เคล็ดไม่ลับ! วิธีแก้ปัญหา iPhone เครื่องร้อน จัดการได้เอง ไม่เสียสักบาท
ปัญหาโทรศัพท์มือถือหรือไอโฟนเครื่องร้อน ที่มันจะมาแบบ งง ๆ เราใช้อยู่ดี ๆ ก็อาจมีสัญญาณเตือนเกิดขึ้นมาว่าเครื่องร้อนเกินไป หรือร้อนจนทำให้เครื่องกระตุก ค้างไปเลยก็มี หรือบางทีก็ไม่มีการแจ้งเตือนอะไรทั้งนั้น แต่ร้อนจนไม่อยากจับ เรามาดูสาเหตุของอาการเหล่านี้กันดีกว่าว่ามีสาเหตุมาจากปัญหาอะไรบ้าง แล้วเราจะสามารถแก้ไขได้อย่างไร
เวลาที่เราเล่นสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็น ไอโฟน หรือ แอนดรอย โดยปกติแล้วใครหลายคนก็ไม่ค่อยได้เจอกับปัญหาเครื่องร้อนเท่าไรนัก แต่ปัญหานี้ก็ใช่ว่าจะไม่มี เพราะแม้ว่าเราจะใช้งานสมาร์ทโฟนของเราดีขนาดไหน ไม่ได้แปลว่าปัญหาไอโฟนเครื่องร้อน หรือแอนดรอยเครื่องร้อนนั้น จะไม่เกิดขึ้น และสาเหตุหลัก ๆ เลยของอาการเหล่านี้ก็มักจะมาจากการใช้งานเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมักเกิดได้ทั้งจากความไม่ตั้งใจและความตั้งใจ หรือบางกรณีก็เกิดขึ้นโดยที่ผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ ไม่ทันตั้งตัวเสียด้วยซ้ำ และถึงแม้ว่าปัญหามือถือเครื่องร้อนนั้นอาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หรือจะไปห้ามไม่ให้เครื่องร้อนได้ แต่เบื้องต้นก็ยังมีเรื่องของสาเหตุที่อาจเป็นที่มาของปัญหานี้ได้เหมือนกัน ซึ่งเราก็สามารถป้องกันได้ ก่อนที่มือถือของเราจะร้อน ทีมงานเลยอยากบอกถึงสาเหตุที่มักทำให้สมาร์ทโฟนมีปัญหาเครื่องร้อน รวมไปถึงวิธีการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นที่จะจัดการกับอาการนี้ได้นั่นเอง จะมีอะไรกันบ้าง ไปดูกันเลย
- มือถือร้อนแค่ไหนถึงอันตราย
- สาเหตุและวิธีแก้ไขปัญหาไอโฟนเครื่องร้อน
- แก้ไข iPhone เครื่องร้อนจากอุปกรณ์ภายนอก
- แก้ไข iPhone ร้อน จากสาเหตุจากภายในตัวเครื่อง
- แก้ไขด้วยการปิด Background App Refresh
- จัดการปัญหา ไอโฟนร้อนด้วยการ ลดแสงหน้าจอ
- แก้ไขไอโฟนเครื่องร้อน กระตุก ด้วยการปิด GPS
- แก้ไข iPhone เครื่องร้อนด้วยการปิด Bluetooth
- ปัญหาไอโฟนเครื่องร้อนจาก การเปิดใช้งานเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
- จัดการปัญหาไอโฟนร้อนด้วยการปิด Siri
- จัดการ iPhone ร้อนด้วยโหมดประหยัดพลังงาน
- แก้ปัญหา iPhone ร้อนจากเคส
มือถือเครื่องร้อน และไอโฟนเครื่องร้อนแค่ไหนถึงอันตราย?
ก่อนที่จะรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เครื่องได้ เรามาดูกันก่อนว่าร้อนขนาดไหน ถึงต้องควรระวัง หรือเกินกว่าเครื่องจะรับได้แล้ว ซึ่งปกตินั้น ในมือถือปกติ รวมไปถึง iPhone จะมีอุณภูมิที่กำหนดเอาไว้อยู่ในเครื่อง ก็คือเฉลี่ยโดยประมาณ 0-35 องศา ที่เครื่องจะพอรับได้ ถ้าเกินกว่านี้ หรืออยู่ในอุณภูมิที่ต่ำเกินไป เครื่องก็จะเริ่มส่งสัญญาณเตือนแล้ว บ้านเราคงไม่ได้หนาวขนาดติดลบได้ ตัดข้อนี้ไปเลย แต่เรื่องความร้อนนี่มีสิทธิ์เกิดขึ้นสูงมาก ทั้งการใช้งานแบบหนัก ๆ ใช้งานกับอุปกรณ์ผิดประเภท จนไปถึงสภาพภูมิอากาศ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ด้วยเหมือนกัน ยิ่งเครื่องร้อน เครื่องยิ่งค้าง ไปจนถึงอาการแบตลดลงเร็วกว่าปกติ ก็ยิ่งเป็นปัญหา ที่ไม่ควรละเลย และต้องแก้ไขให้รวดเร็ว ก่อนเครื่องจะพังได้
สาเหตุที่ทำให้ไอโฟนเครื่องร้อน และวิธีแก้ไขปัญหา
ในส่วนของสาเหตุที่ทำให้ไอโฟนเครื่องร้อน หรือมือถือของเราเครื่องร้อนนั้น หลัก ๆ ก็จะแบ่งออกเป็น 2 แบบ นั่นก็คือ อาการเครื่องร้อนจากภายในอุปกรณ์ และอาการเครื่องร้อนที่เกิดจากภายนอก ยิ่งสมาร์ทโฟนที่ทำจากวัสดุประเภทโลหะ อย่างไอโฟน หรือสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงต่าง ๆ ก็ยิ่งเป็นนำความร้อนได้ดีเลยทีเดียว และความร้อนจากภายในตัวเครื่องเอง อย่างพวกแอพพลิเคชันต่าง ๆ ที่ทำให้เครื่องร้อนได้อยู่เหมือนกัน รวมไปถึงตัวระบบของมือถือด้วย ที่สามารถทำให้เครื่องร้อนกว่าปกติได้
Hardware หรืออุปกรณ์ภายนอก ซึ่งสาเหตุนี้มักเกิดจากที่ชาร์จ และสายชาร์จที่ไม่ได้คุณภาพ หรือไม่ผ่านมาตรฐาน ‘made for iPod iPhone iPad‘ ที่แม้ว่าจะมีราคาที่ถูกลง แต่ก็ไม่มีมาตรฐานมารองรับว่าใช้แล้วจะปลอดภัยหรือไม่ ซึ่งถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาก็คงจะหาสาเหตุได้ไม่ยาก ทีมงานก็อยากแนะนำว่าควรใช้อุปกรณ์ที่ผ่านมาตรฐานนี้ แถมในปัจจุบันอุปกรณ์สำหรับชาร์จไฟที่ผ่านมาตรฐาน Made for iPod iPhone iPad ก็มีค่อนข้างมาก และยังอยู่ในราคาที่เอื้อมถึงได้ง่ายอีกด้วย
Software หรือในส่วนของระบบภายในนั้น การมีแอพพลิเคชันที่กำลังทำงานอยู่ระหว่างการชาร์จ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เครื่องร้อนได้ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ อย่างกรณีที่เราเล่นเกมไปด้วย ชาร์จแบตเตอรี่ไปพร้อมกัน จะสังเกตได้ว่าเครื่องจะร้อนเป็นพิเศษ ซึ่งสาเหตุก็คือมีแอพพลิเคชันที่ทำงานอยู่เบื้องหลังตลอดเวลานั่นเอง
หรือในอีกกรณี สำหรับใครที่ชอบเปิดหน้าจอทิ้งไว้ หรือในระหว่างที่ชาร์จไฟอยู่ ก็ลืมกดปุ่มล็อกหน้าจอ ตัวเครื่องก็ยังเปิดหน้าจออยู่อย่างนั้น แม้ว่าผ่านไประยะหนึ่งตัวหน้าจอจะลดแสงลง เมื่อมือของเราไปแตะโดนหน้าจอก็จะสว่างขึ้นมาอีก ในส่วนนี้ สิ่งที่ทำให้เกิดสาเหตุเครื่องร้อนอาจไม่ได้มาจากหน้าจอที่ทำงานตลอดเวลาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นแอพพลิเคชันที่ทำงานอยู่เบื้องหลังด้วย อย่างที่ทราบกันว่า ถ้าเราล็อกหน้าจอนั้น แอพพลิเคชันก็จะถูกระบบจำกัดการทำงานของแอพเบื้องหลังลง แล้วยิ่งถ้าเราไม่ได้ล็อกหน้าจอ ก็ทำให้แอพที่อยู่เบื้องหลังเหล่านั้นก็ยังคงทำงานอย่างปกติ ส่งผลให้เครื่องร้อนได้นั่นเอง
1. แก้ไข iPhone เครื่องร้อนจากอุปกรณ์ภายนอก
ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นสิ่งที่มักจะถูกมองข้ามไป อุปกรณ์ที่พูดถึงก็คือ สายชาร์จ และอแดปเตอร์ ที่ไม่ใช่ของแท้ (ของปลอมแหละ) ยิ่งเป็นสายที่ไม่ได้ผ่านการรับรองจาก Apple หรือการรับรองที่ได้มาตรฐานนั้น ก็ยิ่งเป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้มือถือ และไอโฟนเครื่องร้อนสูงได้เลย รวมไปถึงกรณีที่แบตเริ่มเสื่อม ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องร้อนได้นะ
วิธีการแก้ ก็คือ ถ้าหากรู้สึกว่าเครื่องร้อนเกินไป ให้รีบถอดสายออกทันที และปล่อยเครื่องทิ้งไว้สักพัก (ถ้าเคสหนา เอาเคสออกด้วยก็ช่วยได้นะ) หรือจะทำการรีบูทหนึ่งครั้งด้วยก็ได้ เพื่อให้ระบบได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมก่อน และที่สำคัญก็คือ ให้หาสายและอแดปเตอร์ของแท้มาใช้งาน อย่าใช้ของปลอมเป็นเวลานาน เพราะนอกจากจะทำให้เครื่องร้อนแล้ว จะยิ่งทำให้แบตเสื่อมไวด้วย อาจไปถึงขั้นแบตบวม และแผงวงจรเสียได้เลย สมัยนี้อุปกรณ์ของแท้ หรือของที่มีมาตรฐานก็ไม่ได้แพงมากนัก หากเทียบกับตัวเครื่องที่อาจจะพังได้แล้ว ก็อย่าเสี่ยงเลยดีกว่า ไม่คุ้มแน่นอน
ความร้อนที่เกิดจากแบตเตอรี่ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เครื่องร้อนจัดได้ หากรู้สึกว่าแบตเริ่มเสื่อม หมดไวกว่าการใช้งานปกติ หรือเครื่องเริ่มนูน ๆ เป็นสัญญาณว่า แบตบวม ให้รีบแปลี่ยนแบตเตอรี่ ก่อนที่จะส่งผลกระทบไปสู่แผงวงจร และระบบอื่น ๆ ภายในเครื่องมากกว่าเดิม
2. แก้ไข iPhone ร้อน จากสาเหตุจากภายในตัวเครื่อง
ปัญหาจากในตัวเครื่องเองนั้น ส่วนใหญ่จะเกิดจากแอพ หรือเวอร์ชันขอระบบเอง ที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้ ได้แก่
iOS ที่ใหม่เกินไป ก็เป็นไปได้ที่อาจจะทำให้เครื่องร้อน เนื่องจากใน OS ใหม่ที่อัพเดทนั้น ไม่ได้รองรับกับรุ่นมือถือที่ใช้งานอยู่ หรืออาจจะรองรับก็จริง แต่สเปคภายในเครื่อง ไม่ได้มีประสิทธิภาพพอที่จะใช้งานได้ จึงทำให้เครื่องนั้นทำงานหนักเกินไป สุดท้ายแล้วเครื่องก็จะร้อนเกินไปนั่นเอง
วิธีแก้ปัญหา สามารถทำได้โดยการ กลับไปใช้เวอร์ชันเดิม ก่อนที่จะอัพเดทเป็นเวอร์ชันใหม่ เพื่อให้เครื่องได้ทำงานเป็นปกติเหมือนเดิมได้
3. แก้ไขด้วยการปิด Background App Refresh
การเปิด Background App Refresh ก็เป็นอีกกรณี ที่เกิดจากตัวแอพพลิเคชัน ที่ทำงานอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะปิดแอพ นั้นลงไปแล้ว แต่ก็ยังคงทำงานอยู่เบื้องหลัง เราจะเรียกฟีเจอร์เหล่านี้ว่า Background App Refresh ก็คือแอพ จำพวกที่ต้องมีการแจ้งเตือนอยู่ตลอดเวลา เช่น Facebook, Line, Instagram พวกนี้ จะมีการอัพเดทอยู่เสมอ รวมไปถึงบางแอพ ที่ต้องมีการเปิด GPS และ เปิดการเชื่อมต่ออยู่ตลอดเวลา
วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้น ก็คือ ให้เข้าไปตั้งค่า โดยการเข้าที่เมนู Settings > General > Background App Refresh เมื่อเข้าไปยังหน้านี้แล้ว ก็ให้ทำการปิดแอพพลิเค ที่ไม่ได้ใช้งานไปก่อน หรือถ้ามีแอพ ไหนที่รู้สึกว่าไม่จำเป็นต่อการใช้งาน ก็ให้ทำการลบแอพนั้น ๆ ออกไปเลยก็ได้ จะยิ่งช่วยให้เครื่องทำงานหนักน้อยลง ยิ่งเวลาชาร์จแบต หากเราใช้งานหลาย ๆ แอพ ไปพร้อมกัน ก็จะยิ่งทำให้เครื่องร้อนเกินปกติได้ด้วย
4. จัดการปัญหาไอโฟนร้อนด้วยการ ลดแสงหน้าจอ
ความสว่างของหน้าจอ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ใช้แบตเตอรี่มาก อย่างที่ทุกคนทราบกันดียิ่งหน้าจอใหญ่ ยิ่งความละเอียดหน้าจอมาก และยิ่งปรับความสว่างมาก ก็จะทำให้ใช้แบตเตอรี่เพิ่มด้วยเช่นกัน วิธีแก้ไขปัญหา คือ ให้ลองปรับความสว่างไม่เกิน 60% ซึ่งก็น่าจะเพียงพอให้ใช้งานกันได้ไม่ยากเย็นอะไร แต่ในส่วนของฟีเจอร์การปรับความสว่างอัตโนมัตินั้นก็ไม่แน่ว่าจะช่วยเรื่องของปัญหาเครื่องร้อนได้ดีหรือไม่ เพราะบางคนก็ชอบและถนัดในการใช้งานในฟีเจอร์นี้ แต่บางเวลาที่หน้าจอสว่างมาก ก็จะต้องแลกมากับการที่สมาร์ทโฟนกินแบตเตอรี่มากขึ้นเช่นกัน
การลดแสงหน้าจอก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ และยังช่วยให้หน้าจอไม่ทำงานหนักเกินไป ยิ่งเปิดแสงหน้าจอมากแค่ไหน ก็ยิ่งกินแบตมากเท่านั้น และหากทำไปเรื่อย แบตก็ต้องทำงานหนัก และส่งผลให้เครื่องร้อนตามมาได้นั่นเอง
5. แก้ไขไอโฟนเครื่องร้อน กระตุก ด้วยการปิด GPS
การเปิด GPS เป็นอีกหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่ลดเร็วก็ว่าได้ ปกติแล้วถ้าเปิด GPS เราจะมีการส่งข้อมูลตำแหน่งของเราออกไปเรื่อย ๆ จึงใช้พลังงานเรื่อย ๆ เช่นกัน หากมองในเรื่องของความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวแล้วควรจะปิดเอาไว้ เพราะการที่ให้ใครก็ไม่รู้ รับรู้ตำแหน่งของเรานั้นย่อมไม่เป็นเรื่องดีแน่นอน หรือถ้าจะใช้งานจริง ๆ ก็ใช้เวลาเปิดแผนที่ก็พอ โดยเข้าไปที่ Settings (ตั้งค่า) >> Privacy (ความเป็นส่วนตัว) >> Location Services (บริการตำแหน่งที่ตั้ง)
6. แก้ไข iPhone เครื่องร้อนด้วยการปิด Bluetooth
Bluetooth ถ้าเราเปิด Bluetooth เอาไว้เครื่องของเราจะทำการปล่อยสัญญาณ Bluetooth ออกมาตลอดเวลาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเชื่อมต่อ ทำให้กินพลังงานไปเรื่อย ๆ ในส่วนนี้ถ้าไม่ใช้ก็ควรปิดเอาไว้จะดีกว่า ในเรื่องของความปลอดภัยด้วย คงไม่ดีแน่ถ้าเราลืมปิดประตูบ้านของเรา
สำหรับการปิด Bluetooth นั้น ทีมงานอยากแนะนำให้เข้าไปปิด Bluetooth จากใน Settings มากกว่าที่จะปิดจากแผงควบคุมหรือ Control Center เนื่องจากการปิด Bluetooth จาก Control Center นั้น จะเป็นการปิดเพียงชั่วคราวเท่านั้น หากมีอุปกรณ์ที่มีสัญญาณ Bluetooth ตัวเครื่องของเราก็จะยังทำการค้นหาอุปกรณ์นั้น ๆ อยู่ แต่การปิดจากใน Settings นั้น จะทำให้ไอโฟนของเรา ทำการปิด Bluetooth โดยจะไม่มีการค้นหาสัญญาณ Bluetooth อีก จนกว่าเราจะทำการเปิด Bluetooth อีกครั้ง
การปิด Bluetooth ใน Setting นั้นก็สามารถทำได้ง่ายมาก ๆ เพียงแค่ ไปที่แอพพลิเคชัน Settings >> Bluetooth >> จากนั้นทำการปิด Bluetooth
7. ปัญหาไอโฟนเครื่องร้อนจาก การเปิดใช้งานเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ความเชื่อผิด ๆ ว่าการใช้งาน 3G แทนที่จะเป็น 4G ทำให้ประหยัดแบตเตอรี่ขึ้น จริง ๆ แล้วจะ 3G หรือ 4G ก็ใช้แบตเตอรี่ไม่ต่างกัน แต่ 4G เป็นเทคโนโลยีที่ใหม่กว่าทำให้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า ลองคิดง่าย ๆ ประมาณว่า 3G ความเร็ว 20 mbps แต่ 4G ความเร็ว 100 mbps เราต้องการโหลดไฟล์ 1 GB คำถามคืออะไรจะโหลดได้เสร็จก่อนกัน คำตอบคือ 4G อย่างไม่ต้องสงสัย แน่นอนว่าโหลดเสร็จก่อนก็ใช้เวลาน้อยกว่า พลังงานที่ใช้ก็น้อยกว่าเช่นกัน วิธีการตั้งค่า Settings (ตั้งค่า) >> Cellular (เซลลูลาร์) >> Cellular Data Options (ตัวเลือกข้อมูลเซลลูลาร์)
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนั้น iPhone ได้มีรุ่นที่รองรับ 5G แล้ว แต่ก็ยังอยู่ในช่วงแรก ๆ ที่ยังวางสัญญาณไม่ครอบคลุม ก็มีความเป็นไปได้สูงว่า เปิดใช้งาน 5G จะกินแบตเตอรี่มากกว่าเปิด 4G เนื่องจากตัวเครื่องต้องสแกนหาสัญญาณ 5G บ่อยกว่าปกติ
8. จัดการปัญหาไอโฟนร้อนด้วยการปิด Siri
ปิด Siri Always On ปกติแล้วฟีเจอร์นี้จะทำให้ Siri พร้อมรับคำสั่งจากเราตลอดเวลา หรือหมายความว่าจะเป็นการเปิดการใช้งานไมโครโฟนตลอดเวลานั่นเอง ดังนั้น การเข้าไปปิด Siri Always On ก็จะเป็นการปิดการทำงานไม่ให้ Siri คอยทำงานและเปิดไมโครโฟนเพื่อรอรับคำสั่งเสียงจากเราอยู่ตลอดเวลานั่นเอง ซึ่งการปิดฟีเจอร์นี้ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะใช้งาน Siri ไม่ได้ ซึ่งโดยปกติการเรียนใช้งานเราก็ทำเพียงแค่ กดปุ่ม Power ค้างไว้ (สำหรับ iPhone รุ่นที่ไม่มีปุ่ม Home) หรือกดปุ่ม Home ค้างไว้ (สำหรับ iPhone ในรุ่นที่มีปุ่ม Home) เพียงเท่านี้ ก็สามารถเรียกใช้งาน Siri ได้แล้ว
นอกจากนั้น ในแอพพลิเคชันที่เราไม่ได้ต้องการให้ Siri ทำการแนะนำ หรือใช้งานผ่าน Siri เราก็สามารถเข้าไปปิดการทำงานของ Siri กับแอพพลิเคชันนั้น ๆ ได้ ทั้งการเข้าไปปิดทีละแอพ หรือจะเข้าไปที่ Siri & Search แล้วทำการปิดการ Suggestions ของ Siri ไปเลย ก็จะช่วยลดการทำงานของ Siri ลง ซึ่งนอกจากจะช่วยจัดการปัญหาไอโฟนเครื่องร้อนแล้ว ก็ยังช่วยในการประหยัดแบตเตอรี่ของไอโฟนไปได้ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ใช้งานด้วย สำหรับใครที่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นปัญหา และอยากใช้งานแอพพลิเคชันผ่านการสั่งการ Siri นั้น ในส่วนนี้อาจไม่จำเป็นต้องเข้าไปปิดการแนะนำแอพพลิเคชันก็ได้เช่นกัน
9. จัดการ iPhone ร้อนด้วยโหมดประหยัดพลังงาน
เปิดโหมดประหยัดพลังงาน เป็นอีกหนึ่งทางออกง่าย ๆ สำหรับคนที่ไม่อยากทำวิธีด้านบน Settings (ตั้งค่า) >> Battery (แบตเตอรี่) >> Low Power Mode (โหมดประหยัดพลังงาน) แต่การเปิดโหมดนี้ระบบจะไปตัดการทำงานหลาย ๆ ส่วนของตัวเครื่อง ทำให้บางทีการแจ้งเตือนไม่ขึ้น เล่นเกมกระตุก เป็นต้น จึงแนะนำว่าให้ใช้โหมดนี้เมื่อต้องการจะเก็บแบตเตอรี่ไว้ใช้ยามจำเป็นเท่านั้น เช่น แบตเตอรี่เหลือ 20% แต่ยังกลับไม่ถึงบ้าน เป็นต้น ส่วนวิธีด้านบนเป็นวิธีช่วยลดการใช้แบตเตอรี่ ทำให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้นโดยที่ยังคงประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดเอาไว้
เพิ่มเติมก็คือ เราสามารถลองตรวจสอบแอพพลิเคชันได้ว่า แอพตัวไหนที่ใช้แบตเตอรี่ของเราไปมากที่สุด โดยเข้าไปที่ Settings (ตั้งค่า) >> Battery (แบตเตอรี่) ในหน้านี้จะแสดงรายชื่อแอพพลิเคชันที่ใช้แบตเตอรี่มากออกมาเป็นอันดับ
10. แก้ปัญหา iPhone ร้อนจากเคส
เคสโทรศัพท์มือถือ เป็นอีกข้อหนึ่งของการแก้ปัญหา ซึ่งอาจจะดูไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเคสเป็นนั้นมีส่วนทำให้ไอโฟนเครื่องร้อน โดยเพราะกับเคสหนา ๆ ที่ทำให้ตัวเครื่องไม่สามารถระบายอากาศได้ดีเท่าที่ควร ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นเคสที่ทำมาจากยาง ดังนั้น ทางที่ดีเราอาจจะหาเคสที่สามารถระบายอากาศได้ดี หากใครกังวลว่าเคสที่บางเกินไปจะไม่กันสามารถป้องกันอะไรได้นั้น ปัจจุบันเคสกันกระแทกที่ผลิตออกมาก็มีน้ำหนักเบา แข็งแรง แถมยังระบายความร้อนได้ดีขึ้นอีกด้วย
ทางที่ดีหากพบว่า หน้าจอเตือนขึ้นมา ว่ามีระดับความร้อน ที่เกินกว่าความพอดีของมือถือที่จะรับได้ ควรที่จะต้องรีบปิดเครื่อง หลังจากนั้นให้ทำการรีบูททันที และวางทิ้งไว้ก่อน เพื่อให้เครื่องได้ปรับอุณหภูมิเป็นปกติ ข้อสำคัญ คือ อย่านำมือถือ หรือไอโฟนเครื่องร้อน เข้าไปแช่ในตู้เย็น เพื่อให้เครื่องเย็นเร็วขึ้นนะ เพราะวิธีนี้อาจทำให้ระบบภายในชื้น และทำให้อุปกรณ์ภายในเสียหายได้ในทันที อย่าหาทำเลยจะดีกว่า
แล้วทั้งหมดนี้ ก็เป็นสาเหตุหลัก ๆ ทั้งจากภายนอกที่เป็นอุปกรณ์ และภายในจากตัวระบบ และแอพพลิเคชันเบื้องหลัง ที่เป็นปัจจัยทำให้เครื่องร้อนได้ทั้งนั้น ซึ่งหากเกิดปัญหาขึ้นมา ก็อย่าเพิ่งรีบตื่นตูมไปซ่อม ให้ลองหาสาเหตุกันก่อน ว่าเกิดจากเครื่อง หรือเกิดจาการใช้งานของเราเอง หากรู้แล้วก็ควรจะรีบแก้ไข และป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับแบตเตอรี่ได้อีกด้วย แต่ถ้าท้ายที่สุดแล้วสมาร์ทโฟนของเรายังคงร้อนอย่างแก้ไขไม่ได้ ก็ต้องพึ่งพาศูนย์ซ่อมและให้บริการของสมาร์ทโฟนในแต่ละแบรนด์ในการแก้ไขปัญหานี้