ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 ทำให้ ASUS ปฏิวัติวงการ Gaming Notebook ในปี 2020 อีกครั้งและอีกครั้ง ซึ่งจัดว่าเป็นรุ่นพี่ใหม่สุดล้ำที่สุดของตระกูล ROG โดดเด่นด้วยสเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 20 Series Super พร้อมจัดเต็มด้วยฟีเจอร์มากมายได้ความล้ำหน้าไม่เหมือนใคร
แต่ที่เป็นจุดเด่นที่สุดก็คือนวัตกรรมหน้าจอที่สอง ROG ScreenPad Plus ที่ถูกยกมาจาก ASUS ZenBook Pro Duo UX581 ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการเล่นเกมและทำงานได้อย่างเต็มรูปแบบ มีความพิเศษที่เมื่อกางหน้าจอหลักขึ้นมา จอที่สองก็ยกตัวให้สูงยิ่งขึ้นทำให้ได้มุมมองใช้งานลงที่สุด
สำหรับบทความนี้เราจะมาทำการีวิว ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 รุ่นขายจริงสเปกรองท็อปชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H การ์ดจอ RTX 2080 Super Max-Q ได้ RAM 16GB พร้อม SSD 1TB / จอ 15.6″ IPS 300Hz ราคาล่าสุด 89,900 บาท ที่ต้องบอกว่ามีความน่าสนใจสุดๆ เพราะเป็น Gaming Notebook ทรงใหม่รุ่นใหม่ที่ไม่เคยมาก่อนใน ASUS
จากการที่ผสานนวัตกรรมจาก ASUS ZenBook Pro Duo UX581 ซึ่งเป็น Notebook สายทำงานระดับมืออาชีพ กับ ASUS ROG Zephyrus Series ที่เป็น Notebook เล่นเกมสายจริงจังตัวจริง ที่ทุกๆ คนยอมรับและรู้จักกันเป็นอย่างดี ที่จะมีรายละเอียดของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 อย่างไรบ้าง ไปชมกันต่อเลย
VDO Review
NBS Verdict
ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 เป็น Gaming Notebook สเปกเทพสุดๆ หน้าจอขนาด 15.6″ ระดับสูง 4K sRGB 100% (หรือ Full HD 300Hz) + หน้าจอที่สอง ROG ScreenPad Plus โดยทำงานร่วมกันอย่างลงตัวสุดๆ นอกจากนี้ยังได้เรื่องของระบบระบายความร้อน AAS Plus amplifies airflow ที่ให้อากาศไหลเวียนได้ดีขึ้นกว่า 30%
อีกทั้งทั้งทำงานร่วมกับซิลิโคนนำความร้อนขั้นเทพอย่าง Liquid Metal จากทาง Thermal Grizzly ที่เป็นส่วนหนึ่งในการจัดการความร้อน ที่ก่อนหน้านี้เคยใช้ใน ASUS ROG Mothership GZ700 ไปแล้ว ในส่วนของไฟ RGB คีย์บอร์ด, ระบบเสียง, และการเชื่อมต่ออื่นๆ ก็จัดเต็มที่สุด สมกับเป็นหนึ่งในที่สุดของ Gaming Notebook ปี 2020 จริงๆ
จุดเด่นของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 ที่เหนือกว่า Gaming Notebook กลุ่มคุ้มค่าก็คือ ได้ความเป็น ROG ที่พรีเมียมที่สุดในตลาด เน้นประสบการณ์เล่นเกมที่สุดยอด พร้อมฟีเจอร์ที่ไม่เหมือนใคร ประสิทธิภาพดีลื่นไหล พอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน อย่างที่หาใน Gaming Notebook ราคาทั่วไปไม่ได้ ตอลโจทย์สำหรับคนเล่นเกมจริงจัง พร้อมการทำงานมืออาชีพในตัว
จุดเด่น
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจตามสไตล์ ROG รุ่นใหม่ปี 2020 พร้อมงานประกอบแน่นวัสดุดี
- ติดตั้งหน้าจอที่สอง ROG ScreenPad Plus เพิ่มประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คเล่นเกมได้เหนือชั้น
- ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H ที่แรงกว่า Core i7-10750H
- การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2070 Super Max-Q ขับเคลื่อนหน้าจอ 300Hz ได้ดีเยี่ยม
- แรมขนาด 16GB DDR4 Bus 3200MHz (8GB x2) เพียงพอต่อการใช้งาน อัพได้สูงสุด 24 GB
- ติดตั้ง SSD M.2 NVMe ความจุ 1TB รองรับการเพิ่มอีก 1 ตัวทันที
- ได้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพสูง รองรับ Refresh Rate ที่ 300Hz
- อุณหภูมิในการใช้งานถือว่าเย็น ไม่ร้อนจนเกินไป
- พอร์ตการเชื่อมต่อครบครันทั้ง Thunderbolt 3 ที่รองรับทั้งต่อจอและชาร์จไฟผ่าน USB-PD
- การเชื่อมต่อไร้สายดีที่สุดด้วย Wi-Fi 6 AX และ Bluetooth 5.1
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 5 ชั่วโมง
- มีซอฟต์แวร์ Armory Crate มาช่วยปรับแต่งการใช้งาน
- มาพร้อม Windows 10 ใช้งานได้ทันที
- ประสบการณ์ใช้งานดีเยี่ยม ประทับใจมาก ทั้งเล่นเกมหรือทำงาน
- ได้อุปกรณ์เสริมทันทีอย่างกล้องเว็บแคม และอแดปเตอร์เสริมที่เป็น USB-C ทันที
- ประกัน 2 ปี ส่งศูนย์ พร้อมฝากส่งเคลม 7-11 และมีประกันอุบติเหตุ 1 ปี
ข้อสังเกต
- ไม่มี SD Card Reader ไว้เชื่อมต่อกับการ์ดกล้องดิจิตอล
Specification
ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 ที่ได้รับมารีวิวนั้นเป็นสเปกขายจริงกับราคาล่าสุดที่ 89,900 บาท โดยใช้ชิประมวลผลรุ่นล่าสุดอย่าง Intel Core i Gen 10H ในรุ่น Core i7-10875H ทำงานที่ความเร็ว 2.30 – 5.10 GHz แบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด ซึ่งให้ความแรงและ Core การทำงานที่มากกว่า i7-10750H
ทำงานร่วมกับการ์ดจอระดับสูงรุ่นใหม่อย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super Max-Q (8GB GDDR6) เป็นตัวแรงเริ่มต้นของ RTX Series สนับสนุนประสิทธิภาพในการทำงานหนักๆ หรือเล่นเกมได้ดีเยีย่มแรมมาตรฐานเป็น DDR4 Bus 3200MHz ขนาด 16GB พร้อม SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB ที่เหลือเฟือกับทุกๆ การใช้งาน
มีหน้าจอขนาด 15.6″ มาตรฐานความละเอียด Full HD พิกเซล พาเนล IPS คุณภาพสูง ค่าขอบเขตสี 100% Adobe RGB โดยมี Refresh Rate ที่ 300Hz พร้อมหน้าจอที่สองขนาดใหญ่โตระดับ 14.1″ แได้ความละเอียดเป็น 3840 x 1100 พิกเซล พาเนล IPS เกรดสูง รองรับการทัชสกรีนทั้งนิ้วและปากกา ส่งผลให้เราได้พบประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม ใครจะเอาไปทำงานหรือเล่นเกมอันนี้ไม่ว่ากัน
ลำโพงของตัวเครื่องใช้เป็นแบบสเตอริโอ โดยมีระบบเสียง Hi-Res ติดตั้งมาพร้อมด้วย ESS Sabre HiFi DAC พร้อมด้วยกล้องเว็บแคมแบบแยกและมีไมค์ดิจิตอลแบบคู่ที่ตัวเครื่อง ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง Thunderbolt 3, USB 3.1 Type-A และ LAN RJ45, Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth V5.1 และ Wi-Fi 6 AX ได้ Windows 10
สำหรับการรับประกันเป็นระยะเวลา 2 ปี สามารถเคลมฝากผ่านร้าน 7-11 ได้ และประกันอุบัติเหตุ 1 ปีแรก เพียงแค่ลงทะเบียนในเว็บไซต์เท่านั้น และมีอีกสเปกที่แรงกว่าคือ Core i9-10980HK / GeForce RTX 2080 Super Max-Q / RAM 32GB / SSD 2TB / หน้าจอ 4K UHD กับราคาล่าสุด 129,900 บาท
- i7-10875H / RTX 2070 Super Max-Q / RAM 16GB / SSD 1TB / จอ FHD 300Hz ราคา 89,900 บาท
- i9-10980HK / RTX 2080 Super Max-Q / RAM 32GB / SSD 2TB / จอ UHD 60Hz ราคา 129,900 บาท
Hardware / Design
ดีไซน์โดยรวมของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 ดูเป็น Gaming Notebook ที่ได้รับ DNA จาก ASUS ROG มาอย่างเต็มเปี่ยม โดยมีน้ำหนักเบาทเพียง 2.4 กิโลกรัม และเนื่องด้วยมีขอบจอที่ค่อนข้างบาง ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพาสะดวกสบายในระดับที่รับได้
แม้จะไม่ได้เบาที่สุดๆ แต่ได้ฟีเจอร์จัดเต็มแบบไร้คู่แข่ง เพราะในตลาดตอนนี้แนวคิดหน้าจอที่สองขนาดใหญ่โตระดับ 14.1″ แบบนี้มีเพียง ASUS เท่านั้น ได้ความละเอียดเป็น 3840 x 1100 พิกเซล พาเนล IPS เกรดสูง รองรับการทัชสกรีนทั้งนิ้วและปากกา แบบนี้มีเพียง ASUS เท่านั้น
ซึ่งการออกแบบของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 มีตวามทันสมัยและเรียบง่ายมากยิ่งขึ้น โดยในส่วนของมุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบมุมเป็นเหลี่ยม มิติโดยรวมเป็นแบบสี่เหลี่ยมตัดขอบสวยงามให้ผิวสัมผัสที่ดีอารมณ์ซีรีส์ StudioBook ลักษณะสีเงินพร้อมสลับด้วยสีดำลงไปที่ไม่เหมือนใคร
ส่วนวัสดุงานประกอบจะเป็นอลูมิเนียมเกรดสูงทั้งหมด สำหรับตำแหน่งของคีย์บอร์ดที่แตกต่างจากโน๊ตบุ๊ครุ่นทั่วไปอย่างชัดเจน จากการที่เลื่อนชุดแป้นคีย์บอร์ดมาไว้ด้านล่างสุด และขยับในส่วนของทัชแพดออกไปด้านข้าง จากการที่ด้านบนเหนือคีย์บอร์ดได้มีการติดตั้ง ROG ScreenPad Plus เอาไว้นั่นเอง
ตัวเครื่องภายนอกทั้งฝาหลังและด้านล่างตัวเครื่องวัสดุจะเป็นอลูมิเนียมทั้งหมด ซึ่งโลหะเกรดนี้มีความแข็งแรงมากกว่าโลหะอัลลอยธรรมดาแสดงถึงความเอาใจใส่ในรายละเอียดของการดีไซน์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นฝาหลัง ตัวเครื่องด้านในและใต้ตัวเครื่อง
ทำให้มีทั้งความแข็งแรในด้านดีไซน์ฝาหลังใช้ลวดลายเป็นแนวทะแยงแบ่งครึ่งพร้อมโลโก้ ASUS ROG ติดตั้งไปทางด้านขวา รวมถึงแกนพับหน้าจอขนาดใหญ่ดูแข็งแรงทนทานสุดๆ เลยทีเดียว พร้อมเว้นช่อง V-Shaped ทำให้ไม่บังช่องระบายความร้อนด้านหลัง
เมื่อมีจอที่สองเกินขึ้น สำหรับ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 ก็ได้มีการวางตำแหน่งของคีย์บอร์ดที่แตกต่างจากโน๊ตบุ๊ครุ่นทั่วไปอย่างชัดเจน จากการที่เลื่อนชุดแป้นคีย์บอร์ดมาไว้ด้านล่างสุด และขยับในส่วนของทัชแพดออกไปด้านข้าง
ทำให้บริเวณด้านบนเหนือคีย์บอร์ดมีพื้นที่ไว้ติดตั้ง ROG ScreeenPad Plus ซึ่งจริงๆ นั้นทาง ASUS ได้ติดตั้งระบบระบายความร้อนแบบจัดเต็มเอาไว้ด้วยด้านล่าง โดยมีช่องขนาดใหญ่ทำหน้าที่ดูดลมเย็นลงไปให้ผ่านทางฮีต์ไปป์ เรียกได้ว่างานประณีตละเอียดดีจริงๆ
Keyboard / Touchpad
โดยแป้นพิมพ์ของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด ได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีการออกแบบมาให้ปุ่มมีขนาดใหญ่พอดีกับนิ้วมือ เป็นแบบ Chiclet มีระยะยุบ 1.4 มิลลิเมตร พร้อมความโค้งของปุ่มรับเข้ากับนิ้ว ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น สัมผัสนุ่ม มีระยะห่างของปุ่มกำลังพอดี แน่นอนว่ามี พร้อมไฟ Per-key RGB จัดเต็ม
โดยพัฒนาและออกแบบมาให้ ASUS ROG โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน พร้อมเทคโนโลยี OverStroke เพื่อการกดรัวที่ดียิ่งขึ้นด้วยปุ่ม N-key rollover & anti-ghosting และอายุคีย์บอร์ดที่สามารถกดได้ 20 ล้านครั้ง
ดีไซน์ทัชแพดแบบ NumberPad นั้นก็ใช้เป็นแบบซ่อนปุ่มคลิก โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก นอกเหนือจากนั้นทัชแพดยังสามารถเปลี่ยนไปใช้งานในรูปแบบของปุ่ม NumPad ได้ ซึ่งตรงจุดนี้นั้นถือว่า ASUS สามารถที่จะใช้พื้นที่ได้อย่างมีประโยชน์ที่สุด
Screen / Speaker
หน้าจอแสดงผลของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 มีขนาด 15.6″ แบบขอบจอบางพิเศษที่ความละเอียด Full HD พาเนล IPS คุณภาพสูงแบบด้าน Anti-glare สำหรับการเล่นเกมที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ด้วย Refresh Rate สูงสุด 300Hz/3ms รองรับการแสดงค่าสีตามมาตรฐาน sRGB ใกล้เคียง 100% ให้ทุกการเล่นเกมคมชัด สมจริง ไร้อาการภาพเบลอและฉีกขาด และยังแสดงสีได้อย่างแม่นยำสำหรับการทำงานเฉพาะทางอีกด้วย
แน่นอนว่ามีดีไซน์หน้าจอขอบจอบางเฉียบทั้งขอบด้านข้างและด้านบน พร้อมเลือกตัดกล้องเว็บแคมออกไปเลย แต่ในส่วนของบันเดิลอุปกรณ์ก็ให้ในส่วนของกล้องเว็บแคม ROG แบบแยกมาด้วย ซึ่งเราสามารถเลือกที่จะติดตั้งขอบหน้าจอด้านบนของตัวเครื่องทันที หรือจะวางแยกผ่านทางแท่นวางก็สามารถทำได้เหมือนกัน รวมไปถึงจะใส่ขาตั้งกล้องแยกไปเลยก็ทำได้ด้วย
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS ROG Strix Scar 17 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพสูง จึงได้ทำการทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 92% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีมากๆ ใกล้เคียง 100% sRGB ส่วนอีกมาตรฐานคือ 71% AdobeRGB ที่เคลมเอาไว้จริงๆ ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องมุมขวาล่างเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ 300 cd/m2 แต่สำหรับช่อมุมขวาบนจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 12% เท่านั้น ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ตัวลำโพง ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 เป็นแบบสเตอริโอเลือกใช้ลำโพง 2 ตัว x 4W ระบบเสียง ESS + Hi-Res Audio พร้อมด้วย Smart AMP ให้ที่เสียงที่ดีมากทั้งความดังและคุณภาพ ผ่านตัวซอฟต์แวร์ Nahimic Sonic Studio ทั้งในเรื่องของเสียงเบสที่มีน้ำหนัก เสียงกลางที่สมดุล และเสียงแหลมที่ออกมาใสๆ พร้อมทั้งความดังและกังวาลที่มากกว่า พูดเลยว่ามีโน๊ตบุ๊คเพียงไม่กี่รุ่นที่ทำเสียงออกมาดีได้ขนาดนี้ ซึ่งตัวลำโพงจะอยู่บริเวณใต้ตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น 2 ตัว ทำให้เสียงที่ออกมามีเสียงดังฟังชัด
ROG ScreenPad Plus
หน้าจอ ROG ScreenPad Plus ของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 เป็นพาเนล IPS แบบด้าน รองรับการทัชสกรีน บนความคมชัดระดับ 4K ที่ 3840 x 1100 พิกเซล อันเป็นเอกลักษณ์ของ ASUS ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินและใช้งานจอภาพทั้งสองบนโน๊ตบุ๊คหนึ่งเครื่องได้อย่างเต็มความสามารถ
หน้าจอสัมผัสขนาดอัตราส่วน 32:9 เหนือคีย์บอร์ดเพิ่มเนื้อที่การทำงานของจอภาพ ในขณะที่ยังคงรูปแบบโน๊ตบุ๊ค โดยหน้าจอ ROG ScreenPad Plus จะเอียงขึ้นมา 13 องศาเอง เมื่อเราเปิดฝาหน้าจอหลักขึ้นมา เรียกได้ว่าทำได้แบบแข็งแรงทนทานด้วย
โดยสามารถใช้งานจอ ScreenPad Plus ได้เสมือนเป็นจอแสดงผลที่สองของ Windows 10 ใช้แสดงภาพ หรือใช้ฟังก์ชั่นต่างๆที่ออกแบบมาเพื่อช่วยประหยัดเวลาผู้ใช้ด้วยซอฟท์แวร์ ScreenXpert ซึ่งช่วยให้การใช้งานหลายๆหน้าต่างและแอพลิเคชั่นเป็นเรื่องง่าย
รวมถึงปุ่มลัดคอนโทรลอย่าง App Switcher, ViewMax และ App Navigator ที่สามารถใช้งานโต้ตอบข้ามหน้าจอระหว่างหน้าจอหลัก และ ScreenPad Plus ผู้ใช้สามารถเริ่มโหมดการทำงานเปิดโปรแกรมหลายโปรแกรมได้ด้วยการกดเพียงครั้งเดียว
นอกจากนี้ยังสามารถลากแอพพลิเคชั่น, แถบเครื่องมือ หรือเมนูไปยังจอ ScreenPad Plus เพื่อลดความยุ่งเหยิงของหน้าจอหลัก และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น กลุ่มครีเอเตอร์สามารถเชื่อมต่อเครื่องมือในการทำงาน เช่น ตัวอย่างวีดีโอ. การควบคุมไทม์ไลน์, รหัสวินโดวส์
หรือพาแนลเสียงเข้ากับ ROG ScreenPad Plus เพื่อให้การทำงานเป็นไปได้อย่างลื่นไหลมากที่สุด และเมื่อใช้งานแอพลิเคชั่นทางด้านโซเชียลบน ROG ScreenPad Plus ก็ยังช่วยให้สามารถติดตามข่าวสารและตอบข้อความได้ทันทีในขณะทำงานโดยไม่จำเป็นต้องสลับหน้าต่างไปมา
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีพอร์ตมาให้ครบครับใช้ได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 3 พอร์ต, และพอร์ต Thunderbolt 3 อีก 1 พอร์ต รองรับการ DisplayPort 1.4 และ USB PD ในตัว
พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ แยกออกจากกันขนาด 3.5 มิลลิเมตร อย่างละช่อง, HDMI และช่องเสียบอแดปเตอร์ ปิดท้ายด้วย LAN RJ45 ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX (2×2) พร้อมอัตราการรับ-ส่งข้อมูลที่เร็วและเสถียรยิ่งขึ้น
ส่วนการพกพาเองก็ถือว่า ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 มีน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.4 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วตัวอื่นๆ ที่เน้นประสิทธิภาพการทำงานที่สูงเหมือนกันถือว่าหนักและหนากว่าเล็กน้อย ที่รับได้อยู่จากฟีเจอร์ล้ำๆ มากมาย แต่ก็โดดเด่นกว่าก็คือมิติตัวเครื่องเล็กลงมาก
อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยมในเรื่องการพกพาไปไหนมาไหน ก็พอที่จะใส่กระเป๋าและเอาไปใช้งานนอกสถานที่ได้ไม่ยากเย็นอะไร อีกทั้งได้อแดปเตอร์ทั้งในส่วนของใช้งานหลักจ่ายไฟที่ 240W ไว้สำหรับเล่นเกมหรือทำงานหนักๆ และได้แบบ USB-C ขนาด 65W มาให้ด้วยอันนี้ก็ไว้ใช้งานกรณีที่เน้นการพกพาเป็นหลัก
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 เพื่อทำการอัพเกรดนั้นทำง่ายมากเพียงแกะน็อตออกทุกตัว โดยจะมีมุมอยู่ 1 ตัวเด้งขึ้นมา ทำให้ช่วยเราแกะง่ายยิ่งขึ้น เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ถูกออกแบบจัดระเบียบได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว โดยภายในตัวเครื่อง ติดตั้งซิลิโคนแบบโลหะเหลวซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดทำให้อุณหภูมิของชิปประมวลผล CPU ลดลง
ขณะเดียวกัน พัดลมคู่ที่มีใบพัด n-Blade มากถึง 83 ใบ เพิ่มอัตราการไหลเวียนของอากาศ พร้อมทั้งยังมีโมดูลระบายอากาศที่ขับฝุ่นออกจากระบบและทำความสะอาดตัวเอง และจุดสังเกตที่เปลี่ยนไปคือตัวเครื่องเลือกใช้ฮีทไปป์ 6 เส้น เรียกได้ว่าเอาอยู่กับสเปกแบบนี้แล้ว
ซึ่งหลังจากที่แกะออกมาแล้วนั้นจะเห็นแผ่นสีดำ สีเทาแปะติดไว้อยู่ในหลายๆ ส่วนเพื่อกันไฟฟ้าสถิต และในส่วนของฮาร์ดแวร์ที่สามารถทำการอัพเกรดคือมีช่องใส่ SSD M.2 NVMe มาให้อีก 1 ช่อง โดยเดิมๆ ให้มาแล้ว 1 สล็อตอยู่แล้ว ที่ความจุ 1TB ซึ่งก็ว่างอยู่อยู่ 1 สล็อตนั่นเอง
ส่วนแรมจากสเปกคือขนาด 16GB โดยมีเพียงสล็อตเดียว ซึ่งใส่มาแล้ว 8GB เพราะแรม 8GB ติดเครื่องมาเป็นแบบฝั่งบอร์ดจากที่เป็น Gaming Notebook บางเบานั่นเอง อีกทั้งไม่รองรับการใส่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ เหมือนกับตัวทั่วไป ซึ่งก็เป็นปกติและเป็นอะไรที่รับได้
Performance / Software
ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 มาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 10H อย่าง Core i7-10875H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่ารุ่นยอดนิยมอย่าง Core i7-10750H ที่ใช้กันในหลายแบรนด์ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง
โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.30 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 5.10 GHz เป็นซีพียูแบบ 8 Core 16 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Bus 3200 MHz แบบ 8GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้ใช้งานลื่นไหลทันทีแบบสบายๆ
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น โดยมีการ์ดจอแยกตัวแรงระดับบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super Max-Q
ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า RTX 2070 รุ่นก่อนแบบรู้สึกได้จากการที่สามารถขับเฟรมเรทได้ลื่นไหล โดยเป็นรอง RTX 2070 Super ตัวปกติเพียงเล็กน้อย พร้อมมีฟีเจอร์อย่างที่ใน RTX Series มี ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
พร้อมกันนั้นยังมาเทคโนโลยี“ Ray Tracing” ที่สามารถแสดงผลการติดตามแสงของวัตถุ และสภาพแวดล้อมในแบบเรียลไทม์ ระหว่างกระบวนการเรนเดอร์กราฟิกสามารถคำนวณการสะท้อน และหักเหแสงได้อย่างถูกต้อง ครอบคลุมทั้งแสง และเงาทางกายภาพ
ทำให้เกมนั้นสมจริงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เหนือชั้นกว่าการ์ดจอ RTX 20 Series ก่อนหน้านี้ทีเดียว ที่ไม่ใช่แค่ลื่นไหลแต่สวยสมจริงยิ่งกว่าด้วย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เป็นที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าพอตัว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยกเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น (แต่ออนชิปคือตัวเดิมนะ)
เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก สมกับเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H จริงๆ
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจมากๆ บนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3416 MB/s และเขียนที่ 2845 MB/s ซึ่งถ้าใครอยากเพิ่มความจุของที่เก็บข้อมูลก็สามารถอัพเกรดใส่ SSD M.2 ได้อีกตัวด้วย
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,092 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ
และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยกอย่าง RTX 2070 Super Max-Q ร่วมกับชิปประมวลผลตัวแรงจัดกับ Core i7-10875H ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่า Desktop ไปแล้ว ฉะนั้นการใช้งานพื้นฐานหรือทำงานหนักๆ สอบผ่านได้สบายๆ
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ สำหรับ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) บทความละเอียด Full HD จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 80 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย
จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-10875H ที่สามารถรีดพลัง RTX 2070 Super Max-Q ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 Bus 3200MHz รวมไปถึง SSD NVMe PCIe ความจุ 1TB ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Resident Evil 3 Remake / GTA V / Battlefield V/ FarCry 5 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ
เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว แม้การทดสอบจะไม่ได้เปิด DLSS / Ray Tracing ที่ RTX Series รองรับ ก็ให้ภาพสวยงามไม่แพ้กัน แถมไม่กินทรัพยากรเครื่องเพิ่มเติมด้วย ส่งผลให้ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 80 – 90 ขึ้นไป
เกมออนไลน์กินสเปกน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซลเช่นกัน ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน
ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 100 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แบบไร้กังวล
นอกเหนือจากนี้ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 ยังมี Armory Crate ซอฟต์แวร์ Utility ที่ยกมาจาก ROG รุ่นอื่นๆ ซึ่งรวบรวมเอาฮาร์ดแวร์ต่างๆของ ROG มาไว้บนยูทิลิตี้เดียว ทำให้สามารถเข้าถึงฟังค์ชั่นต่างๆได้อย่างง่ายดาย การตั้งค่าต่างๆ ของระบบร อาทิ
ผู้ใช้สามารถบันทึกการตั้งค่าต่างๆตามความชอบเป็นรูปแบบได้หลายโปรไฟล์ ซึ่งการตั้งค่าต่างๆ จะถูกเรียกใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อมีการเปิดเกมที่ได้เลือกไว้ Armoury Crate ยังมาพร้อมกับโปรแกรมเสริม Mobile Dashboard สำหรับ Android และ iOS รวมไปถึงความสามารถอื่นๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้นจากการอัพเดทในอนาคต
นอกจากนี้ทาง ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 เองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง MyASUS (เปิดเครื่องมาเจอเลย) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง
รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญยังเลือกเชื่อมต่อกับมือถือสมาร์ทโฟนผ่านทางซอฟต์แวร์ตัวนี้ก็สามารถทำได้เช่นกัน
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว พร้อมเปิดเครื่องทิ้งไว้ยาวๆ
โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวประมาณ 5 ชั่วโมงกว่าทีเดียว ดังนั้นเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานน้อยกว่านี้ ถือว่าใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกที่ใกล้เคียงกัน
ที่สำคัญยังเป็น Gaming Notebook ที่รองรับ USB Power Delivery (พอร์ตทางขวาของตัวเครื่อง ฟอร์มคือ USB-C) ทำให้ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 สามาถชาร์จไฟจากอุปกรณ์สำรองไฟภายนอกได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องปลั๊กไฟอีกต่อไป รองรับระบบชาร์จเร็วที่สามารถชาร์จไฟกลับให้กับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อื่นได้โดยมีกำลังไฟสูงสุดถึง 3A
และยังสามารถพกพาไปทำงานได้ทุกวันด้วยอแดปเตอร์ 65W ขนาดเล็กซึ่งบันเดิลมาแล้ว ได้ความเบาและสะดวกสบายยิ่งกว่า หรือแม้แต่ใช้ Power Bank ที่รองรับในการใช้ USB Power Delivery ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
สำหรับอุณหภูมิของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 เมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 30 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ซึ่งทั้งหมดนี้ดูผ่านทางซอฟต์แวร์ Core Temp เพื่อดูว่าชิปประมวลผล CPU ว่าจะร้อนที่สุดเย็นที่สุดเท่าไรในการใช้งานจริงๆ
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องสำหรับซีพียู อยู่ที่ไม่เกิน 89 องศาเซลเซียส ที่ต้องบอกว่าค่อนข้างเย็นทีเดียวถ้าเทียบความแรงที่ได้จากรุ่นก่อนๆ ส่วนที่เป็นการ์ดจอจะอยู่ที่ 75 องศาเซลเซียสเท่านั้น โดยดูผ่านทาง Hardware Monitor นับว่ามีความเย็นพอตัว
จากที่เป็นการ์ดจอรุ่นใหม่ ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่เปิดฟีเจอร์ Turbo พร้อมเพิ่มรอบพัดลมเป็น 6,000 รอบต่อวินาที จากการที่มีพัดลม 2 ตัว แต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง
Conclusion / Award
ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 นั้นถือว่าเป็น Gaming Notebook สายนวัตกรรม สำหรับการเล่นเกมเน้นความล้ำหน้าไม่ซ้ำใคร พร้อมรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ด้วยการพกพาที่สะดวกสบาย ต่อยอดมาจากรุ่นปีก่อนๆ ซึ่งยังมีกลิ่นอายที่คล้ายกับ ZenBook Pro Duo 15 แต่ก็ได้มีการปรับรูปลักษณ์ภายนอกในหลายๆ ส่วนให้เหนือชั้นกว่า พร้อมหน้าจอที่สองที่ดีเยี่ยม สามารถใช้งานได้จริง โดยมีน้ำหนักแค่ 2.4 กิโลกรัมเท่านั้น อีกทั้งยังมีความบางตัวเครื่องเพียง 20 มิลลิเมตรเท่านั้น
ที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถที่จะใช้งานได้ในระยะยาวโดยน่าจะรองรับกับเกมใหม่ๆ 2 – 3 ปีนี้ได้อย่างสบาย โดยเรื่องดีไซน์ก็มีข้อสังเกตุเล็กๆ น้อยๆ จากการที่ขอบหน้าจอบางมากๆ ทำให้ทาง ASUS เลือกตัดกล้องเว็บแคมออกไป แต่ก็ได้แก้ไขด้วยการบันเดิลอุปกรณ์กล้องเว็บแคมแบบแยก ที่ตั้ง สาย USB มาให้เลย รวมไปถึงยังมีอแดปเตอร์ USB-PD 65W มาให้ พร้อมใช้งานพกพาด้วยเลย
แน่นอนว่า ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 เป็นการมาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่เป็น Core i Gen 10H บนแรม DDR4 Bus 3200MHz ที่ขนาด 16GB และการ์ดจอตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 Super Max-Q รวมไปถึงมีสเปกที่แรงกว่านี้อย่าง Core i9-10980HK + RTX 2080 Super Max-Q ให้เลือกด้วย สำคัญคือควบคุมความร้อนได้แบบมีเสถียรภาพผ่านชุดระบายความร้อน ROG Intelligent Cooling
ที่ร่วมกับการติดตั้ง Liquid Metal (Thermal Grizzly Conductonaut) ทำให้แม้สเปกจะจัดเต็มเหมือน Gaming Notebook เครื่องหนาๆ หนักๆ ก็สามารถจัดการควบคุมอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี พร้อมใช้งานแบตเตอรี่ได้อย่างน่าประทับใจ ที่ยาวนานกว่า 5 ชั่วโมงในการใช้งานทั่วไป เรียกได้ว่าเล่นเกมก็ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม ส่วนเอาไปใช้งานพกพานอกสถานที่ก็ตอบสนองพอได้อยู่ ตอบโจทย์คนที่ต้องการสุดยอด Gaming Notebook ปี 2020 สาย Gamer / Steamer / Content Creator อย่างแท้จริง
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
ดีไซน์โดยรวมของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 ดูเป็น Gaming Notebook ที่ได้รับ DNA จาก ASUS ROG มาอย่างเต็มเปี่ยม โดยมีน้ำหนักเบาทเพียง 2.4 กิโลกรัม และเนื่องด้วยมีขอบจอที่ค่อนข้างบาง ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพาสะดวกสบาย แม้จะไม่ได้เบาที่สุดๆ แต่ได้ฟีเจอร์จัดเต็มแบบไร้คู่แข่ง เพราะในตลาดตอนนี้แนวคิดหน้าจอที่สองขนาดใหญ่โตระดับ 14.1″ ได้ความละเอียดเป็น 3840 x 1100 พิกเซล พาเนล IPS เกรดสูง รองรับการทัชสกรีนแบบนี้มีเพียง ASUS เท่านั้น
Best Performance
ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 สเปคเป็น Intel Core i7-10875H + NVIDIA GeForce RTX 2070 Super Max-Q + จอ IPS 300Hz ขอบหน้าจอบาง + แรม 16GB + SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB + มี Windows 10 แท้ แถมได้การรับประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปีแรกอีกด้วย ในราคา 89,900 บาท ที่สำคัญได้ความเป็น ROG Zephyrus ที่พรีเมียม บางเบา เรียกได้ว่าคุ้มค่าจนหาตัวจับได้อยากทีเดียว สำหรับ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ แต่รุ่นนี้เน้นการแสดงผลภาพดีมาก ทั้งทำงานหรือเล่นเกมก็สมบูรณ์แบบ
Best Graphic
สุดทางจริงๆ สำหรับหน้าจอแสดงผลของ ASUS ROG Zephyrus Duo 15 GX550 ที่เป็นหน้าจอ IPS ขนาด 15.6″ บนความละเอียด Full HD ระดับสูง sRGB 100% 300Hz พร้อมจอที่สอง ROG ScreenPad Plus เป็นพาเนล IPS แบบด้าน ซึ่งใช้งานหน้าจอของเราสมบูรณ์แบบด้วยเพิ่มที่ในการใช้งานที่มากขึ้น เพิ่มสเกลหรือจะปรับให้เป็น Native เพื่อพื้นที่การทำงานก็ทำได้ ที่สำคัญทำให้เราเปลี่ยนประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คแบบเดิมๆ ไปตลอดกาล กับหน้าจอที่สองที่ทำอะไรได้มากกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปหน้าจอเดียวที่เคยมาทั้งหมด