การมาของ MSI Summit Series ซึ่งเป็นที่สุดของ Business Notebook ประสิทธิภาพสูงจาก MSI มาพร้อมชิปประมวลผลสเปก Intel Core I Gen 11 Tiger Lake รุ่นล่าสุด ได้ AI ช่วยทำงานในตัว พร้อมสุดยอดชิปกราฟิกออนชิปรุ่นใหม่อย่าง Intel Iris Xe ที่บรรจุไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมายล้ำหน้า
ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นกราฟิกสำหรับแสดงผลในตัวหน่วยประมวลผลที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา อีกทั้งได้ในส่วนของน้ำหนักเบาและดีไซน์ที่บาง แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 16 ชั่วโมง ตอบโจทย์ด้านการพกพาที่สะดวกสบายกว่าเดิม โดยต่อยอดมาจาก Modern Series / Prestige Series นั่นเอง
โดยแบ่งเป็นซีรีส์ย่อย คือ Summit B กับโน๊ตบุ๊คที่มีจุดเด่นอยู่ที่ระยะเวลาในการใช้งานของแบตเตอรี่ ที่มีระยะเวลายาวนานกว่า 10 ชั่วโมง เพื่อตอบสนองการใช้งานนอกสถานที่ตลอดทั้งวัน พร้อมดีไซน์อันสะดวกในการพกพา ให้เราทำงานได้แม้ว่าอยู่ในขณะเดินทางและอีกหนึ่งซีรี่ส์ที่มีความสามารถสูงขึ้นไปอีกขั้น นั่นก็คือ Summit E ซึ่งเป็นโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมกับกราฟิกการ์ดแบบแยก มีหลายระดับแตกต่างกันไปตามการใช้งาน
ที่สำคัญคือมีการติดตั้งกล้องอินฟราเรด สำหรับรักษาความปลอดภัยแบบประเภทที่ต้องใช้การสแกนใบหน้า มาพร้อมการใช้งานร่วมกับ Windows Hello ให้คุณสามารถตั้งโปรไฟล์การสแกนใบหน้าได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งได้คุณสมบัติในการตัดเสียงรบกวนเมื่อมีการประชุม รวมถึงคุณยังสามารถใช้ฟังก์ชั่นทัชสกรีนในการทำงานได้อีกด้วย
ผลิตภัณฑ์โน๊ตบุ๊ค MSI Summit Series ที่เป็นกลุ่มสายงานธุรกิจของ MSI ทั้งหมดนั้น ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อตอบโจทย์ความคาดหวังอันอยู่ในระดับสูงของกลุ่มผู้ใช้งานทางธุรกิจและระดับองค์กร แน่นอนว่ามาพร้อมกับการขจัดปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการใช้งาน
และทั้งหมดนี้มารวมกันภายใต้รูปร่างที่บางเฉียบ แต่มีความแข็งแรงอันเปรียบเสมือนดั่งหินผา มาพร้อมมาตรฐานความทนทานระดับ Military Grade รวมถึงมีฟังก์ชั่นพิเศษอย่าง TPM 2.0 เสริมความปลอดภัยและมีมาตรการป้องกันให้กับข้อมูลสำคัญในธุรกิจ
อีกทั้งยังได้เห็นการปรับดีไซน์ของโลโก้ใหม่ที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันและเต็มไปด้วยความหมายอันลึกซึ้ง โดยคำนึงถึงหลัก “จำนวน Fibonacci” และยังมีหลัก “สัดส่วนทองคำ” เพื่อแสดงถึงวิสัยทัศน์อันล้ำลึกของ MSI ในการผลิตสินค้าที่มาพร้อมประสิทธิภาพที่สูงที่สุดในการใช้งาน
โดยหลักๆ แล้ว MSI Summit Series แบ่งออกเป็นรุ่นต่างๆ ดังต่อไป
Summit E14 / E15
สำหรับ MSI Summit E14 / E15 เป็นการใช้พื้นฐานของ MSI Prestige 14 / 15 มาพัฒนาให้ตอบโจทย์การใช้งานเป็น Business Notebook มายิ่งขึ้น กับการเป็นโน้ตบุ๊คสายบางเบาที่แข็งแรงทนทาน ประสิทธิภาพสูง ที่มีน้ำหนักเบาสุดๆ เพียง 1.3 กิโลกรัม สำหรับ MSI Summit E14 ที่เป็นรุ่นหน้าจอ 14″ ส่วน MSI Summit E15 จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.6 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งเป็นหน้าจอ 15.6″
สเปกหลักๆ แน่นอนว่าเลือกใช้งานเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 อย่าง Core i7 ตัวแรงสุด อีกทั้งได้แรมแบบจัดเต็มที่ 16GB – 32GB และมีที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe PCIe แบบความเร็วสูง ที่ความจุ 1TB โดยทั้ง 2 รุ่นมีสเปกที่เป็นการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce GTX 1650 Ti Max-Q ให้เลือก แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 10 – 16 ชั่วโมง +
หน้าจอเป็นพาเนล IPS เกรดสูง ได้ค่า sRGB ใกล้เคียง 100% ส่วนการเชื่อมต่อก็รองรับมาตรฐานดีที่สุดเป็น Thunderbolt 4 และไร้สายจะเป็น Wi-Fi 6 AX การออกแบบให้ความรู้สึกที่ดุดันพรีเมียมด้วยวัสดุอลูมิเนียม ตลอดทั้งตัวเครื่อง พร้อมตัดขอบเพชรเพิ่มความหรูหรา พร้อมความทนทานระดับ Military Standard ด้วยการผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด
Summit B14 / B15
MSI Summit B14 / B15 เป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานเน้นความบางเบา พร้อมประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม ดีไซน์การออกแบบโดยรวมจัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอขนาด 14″ / 15.6″ ที่มีความเล็กกระชับมากๆ ขอบจอบางเฉียบ วัสดุเป็นอลูมิเนียมสีดำตลอดทั้งตัวเครื่องพร้อมไฮไลน์ด้วยสีทองเหมือนกับ Summit E14 / E15 ซึ่งให้ทั้งความหรูหราและแข็งแรงทนทาน นับว่าทาง MSI ทำได้ดีเยี่ยม โดยยังรักษาความเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานมืออาชีพได้อย่างสมบูรณ์แบบ
รวมถึงได้ฟีเจอร์ Ergonomic Lift ช่วยยกตัวเครื่องให้มีองศาที่เหมาะกับการใช้พิมพ์มากขึ้น รวมถึงช่วยในการระบายความร้อนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย ด้านดีไซน์ก็มีความสวยงาม เคลือบพื้นผิวด้วยเทคโนโลยี Sandblasting พ่นเนื้อทรายละเอียด ให้สัมผัสที่เรียบเนียน มีความบางของตัวเครื่องเพียง 16.9 มม. และน้ำหนักที่เบาเพียง 1.3 กิโลกรัมสำหรับ MSI Summit B14 ส่วนMSI Summit B15 จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.6 กิโลกรัมเท่านั้น
รูปแบบโน๊ตบุ๊คเน้นการพกพาเป็นหลัก เรียกได้ว่าถือมือเดียวได้สบายๆ พกพาไปใช้งานนอกบ้านได้อย่างสะดวก แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 10 ชั่วโมง เพิ่มความแรงในการใช้งานให้สูงขึ้นไปอีกขั้น รวมถึงยังได้มาตรฐาน Military Grade มีความทนทานในการใช้งานเป็นพิเศษมากกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วๆไป สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 พร้อมมีรุ่นที่ได้การ์ดจอเป็น NVDIA GeForce
และปิดท้ายด้วยในส่วนของ MSI Summit E13 Flip ที่มาพร้อมกับหน้าจอที่พลิกได้ถึง 360 องศา รวมทุกความยืดหยุ่นของโน๊ตบุ๊คและแท็ปเลตมาไว้ด้วยกัน เพื่อรองรับการใช้งานอันหลากหลายและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน แน่นอนว่าสเปกมาพร้อมชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมต้องรอทาง MSI อัพเดทอีกที
เรียกได้ว่าทิศทางใหม่ของ MSI ปี 2020 นี้ ถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากสำหรับก้าวต่อไปของ MSI ในการสร้างรากฐานของความสำเร็จแห่งใหม่ ที่อยู่ในกลุ่มผู้ใช้งานระดับธุรกิจและองค์กร โดยตอนนี้ คาดการณ์ว่าสินค้าจะมีวางขายในช่วงปลายป 2020 นี้ ผ่านทางร้านตัวแทนจำหน่ายและยังสามารถสั่งซื้อได้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ด้วย ไว้รอติดตามกันอีกทีนะครับ