Lenovo Legion 5 รุ่นใหม่ปี 2021 นับได้ว่าเป็น Gaming Notebook ที่ได้รับความสนใจพอตัว ด้วยความแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ในตลาด อย่างดีไซน์ภายนอกที่เป็นเอกลักษณ์ มี DNA ที่เป็น Legion Series ที่เป็น Gaming จริงจังรุ่นล่าสุด พร้อมด้วยการทำงาน Lenovo Legion AI Engine ที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และระบบ AI เป็นตัวช่วยในการแจกแจงพลังงานความร้อนหรือ Thermal Design Power (TDP) แบบอัตโนมัติ และเลือกใช้ค่า CPU และ GPU ที่เหมาะสม
รวมถึงมีสเปกรุ่นใหม่โดยใช้ CPU ชิปประมวผล AMD Ryzen 5000H อย่าง Ryzen 7 5800H ที่ประสิทธิภาพสสูง สถาปัตยกรรม Zen 3 ได้ทั้งความแรงขึ้นและร้อนน้อยลง แน่นอนว่าเลือกใช้ GPU การ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-P (6GB GDDR6) ที่มีความแรงความล้ำ ติดตั้งแรมเป็น 16GB DDR4 Bus 3200MHz ผสานกับ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB มี Windows 10 Home ใช้งานได้ทันที โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Coldfront 3.0 ที่ช่วยจัดการการระบายความร้อนให้ดียิ่งกว่า
สำหรับ Lenovo Legion 5 นั้นเรียกได้ว่ามาครบเครื่องเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมขนาดหน้าจอ 15.6″ พาเนล IPS คุณภาพสูง sRGB ใกล้เคียง 100% พร้อมด้วยมาตรฐาน HDR 400 โดยมี Refresh Rate ที่ 165Hz ลื่นไหลยิ่งกว่า ได้ขอบจอบางเฉียบ มิติตัวเครื่องเล็กกระชับ ลงตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนรับรองได้ว่ามันสามารถที่จะสร้างประสบการณ์ในการเล่นเกมแบบใหม่ให้กับผู้ใช้งานได้อย่างสบายๆ ซึ่งนอกจากเล่นเกมระดับ AAA ได้ดีเพราะสเปกฮาร์ดแวร์ภายในเป็นขั้นสูง
ยังรองรับทั้งการทำงานที่ต้องการประสิทธิภาพที่สูง อย่างตัดต่อวีดีโอ หรือเรนเดอร์ 3 มิติ ก็ตอบสนองได้ยอดเยี่ยม รวมไปถึงความบันเทิงจากการที่ใช้ลำโพง Harman ร่วมกับระบบเสียง Nahimic และคีย์บอร์ดไฟ RGB เป็น Legion TrueStrike ที่หนักแน่นอนแต่นุ่มนวล สนนราคา 39,990 บาท ได้ประกัน 3 ปี On-site ซ่อมฟรีถึงบ้าน และบริการอื่นๆ อย่างประกันอุบัติเหตุที่ 2 ปี โดยสามารถเคลมได้ 100% หรือเครื่องสำรองระหว่างซ่อมด้วย
VDO Review
NBS Verdict
จากการที่รีวิวใช้งานจริงๆ ของ Lenovo Legion 5 รุ่นปี 2021 ราคาเปิดตัวที่ 39,990 บาท สเปกชิปประมวลผล Ryzen 7 5800H การ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce RTX 3060 ทำงานร่วมกับ Lenovo Legion AI Engine ทั้งการเล่นเกมหลากหลายหรือทำงานประมวลผลหนักๆ รวมไปถึงทำงานนอกสถานที่ และความบันเทิงดูหนังฟังเพลงที่บ้านแล้ว บอกได้เลยว่าทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบนั้นมีความน่าประทับใจเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือสีสันใหม่อย่าง Phantom Blue ออกเป็นแนวสีน้ำเงินเข้ม ที่มีความสวยงามพร้อมกับความเรียบหรู แตกต่างจาก Gaming Notebook หลายๆ รุ่น
พร้อมการปรับจากรุ่นก่อนเล็กน้อยอย่างกล้องเว็บแคมที่ติดตั้งไว้ด้านบ แต่ย้ายปุ่ม E-Shutter ไว้ที่ด้านข้างตัวเครื่อง ซึ่งก็สะดวกไปอีก ได้ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้นจากจอ 165Hz รวมไปถึงมีสเปคประสิทธิภาพสูงจาก เหลือเฟือในการใช้งานพื้นฐาน แบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนาน ตัวเครื่องก็ร้อนน้อยจากเทคโนโลยี Legion Coldfront 3.0 ชอบมากๆ และใช้งานได้จริงก็คือการปรับโหมดเพียง Fn + Q เท่านั้น ก็ปรับโหมดประสิทธิภาพได้แล้ว อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งเครื่องได้ละเอียดผ่านทางซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage ด้วย
อีกทั้งมี Unbeatable Protection Pack ที่ประกอบไปด้วยประกันแบบ 3 ปี On-site Service พร้อมบริการหลังการขายอื่นๆ อาทิ ประกันอุบัติเหตุแบบเคลม 100% มีเครื่องสำรองระหว่างรอเครื่องเคลม หรือบริการโทรศัพท์ Call Center 24/7 อีกด้วย ที่เหนือกว่าหลายๆ แบรนด์ ในเรื่องของบริการหลังการขายที่เรามั่นใจได้มากกว่า ซึ่งนอกเหนือจากสเปกและฟีเจอร์ที่เยี่ยมยอดแล้ว ที่ประทับใจอีกอย่างก็คือได้พอร์ตเชื่อมต่อที่มากกว่าทั้ง USB 3.2 Type-A x 4 และ USB 3.2 Type-C x 2 รวมถึงงานประกอบฮาร์ดแวร์ภายในก็เรียบร้อยมากๆ ด้วย
เทียบสเปกราคากับรุ่นก่อนหน้านี้ของ Lenovo Legion 5 นับว่าได้ประสิทธิภาพขั้นสูงยิ่งกว่า พร้อมหลายๆ อย่างมีการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นในหลายๆ ด้าน ทั้งแบตเตอรี่ที่ยาวนานที่ใช้งานได้ 10 ชั่วโมง รวมถึงจัดกการจัดการความร้อนได้เป็นอย่าง นาทีนี้ใครกำลังจะซื้อ Gaming Notebook ปี 2021 รุ่นนี้ต้องเป็นตัวเลือกแรกๆ แน่นอน ในช่วงงบประมาณ 40,000 บาท แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีข้อสังเกตในเรื่องของตัวเครื่องที่ค่อนข้างหนักกว่า Gaming Notebook หลายๆ รุ่น รวมถึงตัวอแดปเตอร์ก็ใหญ่โตด้วย แต่ถ้าไม่ติดอะไรส่วนนี้หรือยอมรับได้ ก็ตามไปจัดกันได้เลย
จุดเด่น Lenovo Legion 5
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ทำงานดีเล่นเกมได้
- ตัวเครื่องได้ขอบหน้าจอที่บางเฉียบ งานประกอบแน่นวัสดุดีทั้งภายนอกและภายใน
- ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Ryzen 7 5800H และการ์ดจอ RTX 3060
- ได้ SSD M.2 NVMe PCIe ความเร็วแรงระดับสูง ดีกว่าในรุ่นราคาใกล้เคียงกัน
- ประสิทธิภาพในการเล่นเกมดีลื่นไหลทั้งออฟไลน์ AAA และออนไลน์ที่ลื่นไหล
- หน้าจอคุณภาพสูง sRGB ใกล้ 100% พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 165Hz / 3ms
- คีย์บอร์ด Legion TrueStrike มีไฟเป็น 4-zone RGB รองรับ Anti-ghosting 100%
- มาพร้อม Windows 10 Home ใช้งานได้ทันที และสามารถ Restore ได้ง่าย
- มีซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage ที่ตั้งค่าได้มากมาย ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง
- มีพอร์ต USB 3.2 Type-C จำนวน 4 พอร์ต และ USB 3.1 Type-C จำนวน 2 พอร์ต
- ลำโพงคุณภาพเสียงดีจาก Harman Kardon + Nahimic น่าประทับในทุกการใช้งาน
- ความร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อใช้งานหนักๆ จัดว่ามีอุณหภูมิที่เย็นมากๆ จาก Legion Coldfront 2.0
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ราวๆ 10 ชั่วโมง ถือว่าใช้งานได้ยาวนานหลายๆ รุ่น
- ประกัน 3 ปี On-site ซ่อมฟรีถึงบ้าน มีประกันอุบัติเหตุ 2 ปี และบริการหลังการขายอื่นๆ มากมาย
ข้อสังเกต Lenovo Legion 5
- ตัวเครื่องมีน้ำหนักที่มากว่า Gaming Notebook หลายๆ รุ่น อยู่ที่ 2.5 กิโลกรัม
- ตัวอแดปเตอร์มีขนาดที่ใหญ่จ่ายไฟที่ 300 Watt รวมกับเครื่องแล้วหนัก 3.5 กิโลกรัม
- ยังไม่มีสเปกอื่นๆ ให้เลือก เช่น Ryzen 5 5600H + RTX 3050Ti ที่ราคาน่าจะถูกกว่านี้
Specification
สเปกเต็มๆ ของ Lenovo Legion 5 ปี 2021 รุ่นที่นำมารีวิวเป็นเครื่องขายจริง สนนราคาเปิดตัวอยู่ที่ 39,990 บาท ใช้ชิปประมวลผลเป็น AMD Ryzen 7 5800H ความเร็ว 3.20 – 4.40 GHz สถาปัตยกรรม Zen 3 (Cezanne) ล้ำด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธรด ส่งผลให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ร้อนน้อยลงด้วย พร้อมการ์ดจอตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-P (6GB GDDR6) ที่ให้ความแรงลื่นทั้งในการทำงานหรือเล่นเกมเหนือชั้นกว่า Gaming Notebook รุ่นก่อนๆ
ได้ที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB พร้อมอัพเกรด SSD M.2 ได้อีก 1 ภายหลังทันที ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แบบ DDR4 Bus 3200 MHz สองแถว (อัพได้สูงสุด 32GB) ระบบปฎิบัติการเป็น Windows 10 Home พร้อมใช้งานตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก หน้าจอขนาด 15.6″ แบบด้าน ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี Refresh Rate รองรับ 144Hz ที่ 3ms ให้สีสันสวยงามและมุมมองที่กว้าง เหมาะกับการทำงานหรือเล่นเกม ใช้งานทั่วไปพื้นฐานลื่นไหลแน่นอน รวมไปถึงทำงานหนักๆ แบบมืออาชีพก็ดีเยี่ยมมากๆ
พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง 2 x USB 3.1 Type-C, HDMI, 4 x USB 3.1 Type-A, Kensington lock slot, RJ-45 , Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.1 และ Wi-Fi 6 AX ส่วนการรับประกันแน่นอนว่าเป็น ประกัน 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน รวมไปถึงมีประกันอุบัติเหตุแบบเคลม 100% ระยะเวลา 2 ปี และมีเครื่องสำรองระหว่างใช้งาน อีกทั้งมี Call Center 24/7 ด้วย
Lenovo Legion 5 15ACH6H-82JU000ETA ราคา 39,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
-
CPU : AMD Ryzen 7 5800H (8C/16T : 3.20 – 4.40 GHz)
-
GPU : AMD Radeon 8 + NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-P
-
RAM : 16GB DDR4 Bus 3200MHz
-
DISPLAY: 15.6″ IPS Full HD @ 165Hz
-
STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
-
OS : Windows 10 Home
-
Connector : Wi-Fi 6 AX (2 x 2) + BT5.0
-
Warranty : 3 Years On-site + 2 Years ADP
แพคเกจ Unbeatable Protection Pack ราคา 9,900 บาท
ประกันแบบ Premium Care ระยะเวลา 3 ปี
- การสนับสนุนแบบ 24/7
- พนักงาน Call Center เป็นผู้ชำนาญการด้านเทคนิคโดยเฉพาะ
- รับประกันการซ่อมแบบ on-site next business day
- เวลาทำการบริการ on-site ระหว่าง 9 AM- 9PM
การคุ้มครอง Lenovo Accidental Damage Protection (ADP) 2 ปี
- การคุ้มครองด้านอุบัติเหตุแบบ Ultimate ADP
- 100% ดูแลด้านชิ้นส่วนและบริการ
Hardware / Design
Lenovo Legion 5 ปี 2021( หรืออีกชื่อจะเป็น Lenovo Legion Y560) ต้องบอกเลยว่าเป็นการพัฒนาต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหลายๆ ส่วน ที่มาพร้อมความแตกต่างจาก Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ได้ดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย แนวทำงานที่พกพาไปใช้งานได้ทุกที หรือเล่นเกมที่บ้านก็มีความลงตัว กับหน้าจอความละเอียด Full HD พาเนลเป็น IPS เกรดสูง รองรับ Refresh Rate ที่ 165Hz ให้ทั้งความลื่นไหลและคุณภาพดีสีสันสวยงามสมจริง เหมาะสมที่สุดสำหรับการเล่นเกมและความบันเทิงอื่นๆ ที่สำคัญยังมีดีไซน์ขอบจอที่บางเฉียบ ส่งผลให้สะดวกสบายยิ่งขึ้นแบบรู้สึกได้
ส่งผลให้ดีไซน์รวมๆ ของตัวเครื่องมีมิติที่เล็กกระชับ ด้วยความบางเพียง 26.3 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2.5 กิโลกรัม ซึ่งเป็นจุดที่สมดุลทั้งในแง่ของประสิทธิภาพในการเล่นเกม และความสามารถในการพกพาได้อย่างลงตัว กับ Gaming Notebook ราคาระดับกลางค่อนไปทางบน ที่ไม่ได้เน้นแต่ความคุ้มค่าอย่างเดียว แต่อยากได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีด้วย จากงานประกอบขั้นสูงและฟีเจอร์ Gaming รวมถึงหน้าจอคุณภาพที่สูงกว่า ซึ่งเชื่อได้เลยว่าน่าจะถูกใจหลายๆ คน
เหมาะสมกับเพื่อนๆ ที่อยากได้โน๊ตบุ๊คเอาไปเล่นเกมที่เน้นจริงจัง แต่ไม่อยากได้ดีไซน์ Gaming ที่ลวดลายมากเกินไป เพราะใช้เครื่องเดียวกันทั้งงานและความบันเทิง ด้วยความที่สเปกเองก็แรงลื่นเอาไปทำงานหนักๆ อย่างโปรเซสไฟล์ภาพถ่ายหรือตัดต่อวีดีโอก็ได้แบบสบายๆ โดยวัสดุที่ใช้ในการประกอบตัวเครื่องนั้นจะเป็นพลาสติกทั้งหมดก็จริง โดยเลือกใช้พลาสติกเกรดสูงที่ให้สัมผัสที่ดีอีกทั้งยังทนทานไม่เป็นรอยง่ายๆ งานประกอบรวมก็มีคุณภาพมาตรฐาน
ตอกย้ำการออกแบบและดีไซน์ตัวเครื่องไม่ว่าจะเป็นสีสันที่เป็นตัวเครื่องเลือกที่จะให้มีความเรียบง่าย อย่างสีดำด้านออกเทาๆ เวลาที่โดนกับแสงตลอดทั้งตัวเครื่องโดยมีชื่อสีว่า Phantom Blue โดยมีโลโก้ Legion ที่ฝาหลังและบานพันแบบแกนเดียวขนาดใหญ่เป็นสีไทเทเนียม โดยขอบบานพับมีโลโก้ Y แบบรุ่นก่อนๆ อยู่ พร้อมกันนั้นก็มีโลโก้ของ Lenovo อยู่ 2 ตำแหน่งคือฝาหลังและด้านในตัวเครื่อง ส่วนด้านล่างตัวเครื่องก็จะเป็นช่องดูลมเย็นขนาดใหญ่ พร้อมยางรองยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นเล็กน้อย
โดดเด่นด้วยการอัพเกรดระบบควบคุมอุณหภูมิและระบายความร้อน Lenovo Legion Coldfront 3.0ให้ระบบระบายความร้อนที่ดีขึ้น ผ่านใบพัด 2 ตัวขนาดใหญาพิเศษและท่อนำความร้อนแบบทองแดง ทำให้ระบายความร้อนได้รวดเร็วมากขึ้น เพื่อระบายความร้อนออกสู่ภายนอกให้เร็วที่สุด ด้วยพัดลม 2 ตัว ฮีท์ไปป์ขนาดใหญ่ 3 เส้นพร้อมแผ่นโลหะที่ Cover ทั้ง CPU / GPU แบบเต็มพื้นที่ ทำงานร่วมกับช่องระบายความร้อน 4 ทิศทาง ขณะเดียวกันไม่ทำให้เกิดเสียงรบกวนที่ดังเกินไป โดยยังให้ประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมอยู่
สรุปโดยรวมการออกแบบดีไซน์ภายนอกและวัสดุของ Lenovo Legion 5 ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Lenovo ตอบโจทย์ของคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมในดีไซน์เรียบๆ แต่แอบแฝงความเข้มและดุดันเอาไว้ ด้วยโลโก้ที่ดูน้อยแต่มาก รวมไปถึงการเลือกใช้ไฟคีย์บอร์ดเป็นไฟ RGB 4 โซน ซึ่งดีกว่ารุ่นก่อนหน้าที่เป็นสีขาวสีเดียว โดยเราสามารถเลือกปรับเป็นสีขาวสีเดียวแบบเดิมก็ได้ผ่านทางซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage กรณีที่นำไปใช้งานทางการ ทั้งหมดนี้ตอบสนองคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ด Lenovo Legion TrueStrike แม่นยำ นุ่มนวล หนักแน่น พร้อมไฟ RGB แบบ 4 โซน รองรับ Anti-Ghosting 100% และตอบสนองได้รวดเร็วใน 1ms กับมาตรฐานคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size พร้อมมี Numpad ไว้ใช้งานด้านตัวเลข อีกทั้งด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ยังเด้งตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด
ในส่วนของทัชแพดนั้นได้รับการออกแบบมาใหม่ที่ดูแล้วเรียบง่าย ลักษณะเป็นแบบแยกปุ่มคลิ๊กซ้ายขวา ดูแล้วมีความสวยงามไม่น้อยเลยสำหรับการดีไซน์ออกแบบ โดยรวมแล้วให้ความรู้สึกการใช้งานที่ดี ที่สำคัญเรายังสามารถปิดทัชแพดและปุ่ม Windows แบบอัตโนมัติเมื่อเราเข้าสู่การเล่นเกม ผ่านทางฟีเจอร์นี้ในซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage
อีกทั้งสามารถเลือกปรับโหมดได้เองระหว่างโหมดการรักษาอุณหภูมิ Quiet, Balance และ Performance ด้วยการกดปุ่ม Fn + Q นอกจากนี้ยังสามารถเร่งความแรงได้ด้วยการเปิด Dual Burn เพื่อดัน CPU และ GPU ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดไปพร้อมๆ กัน ซึ่งจะมีสถานะไฟที่ปุ่ม Power แตกต่างกันออกไป
Screen / Speaker
ในส่วนของหน้าจอ Lenovo Legion 5 เป็นแบบด้านที่ลดแสงสะท้อนขนาด 15.6″ บนความละเอียดในระดับ Full HD หรือ 1920 x 1080 พิกเซล ที่สำคัญพาเนลยังเป็น IPS คุณภาพสูง รองรับ Refresh Rate ที่ 165Hz / 3ms ได้ความลื่นไหลกว่า 60Hz ทั่วไป (คุณภาพดีกว่ารุ่น IPS 144Hz ทั่วไป) แบบรู้สึกได้แม้จะนำไปใช้งานเล่นอินเตอร์เน็ตก็ตาม ให้การแสดงผลที่สมจริงมุมมองกว้างกว่าพวกโน๊ตบุ๊คที่เป็นพาเนล TN เหมาะการใช้งานทุกประเภทแน่นอน พร้อมรองรับเทคโนโลยี VESA DisplayHDR 400 ด้วย
เมื่อลองใช้งานจริงแล้วให้ประสบการณ์ใช้งานระดับที่น่าประทับใจ ทั้งการเล่นเกม ดูหนัง หรือชมวีดีโอจาก Youtube ก็สามารถมอบประสบการณ์ความบันเทิงให้อย่างดี เรียกได้ว่า Lenovo Legion 5 ยังคงรักษามาตรฐานของ Gaming Notebook เหมือนรุ่นอื่นๆ ที่สำคัญยังมาพร้อมฟีเจอร์ E- Shutter ม่านชัตเตอร์ปิดเลนส์กล้องที่ทำให้เรามั่นใจว่ากล้องจะเห็นในเวลาที่เราต้องการใช้งานเท่านั้น โดยตัวปุ่มถูกติดตั้งอยู่ที่ขอบตัวเครื่องด้านข้างทางขวา
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Lenovo Legion 5 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ด้วย Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 92% และ AdobeRGB ที่ 70% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยม ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้อยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐาน เอาไปทำงานข้างนอกสบายๆ เหมาะกับผู้ที่ใช้งานด้านตกแต่งภาพที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีเป็นหลัก ใครที่จริงจังด้านสีสันถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่น่าสนใจรุ่นนึงทีเดียว
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางของหน้าจอมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องบนแถวกลางทั้งหมดที่ลดลงไปที่ระดับ 12% ทำให้ต้องใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนนรวม 4.0 คะแนนถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตราฐานทั่วไป เหมาะสำหรับคนเอามาดูหนังฟังเพลง เล่นเกม หรือตกแต่งโปรเซสภาพถ่ายก็พอได้แบบดีกว่ารุ่นที่ใหล้เคียงกัน
ระบบและการออกแบบลำโพงที่เป็นจุดเด่นอย่างแท้จริง ด้วยลำโพงขนาดใหญ่จากแบรนด์ Harman Kardon แบบ 2 x 2W แยกซ้ายขวาที่ติดตั้งบริเวณขอบตัวเครื่องด้านหน้าจำนวน 2 ตัว ซึ่งได้คุณภาพเสียงที่ดี พร้อมระบบเสียง Nahimic ที่จะเข้ามาเสริมพลังเสียงให้หนักแน่น เต็มอิ่ม และดังเพียงพอสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ความบันเทิงให้กับคนรอบข้าง ซึ่งผ่านการออกแบบมาให้เหมาะกับสายเกม ให้เสียงดังชัด สมจริง รอบด้าน 360 องศา
แถมยังมีฟีเจอร์ต่าง ๆ เสริมให้ประสบการณ์การฟังของผู้ใช้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เช่น Night Mode ลดระดับเสียงได้อัจฉริยะ และ Sound Tracker แสดงให้ผู้ใช้เห็นแหล่งกำเนิด นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสตรีมเสียงจากเครื่องไปยังชุดหูฟังได้ถึงสองชุด โดยไม่ต้องใช้อะแดปเตอร์เสียงได้ ด้วยฟีเจอร์ Sound Sharing และเชื่อมต่อเครื่องกับลำโพงบลูทูธ สร้างเสียงเซอร์ราวได้ ด้วยฟีเจอร์ BT Link
Connector / Thin And Weight
Lenovo Legion 5 จัดว่าเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันที่สุดรุ่นนึง ไม่ว่าจะเป็น 4 x USB 3.2 Type-A, 1 x USB 3.2 Type-C (รองรับ DisplayPort), 1 x HDMI 1.4, RJ45 และ Mic-in/Headphone-out โดยตัวพอร์ตเองมีทั้งด้านข้าง 2 ข้าง และด้านหลัง เรียกได้ว่ามีการจัดว่าอย่างลงตัว เหมาะสมกับการใช้งานจริง พร้อมใส่สัญลักษณ์ตามพอร์ตต่างๆ เอาไว้ ให้ความโดดเด่น
แต่อย่างไรก็ตามน่าเสียดายที่ไม่ในส่วนของ SD Card Reader มาให้ เพราะถ้ามีก็จะนับว่าสมบูรณ์แบบมากๆ อีกทั้งมีปุ่ม Restore Windows มาให้เหมือนเดิม พร้อมรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.1 และ Wi-Fi 6 AX ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมีความสเถียร กว่าการเชื่อมต่อมาตรฐาน Wi-Fi 5 AC แบบรุ่นก่อนหน้า พร้อมรองรับการใช้งานพื้นฐานและการเล่นเกมได้ดียิ่งกว่า
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6″ ทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่ค่อนข้างใหญ่โตพอสมควรกับการจ่ายไฟที่ 300Watt ตามสไตล์ของโน๊ตบุ๊คที่สเปกแรงก็ต้องใช้กำลังไฟที่สูงด้วย ส่วนของการพกพา จัดว่ามีความใหญ่โตกว่า Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ด้วยน้ำหนัก 2.5 กิโลกรัม อย่างไรก็ตามเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ก็จัดว่ามีความหนักขึ้นมาก็จริง แต่ก็ถือว่าพอพกพาไปไหนมาไหนได้อยู่กับน้ำหนักรวมอยูท่ี 3.5 กิโลกรัมโดยประมาณ
Inside / Upgrade
การแกะเครื่องนั้นสามารถที่จะทำได้ค่อนข้างง่าย เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ส่วนวางอย่างลงตัว งานประกอบก็เรียบร้อยมากๆ โดยตัวเครื่องนั้นจะเป็นแบตเตอรี่ที่มีความจุอยู่ที่ 5100 mAh ในส่วนที่สามารถทำการอัพเกรด SSD M.2 ได้ทันทีอีก 1 ตัว ซึ่งมีการใช้แผ่นโลหะครอบปิดเอาไว้ด้วย เอาไว้เพื่อเสริมความแข็งแรง สำหรับในส่วนของแรมนั้นจะต้องถอดเอาที่ครอบโลหะออกก่อนจากนั้นก็จะเห็นแรม โดยตัวเครื่องนั้นจะมี 8GB x 2 แถว เราสามารถที่จะอัพเกรดหน่วยความจำได้สูงสุดถึง 32 GB (ที่ 2 แถว)
ระบบระบายความร้อนของ Lenovo Legion 5 นั้นมีทิศทางการไหลของลมที่ดีขึ้นจากเดิมพอสมควร ด้วยการออกแบบให้มีชุดระบายอากาศ 2 ชุด แยกกันระหว่าง CPU และ GPU ทำงานร่วมกับช่องระบายความร้อนถึง 4 ช่อง และพัดลมระบายความร้อนขนาดใหญ่ พร้อม Cover ด้วยโลหะปกคลุมทั้งหมด เพื่อระบายความร้อนออกสู่ภายนอกให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันไม่ทำให้เกิดเสียงรบกวนที่ดังเกินไปอีกด้วย เรียกได้เปลี่ยนไปจากรุ่นก่อน แต่จะดีขึ้นหรือเปล่านั้นไปติดตามกันต่อดู
Performance / Software
Lenovo Legion 5 เครื่องนี้เป็นสเปกขายจริง พร้อมกับชิปประมวลผลตัวแรงยอดนิยมในตลาดของ Gaming Notebook ของ AMD อย่าง Ryzen 7 5800H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่า Ryzen 4000H ด้วยสถาปัตยกรรม Zen 3 โค้ดเนม Cezanne มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 nm ความเร็ว 3.20 – 4.40 GHz แบบ 8 Core/ 16 Thread ร้อนน้อยกว่า ได้ L3 Cache ที่ 16MB มีค่าอัตราการใช้พลังงานสูงสุด (TDP) ที่ 45W
ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ มากยิ่งขึ้นไปอีก แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังรวมไปถึงเล่นเกมเป็นหลัก ก็รองรับได้อย่างสบายๆ และดีที่สุดแน่นอน เรียกได้ว่าแรงกว่าชิปประมวลผลที่เป็น AMD Ryzen 4000H อย่าง Ryzen 7 4800H แน่นอน พร้อมได้แรมขนาด 16GB DDR4 Bus 3200MHz (8GB x 2) ใช้งานได้ทันที
ผสานกับการ์ดจอออนบอร์ดรุ่นใหม่อย่าง AMD Radeon 8 มีความเร็วในการทำงานที่ 2100MHz มาตรฐานแรม DDR4 ขนาด 512MB ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ซึ่งโดดเด่นจริงๆ จะเป็นเรื่องของการประหยัดพลังงานเมื่อใช้งานเบาๆอีกทั้งยังมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-P (6GB GDDR6) ด้วย
สถาปัตยกรรม Ampere โดยเป็น RTX เจนที่ 2 ที่ต้องบอกว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าที่เทียบเคียงอย่าง GeForce RTX 2070 (8GB GDDR6) ซึ่งไม่ใช่แค่แรงแต่ยังร้อนน้อยกว่า เน้นใช้งานกับ Gaming Notebook ทุกประเภท ทั้งตัวหนาหนักและบางเบา รองรับ Ray Tracing ช่วยเพิ่มคุณภาพการแสดงแสงเงาให้แม้แต่เกมระดับ AAA ก็ยังสามารถปรับกราฟิกได้ถึง Ultra ให้ภาพสวยงาม ไหลลื่น สมจริงกว่าที่เคยมีมา เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / CINEBENCH 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800H คะแนนก็อยู่ในระดับสูงมากๆ อย่างน่าประทับใจสมกับเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก Ryzen 5000H เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800H / Intel Core i7-10875H ก็ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนทีเดียว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยก RTX 3070 เองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบนสุด ที่เน้นการทำงาน 3D เป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าประทับใจมากๆ บนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนที่เป็น SATA 3 หรือ SSD M.2 SATA 3 แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3393MB/s และเขียนที่ 2707 MB/s ความเร็วถือว่าทำได้ดีเยี่ยมยอด เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook ราคาคุ้มค่า ที่ได้ SSD ระดับสูง อันนี้เป็นจุดเด่นที่ชัดเจนทีเดียว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 6652 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็น Gaming Notebook สเปกใหม่ล่าสุดจากชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800H มีการ์ดจอแยกระดับ Gaming อย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คปีก่อนๆ มากพอตัว
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมจากการทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark จากทาง Futuremark ที่พัฒนาและคิดค้นจากบริษัท AMD, Intel, Microsoft, NVIDIA ในส่วนของ Time Spy ทำออกมาน่าสนใจมากๆ ด้วยคะแนนรวม 8957และประมวลผลคาดการณ์เกม Apex Legends ปรับสุด Full HD ได้ 140+ FPS เน้นเรื่อง DirectX 12 เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อมาเสริมข้อบกพร่องทางด้านการทำงานต่างๆ ของการ์ดจอเป็นหลัก ซึ่งผลทดสอบนั้นจะดูว่าแต่ละการ์ดจอนั้นสามารถทำงานเข้าขากับ DirectX 12 ได้ดีขนาดไหน
เสริมประสิทธิภาพด้วย AI อัจฉริยะที่ ให้ทุกเกมหรือการทำงานใช้พลังประมวลผลได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม เกมในแต่ละเกมนั้นแน่นอนว่าต้องใช้การประมวลผลของ CPU และ GPU ที่แตกต่างกัน เทคโนโลยีอัจฉริยะอย่าง Lenovo Legion AI Engine ที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และระบบ AI จะเป็นตัวช่วยในการแจกแจงพลังงานความร้อนหรือ Thermal Design Power (TDP) แบบอัตโนมัติ และเลือกใช้ค่า CPU และ GPU ที่เหมาะสม ทำให้ได้ค่าเฟรมเรตที่ดีที่สุด เกมเมอร์จึงทำงานหรือเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลต่อเนื่อง
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 100 – 220 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ประกอบไปด้วย Resident Evil 3 Remake / Battlefield V / FarCry 5 ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / Overwatch ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวที่เป็นประเภทออนไลน์อย่าง Resident Evil 3 Remark / Battlefield V / FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุด แถมไม่กินทรัพยากรเครื่องจนเกินไปด้วย ซึ่งถ้าต้องการเล่นให้ลื่นไหลกว่านี้แนะนำให้ปรับกราฟิกลงมากลางๆ หน่อยก็ยังพอได้ อยู่ที่ว่าเราจะเลือกความสวยงามแค่ไหน
เกมออนไลน์กินสเปกน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 160 ขึ้นไปตลอด ที่สำคัญได้หน้าจอ 165Hz ก็ช่วยเรื่องของความลื่นไหลไปอีก
Lenovo Legion 5 แน่นอนว่ามาพร้อมซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage มีในส่วนเรื่องเช็คการทำงานของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถปรับไฟ RGB 4 โซนได้ตรงนี้เลย อีกทั้งตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย นับได้ว่า Lenovo Vantage เป็นซอฟต์แวร์ Ultility ติดเครื่องที่ดีและใช้งานจริงได้
Battery / Heat / Noise
Lenovo Legion 5 นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ประมาณ 5100 mAh ซึ่งจะว่าไปแล้วนั้นก็ค่อนข้างที่จะน้อยก็จริง แต่เมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่ายอดเยี่ยมทีเดียวเลย โดยสามารถใช้งาน Wi-Fi เพื่อดู Youtube ได้ยาวนานประมาณ 10 ชั่วโมง ซึ่งหากดูตามตารางแล้วนั้นจะเห็นได้ว่า Lenovo Legion 5 ทำเวลาได้ใกล้เคียงกับโน๊ตบุ๊คที่บางเบาเน้นพกพาเลยก็ว่าได้ คาดว่าจะเป็นเพราะการจัดการพลังงานที่ดีของ Lenovo และชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000H รุ่นใหม่นั่นเอง
ส่วนของอุณหภูมิตัวเครื่องโดยรวม Lenovo Legion 5 ถือว่าสามารถที่จะทำได้ดีขณะที่เราเล่นเกมทดสอบเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นการเล่นเกมที่เน้นชิปประมวลผลกับการ์ดจอแยกพบว่าระดับของอุณหภูมิในจุดต่างๆ ของตัวเครื่องจะเพิ่มขึ้นมาน้อยมาก จุดที่มีอุณหภูมอที่หนักที่สุดจะอยู่ที่ ตรงกลางขอบเครื่องด้านหลัง แต่ก็ใช้เวลาถ่ายความร้อนออกไปได้ไม่นานมากเท่าไรนักเมื่อเราใช้งานทั่วไป จากการที่มีพัดลมสองตัวพร้อมฮีตไปป์ 3 เส้นเป่าออกด้านหลังด้านข้าง 4 ทิศทาง และเทคโนโลยี Lenovo Legion Coldfront 3.0 ช่วยจัดการได้อย่างเยี่ยมยอด
ส่วนเรื่องอุณหภูมิในการใช้งานนั้น เมื่อใช้งานแบบปกติ ชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 60 องศาเซลเซียส ส่วนการ์ดจอจะอยู่ที่ 40 – 50 องศาเซลเซียสเช่นกัน ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 28 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัดสุด
ด้วยการเปิดโหมด Performance เพื่อเริ่งประสิทธิภาพ จากการทดสอบขณะนี้ดูได้ผ่านทางซอฟต์แวร์ Hardware Monitor รุ่นใหม่ล่าสุด ที่สามารถดูข้อมูลได้ละเอียดมากๆ โดย CPU ชิปประมวลผล อยู่ที่ไม่เกิน 97 องศาเซลเซียส ส่วน GPU การ์ดจอจะอยู่ที่ไม่เกิน 84 องศาเซลเซียส ซึ่งต้องยอมรับว่าเย็นกว่ารุ่นก่อนๆ และเย็นกว่าหลายรุ่นในตลาด เมื่อเทียบกับความแรงที่ได้กลับมานับว่ามีความน่าประทับใจ
Conclusion / Award
Lenovo Legion 5 เป็น Gaming Notebook ปี 2021 ที่น่าสนใจมากๆ จากการที่ได้สเปคสุดแรง AMD Ryzen 5000H รุ่นล่าสุด อย่าง Ryzen 5 5800 ที่ดีขึ้นในทุกๆ มิติ ส่วนการ์ดจอได้เป็น NVIDIA GeForce RTX 3060 เรียกได้ว่าเข้าคู่กันเป็นอย่างดี ดีขึ้นทั้งประสิทธิภาพ ร้อนน้อยลง และแบตยาวนานขึ้น ในเครื่องเดียว ได้แรมขนาด 16GB DDR4 (Bus 3200MHz) และ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB โดยตัวเครื่องสี Phantom Blue ที่สวยงาม น้ำหนักอยู่ที่ 2.5 กิโลกรัม มีเทคโนโลยี Lenovo Legion Coldfront 3.0 ที่ช่วยควบคุมความอุณหภูมิ และฟีเจอร์ Gaming อย่าง
คีย์บอร์ด Lenovo Legion TrueStrike แม่นยำ นุ่มนวล หนักแน่น พร้อม 4-zone RGB รองรับ Anti-Ghosting 100% และตอบสนองได้รวดเร็วใน 1ms ทนทานมากขึ้นด้วยการเคลือบสารให้คุณสมบัติต้านทานการเสียดสีและการสึกกร่อน และแบตเตอรี่ที่ปรับใหม่ให้ประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ใช้ได้นานถึง 10 ชั่วโมง ด้วยเทคโนโลยี Advanced Optimus และ Hybrid Mode อีกทั้งสามารถเลือกปรับโหมดได้เองระหว่างโหมดการรักษาอุณหภูมิ Quiet, Balance และ Performance สลับด้วยการกด Fn + Q
นอกจากนี้ยังสามารถเร่งความแรงได้ด้วยการเปิด Dual Burn เพื่อดัน CPU และ GPU ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดไปพร้อมๆ กัน สมกับเป็น Gaming Notebook มีความเป็น Legion ที่ไม่ใช่แค่สวยงามดุดันแต่เน้นประสิทธิภาพด้วย ทำให้ไม่ว่าเราจะใช้งานทั่วไปอย่าง ดูหนังฟังเพลง เล่นอินเตอร์เน็ต ทำงานเอกสารลื่นไหลแน่นอน รวมไปถึงเอาไปทำงานตัดต่อวีดีโอโปรเซสไฟล์ภาพก็สบายๆ เสริมประสิทธิภาพการเล่นเกมด้วย AI อัจฉริยะที่มาพร้อมกับ Lenovo Legion 5 รุ่นใหม่ล่าสุด
และที่สำคัญคือจอ 15.6 นิ้ว Full HD (1920 x 1080) IPS display 165 Hz และตอบสนองในเวลา <3 ms รองรับเทคโนโลยี VESA DisplayHDR 400 100% sRGB และคมชัด จอจัดเต็มกว่าหลายๆ รุ่น แม้ดีไซน์หลักจะยังเป็นรูปแบบเดิมคล้ายกับ Legion 5 รุ่นก่อน แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นดีไซน์ที่ลงตัวที่สุดแบบหนึ่ง เพราะทำให้ตัวเครื่องมีช่องระบายความร้อนได้ทั้ง 4 ทิศทาง พอร์ตเชื่อมต่อที่มากกว่าและสามารถใช้ประโยชน์เครื่องจากด้านหลังได้เต็มที่ รวมไปถึงจอภาพที่สามารถกางได้ 180 องศา โดยใน Lenovo Legion 5 ยังได้อัพเกรดขึ้นมาหลายๆ ส่วน
โดยรุ่นที่เรานำมาทดสอบเป็นตัวขายจริงในตลาด ถือว่าเป็น Gaming Notebook ได้สเปกที่น่าสนใจทีเดียว เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงทั้งด้วยชิปประมวลผลและการ์ดจอ ขอบจอบางเฉียบ ดีไซน์เน้นเรียบๆ ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง พร้อมฟีเจอร์จัดเต็ม ได้คุ้มค่าคุ้มราคา อย่างไรก็ตามใครคนไหนที่กำลังมองหา Gaming Notebook งบประมาณ 40,000 บาท ก็สามารถดูไว้เป็นตัวเลือกได้ ซึ่ง และคาดว่าในอนาคตอีกไม่นานเกินรอ น่าจะมีสเปกอื่นๆ ที่ราคาย่อมเยาว์กว่าที่ 30,000 บาท ได้สเปก Ryzen 5 5600H + RTX 3050 Ti
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Lenovo Legion 5 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Lenovo Legion โน๊ตบุ๊คสาย Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Lenovo Legion 5 รุ่นใหม่ปี 2021 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามเรียบหรูดูเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม อีกทั้งยังพกพาไปทำงานได้ลงตัว รวมไปถึงตัวเครื่องก็แข็งแรงทนทาน งานประกอบเรียบร้อยทั้งภายนอกและภายใน ได้คีย์บอร์ด Legion TrueStrike เป็นไฟ RGB แบบ 4 โซน พร้อมปรับหลายๆ ส่วนให้ดีขึ้น ทำให้เป็นอีกหนึ่ง Gaming Notebook ที่หลายคนจับตามองทีเดียว
Best Performance
ด้วยสเปก Lenovo Legion 5 ชิปประมวลผลรุ่นใหม่ AMD Ryzen 5000H ตัวล่าสุด อย่าง Ryzen 7 5800H และการ์ดจอระดับสูงยอดนิยมอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-P ที่ 130Watt ที่มาพร้อมกับแรมขนาด 16GB แบบ DDR4 รวมไปถึง SSD M.2 ความเร็วสูง 512GB อีกทั้งได้หน้าจอ IPS คุณภาพสูงที่ดีเยี่ยม Refresh Rate 165Hz รองรับเทคโนโลยี VESA DisplayHDR 400 ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ค่าคะแนนต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี ส่วนการใช้งานทั่วไปนั้นก็ลื่นไหลสุดๆ
Best Gaming
เรื่องความเป็น Gaming และความบันเทิงก็ทำได้ดีจากลำโพง Harman พร้อมระบบเสียง Nahimic ที่จะเข้ามาเสริมพลังเสียงให้หนักแน่น เต็มอิ่ม และดังเพียงพอสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ความบันเทิงให้กับคนรอบข้าง มาพร้อมด้วยสเปคของระบบที่สดใหม่และเร็วแรงจาก Lenovo Legion AI Engine ที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และระบบ AI จะเป็นตัวช่วยเลือกใช้ค่า CPU และ GPU ที่เหมาะสม ทั้งทำงานหรือเล่นเกมก็ทำได้เป็นอย่างดี ถึงอย่างนั้นก็ยังสามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่า 10 ชั่วโมงอีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ Lenovo Legion 5 จะได้รางวัลนี้ไป