Fujitsu LifeBook UH-X เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาของโน๊ตบุ๊คประเภทพกพาบางเบาอย่างน่าสนใจ จากที่ผ่านมาทาง Fujitsu ได้นำเสนอโน้ตบุ๊คสายพันธ์ญี่ปุ่น Made in Japan เน้นใช้งานแบบพกพาไปทำงานนอกสถานที่มาตลอดยาวนานหลายปี ทั้งด้วยสเปคประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมน่าเชื่อถือแบบมืออาชีพ พร้อมความสเถียรภาพที่สูงกว่าโน้ตบุ๊คทั่วไปแบบชัดเจน
ล่าสุดด้วยการมาของ Fujitsu LifeBook UH-X จัดเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.3″ ที่เบาสุด แค่ 747 กรัมเท่านั้น กรณีที่เราจับชั่งน้ำหนักจริงๆ ส่วนตามสเปกจะเป็น 778 กรัม จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานมืออาชีพที่เบาที่สุดของโลก อีกทั้งแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดตลอดทั้งวัน ประกันก็ดีเยี่ยมเพราะเป็นแบบ On-site Service ระยะเวลา 2 ปี สนนราคา 39,990 – 46,990 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่องบางของ Fujitsu LifeBook UH-X บางเพียง 15.5 มม. แต่พอร์ตเชื่อมต่อครบที่สุด โดยใช้วัสดุแมกนีเซียมอัลลอยด์ที่เป็นโลหะที่ได้ทั้งความเบาแต่แข็งแรงทนทาน มาพร้อมชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ซึ่งแรงลื่นรองรับทุกๆ การใช้งาน ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักธุรกิจหรือคนที่ต้องการสุดยอดโน๊ตบุ๊ค 13.3″ ประสิทธิภาพสูงคู่ใจในการทำงานจริงจัง หรือ Commercial ที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูงสุด
VDO Review
NBS Verdict
สรุปแล้วสำหรับ Fujitsu LifeBook UH-X ถูกออกแบบมาเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานระดับมือาชีพหน้าจอ 13.3″ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ และความบางเบาขั้นสุด อีกทั้งได้ความครบถ้วนในทุกๆ ทาง เน้นความทนทานในระดับนึง ปลอดภัยไว้ใจได้ มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงเหมาะกับการทำงานทั่วไป หรือหนักๆ (ที่ไม่ใช่เล่นเกมหรืองาน 3 มิติ) สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก แบตเตอรี่ยาวนานสุดๆ ที่ประมาณ 7 – 9 ชั่วโมงจากการทดสอบจริง
ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง สมราคาค่าตัว โดย Fujitsu LifeBook UH-X เน้นเข้ามาบุกตลาดระหว่างองค์กร, ธุรกิจขนาดกลาง รวมถึงคนที่ต้องการความแตกต่าง ชูจุดแข็งเรื่องดีไซน์เครื่องความบาง รวมถึงเบาสุดๆ ในตลาดประเทศไทย พร้อมประสิทธิภาพการทำงานขั้นสูง หรือถ้าคนทั่วไปอยากได้โน๊ตบุ๊คบางเบามาตรฐานสูงก็สามารถหาซื้อมาใช้งานเช่นเดียวกัน รวมไปถึงได้พอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันที่สุด
เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คอีกหนึ่งรุ่นที่ทุกๆ คนให้ความสนใจอย่าง Fujitsu LifeBook UH-X ที่ต่อยอดความสำเร็จของโน๊ตบุ๊คตระกูลสายธุรกิจระดับมืออาชีพได้เป็นอย่างดีมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงสเปคประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน ที่โดดเด่นเหนือชั้นกว่าเรื่องความปลอดภัยโดยมี IR Camera เพื่อสแกนหน้าเข้าใช้งาน ได้ความรวดเร็วและปลอดภัยอีกด้วย
สำหรับข้อสังเกตของ Fujitsu LifeBook UH-X ก็มีอยู่เล็กน้อย ซึ่งเป็นในส่วนของราคาที่ดูสูงกว่าโน๊ตบุ๊คที่เป็นสเปกที่ใกล้เคียงกัน รวมไปถึงอุณหภูมิของชิปประมวลผลขณะที่ทำงานหนักๆ ก็จะมีความร้อนที่สูงหน่อย แต่ก็ไม่มีผลกับการใช้งานแต่อย่างใด และสุดท้ายกับเรื่องของดีไซน์หน้าตาที่ดูมีความอนุรักษ์นิยมตามสไตล์ของโน้ตบุ๊คแบรนด์ญี่ปุ่นมากๆ ซึ่งหลายคนอาจจะชอบหรือเฉยๆ หรือบางคนอาจจะไม่ชอบก็เป็นไปได้ แต่ส่วนตัวที่รีวิวแล้วก็ดูเรียบง่ายและสวยดีนะครับ
จุดเด่น
- โน้ตบุ๊คสายพันธ์ญี่ปุ่น Made in Japan
- ตัวเครื่องทั้งหมดใช้วัสดุแมกนีเซียมอัลลอยด์ (Magnesium Alloy) ซึ่งดีกว่าโลหะทั่วไปทั้งเบาและแข็งแรง
- เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.3″ แต่มีขนาดตัวเครื่องเล็กเทียบเท่ารุ่นหน้าจอ 12.5″ เพราะขอบจอบางเฉียบ
- มีความเบาสุดๆ ที่ 747 กรัม ซึ่งนับว่าเบาที่สุดในโลก และบางเพียง 15.5 มิลลิเมตรเท่านั้น
- ดีไซน์พิเศษบานพับแบบพิเศษช่วยให้ใช้งานดีขึ้น ในหลายๆ ส่วน
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ Full HD พาเนล IPS ขอบเขตสีใกล้เคียง 100% sRGB
- ขอบจอบางเฉียบด้วย เทคโนโลยี Nano Edge บางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
- ใช้งานจริงลื่นไหลแบบสุดๆ ด้วย Core i7-10510U + RAM 16GB + SSD 1TB
- ตัวเครื่องมีความแข็งแรงทนทาน ต่อการตกกระแทกและละอองน้ำระดับนึง
- มาพร้อม IR Camera ใช้งานผ่านทาง Windows Hello
- พอร์ตการเชื่อมต่อครบครันที่สุดในรุ่น 13.3″ ทั้ง USB-C / USB-A / LAN / HDMI
- มี Windows 10 แท้มาให้พร้อมใช้งานทันที มีซอฟต์แวร์ Fujitsu ช่วยจัดการ
- ระบบคามปลอดภัยระดับองค์กรครบเครื่อง สไตล์ Commercial
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 7 – 9 ชั่วโมง
- ประกันเป็น On-site Service ทั่วโลกระยะเวลา 2 ปี
- ราคาคุ้มค่า ประสิทธิภาพดี เมื่อเทียบแบรนด์อื่นๆ
ข้อสังเกต
- ดีไซน์ออกแนวแบรนด์ญี่ปุ่นแท้ๆ บางคนอาจจะชอบ บางคนอาจจะมองว่าเชย
- ถ้าเทียบแต่สเปก จะเห็นว่ามีราคาที่สูงกว่าโน๊ตบุ๊คในตลาดรุ่นอื่นๆ ประมาณนึง
- ความร้อนที่เกิดขึ้นสูงสุดที่ 100 องศาเซลเซียส ถือว่าสูงแต่ก็ไม่รบกวนการใช้งาน
Specification
สเปกของ Fujitsu LifeBook UH-X จะถูกแบ่งด้วยกันเป็น 2 รุ่น 2 สเปก หลักๆ คือ Core i5-10210U / Core i7-10510U ซึ่งในครั้งนี้แอดมินโป้งได้มาเป็นสเปก Core i7 ซึ่งด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i7-10510U ความเร็ว 1.80 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 4.80 GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด
ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 10 (Comet Lake) รุ่นล่าสุด ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร ในส่วนของการ์ดจอเป็นออนชิป Intel UHD Graphics 620 ที่เพียงพอกับใช้งานพื้นฐานแน่นอน ทั้งงาน 2 มิติ 3 มิติ อาทิ งานเอกสาร งานตกแต่งภาพ หรือดูหนังฟังเพลง เล่นเกมออนไลน์เบาๆ ความบันเทิงต่างๆ
โดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 13.3″แบบด้าน ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง ที่ sRGB ใกล้เคียง 100% ที่ความสว่าง 400 nits แรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 16GB LDDR3 Bus 2133MHz ซึ่งรองรับกับการใช้งานทั่วไปได้สบาย สำหรับฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB / 1TB
ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 AX และ Bluetooth 5.0 ด้วย นอกจากนี้ Fujitsu LifeBook UH-X ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call อีกทั้งมี IR Camera ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ลิขสิทธิ์แท้
สนนราคา Fujitsu LifeBook UH-X รุ่นที่มารีวิวสเปก i7 มีราคาอยู่ที่ 46,990 บาท ส่วนสเปก i5 จะมีราคาอยู่ที่ 39,990 บาท การรับประกันมีระยะ 2 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ซึ่งใครที่สนใจก็สามารถสั่งออนไลน์ได้ผ่านทางร้าน BaNANA ได้เลย ส่งฟรีถึงบ้านใน 3 ชั่วโมงด้วย
- Core i5-10210U / UHD Graphics 620 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 13.3″ IPS ราคา 39,990 บาท
- Core i7-10510U / UHD Graphics 620 / RAM 16GB / SSD 1TB / จอ 13.3″ IPS ราคา 46,990 บาท
โดยซื้อในช่วงนี้ยังมีโปรโมชั่นพิเศษ รับฟรีของแถม 4,180 บาท ไม่ว่าจะเป็น
- กระเป๋า UNIQ CAVALIER 2 in 1 มูลค่า 1,290 บาท
- Microsoft 365 Family มูลค่า 2,890 บาท
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบของ Fujitsu LifeBook UH-X นั้นจะดูกระฉับกระเฉงกว่าโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.3″ เนื่องด้วยมีขอบจอที่บางมากทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพาสุดๆ แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะเล็ก น้ำหนักเบาที่สุดเพียง 747 กรัม แบบชั่งน้ำหนักจริงๆ (ตามสเปก 778 กรัม) ซึ่งนั้นก็เบากว่ารุ่นหน้าจอขนาดเท่ากันมากๆ ทีเดียว ส่วนความบางที่ 15.5 มิลลิเมตร จัดว่าบางมากๆ อีกด้วย
เรียกได้ว่าเป็นโน้ตบุ๊ตที่ให้ความสบายในการนำติดตัวไปใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลาที่ดีที่สุดรุ่นนึงในตลาดประเทศไทยประจำปี 2020 นี้ทีเดียว อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าโดยรวมแล้วมีความเป็นเอกลักษณ์นิยมแบบญี่ปุ่นตามสไตล์ของ Fujitsu มากๆ แต่นั่นก็ทำให้มีความแตกต่างจากโน๊ตบุ๊คทั่วไปชัดเจนเหมือนกัน
เรียกได้ว่ามิติตัวเครื่อง Fujitsu LifeBook UH-X มีความกระทัดรัดเหมาะต่อการพกพา ด้วยดีไซน์ของขอบจอที่บางเฉียบ ส่วนฝากหลังจะเป็นโลโก้ Fujitsu ที่โดดเด่นแต่เรียบง่าย ที่สำคัญบานพับระหว่างจอภาพและตัวเครื่องด้วยฟีเจอร์ยางรองขอบด้านหลังทำหน้าที่เสมือนฐานรองรับ ทำให้คีย์บอร์ดทำมุมกับระนาบ
เมื่อกางหน้าจอประมาณ 145 องศา (กางได้มากสุดที่ 180 องศา) ทำให้การพิมพ์ง่ายและสบายยิ่งขึ้น ช่วยลดอาการปวดข้อมือ ปวดตามลำตัว และคอ ที่เกิดจากการพิมพ์เป็นระยะเวลานานไปได้เลย นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความใส่ใจที่เน้นว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่เน้นการใช้งานระดับมืออาชีพ
ตัวเครื่องโดยรวมจะทั้งหมดใช้วัสดุที่ดีที่สุดอย่างแมกนีเซียมอัลลอยด์ซึ่งดีกว่าโลหะทั่วไปอย่าง อลูมิเนียมอัลลอยด์ ไม่ว่าจะเป็นฝาหลัง ตัวเครื่องด้านใน และใต้ตัวเครื่อง ทำให้มีทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบาที่ดีกว่า อีกทั้งพื้นผิวเองก็มีการออกแบบให้จับได้กระชับมือไม่เป็นรอยนิ้วมือง่ายๆ ส่งผลให้เวลาที่เราเอามือมาวางบนคีย์บอร์ดจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป
ตรงนี้มีความเหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นใกล้เคียงกันแบบรู้สึกได้ทันที พร้อมใช้สีสันดำด้านให้ความเป็นทางการเวลาใช้งานแบบจริงจัง หรือใครจะเอาไปใช้งานทั่วไปอันนี้ก็แล้วแต่สะดวกไม่ติดอะไร อีกทั้งเรื่องความทนทานเรื่องของการตกกระแทก รวมถึงฝุ่นและละอองน้ำ เรียกได้ว่ามีความเชื่อมั่นที่สูงกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปในตลาดแน่นอน ซึ่งติดตั้งช่องระบายความร้อนไว้ที่ขอบตัวเครื่อง 1 ช่อง
นับได้ว่า Fujitsu LifeBook UH-X เป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานเน้นความบางเบาที่ครบเครื่องในทุกๆ ด้าน มีสเปกที่ดี แรงลื่น จัดเต็มด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ รวมถึงใส่ใจในการออกแบบทุกรายละเอียดจริงๆ ตอบโจทย์คนที่จริงจังด้านการทำงานระดับมืออาชีพ ด้วยน้ำหนักเบาสุดในตลาด ตัวเครื่องที่บางมากๆ
ซึ่งนับได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.3″ ที่เบาที่สุดในไทย ณ ตอนนี้ก็ว่าได้ ตอบสนองการพกพาไปใช้งานทุกที่ทุกเวลาอย่างที่สุด สามารถใส่ในกระเป๋าถือ หรือกระเป๋าเป้สะพายหลังได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่เดินทางอยู่ตลอดเวลา ยิ่งสาย Commercial ตามองค์กรต่างๆ นี่เหมาะสมอย่างที่สุดเลยล่ะ
Keyboard / Touchpad
ทางด้านของ Fujitsu LifeBook UH-X ตัวแป้นคีย์บอร์ดนั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำที่สกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีขนาดใหญ่พอดีกับนิ้วมือ ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ในส่วนการสัมผัสให้การสัมผัสที่นุ่มกำลังดี คีย์บอร์ดมีระยะห่างกำลังดี เป็นระยะห่างที่พิสูจน์แล้วว่าพิมพ์ได้สบายนิ้วมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น แป้นคีย์บอร์ดให้สัมผัสปลายนิ้วที่นุ่มนวลพร้อมกับระยะกดที่เหมาะสม มีไฟ Backlit สีขาว สามารถปรับได้ 3 ระดับ
ปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมบนขวาพร้อมไฟ LED แสดงสถานะของการใช้งานคีย์บอร์ด โดดเด่นด้วยสีสันที่แตกต่างเป็นสีเงินมันวาวแบบปุ่มเดียวเมื่อเทียบกับแป้นคีย์บอร์ดทั้งหมด อีกทั้งแป้นพิมพ์ที่กันน้ำหกสามารถปกป้องตัวเองจากอุบัติเหตุเล็กน้อย โดยไม่เกิดความเสียหาย และเราสามารถเช็ดทำความสะอาดได้โดยง่าย
ตัวทัชแพดมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ดีไซน์ออกมาแบบมีปุ่มแยกคลิกซ้ายคลิกขวา การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่การสัมผัสเลื่อนนิ้วไปมาจะดูลื่นๆ สักหน่อย ส่วนตัวซอฟต์แวร์ที่ให้มาสามารถควบคุมจัดการได้ดี ใช้งานแบบมัลติทัชได้ลื่นไหลพอสมควร เรียกได้ว่าใช้งานได้เยี่ยมยอดกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบชัดเจน
Screen / Speaker
หน้าจอ Fujitsu LifeBook UH-X เป็นพื้นผิวแบบด้านช่วยลดแสงสะท้อนได้ดี พร้อมขอบบางทั้ง 4 ด้าน ให้ความละเอียด Full HD พาเนล IPS เกรดสูง ที่ให้มุมมองกว้างถึง 178 องศา ที่ให้ภาพคมชัด สวยงามทุกมุมมอง ทำให้ไม่ว่าจะการใช้งานทั่วไป การเปิดหน้าเว็บ การชมภาพยนตร์ ซีรีส์ รวมถึงการเล่นเกมดูเต็มอารมณ์มากยิ่งขึ้น ส่วนขอบจอด้านบนจะเป็นตำแหน่งของกล้องหน้า รวมถึงยังมีหลอดไฟ LED สำหรับแสดงสถานะว่ากล้องทำงานอยู่ เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง
อีกทั้งแม้ขอบหน้าจอจะบางแต่ก็ยังติดตั้ง Webcam และไมโครโฟนแบบ 2 ตัว มีระบบตัดเสียงรบกวนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการประชุมแบบวิดีโอ (Video Conference) พร้อมด้วย IR Camera ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello ด้วย ส่งผลให้เราสามารถใช้งานได้สะดวกสบาย ไม่ต้องกรอกรหัสแบบเดิมๆ รวมถึงมีความปลอดภัยด้วย นอกจากนี้ยังมีการที่ใส่ยางขอบจอแบบติดเนียนตามตลอดแนวขอบจอเลย ทำให้ช่วยซับแรงกระแทกได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Fujitsu LifeBook UH-X ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 90% และ AdobeRGB ที่ 69% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นดีมากกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ พอตัว ซึ่งมีความเที่ยงตรงของสีสูง
ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 400 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่ามีความสว่างในระดับที่ดีเยี่ยม ทำให้เมื่อคาลิเบตหน้าจอแล้วสามารถไปทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงได้มาตรฐานระดับมืออาชีพเลยทีเดียว ส่งผลให้มีคะแนนรวมอยูท่ี 3.5 คะแนน ถือว่าคะแนนอยู่ในระดับกลางๆ คาดว่าจากการความสว่างของจอไม่ค่อยสม่ำเสมอนั่นเอง
ตัวลำโพงเป็นแบบสเตอริโอเลือกใช้ลำโพงให้เสียงที่ดีในระดับหนึ่ง ที่ถึงแม้จะมีความบางความเบาของตัวเครื่องอย่างที่สุด แต่ก็ได้คุณภาพทั้งเสียงเบสที่มีน้ำหนัก ไม่ใช่ใส่แต่เสียงกลาง เสียงแหลมออกมาอย่างเดียว โดยตัวลำโพงจะอยู่บริเวณใต้ตัวเครื่องขอบตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น
ทำให้เสียงที่ค่อนข้างดังพอสมควร แยกรายละเอียดได้ซ้ายขวาได้ดี รวมๆ แล้วถือว่าในส่วนของลำโพงถือว่าทำออกได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป ทั้งในคุณภาพเสียงที่ได้และเสียงดังฟังชัดเพียงพอจะออกไปในนอกสถานที่ได้แบบสบายๆ
Connector / Thin And Weight
มาดูในส่วนของรอบๆ ตัวเครื่อง Fujitsu LifeBook UH-X กันต่อ สำหรับพอร์ตถือว่าให้มาครบถ้วนที่สุดเท่าที่จะมีพื้นที่ด้านข้างแล้ว ด้วยการติดตั้งพอร์ต USB 3.2 Type-C มาให้จำนวน 2 พอร์ตด้วยสำหรับการรองรับอุปกรณ์ใหม่ๆ ซึ่งมี 1 ช่องรองรับการชาร์จไฟเป็น USB PD ด้วย รวมไปถึงยังมีพอร์ต USB-A และ HDMI ตัวเต็มปกติ ซึ่งไว้เชื่อมต่อกับหน้าจอภายนอก แม้ตัวเครื่องจะบางเฉียบ
แน่นอนว่ายังมี ไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรก็ยังมีอยู่เช่นเดิม รวมไปถึง Card Reader เองก็เป็นแบบ SD Card ซึ่งรองรับการใช้งานที่มากกว่า และที่น่าสนใจที่สุดจะเป็นในส่วนของ LAN RJ45 ที่ตัวเครื่องบางๆ แบบนี้สามารถติดตั้งมาได้ ดีไซน์แบบดึงออกมาแล้วกางออกเพื่อขยายช่อง ปิดท้ายด้วยพอร์ตชาร์จไฟปกติที่ใช้งานร่วมกับอแดปเตอร์ ส่วนด้านหน้าจะเป็นไฟ LED สถานะการทำงาน
น้ำหนักตัวเครื่องตามสเปกอยู่ที่ 778 กรัม แต่เมื่อชั่งจริงๆ จะอยู่ที่ 747 กรัมเท่านั้น และตัวอแดปเตอร์ที่ชาร์จเองก็มีขนาดเล็กจ่ายไฟที่ 65W หัวแบบปกติ ซึ่งเมื่อรวมเข้าไปด้วยกันแล้วน่าจะมีหนักราวๆ ไม่เกิน 1 กิโลกรัม ถือว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลยทีเดียว เพราะปกติแล้วโน๊ตบุ๊ค 13.3″ จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 2 กิโลกรัมขึ้นไป ซึ่งแน่นอนว่าออกแบบมาเพื่อตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบนั่นเอง
Inside / Upgrade
การแกะฝาล่างของเครื่อง Fujitsu LifeBook UH-X นั้นสามารถทำได้ง่ายมากๆ จากการที่ฝาหลังเป็นโลหะทำให้ค่อนข้างแข็งแต่ยืดหยุ่นพอสมควร เอาจริงๆ คือขอแค่มีไขควงสี่แฉกขนานพอดี ก็สามารถไขได้แล้ว (แต่น๊อตจะไม่เท่ากัน) ซึ่งหลังจากถอดน็อตทุกตัวเสร็จหมดแล้ว เราสามารถใช้มือค่อยๆ แกะออกที่ละส่วนได้เลย แต่ก็ต้องทำแบบใจเย็น ซึ่งเมื่อเปิดถึงภายในเครื่องแล้วจะเห็นการวางรูปแบบของฮาร์ดแวร์เครื่องนี้ทำได้ดูดีสมกับเป็นโน๊ตบุ๊คระดับมืออาชีพ
เรื่องระบายความร้อนตัวเครื่องมี Heat Pipe จำนวน 1 เส้น วางพาดชิปประมวลผล ส่วนพัดลมเครื่องนี้ก็มีมาให้ 1 ตัว โดยลมร้อนเป่าออกทางด้านหลังของตัวเครื่อง นอกจากนั้นแรมที่ติดตั้งมาขนาด 16GB จะเป็นแบบฝังบอร์ด ทำให้ไม่สามารถอัพเกรดได้ภายหลังตามสไตล์ของ Ultrabook โดยจะเห็นถึง SSD M.2 NVMe PCIe จำนวน 1 สล็อตซึ่งก็ติดตั้งมาแล้ว อย่างไรก็ตามเราจะเห็นว่าตัวเครื่องยังเหลือพื้นที่อีกพอสมควร คาดว่าในต่างประเทศอาจจะมีสเปกที่มีแบตเตอรี่ก้อนใหญ่กว่านี้ให้เลือกก็เป็นไปได้
Performance / Software
Fujitsu LifeBook UH-X ที่ได้รับมารีวิวเป็นสเปกขายจริง ได้ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดระดับสูงอย่าง Intel Core i7-10510U สถาปัตยกรรม Comet Lakeใหม่ล่าสุด ทำงานแบบ 4 Core / 8 Thread ความเร็ว 1.80 – 4.80 GHz เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 10 – 15 – 25Watt
ที่เน้นประสิทธิภาพความแรงกว่า Ice Lake 10 นาโนเมตร รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายๆ (ไม่มี AI) ส่วนแรมก็ให้มาเป็นแบบ 16GB LPDDR3 2133 MHz แบบออนบอร์ดที่เพียงพอต่อการใช้งานทันที อีกทั้งได้ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB ที่ได้ทั้งขนาดที่ใหญ่ใส่ไฟล์ได้เยอะ
การ์ดจอเป็นแบบออนชิปอย่าง Intel UHD Graphics 620 ไม่ต่างจาก Core i Gen 8 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้น แต่ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
แน่นอนว่าตัวเครื่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home มาตั้งแต่แกะกล่อง ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ Windows เลยครับ ส่วนถ้าต้องการเคลียร์เครื่อง ก็สามารถใช้งานฟังก์ชัน Reset this PC ที่อยู่ใน Settings ของ Windows 10 ได้เลยโดยไม่ต้องฟอร์แมต SSD เพื่อลง Windows ใหม่
ส่วนการทดสอบพลังประมวลผลด้วยโปรแกรม Cinebench ทั้ง 15 และ 20 ก็ให้ผลคะแนนในส่วนของ CPU ได้ดีตามระดับของ Core i7 Gen 10U สถาปัตยกรรม Comet Lake ซึ่งประสิทธิภาพดีกว่า Core i7 Gen 10U สถาปัตยกรรม Ice Lake เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก แน่นอนว่าถ้าเอาไปใช้งานทั่วไปพื้นฐานก็มีความลื่นไหลไร้ปัญหาแน่นอน และแม้ว่าจะเป็นการ์ดจอออนชิปแต่ก็พอใช้งานได้ 3 มิติได้บ้าง
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำผลทดสอบเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe PCIe ระดับกลางค่อยสูง แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด
เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2396 MB/s และเขียนที่ 1043 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจ จัดว่าเป็น SSD M.2 NVMe PCIe ระดับที่ความเร็วดีมากๆ แล้ว แม้ว่าอาจจะไม่เร็วสุดในตลาดก็ตาม
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 3,901 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 รุ่นใหม่ ทำให้รองรับการใช้งานที่หลากหลายและเปิดโปรแกรมได้มากมายอีกด้วย จากการที่ติดตั้งแรมมาขนาด 16GB
Fujitsu LifeBook UH-X เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง Function Manager ที่เราสามารถตั้งค่าบางอย่างของเครื่องเพิ่มเติมได้ ไม่ว่าจะเป็นการชาร์จไฟผ่านทาง USB-C โหมดการใช้งานของพัดลม และ Function Key ต่างๆ ของคีย์บอร์ด ที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย รวมไปถึงก็ยังสามารถจัดการการใช้งานแบตเตอรี่ได้ในระดับนึงอีกด้วย
Battery / Heat / Noise
ทดสอบการใช้งานแบตเตอรี่ Fujitsu LifeBook UH-X ซึ่งเป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายรุ่น กับความจุประมาณ 3500 mAh โดยสามารถใช้งานจริงต่อเนื่องยาวนานได้เกือบๆ 7 – 9 ชั่วโมงต่อเนื่อง ในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่จะเปลี่ยนแปลงตามการใช้งานของแต่ละคน โดยอาจจะขึ้นอยู่กับหลายๆ ตัวแปร
แน่นนอว่าในการทดสอบครั้งนี้ก็ได้ปรับเป็น Power Saver Mode พร้อมปรับแสงสว่างและระดับเสียงเหลือ 10% ซึ่งจากการทดสอบใช้งานจริงๆ ก็ถือว่ายาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปประมาณนึง แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ของ Ultrabook อีกทั้งยังรองรับการชาร์จไฟผ่านทาง USB-C ที่เป็น USB PD (Power Delivery) ที่ไม่ว่าจะเป็นอแดปเตอร์ชาร์จหรือ Power Bank ก็รองรับทั้งหมด
ทดสอบอุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 40 – 80 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าชิปประมวลผลจะร้อนที่สุดที่ 100 องศาเซลเซียส นับว่าระบบระบายความร้อนของ Fujitsu LifeBook UH-X เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีแทนที่กายภาพทำได้ เทียบกับโน๊ตบุ๊คสายทำงานสเปกแรงๆ หลายๆ รุ่น นับว่าพัดลมตัวเดียวถือว่าน่าประทับใจในระดับนึงเพราะร้อนไม่เกิน 100 องศาเซลเซียส
ซึ่งจากตามหลักการทำงานก็คือ ถ้าเกิน 100 องศา ระบบจะลดความเร็วชิปประมวลผลลงมาเพื่อความปลอดภัยอยู่แล้ว ฉะนั้นไม่ต้องกังวลไป ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 Comet Lake ที่ 14 นาโนเมตรเหมือน Gen 8 อีกทั้งยังเครื่องยังบางเบาสุดๆ แต่โดยรวมแล้วก็สามารถใช้งานแบบไร้กังวล ประสิทธิภาพดีไม่มีอาการหน่วงเลย
Conclusion / Award
มีความน่าสนใจอย่างที่สุด สำหรับโน๊ตบุ๊คสายทำงานระดับมืออาชีพหน้าจอ 13.3″ ที่เบาที่สุด พร้อมได้สเปกจัดเต็มอีกหนึ่งรุ่น ที่เชื่อว่าทุกๆ คนให้ความสนใจอย่าง Fujitsu LifeBook UH-X ที่ตอกย้ำแบรนด์ Fujitsu LifeBook ได้เป็นอย่างดี มาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงสเปคประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน
สมกับเป็นโน๊ตบุ๊ค Commercia ของทาง Fujitsu โดยเครื่องบางเพียง 15.5 มิลลิเมตร เบาที่สุดในตลาดที่ 747 กรัมเท่านั้น ซึ่งมาพร้อมกับสเปก Ultrabook ระดับสูง ได้ดีไซน์ดูเรียบๆ แต่ว่าได้ประสิทธิภาพขั้นสูง รองรับทุกๆ การใช้งาน (ที่ไม่ใช่การเล่นเกม 3 มิติ) ที่โดดเด่นนำหน้าใครๆ ด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบครันอย่างที่หาในโน๊ตบุ๊ครุ่นหน้าจอ 13.3″ เครื่องอื่นๆ ไม่ได้แน่นอน
สเปกของ Fujitsu LifeBook UH-X ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i7-10510U ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 10 (Comet Lake) รุ่นล่าสุด ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร หรือรุ่นเริ่มต้นจะเป็น Core i5-10210U โดยรวมอื่นๆ ก็ดีไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งแรมมาขนาดใหญ่ 16GB อีกทั้งยังใส่ SSD M.2 มาตรฐานความเร็วสูง ที่ความจุ 512GB – 1TB
เหลือเฟือกับการใช้งานทั่วๆ ไป หรืองานหนักๆ ที่ไม่ใช่งาน 3 มิติก็รองรับได้แบบสบายๆ เน้นเรื่องของการใช้งานพื้นฐานและการพกพาไปใช้งานนนอกสถานที่เป็นหลัก แบบแทบไม่ต้องพกพาอแดปเตอร์เลย หรือจะชาร์จไฟจริงๆ ก็รองรับเป็น USB PD ซึ่งตัวอแดปเตอร์ติดเครื่องเองก็ชาร์จไฟได้ทั้ง มือถือ และ Gadget อื่นๆ ได้ทั้งหมด
รวมถึงหน้าจอก็มีดีไซน์ที่บางเฉียบเป็นพาเนล IPS คุณภาพสูงได้ sRGB 90% ที่ความละเอียด Full HD แบบจอด้านเรียบเนียนตา ที่สำคัญมีกล้องอินฟราเรด IR Camera ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Windows Hello เรียกได้ว่าได้ความสะดวกและปลอดภัยอย่างที่ควรต้องมีในโน้ตบุ๊คสายทำงาน อีกทั้งแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนาน 7 – 9 ชั่วโมง เพียงพอต่อการใช้งานทั้งวันแบบสบายๆ
การออกแบบดีไซน์ของ Fujitsu LifeBook UH-X ที่ดูแล้วเรียบหรูและใช้วัสดุคุณภาพดีตลอดทั้งตัวเครื่อง งานประกอบก็เรียบร้อย มิติตัวเครื่องก็เล็กกระชับบางเบา พกพาสะดวก แต่ก็ต้องยอมรับว่าหน้าตาออกไปเป็นแนวอนุรักษ์นิยมตามทิศทางของโน๊ตบุ๊คแบรนด์จากประเทศญี่ปุ่นมากๆ ซึ่งส่วนตัว ถือว่าทำได้ดีมีเอกลักษณ์ แต่ก็เชื่อว่ามีหลายคนอาจจะเห็นว่ามันเชยไปหน่อยก็เป็นไปได้เหมือนกัน แต่ก็เจ๋งตรงที่เป็นโน้ตบุ๊คสายพันธ์ญี่ปุ่น Made in Japan
โดย Fujitsu LifeBook UH-X เน้นเข้ามาบุกตลาดระหว่างองค์กร, ธุรกิจขนาดกลาง และกลุ่มครีเอเตอร์มืออาชีพ ชูจุดแข็งเรื่องดีไซน์เครื่อง ความบางเบา และประสิทธิภาพการทำงานขั้นสูง หรือถ้าคนทั่วไปอยากได้โน๊ตบุ๊คบางเบามาตรฐานสูง ก็สามารถหาซื้อมาใช้งานเช่นเดียวกัน ปิดท้ายด้วยการรับประกันเป็นแบบ On-site Serice ซ่อมฟรีถึงบ้าน ยาวนานถึง 2 ปี สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่หน้าเว็บไซต์ของ Banana ได้เลย
- Core i5-10210U / UHD Graphics 620 / RAM 16GB / SSD 512GB / จอ 13.3″ IPS ราคา 39,990 บาท
- Core i7-10510U / UHD Graphics 620 / RAM 16GB / SSD 1TB / จอ 13.3″ IPS ราคา 46,990 บาท
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Fujitsu LifeBook UH-X ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Mobility
ปัจจัยสำคัญของด้านของพกพา เพราะเบาสุดเพียง 747 กรัม อีกทั้งมีขนาดมิติตัวเครื่องที่เล็กกะทัดรัดมากๆ แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานกว่า 7 – 9 ชั่วโมง อีกทั้งชาร์จไฟผ่านทาง USB-PD ได้ และการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ครอบคลุม ซึ่ง Fujitsu LifeBook UH-X ตอบโจทย์ทั้งสามด้านได้อย่างครบถ้วนครับ กับตัวเครื่องบางเบา ทำให้เป็นโน๊ตบุ๊คที่เหมาะมาก ๆ สำหรับการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ และนอกจากความบางเบา ยังมีความทนทานในระดับนึง สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานจริงจัง ดังนั้นจึงหายห่วงเรื่องความทนทานได้เลย
Best Design
ดีไซน์โดยรวมของ Fujitsu LifeBook UH-X มีความโดดเด่นเรื่องสีสันสีดำด้าน วัสดุเป็นแมกนีเซียมอัลลอยด์ที่ทั้งเบาและแข็งแรง ให้พื้นผิวแบบด้านมีพื้นผิวไม่เรียบจับถือสะดวกเป็นรอยนิ้วยาก รวมถึงหน้าจอขอบบางที่ทำให้สามารถใช้งานจอขนาด 13.3″ ภายในตัวเครื่องที่มีขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปที่ใช้จอขนาดเดียวกัน ให้มิติที่เล็กกระชับลงกว่าเดิม ไปจนถึงบานพับที่ช่วยเสริมประสบการณ์การใช้งานได้เป็นอย่างดี เพิ่มสีสันให้กับรายละเอียดรอบนอกเครื่องแบบโค้งมน ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนเน้นทำงานระดับมือาชีพหรือองค์กร
Best Ultrabook
จัดเต็มด้วยฟีเจอร์จริงๆ สำหรับ Fujitsu LifeBook UH-X สำหรับประเภท Ultrabook ระดับสูงที่ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาราคา 39,990 – 46,990 บาท ที่มาพร้อมสเปคอย่างชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 สถาปัตยกรรม Comet Lake รวมถึงมีแรม 16GB LDDR3 Bus 2133MHz และฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB ซึ่งมี IR Camera ช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.3″ ที่บางเบาที่สุดในประเทศไทย เหมาะกับการใช้งานทั่วไปเน้นหลากหลาย ดีไซน์ก็พรีเมียม เรียกได้ว่าหาได้ยากสำหรับโน๊ตบุ๊คบางเบาแบบนี้