MSI Stealth 15m เป็นโน๊ตบุ๊คสายบางเบาแต่แรงลื่น ได้ทั้งสเปกที่ใหม่ล่าสุดและดีไซน์เฉียบล้ำ โดยเปิดตัวครั้งแรกพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7 Gen 11 “Tiger Lake” สถาปัตยกรรมขนาด 10nm SuperFin อย่าง Core i7-1185G7 โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพขั้นสูงของ Core i Gen 11 ทั้งหมด
พร้อมการ์ดจอ Gaming อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti Max-Q โดยเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่เน้นความบางเบาหรูหรา ต่อยอดมาจาก MSI GS65 Sealth ด้วยสีสันตัวเครื่อง Carbon Gray ลักษณะดำด้านหรือ Pure White สีขาวเนียนตลอดทุกสัดส่วน อย่างที่เราได้เครื่องจริงมาทดสอบในครั้งนี้
ตอกย้ำ MSI Stealth 15M ด้วยโลโก้ MSI ที่ฝาหลังเป็นแบบการยิงเลเซอร์ฝังลงไป ให้ความพรีเมียมเรียบเนียนอย่างที่สุด ได้ความแรงไม่เป็นรอง Gaming Notebook เครื่องหนักๆ หนาๆ โดดเด่นในเรื่องของการดีไซน์ที่พกพาได้สะดวก ที่รักษาความเป็นเกมเมอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ด้วยน้ำหนักเพียง 1.69 กิโลกรัม บางที่ 15.95 มิลลิเมตร พร้อมระบบระบายความร้อน Cooler Boots 5 เรียกได้ว่าส่วนสเปกฮาร์ดแวร์จัดเต็มแบบสุดๆ ไปเลย ได้คีย์บอร์ดแบบใหม่สวยงามเข้ากับตัวเครื่อง มี Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที แน่นอนว่าทำงานร่วมกับ Dragon Center ที่เป็นซอฟต์แวร์ช่วยปรับแต่งด้วย
VDO Preview
Specification
- Core i7-1185G7 / GTX 1660 Ti / RAM 16GB / SSD 1TB / จอ 15.6″ IPS 144Hz
ซึ่งในบทความนี้เราจะมาทำการพรีวิว MSI Stealth 15m ที่เป็นเครื่องเดโมจากต่างประเทศ พร้อมผลทดสอบ สเปก Intel Core I7 Gen 11 กับคู่มากับการ์ดจอ GTX 1660 Ti Max-Q ที่แน่นอนว่ายังไม่ได้ใช่เครื่องขายจริง หรือสเปกทางการแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามก็สามารถดูเป็นแนวทางได้สำหรับหน้าตาภายนอก และคาดว่าเครื่องขายจริงก็จะมีประสิทธิภาพใกล้เคียงนี้เหมือนกัน
สเปกอื่นๆ เครื่องเดโมที่ได้มา มีหน่วยความจำแรมขนาด 16GB DDR4 Bus 3200MHz และ SSD M.2 NVMe PCIe จัดเต็มที่ 1TB มาพร้อมการเชื่อมต่อที่ครบครันด้วย Wi-Fi 6 AX, Buetooth 5.1 และพอร์ต Thunderbolt 4 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ดีการโอนไฟล์ที่สุดในขณะนี้ รองรับการต่อหน้าจอ 4K / 8K พร้อมชาร์จไฟเข้าเครื่อง
ที่สำคัญคือได้หน้าจอเป็นพาเนล IPS เกรดสูง ความละเอียด Full HD ที่รองรับ Refresh Rate ที่สูงถึง 144Hz ทีเดียว สีสดใสมุมมองกว้าง ลื่นไหล ขอบเขตสีใกล้เคียง sRGB 100% พร้อมเทคโนโลยี MSI True Color Technology ปรับโปรไฟล์สีให้ตรงกับการใช้งานได้ทุกรูปแบบ
ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อก็ครบครันด้วย ไม่ว่าจะเป็น USB 4.0 หรือ Thunderbolt 4 พร้อมรองรับการโอนถ่ายข้อมูล 40Gbps DisplayPort / PD charging ที่สูงสุด 100W ที่ดีกว่า Thunderbolt 3 นอกจากนี้ยังมีพอร์ตอื่นๆ อาทิ 2 x Type-A USB3.2, 1x (4K @ 60Hz)
และ HDMI, microSD Card Reader บอกเลยว่าจัดเต็มมากๆ ส่วนช่องหูฟังรองรับ Hi-Res Audio และไมค์แบบแจ็คทอง 3.5 มิลลิเมตร มีฟีเจอร์ Nahimic 3 ซึ่งให้ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นก่อนๆ ชัดเจน
Design
MSI Stealth 15M มีรายละเอียดต่างๆ เรื่องของดีไซน์ที่ผสานระหว่างโน๊ตบุ๊คทำงานและ Gaming เพื่อมารองรับประสิทธิภาพที่แรงกว่าเดิม จากการเลือกใช้งานโดยชิปประมวลผลสูงสุดเป็น Core i7 Gen 11 ที่ใหม่ล่าสุดในตลาด มีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นก่อน 20% และการ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti Max-Q ซึ่งมีความแรงที่เทียบเท่า GTX 1070 ฉะนั้นเรื่องประสิทธิภาความแรงนั้นทะลุมาตรฐาน Notebook ทั่วไปไปไกลทีเดียว
สำหรับดีไซน์ทั้งหมดมีการปรับให้เรียบหรูยิ่งขึ้นไปอีก กับพื้นผิวเรียบๆ พร้อมกับใช้สีดำหรือขาวตลอดทั้งตัวเครื่อง ที่คาดหลายคนต้องชอบมากกว่าเดิม ตั้งแต่โลโก้ ขอบตัวเครื่อง ทัชแพด แกนบานพับ ช่องระบายความร้อน
ซึ่งดูแล้วแตกต่างจาก Gaming Notebook G Series ของทาง MSI รุ่นอื่นชัดเจน ให้กลายเป็นสีเดียวกัน เน้นเรื่องความพรีเมียมเรียบง่าย สมกับฉายา Stealth แน่นอนว่าจะเอาไปเล่นเกมก็ดุดัน จะเอาไปทำงานก็ลงตัวทีเดียว
แป้นคีย์บอร์ดมีขนาดกำลังพอดี ใช้งานกดสะดวกพร้อมไฟคีย์บอร์ดปรับสี RGB แบบโซนเดียวกันผ่านทางซอฟต์แวร์ (เดิมๆ คือสีฟ้า) ที่สำคัญคือให้ประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยมกว่าคีย์บอร์ดทั่วไปชัดเจนสุดๆ ติดตั้งทัชแพดมีขนาดใหญ่โตมากเมื่อเทียบกับมิติตัวเครื่อง เป็นลักษณะผืนผ้าออกแนวยาวๆ ดูเป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่องตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดี ใช้งานได้สะดวกสำหรับการวางบนตัก
การระบายความร้อนตัวเครื่องของ MSI Stealth 15M เป็นแบบ Cooler Boost 5 ที่มีพัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 6 เส้น ขนาดใหญ่ ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง เป่าไล่ลมร้อนผ่านชุดระบายที่แยกการระบายความร้อนระหว่างชิปประมวลผลและการ์ดจอ หายห่วงได้เลยในเรื่องของอุณหภูมิ และความทนทานในการใช้งานฮาร์ดแวร์ในระยาวไม่ว่าจะเล่นเกมหนักแค่ไหนก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความร้อนสะสม
Performance
MSI Stealth 15M เครื่องเดโมสเปก Core i Gen 11 เมื่อตรวจสอบข้อมูลของชิปประมวลผลด้วยโปรแกรม CPU-Z ก็พบว่าข้อมูลขึ้นมาครบถ้วนเลยครับ โดยเลือกใช้ชิป Intel Core i7-1185G7 ตัวแรงสุดในซีรีส์ ที่มี 4 คอร์ 8 เธรดสำหรับการประมวลผล ความเร็วที่ 3.00 – 4.80 GHz
มีค่า TDP ในการปลดปล่อยความร้อนสูงสุดแค่ 12W – 28W เท่านั้น ซึ่งจัดว่าต่ำมากสำหรับชิป Core i7 ในโน๊ตบุ๊ค ทำให้ตัวเครื่องโดยรวมไม่ร้อนจนเกินไป ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการใช้สถาปัตยกรรมการผลิตที่ระดับ 10 นาโนเมตร อย่าง Tiger Lake เทคโนโลยีสุดล้ำ SuperFin
ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ ส่วนแรมได้ขนาด 16GB แบบฝังบอร์ด เป็นมาตรฐาน DDR4 Bus 3200MHz ตามเทคโนโลยีของ Intel Core i Gen 11 ที่ผ่านการปรับแต่งให้เหนือชั้น พร้อมให้ที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe PCIe ความเร็วสูง ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 แบบลื่นไหลอย่างที่สุด ในทุกๆ การทำงาน
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Intel Iris Xe Graphics ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับที่ก้าวกระโดดกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นหรือระดับสูง
รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงอย่าง 4K / 8K ได้แบบไม่มีปัญหา เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มพลังการสร้างสรรค์คอนเทนต์ มองหาความบันเทิง หรือการเล่นเกมเปี่ยมอรรถรส ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับการ์ดจอแยกเลยทีเดียว ซึ่งสามารถเล่นเกม 3 มิติ พอได้บ้าง เดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที
อีกทั้งยังมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX GTX 1660 Ti Max-Q มาพร้อมแรมการ์ดภายในขนาด 6GB มาตรฐาน GDDR6 แบบ RTX Series ที่ต้องบอกว่าแรงน้อยกว่า GeForce GTX 1660 Ti ทั่วไปเล็กน้อย ซึ่งมีการเน้นใช้งานกับ Gaming Notebook บางเบา ร้อนน้อยกว่าแต่ก็แรงไม่แพ้กัน เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
อีกทั้งได้ที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe ความจุ 1TB ที่ได้ทั้งขนาดที่ใหญ่ใส่ไฟล์ได้เยอะ และเป็นรุ่นเกรดสูงความเร็วสูง โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home Single Language มาตั้งแต่แกะกล่อง ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ Windows เลยครับ ส่วนถ้าต้องการเคลียร์เครื่อง ก็สามารถใช้งานฟังก์ชัน Reset this PC ที่อยู่ใน Settings ของ Windows 10 ได้เลยโดยไม่ต้องฟอร์แมต SSD เพื่อลง Windows ใหม่
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U Series รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวการ์ดจอเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
รวมไปถึงตัวการ์ดจอเองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอที่อัพเกรดใหม่ที่เน้นการทำงาน 3 มิติที่ดียิ่งขึ้น
การทดสอบประสิทธิภาพ MSI Stealth 15M กับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5541 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ
และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คทีมีชิปประมวลผลเป็น Intel Core i Gen 11 จับคู่มากับการ์ดจอแยก และสเปกจัดเต็ม ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คบางเบาในสเปกที่เป็น Intel Core i Gen 11 รุ่นอื่นๆ หรือเทียบเท่า Gaming Notebook ระดับสูงได้สบายๆ
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกม MSI Stealth 15M ทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 – 120 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ประกอบไปด้วย Resident Evil 3 Remake / Battlefield V / FarCry 5 / GTA V ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / Overwatch
ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย ทดสอบเกมกินทรัพยากร ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ ที่ Refesh Rate 144Hz ให้ความลื่นไหล แต่ถ้าอยากให้ได้เฟรมเรทที่เหมาะสมก็ปรับกราฟิกลงมากลางๆ ได้
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ในเครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวประมาณ 5:30 ชั่วโมงกว่าทีเดียว ดังนั้นเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานน้อยกว่านี้
สำหรับอุณหภูมิเมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลและการ์ดจอจะอยู่ที่ประมาณ 35 – 60 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 30 องศาเซลเซียส แน่นอนว่าในการใช้งานทั่วไปด้วยการใช้โหมด Windows แทบจะไม่รู้ว่าพัดลมหมุนเลย จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ
เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ซึ่งทั้งหมดนี้ดูผ่านทางซอฟต์แวร์ Hardware Monitor รุ่นล่าสุด เพื่อดูว่าชิปประมวลผล CPU / การ์ดจอ GPU ว่าจะร้อนที่สุดเย็นที่สุดเท่าไรในการใช้งานจริงๆ
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องสำหรับชิปประมวลผล CPU อยู่ที่ไม่เกิน 95 – 98 องศาเซลเซียส ที่ต้องบอกว่าค่อนข้างเย็นทีเดียว ถ้าเทียบความแรงที่ได้ ส่วนที่เป็นการ์ดจอจะอยู่ที่ 77 องศาเซลเซียสเท่านั้น โดยดูผ่านทาง Hardware Monitor นับว่ามีความเย็นพอตัว
ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่เปิดฟีเจอร์ Ultimate Performance พร้อมเพิ่มรอบพัดลมอัตโนมัติ จากการที่มีพัดลม 2 ตัว แต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง ด้วยการทำงานด้วยชุดระบายความร้อนที่ดีพอตัว
โดยรวมแล้ว MSI Stealth 15M ไม่ใช่แค่แรงแต่ในประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมด้วย ทั้งความแรงและบางเบาจบครบในเครื่องเดียว พร้อมจัดเต็มทุกฟีเจอร์จริงๆ อย่างที่ Notebook ทั่วไปไม่สามารถให้ประสบการณ์การใช้งานแบบนี้ได้ต่อยอดความสำเร็จของ MSI Notebook ขึ้นไปอีก ที่เป็น Gaming Notebook ดีไซน์บางเบาแต่ประสิทธิภาพสูง
อย่างไรก็จะมาขายเมื่อไหร่นั้นคงต้องรอติดตามกันอีกที เชื่อได้ว่าหลายคนต้องรอคอยแน่นอน สนนราคาคาดการณ์ที่ 4x,xxx บาทขึ้นไป ได้ประกัน 2 ปีตามมาตรฐานของ MSI ประเทศไทย ไว้ดูรีวิวตัวจริงกัน ไม่นานเกินรอ โดยทาง MSI บอกไว้ว่าจะนำมาจำหน่ายเป็นช่วงต้นปี 2021 นี้ ซึ่งได้ทราบทั้งข้อมูลและราคาขายจริงจะมาอัพเดทอีกครั้งครับ