Acer Nitro 5 ปี 2021 สเปก AMD Ryzen 5000H รุ่นใหม่ล่าสุด ตอนนี้อยู่ในมือแล้ว (สเปก Intel Core i Gen 11H จะตามมา) โดยได้การ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX / RTX เป็นหนึ่งใน Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ราคาคุ้มค่า ได้รับความนิยมไม่แพ้รุ่นอื่นๆ ทั้งจากสเปกที่แรงลื่นหลากหลาย อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ที่จัดเต็ม
ซึ่งได้รับการพัฒนาต่อยอดมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์ภายนอก คีย์บอร์ดไฟ RGB และอื่นๆ พร้อมแข่งกันกับ Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ ในราคาเริ่มต้นที่ 2x,xxx บาทเท่านั้น ซึ่งปกติแล้ว Acer Nitro 5 ทุกรุ่นเมื่อจำหน่ายในไทย จะได้ประกัน 3 ปี On-site Serive ที่ดีเยี่ยม หรือส่งศูนย์ซ่อมด่วน 3 ชั่วโมง เป็นมาตรฐานที่เยี่ยมยอด
สำหรับในบทความนี้เครื่องที่ได้มาพรีวิวเป็นเครื่องเดโมเท่านั้น (เครื่องขายจริงคาดว่ารอกันอีกไม่นาน) โดยเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 5600H ทำงานร่วมกับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) ที่แรงลื่นกว่าเดิมแน่นอน ในส่วนของแรมมีมาให้ที่ขนาด 8GB DDR4 Bus 3200MHz แบบ 4GB จำนวน 2 แถว ส่วนที่เก็บข้อมูลให้มามาตรฐาน SSD M.2 NCMe PCIe ความจุ 256GB + HDD SATA 3 ความจุ 1TB
หน้าจอเป็นพาเนล IPS เกรดดี รองรับ Refresh Rate ที่ 60Hz ให้ความลื่นไหลทั้งการเล่นเกมหรือทำงาน มี Windows 10 ใช้งานได้ทันที ซึ่งมีความต่างจากรุ่นก่อนอย่างชัดเจน จะเป็นเรื่องตัวเครื่องภายนอกอย่างดีไซน์ฝาหลัง ที่มีลวดลายที่แตกต่างจากสเปก Ryzen 4000H ไปเล็กน้อย ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ดูแล้วก็เหมือนกันแทบจะ 100% ทีเดียว อีกทั้งเครื่องเดโมนี้ไฟคีย์บอร์ดก็ไม่ใช่ RGB 4 Zone แต่เป็นแบบ All Zone สีแดงสีเดียวด้วย
VDO Preview
Acer Nitro 5 ปี 2021 สเปกและราคาคาดการณ์ประมาณ 2x,xxx บาท
-
CPU : AMD Ryzen 5000H ทั้ง 5 5600H / 7 5800H / 9 5900HX
-
GPU : NVIDIA GeForce เริ่มต้น GTX 1650 / สูงสุด RTX 3080
-
RAM : 8 – 16 GB DDR4 Bus 3200 MHz
-
DISPLAY: 15.6″ IPS Full HD 360 Hz / 15.6″ IPS QHD 165Hz
-
STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
-
OS : Windows 10 Home (64 Bit)
ดีไซน์การออกแบบ
การดีไซน์ออกแบบ Acer Nitro 5 ปี 2021 สเปก Ryzen 5000H อย่างที่บอกไปข้างต้นคือรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายกับปี 2020 ที่เป็นสเปก Ryzen 4000H แทบทั้งหมด ต่างกันเพียงฝาหลังเท่านั้น โดยวัสดุของตัวเครื่องทั้งหมดจะเป็นพลาสติกเกรดดี ส่งผลให้ตัวเครื่องมีความบางเบาตามมาตรฐาน รวมไปถึงการพกพาก็สะดวก ด้วยหน้าจอ 15.6″ พาเนล IPS ขอบจอบางเพียง 7.02 มิลลิเมตร พื้นที่สัดส่วนกว่า 80% ทำให้มีขนาดเครื่องกระทัดรัด
ซึ่งมีน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม จัดว่าเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ นี้โดยเครื่องนี้ได้ Refresh Rate ที่ 60Hz ทั้งสีสันและลื่นไหลจัดว่าดีเยี่ยม แต่ถ้าตามสเปกขายจริงจะถูกอัพเกรดให้เป็น Full HD (1920 x 1080) ที่ 360 Hz หรือ QHD (2560 x 1440) ที่ 165Hz เหมาะกับการใช้งานทั่วไปหรือการเล่นเกม แต่ได้เรื่องของความละเอียดเรียบเนียนที่เหนือชั้นกว่า พร้อมความลื่นไหลที่มากกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นเดิมจะเป็นเพียง Full HD ที่ 144Hz ในการดูหนังก็ทำได้ย่อมทำได้อย่างน่าประทับใจไม่มีปัญหาเช่นกัน
สำหรับสีสันก็ยังคงเอกลักษณ์สีดำแซมด้วยสีแดง แต่เพิ่มความโดดเด่นและสวยงาม ที่ต้องว่าฝาหลังจะมีลักษณะลวดลายผิวแบบเป็นเหลื่ยมเป็นสัน บริเวณด้านข้างซ้ายและขวา ฝาบนจะโลโก้คำว่า Acer สีดำคมเข้มไม่ธรรมดา ผิวฝาบนพื้นผิวเป็นพลาสติกมีสีดำด้านให้สัมผัสดีมีคุณภาพสูง พร้อมขอบตัวเครื่องหลังเป็นสีแดงแทนที่สีดำเหมือนรุ่นก่อนๆ รวมไปถึงขอบตัวเครื่องบริเวณฝาพับ จะเป็นสีดำพร้อมกับมีคำว่า Nitro สีแดงติดตั้งเอาไว้ โดยสามารถกางหน้าจอได้กว่า 145 องศาทีเดียว
ตัวเครื่องด้านในของเครื่องเดโมนี้ ภายในยังให้ดีไซน์คล้ายรุ่นก่อน ๆ ที่มีการติดตั้งปุ่ม Power ไว้มุมขวาบนสุดของชุดคีย์บอร์ด รวมไปถึงยังมีการติดตั้งปุ่ม NitroSense ไว้เหนือแป้นตัวเลขด้วย (แต่ซอฟต์แวร์ยังใช้งานไม่ได้) พร้อมไฟคีย์บอร์ดแบบ All Zone สีแดงสีเดียว ซึ่งเชื่อว่าสเปกขายจริงจะเป็นคีย์บอร์ดไฟ RGB แบบแบ่งเป็น 4 โซน พร้อมกับใช้ขอบของปุ่มคีย์บอร์ดเป็นสีขาวทั้งหมดแทนที่สีแดงแบบในภาพประกอบนี้ (แน่นอนว่าเครื่องเดโมนี้ไม่มีแป้นภาษาไทยด้วย)
ซึ่งกรณีเครื่อขายจริง ต้องมีสติกเกอร์ต่างๆ ติดเอาไว้ไม่ว่าจะเป็น ชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX / RTX รวมไปถึงมีการบอกถึงบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมงตามสไตล์ของ Acer อีกด้วย อีกทั้งยังมีการแจกแจงถึงฟีเจอร์ต่างๆ ที่น่าสนใจ อาทิเช่น Dual SSD M.2 + One HDD Slot / ขอบจอบาง / Network Optimize / NitroSense + CoolBoost / HDMI Port / ระบบเสียง DTS:X Ultra เป็นต้น
ฝาล่างของตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นพลาสติกเกรดดี พื้นผิวเป็นแบบสากๆ ทำให้หยิบจำแล้วไม่ลื่นไหล พร้อมยางรองตัวเครื่องขนาดใหญ่ 4 จุดด้วยกัน ซึ่งมีความมั่นคงดี ซึ่งเมื่อมองไปที่ช่องด้านล่างก็จะพบกับช่องดูดลมเย็นขนาดใหญ่พร้อมกับพัดลม 2 ตัว ที่กรณีที่เราเปิดเครื่องก็จะเห็นไฟสีแดงจากคีย์บอร์ดติดอยู่ด้วย ดูแล้วก็สวยงามไปอีกแบบ อีกทั้งเราจะเห็นในส่วนของสติ๊กเกอร์ปิดน็อตที่เราสามารถเจาะทะลุได้
ช่องระบายความร้อนแบบจัดเต็ม 4 ช่องทาง แบ่งเป็นทางด้านหลัง 2 ช่อง และซ้ายขวาอย่างละ 1 ช่อง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและระบายความร้อนด้วยพัดลมคู่ เมื่อมีการใช้งานที่หนักหน่วง CoolBoost จะเพิ่มความเร็วพัดลมมากขึ้น และการระบายความร้อน CPU/GPU มากขึ้น พร้อมจัดการระบบของเราแบบเรียลไทม์ด้วยซอฟต์แวร์ NitroSense ซึ่งครอบคลุมถึงอุณหภูมิ ความเร็วพัดลมและอีกมากมาย ซึ่งต้องบอกว่าเครื่องทดสอบนี้ยังใช้งานไม่ได้
Acer Nitro 5 ปี 2021 จัดว่าเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันอีกรุ่นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น 3 x USB 3.2 Type-A (1 พอร์ตเป็นแบบชาร์จเจอร์ด้วย), 1 x USB 3.2 Type-C, 1, HDMI 2.0, RJ45 (Gigabit Ethernet) พร้อมด้วยความสามารถ Killer Ethernet E2600 เพื่อการเล่นเกมออนไลน์ที่ลื่นไหล ตามมาตรฐานของรุ่นก่อนๆ
โดยถ้าเครื่องขายจริงจะมีซอฟต์แวร์ Killer Control Center 2.0 คอยควบคุมด้วย และ Mic-in/Headphone-out แบบ Combo เรียกได้ว่าพอเพียงกับการใช้งานทั่วไปอย่างแน่นอน ทั้งในการโอนถ่ายไฟล์หรือเชื่อมต่ออุปกรณ์เทียบกับรุ่นก่อนก็ถือว่าดีกว่าหลายด้าน ส่วนพอร์ตชาร์จไฟอแดปเตอร์ยังคงติดตั้งไว้ด้านหลังเช่นเดิม เรียกได้ว่าส่วนพอร์ตต่างๆ ไม่ได้มีเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
ผลทดสอบเครื่องเดโม
สเปก Ryzen 5000H รุ่นที่นำมาทดสอบ ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 5600H ด้วยสถาปัตยกรรม Zen 3 โค้ดเนม Cezanne มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 nm ความเร็ว 3.30 – 4.20 GHz แบบ 6 Core/ 12 Thread ร้อนน้อยกว่า ได้ L3 Cache ที่ 16MB มีค่าอัตราการใช้พลังงานสูงสุด (TDP) ที่ 45W ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ มากยิ่งขึ้นไปอีก แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังรวมไปถึงเล่นเกมเป็นหลัก ก็รองรับได้อย่างสบายๆ
เรียกได้ว่าแรงกว่าชิปประมวลผลที่เป็น AMD Ryzen 4000H พอตัว ส่วนแรมได้ขนาด 8GB เป็น 4GB จำนวน 2 แถว (Dual Channel) มาตรฐาน DDR4 Bus 3200 MHz พร้อมให้ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 256GB ซึ่งมีช่องว่างใส่ SSD M.2 NVMe อีก 1 ตัวไว้อัพเกรดภายหลังได้ รวมถึง HDD 2.5″ SATA 3 อีก 1 ตัว ความจุ 1TB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่มีมาให้แบบลื่นไหล ตั้งแต่เปิดเครื่องในครั้งแรก หรือในการ Sleep / Wake Up ไปมา
ผสานกับการ์ดจอออนบอร์ดรุ่นใหม่อย่าง AMD Radeon 7 มีความเร็วในการทำงานที่ 1600MHz มาตรฐานแรม DDR4 ขนาด 512MB ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเป็นหลัก ซึ่งโดดเด่นจริงๆ จะเป็นเรื่องของการประหยัดพลังงานเมื่อใช้งานเบาๆ โดยมีการ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce GTX GTX 1650 (4GB GDDR5) เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 5600H คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจสมกับเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 4600H ก็ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนทีเดียว รวมไปถึงตัวการ์ดจอเองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ไปแล้ว ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 256GB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2371 MB/s และเขียนที่ 970 MB/s ที่เร็วในระดับกลางๆ แต่ก็ถือว่าดีกว่ามาตรฐาน SATA 3 แบบเดิมๆ แล้ว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4930 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็น Gaming Notebook สเปกใหม่ล่าสุดจากชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 5600H มีการ์ดจอแยกระดับ Gaming อย่าง GeForce GTX 1650 ทำให้มีคะแนนค่อนข้างดีขึ้นกว่ารุ่นปีก่อน
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยกว่า 60 – 100 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ประกอบไปด้วย Resident Evil 3 Remake / Battlefield V / FarCry 5 / GTA V ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / Overwatch ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง RE 3 / BF V / GTA V / FarCry 5 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด !!! จากกราฟตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าเฟรมเรทที่ออกมานั้นมีความลื่นไหลสุดๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้ โดยในส่วนของ RE 3 ซึ่งเป็นเกมออกใหม่ล่าสุด เราปรับกราฟิกในเกมเป็น MAX ที่ใช้แรมการ์ดจอไปกว่า 12GB ซึ่งเกินกว่าตัวการ์ดจอที่ 4GB แต่ก็ยังทำเฟรมเรทได้ลื่นไหลน่าประทับใจอยู่
ต่อกันที่เกมออนไลน์อย่าง PUBG / Overwatch / DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็ไม่มีอาการช้าหรือหน่วงเลย ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่ ทั้ง 7 เกมที่เราได้ทำการทดสอบไป อย่างไรก็ตามเครื่องนี้ยังเป็นเครื่องเดโม ไว้รอตัวจริงสเปกจริง ค่อยมาดูกันอีกที
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ในสเปก Ryzen 5000H เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ความจุ 3750mAh ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับต่ำ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube พร้อมเปิดโปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราวๆ 8 ชั่วโมงโดยประมาณ เรียกได้ว่าน่าประทับใจทีเดียวกับการที่ Gaming Notebook จอ 15.6″ ใช้งานแบตเตอรี่ได้นานระดับนี้
ส่วนเรื่องอุณหภูมิในการใช้งานนั้น ในส่วนของ Hardware Monitor รองรับสเปกใหม่ Ryzen 5000H แล้ว ทำให้สามารถตรวจสอบได้ถึงข้อมูลของ CPU / GPU ทันที เมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 60 องศาเซลเซีย ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ แต่จากการที่เป็นเครื่องเดโม ระบบ CoolBoots เพื่อให้พัดลมทำงาน 100% นั้นไม่สามารถทำงานได้
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของชิปประมวลผล CPU อยู่ที่ 91 องศาเซลเซียส นับว่าอยู่ในเกณฑ์เย็นอย่างน่าประทับใจเมื่อเทียบกับ Gaming Notebook สเปกใกล้เคียงนี้ ส่วนการ์ดจอถือว่าเย็นทีเดียวโดยร้อนสุดเพียง 68 องศาเซลเซียสเท่านั้น โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี แม้ในส่วนของ CoolBoots ไม่ได้ทำงาน คาดว่าเครื่องขายจริง ต้องมีการใช้ได้ เพื่อที่เราจะได้ปรับแต่งตามการใช้งานแน่นอน
สรุปพรีวิว Acer Nitro 5 ปี 2021
การมาของ Acer Nitro 5 ปี 2021 สเปก Ryzen 5000H รหัส AN515-45 เทียบกับรหัส AN515-44 ที่สเปกเป็น Ryzen 4000H นับได้ว่ามีความคล้ายกันเกือบทั้งหมด หลักๆ แล้วแตกต่างกันที่สเปกภายในเท่านั้น ซึ่งทำให้ผู้ซื้ออย่างเราๆ มีตัวเลือกมากยิ่งขึ้น โดยเป็นโน๊ตบุ๊ค เล่นเกมราคาคุ้มค่ารุ่นล่าสุดของทาง Acer ทำให้ตลาด Gaming Notebook สนุกสนานแน่นอน จากการแข่งขันของโน๊ตบุ๊คสเปกใหม่ๆ กับราคาที่ถูกคุ้มค่ากว่าเดิม คาดการณ์ราคาเริ่มต้น 2x,xxx จนถึง 4x,xxx บาท
ซึ่งเหมาะกันคนที่ต้องการ Gaming Notebook ที่ได้สเปกใหม่ล่าสุด โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพสูง จากชิปประมวลผล Ryzen 5 5600H / Ryzen 7 5800H ซึ่งถ้าตามข่าวจะมีถึงตัว Ryzen 9 5900HX ทีเดียว โดยจับคู่มากับการ์ดจอตั้งแต่ตัวเริ่มต้นอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 จนไปถึง RTX 3060 – RTX 3080 ด้วย ได้แรมขนาด 8GB / 16GB แบบ DDR4 Bus 3200MHz พร้อม SSD มาตรฐาน M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ให้ความแรงลื่นในการทำงานและเล่นเกม ที่น่าประทับใจกว่า Acer Nitro 5 รุ่นก่อนๆ ที่เคยมีมาแน่นอน
ฟีเจอร์อื่นๆ ก็ยังครบเครื่องด้วยไฟคีย์บอร์ด RGB แบบ 4 โซน คล้ายกับที่เคยมีมาในรุ่นพี่อย่าง Predator Series ปรับแต่งได้อิสระประมาณนึง และได้การตอบสนองของปุ่มแบบทันทีด้วยระยะการกด 1.6 มม. เสริมอารมณ์ในการเป็น Gaming Notebook ไปอีกระดับ ลำโพงของตัวเครื่องใช้เป็นแบบสเตอริโอ โดยมีระบบเสียง DTS:X Ultra ให้เสียงจะชัดเจนและสามารถจำลองระบบเสียงรอบทิศทาง 3 มิติได้
รวมไปถึงมีเทคโนโลยี Acer CoolBoost และช่องระบายความร้อนแบบจัดเต็ม 4 ช่องทาง แบ่งเป็นทางด้านหลัง 2 ช่อง และซ้ายขวาอย่างละ 1 ช่อง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและระบายความร้อนด้วยพัดลมคู่ ซึ่งดีเยี่ยมกว่ารุ่นก่อนหน้าเช่นกัน พร้อมการอัพเกรดอินเตอร์เน็ตไร้สายเป็น Wi-Fi 6 AX ที่มีเทคโนโลยี 2×2 MU-MIMO ที่ดีกว่า และ LAN RJ45 ก็เป็น Killer Ethernet E2600 โดยมีซอฟต์แวร์ Killer Control Center 2.0 ตรงนี้เหนือชั้นกว่ารุ่นอื่นๆ ชัดเจนทีเดียว
สำหรับคนไหนสนใจ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ ได้ดีไซน์ใหม่ที่จัดว่ามีการอัพเกรดให้ดู Gaming มากยิ่งขึ้น โฉบเฉียวมากยิ่งขึ้น มีการแซมสีแดงให้ดูโดดเด่น การเชื่อมต่อต่างๆ ก็ครบครันกว่าหลายๆ รุ่น พร้อมเน้นให้ประสิทธิภาพความแรงที่สดใหม่เหนือชั้นล่ะก็
Acer Nitro 5 รุ่นนี้ปี 2021 สเปก Ryzen 5000H น่าจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุดรุ่นหนึ่งทีเดียว แต่ตอนนี้คงต้องอดใจรอตัวจริง สเปกจริง ราคาขายจริงในไทยก่อน เพื่อที่เราจะได้ทดสอบกันอีกครั้งว่าดีขึ้นแค่ไหน แต่จากเครื่องเดโมนี้ก็พอบอกได้ว่า Ryzen 4000H ว่าแรงแล้ว Ryzen 5000H ยังแรงได้อีก !!!