว้าง ซึ่งหลักๆ แล้วสเปกขายจริงแบ่งออกเป็น 2 รุ่นคือ Intel Core i5-1145G7 และ Intel Core i7-1165G7 พร้อมรองรับ Intel vPro Technology และมี AI ในตัวจากสถาปัตยกรรม Tiger Lake ได้เป็นการ์ดจอออนชิปเหมือนกันก็คือ Intel Iris Xe Graphics ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดีเยี่ยมกว่ารุ่นก่อนหน้านั้นทั้งหมด 

Dell Latitude 7420 Review 50

ส่วนแรมก็ติดตั้งมาแบบออนบอร์ดด้วยขนาด 16GB มาตรฐาน LPDDR4x Bus 4267 MHz  ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน  สำหรับฮาร์ดดิสก์เป็น SSD M.2 NVMe ความเร็วสูงที่ความจุ 512GB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Intel Wi-Fi 6 AX201 2×2 พร้อม Bluetooth 5.1 ส่วนการเชื่อมต่ออื่นๆ ก็ครบครันไม่ว่าจะเป็น 1 x USB 3.2 Type-A, 2 x Thunderbolt 4 (USB TypeC), 1 x HDMI 2.0, 1 x micro-SD card reader รวมไปถึงมี Proximity-Sensor ไว้คอยตรวจจับการใช้งานของเราด้วย เพื่อประหยัดพลังงานนั่นเอง สำหรับน้ำหนักตัวเครื่องเบาเพียง 1.31 กิโลกรัมเท่านั้น

Dell Latitude 7420 สเปก Core i5 ราคา 43,900 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)

  • CPU : Intel Core i5-1145G7 (4C/8T : 2.60 – 4.40GHz)
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • RAM : 16GB LPDDR4x Bus 4267 MHz 
  • DISPLAY: 14″ Full HD IPS @ 60Hz 
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
  • OS : Windows 10 Pro
  • Warranty : 3 Years Pro Support + On-site Service

Dell Latitude 7420 สเปก Core i5 ราคา 49,900 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)

  • CPU : Intel Core i7-1185G7 (4C/8T : 3.00 – 4.80GHz)
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • RAM : 16GB LPDDR4x Bus 4267 MHz 
  • DISPLAY: 14″ Full HD IPS @ 60Hz 
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
  • OS : Windows 10 Pro
  • Warranty : 3 Years Pro Support + On-site Service

Hardware / Design

การออกแบบโดยรวมของ Dell Latitude 7420 นั้นจะดูกระชับกว่าโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา ทางด้านแนวคิดด้านดีไซน์ตัวเครื่องนั้น มาพร้อมกับ Infinity Edge Display เช่นเดิมแต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาก็คือขนาดของขอบตัวเครื่องนั้นจะบางลงกว่าเดิมกว่าชัดเจน ซึ่งโดยรวมแล้วมีความเล็กกระชับความเดิม ส่วนน้ำหนักก็เบามากๆ เพียง 1.31 กิโลกรัมเท่านั้น ตอบโจทย์การพกพาอย่างที่สุดทำให้มีความโดดเด่นมากๆ ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน

Dell Latitude 7420 Review 31

ส่วนของตัวเครื่องหลักๆ สีสันจะเป็นเงิน Silver เหมาะกับทั้งสาวๆ หรือหนุ่มๆ วัยทำงานยุคนี้ แล้วจะใช้เป็นอลูมิเนียมอัลลอยคุณภาพสูงตลอดทั้งตัวเครื่องเป็นส่วนประกอบ ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา ส่งผลให้เวลาที่เราเอามือมาวางจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป ส่วนด้านในก็เป็นอลูมิเนียมแม็กนีเซียมอัลลอยด์เช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าเวลาใช้งานวางมือลงไปนั้นมีมั่นคงไม่แพ้ด้านนอก ในการใช้งานจริงทำให้มั่นใจได้เลยเรื่องความทนทาน ตามสไตล์ Dell และยิ่งตอกย้ำกับรุ่นนี้ที่เป็น  Notebook ระดับสูง

Dell Latitude 7420 Review 13

อีกหนึ่งจุดเด่นของ Dell Latitude 7420 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใส่ใจในรายละเอียดก็คือ มีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.35 กิโลกรัมอย่างที่กล่าวไปแล้ว ในส่วนของความบางเครื่องก็บางเพียง 16.90 มิลลิเมตรเท่านั้น ที่สำคัญอีกเรื่องก็คือบานพับก็เป็นโลหะเกรดสูงที่แข็งแรงทนทานไม่ต่างจากตัวเครื่อง คอยทำหน้าที่เปิดปิดใช้งานได้อย่างมั่นใจ พร้อมกางได้ 180 องศา และมียางดันด้านหลัง ทำให้กางฝาขึ้นมาช่วยลงตัวเครื่องให้สูงขึ้นอัตโนมัติ

Dell Latitude 7420 Review 21

ส่วนการออกแบบมาอื่นๆ ที่น่าสนใจก็คงเป็นส่วนของโลโก้ Dell ฝาหลังที่สวยงามเป็นสีเงิน ส่วนตัวเครื่องด้านล่างก็จะมีคำว่า Latitude ปั๊มเอาไว้ นอกจากนี้การออกแบบยางรองใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่เหมือนใคร โดยใช้เป็นแถบยางยาวขนานไปกับแนวยาวของตัวเครื่อง พร้อมกับมีช่องระบายอากาศอยู่เป็นแนวยาวอีก ในการท่ายเทความร้อนออกไปจากช่องทางใต้หน้าจอ ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ แม้จะมีพัดลมเพียงตัวเดียวก็สามารถจัดการความร้อนภายในได้เป็นอย่างดี

Keyboard / Touchpad

ส่วนของคีย์บอร์ดนั้น Dell Latitude 7420 มาตรฐานเป็นคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size ตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีเด้งรับกับนิ้วมือได้เยี่ยมยอดจากระยะที่ลึก ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ตอบสนองได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ก็ถือว่าดีมากๆ เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คปกติทั่วไป ช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด สมกับเป็นสาย Commercial ในส่วนของไฟ LED Backlit ก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียวทั้งในที่มืดๆ หรือแสงน้อย ปุ่มเปิดเครื่องติดตั้งอยู่มุมของชุดคีย์บอร์ด พร้อมมีไฟส่องสว่างให้เห็นสถานะ

Dell Latitude 7420 Review 30

ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่น รองรับการใช้งาน Multi-Touch ได้ลื่นไหล การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า โดยรวมแล้วประทับใจมากในการใช้งานแบบไม่ต้องต่อเมาส์เลย

Screen / Speaker

Dell Latitude 7420 ได้ติดตั้งหน้าจอผิวด้านขนาด 14″ สัดส่วน 16:9 ตามมาตรฐาน ที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD เทคโนโลยี ComfortView Plus Low Blue Light ลดแสงสีฟ้าพร้อมให้สีสันที่สวยงามสมจริงเมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบชัดเจน โดยการใช้หน้า Desktop ปกติที่ตัวหนังสือหรือปุ่มต่างๆ มีความเรียบเนียนตาทำให้ใช้งานได้สะดวก เรียกได้ว่ากำลังพอดีทีเดียว ประกอบกับด้วยความที่ดีไซน์หน้าจอบางทั้ง 4 ด้านส่งผลให้ประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจทีเดียวในการใช้งานจริงๆ

Dell Latitude 7420 Review 35

โดดเด่นด้วยการติดตั้งกล้องเว็บแคม ซึ่งติดตั้ง Privacy Shutter เพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด พร้อมไมโครโฟน 4 ตัวเพื่อใช้งาน VDO Call ได้ประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมใช้กล้อง IR ทั้งเข้าใช้งาน Windows Hello ที่สำคัญจากการที่มี Proximity Sensor ตรวจจับว่าเราเข้ามาใกล้เครื่องหรือไม่เพื่อปลุกเครื่องให้ตื่น และล็อคเครื่องอัตโนมัติหากเราเดินออกไปไกล พร้อมมี Intelligent Audio ปรับแต่งเสียงโดยอิงกับเสียงรบกวนรอบข้างด้วย ซึ่งคอยจัดเสียงรบกวนอัตโนมัติ 

การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Dell Latitude 7420 ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite ได้ค่ามาตรฐานขอบเขตสี sRGB ที่ระดับ 88% และ AdobeRGB ที่ 66% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับมืออาชีพแบบสุดๆ เรื่องของการนำไปใช้งานด้านสีที่เน้นความแม่นยำก็ตอบโจทย์อย่างสุดๆ ด้วยมาตรฐานของพาเนล IPS ระดับสูง พร้อมได้ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 400 cd/m2 ซึ่งจัดได้อยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานทั่วไป เหมาะกับเอาไปทำงานนอกสถานที่หรือนำเสนองาน หรือผู้ที่ใช้งานด้านตกแต่งภาพที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีเป็นหลัก

ss4

ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องแถวล่างทางซ้ายของหน้าจอมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องกลางแถวบนลดลงไประดับ 15% ทำให้ต้องใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ รวมไปถึงค่าคลาดสี Delta-E เฉลี่ยแล้วต่ำกว่า 2 ด้วย ปิดท้ายด้วยคะแนนรวม 4.0 คะแนนถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากๆ

ลำโพงสเตอริโอ 2W x 2 เทคโนโลยี High Definition ที่อยู่บริเวณขอบตัวเครื่องด้านข้างทั้งซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น ให้เสียงที่ค่อนข้างดี แยกรายละเอียดได้ในระดับที่ดีน่าประทับใจ ถือได้ว่ามีเสียงดังชัดเจนออกแนวใสๆ เน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไลต์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก

Connector / Thin And Weight

Dell Latitude 7420 มีมาตรฐานพอร์ตต่างๆ เหนือชั้นกว่ากลุ่ม Notebook ทั่วไป โดดเด่นด้วย Thunderbolt 4 (USB-C) จำนวน 2 พอร์ต ใช้งานได้ครบถ้วน ถ่ายโอนไฟล์ได้ไว พร้อมต่อจอความละเอียดสูงได้ และชาร์จแบตเตอรี่ได้ในตัว (ชาร์จด้วย Power Bank ที่รองรับ PD ก็ได้) ซึ่งมีมาให้ 2 พอร์ต ทำให้เราสามารถชาร์จไฟเข้าเครื่องพอร์ตไหนก็ได้ 

รวมไปถึงยังมีพอร์ตมาตรฐาน HDMI 2.0 สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก โดยมี USB 3.2 Type-A มาให้จำนวน 1 พอร์ตเท่านั้น ที่มาพร้อมฟีเจอร์ Sleep Charge ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูล รวมไปถึงชาร์จสมาร์ทโฟน รวมไปถึงมี micro-SD Card ไว้ต่อกับการ์ดมือถือเพื่อส่งถ่ายข้อมูล แน่นอนว่ายังมีช่องเชื่อมต่อไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

Dell Latitude 7420 Review 25

น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.31 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ที่ชาร์จ (USB-C) ซึ่งจ่ายไฟอยู่ที่ 65Wa เข้าไปด้วย ก็จะมีหนักราวๆ กิโลกรัมกว่าๆ เท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความเบาในระดับนึงเมื่อเทียบกับฟีเจอร์ที่ได้ แม้ปัจจุบันโน๊ตบุ๊ค 14″ จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1 กิโลกรัมขึ้นไปอยู่แล้ว แต่รุ่นนี้เป็น Commercial Notebook แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะออฟฟิศในองค์กร หรือร้านกาแฟตอนที่ไปพบกับลูกค้า

Inside / Upgrade

ถ้าใครต้องการจะแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของตัวเครื่องเพื่ออัพเกรดหรือทำความสะอาดก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตทั้งหมด หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แงะแกะทีละส่วนขึ้นอย่างช้าๆ เพียงเท่านี้ก็จะแกะฝาล่างได้ไม่ยากเย็น ส่วนประกอบภายในอื่นๆ  ที่มีงานประกอบเรียบร้อยดี ระบบระบายความร้อนเป็นพัดลม 1 ตัว ฮีตไปป์ 2 เส้นขนาดใหญ่ พร้อมช่องระบายความร้อน 1 ช่อง ซึ่งการทดสอบบอกได้เลยว่าน่าประทับใจ แม้สเปกจะไม่ได้แรงเท่ากับชิปประมวลผลรหัส H 

Dell Latitude 7420 Review 67

เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นช่องใส่แรมจำนวน 2 แถว โดยเป็นการติดตั้งแรมฝังบอร์ดมาแล้ว 8GB x 2 (Dual Channel) รวมเป็น 16GB แต่ต้องถอดของเดิมออกด้วย และจะเห็นถึง SSD แบบ M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB (รองรับการอัพเกรด SSD M.2 เพิ่มอีก 1 ตัวด้วย) ให้การใช้งานเป็นไปอย่างลื่นไหลไร้คอขวด ที่ต้องบอกว่าสำหรับการใช้งานทั่วไปจนไปถึงทำงานโปรแกรมที่ซับซ้อนมากๆ สำหรับสเปกฮาร์ดแวร์ภายในถือว่าเหลือเฟือในการใช้งานเลยล่ะ

Performance / Software

Dell Latitude 7420 เมื่อตรวจสอบข้อมูลของชิปประมวลผลด้วยโปรแกรม CPU-Z ก็พบว่าข้อมูลขึ้นมาครบถ้วนเลย โดยเลือกใช้ชิป Intel Core i7-1185G7 ที่มี 4 คอร์ 8 เธรดสำหรับการประมวลผล ความเร็วที่ 3.0 – 4.80 GHz มีค่า TDP ในการปลดปล่อยความร้อนสูงสุดแค่ 12W – 28W เท่านั้น ซึ่งจัดว่าต่ำมากสำหรับชิป Core i7 ในโน๊ตบุ๊ค ทำให้ตัวเครื่องโดยรวมไม่ร้อนจนเกินไป ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการใช้สถาปัตยกรรมการผลิตที่ระดับ 10 นาโนเมตร อย่าง Tiger Lake เทคโนโลยีสุดล้ำ SuperFin โดยมีฟีเจอร์ AI ในตัว

ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ ส่วนแรมได้ขนาด 16GB แบบ 2 x 8GB Dual Channel แบบออนบอร์ด LPDDR4x Bus 4267 MHz ตามเทคโนโลยีของ Intel Core i Gen 11 ที่ผ่านการปรับแต่งให้เหนือชั้น  พร้อมให้ที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe PCIe ความเร็วสูง ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro แบบลื่นไหลอย่างที่สุด ในทุกๆ การทำงาน  

c1 8.   c2 9

การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Intel Iris Xe Graphics ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับที่ก้าวกระโดดกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3  มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นหรือระดับสูง รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงอย่าง 4K / 8K ได้แบบไม่มีปัญหา เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มพลังการสร้างสรรค์คอนเทนต์ มองหาความบันเทิง หรือการเล่นเกมเปี่ยมอรรถรส  ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับการ์ดจอแยกเลยทีเดียว ซึ่งสามารถเล่นเกม 3 มิติ พอได้บ้าง เดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที

g1 9.   g2 9

สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ทั้ง 15 / 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนๆ ก็ยังได้ดีกว่าอีกระดับด้วยเทคโนโลยีต่างๆ รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก ส่วนงานพื้นฐานทั่วไปอย่างงานเอกสารต่างๆ ค้นหาข้อมูลอินเตอร์เน็ตก็รองรับได้อย่างลื่นไหลอยู่แล้ว

cine15 9.   cine20 9

ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD M.2 NVMe PCIe ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็น่าจะดีได้กว่านี้ กับขนาดความจุ 512GB แน่นอนว่าเร็วกว่า HDD 2.5″ SATA 3 แบบทั่วไป ซึ่งถ้าเทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3380 MB/s และเขียนที่ 2700 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานได้รวดเร็มมากๆ ถ้าเทียบกับราคาค่าตัว ถือว่าเหมาะสมแล้ว 

ssd 9

การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,796 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ  จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 Tiger Lake ที่แรงกว่ารุ่นทั่วไป อีกทั้งมีการ Optimize มาเป็นอย่างดีจากทาง Dell ทำให้มีคะแนนใกล้เคียงกับโน๊ตบุ๊คในสเปก Intel Core i Gen 9 H45 ก็ว่าได้

pc101 1

อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ Dell Latitude 7420 ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง SupportAssist โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows 10 Pro ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง

sup

รวมไปถึงในส่วนของ Dell Latitude 7420 ยังมีซอฟต์แวร์ Dell Power Manager ที่คอยเป็นตัวช่วยในการจัดการพลังงาน การชาร์จไฟ สถานะแบตเตอรี่ รวมไปถึงระบบระบายความร้อน ที่เราสามารถเลือกการจัดการได้ ว่าจะใช้งานทั่วไป อัตโนมัติ หรือเร่งรอบพัดลม เพื่อให้ระบายความร้อนได้สูงสุด ตามแต่ลักษณะการใช้งานของเรา

dell power

ปิดท้ายด้วย Dell Mobile Connect ซอฟต์แวร์ที่คอยเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องแยกการใช้งานระหว่างพีซีและสมาร์ทโฟน  โดยเชื่อมต่อกันผ่านสัญญาณ Bluetooth ซึ่งทำให้การแจ้งเตือนต่างๆ ข้อมความ เบอร์โทร รวมไปถึงการโทรศัพท์ติดต่อ สามารถทำผ่านโน๊ตบุ๊คของ Dell ได้เลย สำหรับ Dell Latitude รุ่นนี้ก็มีซอฟต์แวร์ตัวนี้ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน เรียกได้ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปากทีเดีย

Battery / Heat / Noise

แบตเตอรี่ตัวเครื่องเป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 3,800 mAh ทำงานต่อเนื่องยาวนานกว่า 15 – 16 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน อีกทั้งมีฟีเจอร์ Dell ExpressCharge ชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% – 80% ใช้เวลา 1 ชั่วโมงเท่านั้นเอง 

batt 6

อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 40 – 60 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 100 องศาเซลเซียส นับว่าระบบระบายความร้อนค่อนข้างสูงเมื่อใช้งานหนักๆ นับว่าจัดการระบบระบายความร้อนออกมาได้ดีเยี่ยมแล้ว ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก Dell ที่ดี และชิปประมวลผล Intel ที่สามารถปรับอัตราการกินไฟได้ดีเยี่ยม แน่นอนว่า Core i7 รุ่นนี้เป็นรุ่นที่แรงสุดใน U Series ทำให้ความร้อนอาจจะดูสูงไปหน่อย 

temp 6

Conclusion / Award

เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับ Commercia Notebook ระดับมืออาชีพอีกหนึ่งรุ่นที่หลายๆ คนซึ่งทำงานในองค์กรให้ความสนใจ อย่าง Dell Latitude 7420 ที่ต่อยอดความสำเร็จตระกูล Latitude 7000 Series ได้เป็นอย่างดี เพราะมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน ที่แม้ว่าอาจจะข้อสังเกตุในเรื่องของราคาค่าตัวที่สูงซักหน่อย โดยสนนเริ่มต้นที่ 43,900 บาท สำหรับรุ่น Core i5 ส่วนรุ่น Core i7 ก็สนนราคาที่ 49,900 บาท แต่ถ้าเทียบกับการใช้งานจริงๆ ก็ถือว่าสมราคา

Dell Latitude 7420 Review 68

ซึ่งสเปกอื่นๆ ในส่วนของสเปก Core i5 / Core i7 จะได้เป็นแรมขนาด 16GB เท่ากัน ซึ่งเราไม่สามารถที่จะอัพเกรดแรมได้ภายหลัง เพราะเป็นแบบฝังบอร์ดมา แต่สิ่งที่แตกต่างสำหรับ 2 สเปกนี้นอกจากความแรงของชิปประมวลผลแล้วก็คือสเปกหน้าจอ ที่รุ่น Core i7 จะได้หน้าจอเกรดที่สูงกว่าด้วย แต่ทั้ง 2 สเปกนี้ก็จะได้ Intel Evo Platform ที่ตอกย้ำการตอบสนองที่รวเร้ว พร้อมรองรับ Intel vPro Technology  ที่ให้ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย สะดวกต่อการควบคุมจัดการ เสถียรภาพ เหนือชั้นกว่าชิปประมวลผลทั่วไปในตลาดด้วย

Dell Latitude 7420 Review 60

สำหรับการเป็นโน๊ตบุ๊คระดับสูงนอกจากฮาร์ดแวร์ภายนอกภายในรวมถึงฟีเจอร์ต่างๆ แล้ว ก็ยังมีการรับประกันถึง 3 ปี แบบ On-site Service คือมารับมาส่งถึงบ้านหรือที่ทำงานเลย นอกจากนี้ยังมี Call Center ช่วยบริการตลอด 24 ชั่วโมงด้วย เอาเป็นว่าใครกำลังมองหา Notebook สายงานมืออาชีพที่เชื่อมั่นไว้ใจได้ ตอบสนองความต้องการพร้อมเน้นประสบการณ์ใช้งานที่เหนือระดับโดยไม่กังวลในเรื่องของราคาค่าตัวเมื่อเทียบกับสเปกความแรงล่ะก็ Dell Latitude 7420 น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีทีเดียวครับ

Dell Latitude 7420 Review 45

Award

โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Dell Latitude 7420 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้

Best Design

เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Latitude Series ซึ่งเป็น Commercial Notebook / Commercial Desktop มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Dell Latitude รุ่นนี้ปี 2021 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ อีกทั้งยังได้ภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือ จากการที่ Dell Latitude เป็นหนึ่งในโน๊ตบุ๊คที่นิยมในการใช้งานกับองค์กรและภาคธุรกิจ แถมยังบางเบาสุดๆ ด้วย ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว

NBS award 7 Design 

Best Mobility

ส่วนของความสามารถในการพกพา Dell Latitude รุ่นนี้ก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของโน้ตบุ๊ตที่เน้นความบางเบา ทั้งในความบางเพียง 16.90 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบา 1.31 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วยังไม่ถึง 1.8 กิโลกรัม เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ รองรับการเชื่อมต่อครบครัน ชาร์จผ่าน Power Bank ได้ พร้อมแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวานสูงสุด 15 – 16 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Dell ExpressCharge ชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% – 80% ใช้เวลา 1 ชั่วโมงเท่านั้นเอง

NBS award 4 Mobility

Best Performance

ด้วยสเปกใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 Tiger Lake ได้ Intel Evo Platform ที่ตอบสนองได้ยอดเยี่ยม พร้อมรองรับ Intel vPro Technology เพื่องานระดับองค์กรโดยเฉพาะ มาพร้อมกับแรมขนาด 16GB รวมไปถึง SSD ความเร็วสูง M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในสเปกโน๊ตบุ๊คเครื่องอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน ผลคะแนนที่ออกมานั้นทำได้อยู่ในช่วงเดียวกัน หรือบางจุดก็มากกว่าด้วย

award new performance

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

Buyer's Guide

เล่นเกมด้วย Intel Core Ultra 5 245K กับ 7 เกมยอดนิยมบนการ์ดจอบนซีพียู Intel ไหวมั้ย ลื่นรึเปล่า? Intel Core Ultra 5 245K เป็นซีพียูรุ่นใหม่ล่าสุด ที่เพิ่งปล่อยลงสู่ตลาดในช่วงเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา นอกจากเรื่องความแรงและประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้งด้านการประมวลผล หรือปัจจุบันก็มีเรื่องของ...

Buyer's Guide

หน้าจอคอมในปัจจุบันเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ 18.5 นิ้วเมื่อสิบกว่าปีก่อน จนตอนนี้ก็มีจอคอม 32 นิ้ว ทั้งจอคอมทำงานและจอคอมเล่นเกมให้เลือกซื้อมากมายหลายรุ่น แม้บางคนอาจคิดว่ามันมีขนาดใหญ่จนเท่ากับจอทีวีรุ่นเล็กแล้วจะวางบนโต๊ะคอมก็คงใหญ่เกินไป แต่ในความเป็นจริงขนาดของมันก็ใหญ่กว่าจอ 27 นิ้ว ตรงหน้าไปอีกนิดเดียว ทำให้พื้นที่แสดงผลกว้างจนสุดขอบสายตายิ่งขึ้น ถ้าใครเล่นเกมเป็นประจำจะได้เห็นฉากหลังของเกมเต็มสายตาจนดื่มด่ำไปกับบรรยากาศได้เต็มอิ่มยิ่งขึ้น กรณีจอทำงานก็มีพื้นที่แสดงผลกว้างขึ้นทั้งมองเห็นตารางและหน้าเอกสารกว้างขึ้น รวมไปถึง Timeline เวลาตัดต่อคลิปยาวกว่าเดิม ถ้าสังเกตจะเห็นว่าผู้ผลิตหน้าจอแบรนด์ต่างๆ พากันใส่ฟีเจอร์มาให้หน้าจอขนาดนี้มากขึ้นจนกลายเป็นจอพรีเมี่ยมระดับเริ่มต้นกันแล้ว ไม่ว่าจะได้พาเนลคุณภาพขอบเขตสีกว้างใช้ทำงานกราฟิคได้, มีพอร์ต USB-C...

INTEL

โปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra 200S series ใหม่ล่าสุด ส่งมอบประสิทธิภาพการเล่นเกมและการประมวลผลอันเหนือชั้นสำหรับเดสก์ท็อปพีซี พร้อมประหยัดพลังงานมากกว่าที่เคย กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 11 ตุลาคม 2567 –  ประเด็นสำคัญ: อินเทล ประกาศเปิดตัวตระกูลโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra 200S series...

รีวิว Asus

ASUS ZenBook S 14 UX5406SA พร้อม Intel Core Ultra Series 2 สุดทรงพลัง แบตฯ ทนถึงใจ 18 ชม. ได้สบาย! ในงาน IFA Berlin เมื่อไม่นานนี้ Intel ก็เปิดตัวชิปเซ็ตรุ่นใหม่อย่าง Intel...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก